ตอนที่ 20-19 กระดาษ
ลินลี่ย์เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่จากนั้นเดินผ่านไปตามทางเดินมาถึงลานว่าง
เขาสูดหายใจลึกรู้สึกได้ถึงสายลมแผ่วเบาที่พัดปะทะร่างเขา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา เหมือนกับว่าเขาปลดภาระที่หนักหน่วงได้ “โมลด์ทำร้ายข้าอย่างสาหัสก่อนที่เขาจะตายจริงๆ มันสร้างปัญหาให้ข้าไม่รู้จักหมดสิ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มหาเทพต่างๆได้พูดคุยกันแล้ว เรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว เว้นแต่ว่าเครื่องรางชิ้นที่สามจะปรากฏหรือโองการจอมเทพปรากฏขึ้น!”
“พี่ใหญ่!” บีบีวิ่งเขามาหาทั้งประหลาดใจและดีใจ
“ท่านพ่อ” เทย์เลอร์,ซาชาและคนอื่นเดินเข้ามาสมทบแต่ไกลเช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูครอบครัวและสหาย“ไม่ว่ายังไงเครื่องรางจอมเทพเป็นของที่ดึงดูดความสนใจของมหาเทพ เพราะข่าวที่โมลด์แพร่กระจายไปจะนำความยุ่งยากลำบากมาให้ข้า แต่พวกเขาไม่ควรจะไร้ยางอายจนใช้แรงกดดันต่อครอบครัวข้า”ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีมาก่อน เท่าที่ลินลี่ย์รู้ มหาเทพไม่เคยกดดันสมาชิกครอบครัวของเทพเลย
“พี่ใหญ่, ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” บีบีเดินมาข้างหน้าลินลี่ย์
“บีบี, ดูหน้าน้องสามสิ เจ้าน่าจะรู้จากการมองหน้าเขานะ” เยลหัวเราะ
“ปู่เบรุตข้าอยู่ที่ไหน? เขาอยู่ในห้องโถงใหญ่คนเดียวหรือ?” บีบีพูดด้วยความสงสัย
“เขากำลังปรึกษาลับกับมหาเทพบลัดริจ” ลินลี่ย์บอก
บีบีและเยลตกใจกันหมด บีบีกล่าว “มหาเทพบลัดริจมาด้วยหรือ?” ไม่มีคนอื่นเห็นมหาเทพบลัดริจมาถึง เพราะมหาเทพบลัดริจสร้างร่างพลังงานโดยตรงอยู่ในห้องโถงใหญ่ ดังนั้นคนที่อยู่ข้างนอกจึงไม่รู้
“ปู่เบรุตเจ้ากำลังเดินมา” ลินลี่ย์หัวเราะขณะพูดกับบีบี เบรุตเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ใบหน้าเขามีรอยยิ้ม
หลังจากออกมาเบรุตมองหน้าลินลี่ย์ จากนั้นเดินเข้ามาหา
“ปู่” บีบีเดินมารับหน้าเขา
เบรุตหัวเราะขณะลูบหัวบีบี จากนั้นมองลินลี่ย์ เขาหัวเราะและกล่าว “ทุกอย่างได้รับการคลี่คลายแล้ว ลินลี่ย์! ข้ามีธุระต้องไปจัดการ และจะไปเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากพูดเสร็จเบรุตพูดกับลินลี่ย์ผ่านสำนึกเทพ “ลินลี่ย์! จำไว้ให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะได้รับมุกวิญญาณหรือไม่ก็ตาม ถ้าเจ้าได้รับไว้ เจ้าต้องมั่นใจว่าเจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ปลอดภัย”
การส่งสำนึกเทพของเบรุตทำให้ลินลี่ย์ตกใจหนัก
“ลอร์ดเบรุต?” ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพกลับด้วยความประหลาดใจ ลินลี่ย์รู้สึกขอบคุณต่อเบรุต และยังมองเบรุตเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของครอบครัวเขา
เบรุตยิ้มเต็มใบหน้า แต่เขาส่งสำนึกเทพบอกอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ถ้าเจ้าไม่ได้รับไว้ นั่นก็ดีไป แต่ถ้าเจ้าได้มา เจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ดีอย่ายอมรับ ต่อให้ใครขู่เข็ญว่าจะฆ่าเจ้าก็ตาม! ตราบเท่าที่เจ้าทำได้เช่นนี้เจ้าจะปลอดภัย” หลังจากส่งสำนึกเทพบอกแล้ว เบรุตหัวเราะขณะที่เขาพูดกับทุกคนอีกไม่กี่คำ จากนั้นก็จากไป
ลินลี่ย์มองดูเบรุตจากไปความสงสัยในใจเขามีมากขึ้น
“ลอร์ดเบรุตตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงพูดคำเหล่านี้? เขาไม่ควรจะรู้ว่าข้ามีเครื่องรางจอมเทพ แต่คำพูดของเขา...” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
เวลาผ่านไป
ในพริบตาผ่านไปอีกร้อยปี
ในช่วงที่ผ่านมาร้อยปี ลินลี่ย์ใช้ร่างแยกธาตุน้ำเพื่อพักผ่อนสมาคมกับครอบครัวขณะที่อีกสามร่างแยกรวมทั้งร่างหลักของเขามุ่งทุ่มเทให้กับฝึกฝนอย่างระมัดระวัง เขาเริ่มฝึกเคล็ดลึกลับที่หกในธาตุไฟแต่น่าเสียดาย เคล็ดลึกลับที่หกนี้คือเคล็ดพลัง ‘ระเบิด’ ที่ลึกลับที่สุด ทรงพลังที่สุด ความเร็วในการฝึกฝนของลินลี่ย์จึงช้ามาก
เคล็ดต่างๆของพลังระเบิด.. เหมือนกับแรงระเบิดของภูเขาไฟ ต้องมีการรวบรวมพลังไว้เป็นปริมาณมากจากนั้นปลดปล่อยออกไปอย่างฉับพลัน พลังของมันมหาศาลยิ่งนัก
ตัวอย่างเช่น บลูไฟร์สามารถเคลื่อนไหวราวกับว่าเขาเทเลพอร์ทและพลังโจมตีวิญญาณและพลังโจมตีวัตถุของเขาต้องบอกว่าสุดยอด นี่ต้องทำด้วยเคล็ดระเบิดแน่ แม้ว่าเคล็ดลึกลับทั้งหลายจะอธิบายได้ง่าย แต่เมื่อลงลึกในเนื้อหาและพยายามจะทำความเชี่ยวชาญให้ได้เคล็ดเหล่านั้นกลับทำความเข้าใจได้ยากเหลือเชื่อ
การฝึกฝนกฎธาตุไฟของเขาช้าลง
แต่เส้นทางการหลอมรวมกฎธาตุทั้งสี่ยังช้าลงด้วย เคล็ดวังวนอ่อนหยุ่นของธาตุน้ำและชีพจรโลกของกฎธาตุดินหลอมรวมไปแล้ว แต่ความเร็วของลินลี่ย์ช้าลงมากหลังจากนั้น เขาไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าใดๆ ได้
“วิ้วววว”
สายลมพัดหวีดหวิวเกล็ดหิมะคลุมเต็มท้องฟ้า
เทือกเขาสกายไรท์ดูเหมือนคลุมไปด้วยชุดสีเงินปรากฏดูงดงามราวกับภาพฝัน ทหารลาดตระเวณจำนวนหนึ่งที่เดินตรวจตรารอบตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนลดลงมากเช่นกัน นี่เป็นเพราะในตอนนี้พวกเขามีเทพพารากอนคุ้มครองพวกเขาอยู่ ใครจะกล้ามาหาเรื่องพวกเขา? เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องมีทหารจำนวนมากคอยระวังการณ์
เทือกเขาสกายไรท์ ถนนมังกรยังมีทหารยืนรวมตัวกระจายตามจุดต่างสามารถเห็นได้
อสูรโลหะโดยสารรูปค้อนขนาดยักษ์กำลังบินเข้ามาแต่ไกล มันหยุดชะงักอยู่ด้านนอกเขตเทือกเขาสกายไรท์และที่ทำการตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จากนั้นก็หายไปเห็นแต่บุรุษร่างใหญ่ คนผู้นี้สูง 2.5 เมตรสวมกางเกงขายาวสีดำขณะที่ร่างกายท่อนบนไม่ได้สวมอะไรนอกจากเสื้อกั๊กเผยให้เห็นมัดกล้ามแขนของเขา
ผมสีแดงของเขายาวเพียงหนึ่งนิ้วแต่ดูแข็งราวกับลวด
“นั่นใคร?” หนึ่งในทหารของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์บินเข้ามาหา
บุรุษร่างกำยำหัวเราะและกล่าว“ไปแจ้งผู้อาวุโสลินลี่ย์ของพวกเจ้าว่าโมซีสหายเก่ามาเยือน” เสียงนี้นุ่มนวลมากและฟังแล้วรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ ไม่ได้แสดงความโกรธหรือไม่พอใจแม้แต่น้อย
ทหารเหล่านั้นทุกคนมองหน้ากันเอง
สหายเก่าผู้อาวุโสลินลี่ย์? พวกเขาสามารถบอกได้เช่นกันว่าผู้มาใหญ่นี้มีรัศมีที่โดดเด่น
“โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานก่อน” หนึ่งในทหารกล่าว จากนั้นหมุนตัวบินเข้าไปในเทือกเขาสกายไรท์ทันที
“โมซี่คือใคร? เจ้าเคยได้ยินชื่อเขามาก่อนหรือเปล่า?”
“ดูจากลักษณะ เขาน่าจะเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังแข็งแกร่ง สหายของผู้อาวุโสลินลี่ย์...เขาน่าจะเป็นระดับผู้บัญชาการหรืออาจเป็นยอดฝีมือระดับเจ้าแคว้นก็ได้”
ทหารเหล่านั้นลอบคุยกันผ่านสำนึกเทพเกี่ยวกับคนตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนที่มาเยี่ยมเยียนลินลี่ย์เมื่อไม่กี่ปีมานี้และทหารเหล่านี้ก็รู้ดีทุกคน... ไม่มีอาคันตุกะคนไหนที่ทำร้ายพวกเขา ดังนั้นพวกทหารจึงมีมารยาทอันดีต่อคนที่มาเยี่ยมพบลินลี่ย์
ช่วงเวลาต่อมา
“ฮ่าฮ่า โมซี!” เสียงหัวเราะดังขึ้นขณะที่มีสองคนที่บินเข้ามาหาจากที่ไกล
โมซีเพ่งมองจากนั้นหัวเราะเช่นกัน “ลินลี่ย์! ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”
ทั้งสองคนคือลินลี่ย์และทหารลาดตระเวนอีกคน ลินลี่ย์เมื่อรู้ว่าเป็นโมซีมาหาก็รีบมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง เขาหัวเราะพลางกล่าว “ไม่ได้พบกันนานเลยทีเดียวท่านโมซี! เชิญเข้ามาคุยข้างในกันก่อน” โมซีเดินเคียงไหล่ไปพร้อมกับลินลี่ย์ตามถนนมังกรพวกเขาบินเข้าไปในในภูเขาพร้อมกัน
“เราไม่ได้พบกันมาสองพันปีแล้ว แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าที่ตอนนั้นเป็นเพียงเทพแท้จะกลายเป็นเทพพารากอนไปแล้ว เมื่อได้ทราบข่าวนี้ข้าไม่อยากเชื่อจริงๆ” โมซีหัวเราะ “เพียงแต่ได้รับการยืนยันจากมหาเทพของข้าข้าจึงยอมเชื่อ ข้านับถือเจ้าจริงๆ”
โมซีเป็นผู้บัญชาการขุมนรกที่ทรงพลังมากของแดนนรก
ลินลี่ย์เพียงแต่รู้ในเวลาต่อมาจากหนังสือแนะนำของเบรุตว่าโมซีทรงพลังมากขนาดไหน!
โมซีเองฝึกมาทางวิถีทำลายล้างและวิถีมรณะ นอกจากนี้เขายังมีความสำเร็จในระดับน่ากลัวในสองวิถีนี้ ขณะที่วิถีมรณะก็พอกันโมซีเองก็ใกล้จะถึงระดับสุดยอดสมบูรณ์อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะกลายเป็นเทพพารากอน โมซีสามารถครอบงำอสูรเจ็ดดาวได้อย่างง่ายดาย!
จำนวนคนที่สามารถทำได้ขนาดนี้ในแดนนรกแทบจะนับได้ด้วยมือข้างเดียว
ต่อให้ลินลี่ย์กลายเป็นพารากอนในกฎธาตุดินได้ เขาก็คงไม่สำเร็จได้ขนาดนี้แน่ ที่สำคัญแต่ละกฎธาตุจะมีความพิเศษในตัวเอง ยอดฝีมือวิถีมรณะจะมีทักษะในเรื่องวิญญาณ
สำหรับการทำลายล้างเป็นเพราะโมซีเป็นผู้มีสายเลือดไตตันบลัดรูนเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ในวิถีทำลายล้างที่ใกล้ระดับอสูรเทพ และนั่นทำให้โมซีไม่ใช้สุดยอดไม้ตายของเขา
เขาแทบจะถึงจุดสุดยอดในพลังโจมตีวัตถุและพลังโจมตีวิญญาณทั้งสองอย่างสมบูรณ์
อาจกล่าวได้ว่านอกจากพารากอนแล้วโมซีไร้เทียมทาน มิน่าเล่าในอดีตตระกูลไตตันบลัดรูนจึงสามารถปกครองเกาะมิลัวร์ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายและพัฒนาไปเป็นเมืองที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องรบกวน ท่านจะทำอะไรได้? เจ้าแคว้นธรรมดาไม่ใช่คู่มือของโมซี?
“ข้าเพียงแต่บรรลุระดับใหม่ได้โดยอาศัยโชค และข้าแทบจะต้องแลกด้วยชีวิต” ลินลี่ย์พูดและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ข้าก็เหมือนกันฝันว่าจะกลายเป็นเทพพารากอนสักคน แต่ก้าวสุดท้ายนี้.. ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้ ข้าจะทำอะไรได้” โมซีส่ายศีรษะและหัวเราะ
ขณะที่หัวเราะพูดคุยกันทั้งสองคนเข้าไปในที่พำนักของลินลี่ย์ เพราะโมซีไม่คุ้นเคยกับคนอื่นลินลี่ย์จึงแนะนำสมาชิกที่สำคัญในที่พำนักของเขาเท่านั้นจากนั้นพาโมซีไปห้องรับอาคันตุกะ โมซีและลินลี่ย์เริ่มคุยกันเป็นส่วนตัว
โมซีพูดอย่างคล่องแคล่วและขณะที่เขาพูดคุยหัวเราะ เขาแสดงความเห็นต่อลินลี่ย์มากขึ้น
“ลินลี่ย์, หลังจากคุยกับเจ้าตั้งนานข้าเกือบลืมเรื่องที่เป็นเหตุให้ข้ามาที่นี่วันนี้” โมซีพูดพลางยิ้ม
“โอว? เรื่องอะไร?” ลินลี่ย์พูดด้วยความประหลาดใจ
เขาคิดว่าโมซีมาคุยเพื่อระลึกความทรงจำกับเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีเหตุผลพิเศษในการเดินทาง
“ดูนี่สิ” โมซีโบกมือและกระดาษสีดำปรากฏขึ้น “นี่ถูกส่งมาให้ข้าโดยนักรบเทพชั้นสูงคนหนึ่ง เมื่อเห็นข่าวนี้ ข้ามีความรู้สึกแย่ทันที! ข้ารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนพยายามทำร้ายเจ้าซึ่งเป็นเหตุให้ข้าต้องครอบงำเทพชั้นสูงคนนั้น ถึงตอนนั้นข้าจึงได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของโมลด์”
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย “นี่คือกระดาษที่โมลด์ใช้ส่งไปหรือ?” ลินลี่ย์รีบรับมาดู
ลินลี่ย์ต้องการรู้มากว่ากระดาษชิ้นนี้อธิบายอะไรไว้ โมลด์เพียงแต่ส่งบริวารของเขาไปยังหกพื้นที่อื่น ขณะที่ทวีปบลัดริจ..เขาไม่มอบให้เจ้าแคว้นหรือผู้บัญชาการอื่น
“ข้อมูลในกระดาษนี้ตั้งใจจะฆ่าเจ้าอย่างชัดเจน นี่คือเหตุผลที่ข้ารีบมาส่งให้เจ้าทันที” โมซีพูดจริงจัง
ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งที่เทพชั้นสูงนั้นต้องเดินทางจากทวีปบลัดริจไปเกาะมิลัวร์และจากนั้นทำให้โมซีต้องรีบ ทุกคนสามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่เวลาผ่านไปนานมาก
ลินลี่ย์อ่านข้อมูลในกระดาษอย่างระมัดระวัง
“เครื่องรางทั้งสาม..มุกวิญญาณเก้าเม็ด,มงกุฎห้าแฉกและเพชรกระจับแดง เครื่องรางจอมเทพเหล่านี้จะเอามารวมกันเป็น ‘มงกุฎแห่งชีวิต?” ตาของลินลี่ย์เป็นประกาย “เมื่อเครื่องรางทั้งสามนี้รวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็นมงกุฎแห่งชีวิตผู้นั้นจะขอพรจากจอมเทพแห่งชีวิตได้อย่างหนึ่ง”
นั่นเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดในเอกสาร
ขณะเดียวกันยังรวมคำอธิบายของเครื่องรางจอมเทพทั้งสาม
“อย่างนั้นมงกุฎคร่ำคร่าก็เรียกว่ามงกุฎห้าแฉก?เครื่องรางทั้งสาม.. ข้ามีอยู่สองแล้ว...” ลินลี่ย์ดีใจอยู่ในใจ “ตอนนี้,ข้ายังขาดอยู่อย่างเดียวคือเพชรกระจับแดง”
เพชรกระจับแดงก็คือเพชรรูปคล้ายกระจับมีสีแดง
ขณะที่พลังวิเศษที่มันมี กระดาษนี้ไม่ได้พูดถึง
แผ่นกระดาษนี้ยังคงบอกถึงโองการจอมเทพซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องรางทั้งสามนี้ขณะที่มุกวิญญาณทั้งเก้าอยู่ในมือของลินลี่ย์แห่งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นอินดิโก!
“ข้าไม่เคยเห็นโองการจอมเทพเลย” ลินลี่ย์รำพึงกับตัวเอง “แต่บรรดาเครื่องรางทั้งสามข้ามีอยู่สองแล้ว ถ้าข้าได้รับชิ้นที่สาม อย่างนั้นข้าก็สามารถขอพรจอมเทพแห่งชีวิตได้”
“ขอพรจอมเทพแห่งชีวิต?” ลินลี่ย์อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้
ทันใดนั้น..
“ปัง!”
ประกายความคิดอย่างหนึ่งแว่บขึ้นในใจของลินลี่ย์ ตาเขาเป็นประกายทันที
โมซีนั่งอยู่ข้างลินลี่ย์อดหัวเราะเมื่อเห็นอาการตกใจของลินลี่ย์มิได้ “ข้ารู้เกี่ยวกับภารกิจจอมเทพมาบ้างเล็กน้อย ช่วงเวลาหลายปีนับไม่ถ้วนจอมเทพออกภารกิจมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนข้ายังจำได้ว่ามหาเทพที่ทำได้สำเร็จในแต่ละครั้งมหาเทพจะขอเป็นสมบัติจอมเทพซึ่งจอมเทพมักจะยอมตกลงสร้างให้
จอมเทพจะตอบสนองตามคำขอ
“จอมเทพแห่งชีวิตเชี่ยวชาญในวิถีชีวิตซึ่งควบคุมชีวิตและชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนของจักรวาล! มหาเทพไม่สามารถช่วยปู่เดลินได้ แต่เป็นไปได้มากว่าจอมเทพแห่งชีวิตอาจทำได้” ลินลี่ย์จำได้ถึงสิ่งที่พระยายมราชพูดกับเขา
เมื่อวิญญาณผู้ใดแตกสลายไปแล้ว มหาเทพไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
จอมเทพล่ะ?
แม้ว่านางไม่มั่นใจแต่จอมเทพผู้เชี่ยวชาญของวิถีต่างๆ ก็ทรงพลัง บางทีพวกเขาอาจช่วยได้
“ปู่เดลิน...” ฉากภาพนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของลินลี่ย์
วันนั้นชายชราเคราขาวหนวดขาวลอยออกมาจากแหวน...
วันนั้นที่ชายชราเคราขาวคอยแนะนำเขาที่ยังเป็นเด็กน้อยให้เข้าโรงเรียนสิ่วตรงทำให้เด็กน้อยผู้นั้นมีระดับพลังเพิ่มขึ้น...
วันนั้นที่ชายชราเคราขาวยอมสละชีวิตตัวเองใช้คาถาต้องห้าม...
“ปู่เดลิน...” ลินลี่ย์ขึ้นไปถึงจุดสุดยอดของพลังได้ รู้สึกใจสั่นสะท้าน “ตราบใดที่ข้าสามารถหาเครื่องรางทั้งสามได้ข้าจะขอพรจากจอมเทพแห่งชีวิต ตอนนี้ข้ายังขาดอยู่เพียงอย่างเดียว แค่เพียงอย่างเดียว! ปู่เดลิน ข้า..ข้าจะทำให้ท่านมีชีวิตกลับคืนมาให้จงได้”
ใจของลินลี่ย์เร่าร้อน ความหวังของเขากำลังคุโชน!