ตอนที่ 20–24 สถานะ
นับตั้งแต่เดินทางไปที่ปราสาททรายดำที่ซึ่งลินลี่ย์เห็นเพชรกระจับแดงปลอมและมงกุฏห้าแฉกปลอม เขามีเป้าหมายเพิ่มขึ้นในใจ ขณะที่ผจญภัยผ่านแดนนรกทุกๆ สองสามปี ลินลี่ย์จะเดินทางไปที่ปราสาทอสูรขณะที่อยู่ในเมืองจะตรวจสอบรายงานข่าวกรองเกี่ยวกับเครื่องรางจอมเทพ
การตรวจสอบแต่ละครั้งเขาต้องจ่ายด้วยมูลค่าสิบล้านศิลาดำ
ราคาขนาดนี้ดูเหมือนจะสูงแต่โดยทั่วไปสุดยอดฝีมือที่แท้จริงจะให้ความสนใจกับรายงานนี้ พอๆกับพ่อค้าที่เป็นเทพชั้นสูงผู้ทรงพลังสองสามคนเช่นกัน ราคาสิบล้านศิลาดำสำหรับยอดฝีมือผู้ทรงพลังขนาดนั้นและพ่อค้าผู้ร่ำรวยขนาดนั้นไม่ถือว่าเป็นราคาที่สูงนัก
ทวีปเจดโฟลทแคว้นโคลด์คาล์ม เมืองกู๊ดโฮป
กลุ่มของลินลี่ย์กำลังเดินอยู่ในถนนเมืองกู๊ดโฮป ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองดูบีบี “บีบี, เมืองกู๊ดโฮปเป็นบ้านเก่าของนีซนะ ซาโลมอนพี่ชายนางก็อยู่ในเมืองกู๊ดโฮปและรับหน้าที่จัดการบริหารทั่วทั้งเมือง เวลานี้นีซพาไอน่าไปเยี่ยมซาโลมอนทำไมเจ้าไม่ไปด้วยเล่า?”
“ฮึ, ซาโลมอน? ข้าไม่สนใจเยี่ยมเขาแน่” บีบีพูดแค่นเสียง
“เจ้ายังคงแค้นเคืองเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นที่แนวภูเขาไฟอีกหรือ?” เดเลียเม้มปากกลั้นหัวเราะ
พฤติกรรมของซาโลมอนตอนนั้นทำให้ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีเลิกคิดว่าเขาเป็นสหาย แต่อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากบีบีกับนีซแต่งงานกัน บีบีต้องเดินทางไปพบซาโลมอนพร้อมกับนีซ
“ครั้งสุดท้ายข้าไปพบซาโลมอนเป็นเพราะข้ากังวลว่านีซจะรู้สึกไม่สบายใจ เว้นแต่เป็นเรื่องจำเป็นข้าจะไม่ไปพบเขาแน่ ข้าดูถูกคนนิสัยอย่างนั้น” บีบีกล่าว
“ซาโลมอนนั้นไม่สมควรคบเป็นสหายจริงๆ” เยลพูดเช่นกัน เยลและเรย์โนลด์รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยเช่นกัน
“ไปกันเถอะ ปราสาทอสูรอยู่ข้างหน้าแล้ว” เรย์โนลด์หัวเราะ
ทุกคนรู้ว่าเมื่อเข้าเมืองลินลี่ย์มักยืนกรานจะไปที่ปราสาทอสูร
ปราสาทอสูรค่อนข้างว่างและแม้แต่ห้องโถงใหญ่ชั้นแรก ก็มีผู้คนไม่กี่คน ลินลี่ย์คุ้นเคยมาก และตรงไปที่ชั้นสาม
“ช่วยข้าตรวจสอบดูข่าวเกี่ยวกับเครื่องรางจอมเทพด้วย” ลินลี่ย์เข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ชั้นสาม จากนั้นยื่นส่งตราอสูร ในปราสาทอสูรไม่ว่าใครต้องการรับภารกิจหรือมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข่าวเขาต้องเป็นอสูรก่อน คนธรรมดาต่อให้ร่ำรวยเพียงใด ก็ยังไม่มีคุณสมบัติ
“ข่าวเกี่ยวกับเรื่องเครื่องรางจอมเทพ?” ผู้อาวุโสร่างผอมผมสั้นสีดำยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เงยหน้าชำเลืองมองลินลี่ย์จากนั้นแค่นเสียง “ลินลี่ย์, อสูรหนึ่งดาวหรือ เจ้าเป็นพ่อค้าหรือไง?”
ชายชราผมสั้นตรวจสอบและทราบว่าลินลี่ย์เป็นอสูรหนึ่งดาวเขาย่อมได้ข้อสรุปเช่นนี้เป็นธรรมดา
“ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“เด็กน้อย, การสร้างเครื่องรางจอมเทพปลอมเพื่อหลอกลวงคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย” ผู้อาวุโสผมสั้นแค่นเสียงจากนั้นดึงม้วนกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง “นี่คือข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับเครื่องรางจอมเทพในทั่วแดนนรกตามลำดับวัน ค่าอ่านครั้งละสิบล้านศิลาดำ”
ลินลี่ย์โยนเงินอะซูไรท์ขนาดกำมือให้ตามปกติ
เงินอะซูไรท์เหล่านี้เท่ากับสิบล้านศิลาดำ
“เมื่ออ่านม้วนบันทึกนี่แล้ว ถ้าเจ้าต้องการผลึกบันทึกเกี่ยวกับข้อมูลในแผ่นนี้ ก็ขอให้บอกข้า” ชายชราผมสั้นค่อนข้างเกียจคร้าน เขาไม่นำผลึกบันทึกออกมาในทันที
ลินลี่ย์ไม่ถือสากลับพลิกดูแผ่นข้อมูล
ม้วนแผ่นข้อมูลแบ่งออกเป็นส่วนที่เกี่ยวกับมงกุฎห้าแฉกมุกวิญญาณเก้าลูก เพชรกระจับแดงและโองการจอมเทพ ข้อมูลจัดเรียงไว้ตามลำดับวัน ลินลี่ย์พลิกดูส่วนที่เกี่ยวกับเพชรกระจับแดงและเริ่มอ่านเริ่มตั้งแต่ส่วนหลังๆ เพราะเขาเคยอ่านส่วนหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว
“ขณะที่ถือเพชรกระจับแดง แผลของคนผู้นี้จะได้รับการรักษา?และมีผลึกบันทึกด้วย?”
“เมื่อถือเพชรกระจับแดงคนผู้นี้สามารถรู้สึกได้ถึงวิถีชะตาและสามารถกลายเป็นเทพชั้นสูงทันที? มีผลึกบันทึกข้อพิสูจน์นี้ไหม?”
ลินลี่ย์เมื่อเห็นรายงานเหล่านี้แล้วได้แต่ส่ายหน้าและหัวเราะ
มีแต่เรื่องลวงมากมาย
ตัวอย่างเช่นขณะที่ถือเพชรกระจับแดงปลอมคนผู้นั้นอาจกลืนกินยาที่ปรุงโดยยอดฝีมือสายวิถีชีวิต จากนั้นทำให้คนอื่นโจมตีตัวเอง ขณะเดียวกันก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บ ผลของยาจะถูกกระตุ้นใช้งานและบาดแผลของผู้นั้นจะรักษาได้ตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามจากผลึกบันทึก ปรากฏเหมือนกับว่ากระทำโดยเพชรกระจับแดงปลอม
“นี่ก็น่าสนใจ ขณะที่ถือเพชรกระจับแดง เขามีร่างกายที่ไม่สามารถทำลายได้แต่ไม่มีบันทึกภาพเอาไว้
ลินลี่ย์ชำเลืองดูเรื่องสุดท้าย จากนั้นก็หัวเราะ “รายงานนี้น่าขันจริงๆ ขณะที่ถือเพชรกระจับแดง ไม่เพียงแต่มีร่างกายที่ทำลายไม่ได้เท่านั้น แต่ใครก็ตามที่สัมผัสเขาก็จะตาย?” ขณะที่ลินลี่ย์เห็นมงกุฎแห่งชีวิตควรจะใช้ในการรักษาเยียวยา ที่สำคัญนั่นเป็นรูปแบบพลังงานภายในมงกุฏห้าแฉกเช่นกัน
มุกวิญญาณทั้งเก้าออกแบบมาเพื่อช่วยชีวิตคน ดังนั้นลินลี่ย์จึงได้ข้อสรุปว่าเพชรกระจับแดงแท้ก็คงจะเหมือนกัน
แต่เขาลืมไป...
ยอดฝีมือของวิถีชีวิตสามารถช่วยคนอื่นได้ แต่ก็ยังสามารถทำร้ายคนอื่นได้ เนื่องจากมงกุฎแห่งชีวิตสามารถช่วยชีวิตคนอื่นได้ แน่นอนมันสามารถทำร้ายคนอื่นได้เช่นกัน
“โอวและนี่ไม่มีแม้แต่ผลึกบันทึก นี่มาจากทวีปมูจาใช่ไหม? เทพแท้ผู้ถือเพชรกระจับแดงก็สามารถฆ่ากลุ่มเทพแท้และเทพชั้นสูงได้? ไม่มีผลึกบันทึกเหมือนกัน ใครก็ตามที่สร้างเรื่องนี้ได้ไม่มีทางยืนยันได้แน่นอน ไม่น่าเชื่อถือ” สายตาของลินลี่ย์กวาดมองผ่านไป จากนั้นเขาอ่านรายงานด้านล่าง
เพียงแต่ถ้าลินลี่ย์รู้สึกว่ารายงานน่าเชื่อถือก็คงขอดูผลึกบันทึก
“เฮ้, เจ้าดูเสร็จหรือยัง?” ชายชราผมสั้นพูดอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเจ้าต้องเร่งเราด้วย?” เยลอยู่ไม่ไกลจากลินลี่ย์ เขาอดย้อนกลับขณะที่จ้องมองชายชราผมสั้นไม่ได้
“ข้าแค่ขอให้พวกเจ้าทุกคนรีบเท่านั้น” ชายชราผมสั้นชำเลืองมองเยล “และอีกอย่าง ที่นี่คือปราสาทอสูร อย่ามาก่อกวนที่นี่” ชายชราผมสั้นเป็นเทพชั้นสูงเช่นกัน เนื่องจากว่ามีข้อห้ามต่อสู้ภายในปราสาท โดยทั่วไปชายชราผู้นี้ไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างสุภาพนัก
เนื่องจากลินลี่ย์เป็นแค่อสูรหนึ่งดาว เขาจะดูถูกมาก
“ไม่ต้องเร่ง รอสักเดี๋ยว” ลินลี่ย์ชำเลืองมองชายชราผมสั้นอย่างเยือกเย็น จากนั้นดูรายงานข่าวกรองต่อไป
ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าดังมาจากบันไดทางเดินลงมาข้างล่าง
“โอว,มีคนมากที่มาซื้อรายงานข่าวกรองวันนี้สินะ” เสียงสุภาพดังขึ้นแต่ไกล ลินลี่ย์หันหน้าไปมองคนพูด มีคนเดินลงมาทั้งหมดสามคน ผู้นำเป็นุรุษวัยกลางคนผมทองตาสีฟ้ามีสตรีชุดเขียวสองคนเดินตามอยู่ข้างหลังเขา
ชายชราผมสั้นที่ด้านหลังเมื่อเห็นคนผู้นี้ตกใจรีบคำนับทันที“ท่านข้าหลวง”
“นั่งลงเถอะ” บุรุษผมทองตาสีฟ้าหัวเราะอย่างเยือกเย็น “จริงสิ ขอรายงานและผลึกบันทึกเกี่ยวกับการท้าทายเจ้าแคว้นในแดนนรกเร็วๆนี้ด้วย” ในแดนนรกสำหรับอสูรเจ็ดดาวท้าสู้กับเจ้าแคว้นเป็นเรื่องธรรมดา
“ขอรับ, ท่านข้าหลวง” ผู้อาวุโสผมสั้นนอบน้อมมาก
บุรุษผมทองตาสีฟ้าเหลือบมองบีบีจากนั้นขมวดคิ้วค่อนข้างสงสัย จากนั้นเขาเดินไปที่เคาน์เตอร์และรับม้วนข้อมูลที่ชายชราผมสั้นยื่นส่งให้เขาพร้อมกับผลึกบันทึกที่เคาน์เตอร์
ขณะนั้นเองลินลี่ย์และข้าหลวงประจำปราสาทอสูรยืนเคียงไหล่อ่านรายงาน
บุรุษผมทองตาสีฟ้าชำเลืองมองลินลี่ย์จากหางตาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาร้องด้วยความประหลาดใจ “ใต้เท้าลินลี่ย์ใช่ไหม?”
“หืม?” ลินลี่ย์หันไปมองเขา “ท่านเป็นใคร?” ลินลี่ย์ไม่รู้จักคนผู้นี้แม้แต่น้อย
“ใต้เท้า....”ชายชราผอมเมื่อเห็นท่านข้าหลวงแสดงออกต่อลินลี่ย์ด้วยความเคารพ อดรีบกล่าวมิได้ “เขาชื่อลินลี่ย์ แต่เป็นอสูรหนึ่งดาว”
“หุบปากเจ้าซะ!” บุรุษผมทองวัยกลางคนชำเลืองมองชายชราผมสั้นอย่างเย็นชา
“อสูรหนึ่งดาว?” แววประหลาดใจปรากฏอยู่บนสีหน้าของบุรุษผมทองจากนั้นเขามองดูตราอสูรในมือชายชราผมสั้น “ซาย่า! รีบเอาตราอสูรไปเปลี่ยนเป็นตราอสูรเจ็ดดาว!”
ชายชราผมสั้นตกใจ
อสูรหนึ่งดาว...กลายเป็นอสูรเจ็ดดาวได้ด้วยเหรอ?
ว่าตามกฎของปราสาทอสูร อสูรจะเลื่อนตำแหน่งผ่านการรับภารกิจแล้วมันจะเปลี่ยนแปลงได้ยังไง?
“ท่านข้าหลวง...” สตรีชุดเขียวด้านหลังซาย่ารู้สึกงุนงงอย่างช่วยไม่ได้ ข้าหลวงของปราสาทอสูรประจำเมืองแข็งแกร่งมากและเป็นระดับอสูรเจ็ดดาวอย่างแท้จริง แต่ว่าไม่ได้หมายความว่ามีคุณสมบัติโดยตรงในการออกตราอสูรเจ็ดดาว
“ไม่ต้องห่วง ถ้าแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพพารากอนอย่างลอร์ดลินลี่ย์ไม่มีคุณสมบัติเป็นอสูรเจ็ดดาว แล้วใครในแดนนรกจะเป็นได้?” บุรุษผมทองหัวเราะ
“โอว, ท่านรู้จักข้าด้วยหรือ?” ลินลี่ย์มองเขาด้วยความประหลาดใจ
บุรุษผมทองยิ้ม “ข้อมูลเกี่ยวกับสุดยอดฝีมือระดับเทพพารากอนอยู่ภายใต้การดูแลของข้าหลวงประจำปราสาทอสูร ข้ายังมีรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสงครามมหาพิภพ และข้ายังมีบันทึกการต่อสู้ที่ท่านเข้าร่วมก่อนที่ท่านจะกลายเป็นเทพพารากอนเสียอีก ที่สำคัญยิ่งกว่าตัวข้าเองก็เข้าร่วมในสงครามมหาพิภพและข้าได้เห็นท่านสู้ด้วยเช่นกันลอร์ดลินลี่ย์”
ลินลี่ย์ตกใจ
“แต่แน่นอนว่า อสูรเจ็ดดาวอย่างข้าไม่มีอะไรมากไปกว่านายกองในกองทัพ ลอร์ดลินลี่ย์เมื่อท่านกับลอร์ดแม็กนัสทำศึกใหญ่ เราเห็นกันหมดทุกคน เป็นธรรมดาที่ข้าย่อมจำท่านได้ แต่ท่านไม่รู้จักข้า ลอร์ดลินลี่ย์” ข้าหลวงปราสาทอสูรหัวเราะ
ในสงครามมหาพิภพ เขาไม่มีอะไรมากไปกว่าทหารธรรมดา
“เมื่อครู่นี้เมื่อข้าเห็นท่านลินลี่ย์ ข้าตกใจและรู้สึกว่าคุ้นหน้า แต่ข้าไม่ทันตั้งตัวข้าไม่กล้าคิดว่าใต้เท้าลินลี่ย์จะมาที่นี่ แต่เมื่อเห็นท่านด้วยตาตัวเอง ลอร์ดลินลี่ย์ ข้าถึงค่อยรู้ตัว” ข้าหลวงหัวเราะขณะพูด
ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน
รายงานข่าวกรองถูกจัดเป็นลำดับ แม้ว่าภารกิจจอมเทพฟังดูเหมือนสำคัญมาก และควรจัดลำดับไว้เป็นรายงานข่าวกรองขั้นสุดยอด แต่ในความเป็นจริง มีหลายรายงานที่เป็นเท็จดังนั้นจึงถูกจัดให้เป็นรายงานข่าวชั้นล่างและถูกจัดการโดยเทพชั้นสูงธรรมดา
อย่างไรก็ตามข้อมูลเกี่ยวกับเทพพารากอนหรือมหาเทพหรือเกี่ยวกับความลับเก่าแก่ แค่ใช้เงินซื้ออย่างเดียวไม่เพียงพอ
“พะ.พะ..พะ..พารากอน?” ชายชราผมสั้นมองดูลินลี่ย์อย่างกระวนกระวาย
อสูรหนึ่งดาว?เป็นบุคคลในตำนาน พารากอนผู้ไร้เทียมทานจริงๆ หรือนี่?
ลินลี่ย์และข้าหลวงสนทนากันชั่วขณะจากนั้นลินลี่ย์รับตราอสูรและจากไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีตราเครื่องหมายอสูรเจ็ดดาวของใหม่
“น่าเสียดาย มีข้อมูลเท็จมากเกินไป มีไม่กี่ข้อมูลฟังดูน่าเชื่อถือ แต่พวกเขากลับไม่มีผลึกบันทึก” ลินลี่ย์ออกมาอย่างผิดหวัง
หลังจากโบรดีได้รับเพชรกระจับแดงเนื่องจากเขาอยู่ในสภาพจนตรอก เขาเก็บแหวนเก็บสมบัติของพวกโจรและประกายเทพของพวกเขาเสร็จแล้วจากไป หลังจากทดสอบนับครั้งไม่ถ้วนโบรดีพบว่าเนื่องจากพลังจิตวิญญาณของเขาทรงพลังมากขึ้นและพลังที่ไม่เหมือนใครมากมายมหาศาลที่เขาสามารถเรียกใช้จากเพชรกระจับแดงเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
ดังนั้นโบรดีตัดสินใจหลอมรวมกับประกายเทพ
เขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สองร่าง เพื่อล้างแค้น เขายินดีให้ร่างแยกนั้นหลอมรวมกับประกายเทพ! ยกระดับจากเทพแท้เป็นเทพชั้นสูง โดยผ่านการหลอมรวมกับประกายเทพ ก็หมายความว่าวิญญาณของเขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เผ่าล็อตเต้เผ่าทั่วไปในทวีปมูจา
“อล็อต, ออกมา!” เสียงตะโกนกึกก้องดังผ่านท้องฟ้ากึกก้องไปทั่วเผ่าล็อตเต้
นักรบของเผ่าล็อตเต้จ้องมองร่างที่เหมือนกับเทพอสูรร้ายน่ากลัวและน่าทึ่งยืนนิ่งอยู่กับที่ในกลางอากาศนั่นโบรดีที่เคยอ่อนแอในครั้งก่อนกลายเป็นผู้ทรงพลังและน่ากลัวมากขณะที่เขากลับมาอีกครั้ง! ตอนนี้ศพที่อยู่บนพื้นเป็นผลมาจากการต่อสู้กับเขาก่อนนั้น! ไม่มีใครสามารถแตะต้องโบรดีและรอดชีวิต!
“โบรดีเจ้ากลายเป็นเทพชั้นสูงได้รวดเร็วได้ยังไง? ข้าคิดว่าเจ้าหลอมรวมกับประกายเทพ เจ้าหนีไปได้ไม่ไกลแต่กล้ากลับมาอีกหรือ? เจ้ากำลังหาที่ตายจริงๆ”
มีร่างหนึ่งลอยขึ้นมาจากเหนือปราสาททันที บุรุษผู้นี้สวมเกราะคลุมไปทั้งตัวรวมทั้งใบหน้า มีเพียงตาสีทองที่มองเห็น นี่คือยอดฝีมือหมายเลขหนึ่งของเผ่าล็อตเตหัวหน้าเผ่าล็อตเต...อล็อต!
“บาริมัน! เราค่อยคุยเรื่องความร่วมมือกันทีหลัง ข้าจะออกไปจัดการกับเจ้าเด็กนี่ก่อน” อล็อตก้มหน้าและยิ้มให้ชายชราผมสีน้ำตาลข้างล่าง
“หัวหน้าอล็อตเชิญจัดการเรื่องของท่านตามสบาย ข้าไม่รีบ” บุรุษชราชื่อบาริมันหัวเราะอย่างใจเย็น
อล็อตมั่นใจมาก เพราะเขาเป็นยอดฝีมือระดับอสูรหกดาว ขณะที่เขาเห็นแม้ว่าโบรดีสามารถฆ่านักรบได้หลายคน แต่เหตุผลหลักเพราะเขาเป็นเทพชั้นสูงและยังคงเป็นเพราะ..ใช้พลังโจมตีที่ไม่ธรรมดา แต่อล็อตไม่สนใจเรื่องนั้น เพราะขณะที่เขามองดู ความแตกต่างในเรื่องพลังระหว่างพวกเขายังห่างชั้นกันมาก โบรดีไม่มีทางใช้ลูกไม้ได้
ในการต่อสู้ นักสู้ต้องอาศัยความสามารถที่แท้จริง ถ้าเขาที่เป็นอสูรหกดาวไม่สามารถฆ่าเทพชั้นสูงที่หลอมรวมกับประกายเทพนั่นคงเป็นเรื่องประหลาดมาก
“ภรรยาข้าเล่า?” โบรดีตวาด
“ภรรยาเจ้า?” อล็อตหัวเราะ “ภรรยาเจ้ายังค่อนข้างดื้อดึง นางยอมตายมากกว่า แต่ข้าไม่เร่ง..ข้าจะค่อยๆ อบรมนาง และตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเสียก่อน” อล็อตโบกมือและเคียวยักษ์โลหิตยาวสองเมตรปรากฏ
อล็อตอสูรหกดาว เทพชั้นสูงที่เกิดจากการหลอมรวมประกายเทพโบรดี พวกเขาจ้องมองกันในกลางอากาศ
“ข้าคงได้เห็นพลังของอล็อตในการต่อสู้ครั้งนี้” ชายชราผมน้ำตาลเป็นลอนมองดูบุรุษทั้งสองที่อยู่เหนือปราสาทยิ้มขณะที่ใช้ผลึกบันทึกทำการบันทึกการต่อสู้ครั้งนี้ไว้
ความจริงไม่ใช่แค่เขา แต่มียอดฝีมือชาวเผ่าที่ฝึกมาทางกฎธาตุน้ำทุกคนทำการบันทึกการต่อสู้นี้ไว้
“จงรู้สึกเป็นเกียรติซะที่ได้ตายด้วยสุดยอดไม้ตายของข้า” อล็อตหัวเราะอย่างใจเย็นและจากนั้นร่างของเขากระพริบวาบพุ่งออกไปพร้อมกับเคียวยักษ์สีแดงพร้อมสับเคียวลง
“ฉัวะ...”
รอยแยกมิติขนาดใหญ่ปรากฏ สำหรับอสูรหกดาวสามารถสร้างรอยฉีกในมิติได้แสดงว่าพลังโจมตีของเขาถือว่าสูงส่งในหมู่อสูรหกดาว
“ฮึ่ม” โบรดีแค่ใช้มีดสั้นดำป้องกันไว้
“แคล้ง!”
มีดนั้นดำแตกทำลายทันที
“อ่อนเหลือเกิน” อล็อตหัวเราะอย่างดูแคลนขณะที่เคียวแดงในมือของเขาสับลงที่กะโหลกของโบรดี
“แครก...”
ขณะที่เคียวแดงสับเข้าไปในกะโหลกของโบรดี ทันใดนั้นอล็อตรู้สึกว่าพลังของเขาไร้พลัง เพราะศีรษะที่ได้รับความเสียหายพลันสมานตัวอย่างรวดเร็วจนเคียวแดงไม่สามารถสับเข้าไปได้อีก
“อะไรกัน, เกิดอะไรขึ้น?” อล็อตตกใจ
“ตาย” โบรดีทิ้งมีดในมือของเขาจากนั้นยื่นมือขวาของเขาคว้าเคียวของอล็อต
ขณะที่มือของพวกเขาสัมผัสกัน...
“เอ๊ะ?” อล็อตรู้สึกว่ามีพลังที่น่าหวาดหวั่นสะพรึงกลัวกำลังกลืนชีวิตของเขาอย่างโหดเหี้ยม พลังกลืนกินนั้นแข็งแกร่งเกินไป
“เป็น..เป็นไปไม่ได้?” อล็อตพลังต่อต้านอย่างตื่นกลัว “ตาย” อล็อตฟันเคียวใส่โบรดีอย่างบ้าบิ่น แต่ว่าในแต่ละการฟันได้แต่เพียงสร้างบาดแผลหนึ่งบนร่างของโบรดีและไม่ได้ฟันลึกลงไปในพริบตาเดียวแม้แต่รอยแผลก็หายไป อาจกล่าวได้ว่าโบรดี...
มีร่างที่ไม่สามารถทำลายได้!
“เป็นไปไม่ได้? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด?” อล็อตไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
“เจ้ายังทนได้จริงๆ” หน้าของโบรดีเปลี่ยนไป “นี่เป็นเพราะวิญญาณข้ายังอ่อนแอเกินไปดังนั้นปริมาณพลังที่ข้าสามารถควบคุมได้จึงต่ำเกินไป..”
“ครืน...” เพชรกระจับแดงเปล่งเสียงสั่นสะเทือนและแสงสีเขียวเยือกเย็นปล่อยพลังเข้าไปในร่างของอล็อต ขณะที่พลังเยือกเย็นร่วมกับพลังก่อนหน้านั้น อล็อตไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป วิญญาณของเขาถูกกลืนหายทันที
นักรบชาวเผ่าหลายคนข้างล่างตะลึงกันหมด
พวกเขาเพียงแต่เห็นแสงสีเขียวและจากนั้นอล็อตก็ตาย!
“นั่น..นั่นมัน?”
หน้าของบาริมันบุรุษชราผมหยิกสีน้ำตาลเปลี่ยนไป เขาเป็นยอดฝีมือเทียบเท่ากับอล็อต และสำนึกเทพของเขาตรวจพบว่า..แสงสีเขียวกำลังเปล่งออกมาจากเพชรกระจับแดง“เพชรกระจับแดง? เป็นไปได้หรือ...?” บาริมันคิดถึงบางเรื่องที่เขาเคยได้ยินมาอดรู้สึกตกใจมิได้
“วืดดดดด” บาริมันไม่อยู่ในเผ่าอีกต่อไป เขาลอบหนีไปทันที
“เวโรนิกา!” โบรดีดีใจรีบบินเข้าไปที่ปราสาทอย่างตื่นเต้น