SN-ตอนที่ 46 วางแผน (2)
ขณะที่ อัลดิช กำลังมองหาแผนการ เขาก็คิดเพลินไปถึงรางวัลชิ้นสุดท้ายที่ได้รับมาจากการทำเควสทดสอบครั้งแรกสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าสถานะที่เขาได้รับมาจากการปรับปรุงเลเวล และ [หนังสืออัพเกรดสกิล]
อันดับแรกเขาได้กระจายค่าสถานะที่เขาได้รับมาจากการอัพเลเวลและกระจายแต้มปรับแต่งที่เขาได้รับจากการสวมอุปกรณ์ครบชุด
=
[โบนัสค่าสถานะอุปกรณ์]
+25 เวทย์มนตร์
+13 พลังชีวิต
+25 ความสอดคล้อง
+5 ความเข้าใจ
=
อัลดิช ลงทุน 2 แต้ม ใน เวทย์มนตร์ และ 3 แต้ม ใน ความสอดคล้อง
[+2 ค่าสถานะเวทย์มนตร์ > +4 ด้วยค่าโบนัสความสัมพันธ์]
[เวทย์มนตร์ : 27/27 > 31/31 (56)]
[มานา : 81/81 > 93/93 (168/168)]
[ค่าความสอดคล้อง +3 > +6 ด้วยค่าโบนัสความสัมพันธ์]
[ความสอดคล้อง : 45 > 51 (76)]
[ค่าความสอดคล้องพื้นฐาน 50 = สกิล ปลุกอันเดด ได้รับการอัปเกรด]
[ทุก 5 แต้มค่าความสอดคล้องได้เพิ่มคุณสมบัติ]
[สกิล : 6/6 > 6/7]
[ยูนิตที่ควบคุม : 16/18 > 16/22]
จากนั้นเขาก็ใช้ [หนังสืออัพเกรดสกิล] ที่ได้รับมาจากการเคลียร์เควสทดสอบในคลังของเขา มันเป็นหนังสือที่ดูธรรมดากว่าหนังสือสกิลที่เขาได้รับมาเป็นอย่างมาก
เขาได้ดูดซับหนังสือในทันที
เขาสามารถใช้ [หนังสืออัพเกรดสกิล] เพื่ออัปเกรดสกิล 3 บทได้ ในกรณีนี้ เขาได้เลือก [กลิ่นอายแห่งความตาย] , [สร้างอันเดด เลเวล1] และ [ดูดซับศพ]
[กลิ่นอายแห่งความตาย] เลเวล 1 > เลเวล 2
[กลิ่นอายแห่งความตาย] ใช้มานาสูงสุด 5% ต่อวินาที ในการเพิ่มพลังชีวิตหรือรักษาอันเดดจำนวนมาก นอกจากนี้ ยูนิตที่ไม่ใช่อันเดดทั้งหมดภายใต้พลังกลิ่นอายแห่งความตายจะถูกทำให้เคลื่อนไหวช้าลง
[สร้างอันเดด] เลเวล 1 > [สร้างอันเดดขนาดใหญ่] เลเวล 1
อัพเกรดเลเวลสูงสุดทั้งหมดของอันเดดที่สร้างจากสกิลสร้างอันเดดเลเวล 1 สูงสุดที่ เลเวล 20
[ดูดซับศพ] > [ดูดซับศพจำนวนมาก]
[ดูดซับศพจำนวนมาก] สามารถดูดซับหลุมฝังศพจำนวนมากได้พร้อมกันภายในรัศมี 20 เมตรจากผู้ร่าย
เมื่อเสร็จแล้ว อัลดิช ก็เริ่มวางแผน โดยอย่างแรก ถ้าเขาต้องโจมตี เร้ด-เซอร์เคิล เขาจำเป็นจะต้องเผื่อการป้องกันทั้งภายในและภายนอก
“[สร้างอันเดด]” อัลดิช ได้พูดพร้อมกับชู [ตะเกียงดวงตาต้องสาป] อันใหม่ของเขาขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็เขย่าตะเกียงเพื่อสร้าง อีวิลอาย เวอร์ชั่น อัพเกรด ที่รู้จักกันในชื่อ ดวงตายมโลก
ทันใดนั้น ดวงตาขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเก็ตบอล 3 กลุ่ม ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าอัลดิช พวกมันดูไม่เหมือนกับ อีวิลอาย ที่สร้างขึ้นจากเนื้อหนังที่ล่องหน เพราะ ดวงตายมโลก ส่วนใหญ่ ไม่มีรูปร่าง นอกจากดวงตาของมันที่คล้ายกับว่าสามารถเลือนหายไปท่ามกลางกลุ่มเมฆได้
เช่นเดียวกับ แกสต์ , ดวงตายมโลก มีการป้องกันแบบพาสซีฟที่ช่วยต้านทานการโจมตีทางกายภาพได้สูง แต่มันอ่อนแอมากเมื่อถูกโจมตีจากพลังธาตุหรือพลังงานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ไม่เหมือนกับ อีวิลอาย ตรงที่ ดวงตายมโลก สามารถเปลี่ยนมวลและขนาดของมันเพื่อลอดผ่านช่องว่างต่าง ๆ ได้ แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่สามารถทะลุผ่านสิ่งกีดขวางหรือกำแพงได้ทั้งหมด
[-10 มานา]
[-10 พลังชีวิต]
[มานา : 168/168 > 158/168]
พลังชีวิต : 99/99 > 89/99]
[ยูนิตที่ควบคุม : 16/22 > 17/22]
“ไปที่ เร้ด-เซอร์เคิล” อัลดิช ได้กล่าวออกมา ทันใดนั้น กลุ่มควัน 3 ลูก ก็ลอยออกไป ซึ่งมันเร็วกว่า อีวิลอาย ถึง 2 เท่า
แม้ว่าความเร็วของมันจะดูไม่รวดเร็วมากนัก แต่ก็ยังดีกว่าการเคลื่อนไหวของ อีวิลอาย อย่างเห็นได้ชัด
จากนั้น อัลดิช ก็นั่งผ่อนคลายและมองดูเหตุการณ์ผ่าน อีวิลอาย เขากัดฟันแน่นและมองไปที่ เซ็ธ โซลาร์ รวมถึงคนอื่น ๆ ที่กำลังยืนอยู่ ณ สถานที่ทิ้งขยะของ โกสต์
หลังจากทีมค้นหาได้ตรวจสอบสถานที่ทิ้งขยะ พวกเขาก็ค้นพบ เข็มและเศษร่างของโกสต์ แน่นอนว่าพวกเขายังค้นพบร่องรอยของพวก สไตร์เกอร์,สัตว์ประหลาด และ วาแลน ที่ อัลดิช ตั้งใจทิ้งเอาไว้
จากนั้นก็มีการพูดคุยกัน แต่ อัลดิช ไม่ได้ยิน เพราะว่า อีวิลอาย ไม่มีหู
ทั้งหมดที่เขาทำได้คือเฝ้าดู เซ็ธ โซลาร์ พูดคุยกับทีมค้นหา ก่อนที่เขาจะชกไปที่ต้นไม้อย่างรุนแรงด้วยความโกรธ
จนในชั่วขณะ อัลดิช สงสัยว่า สิ่งที่ เซ็ธ โซลาร์ กำลังทำ ใช่เป็นความรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียเพื่อนหรือไม่
แน่นอนว่า ทีมค้นหาได้หยิบเศษชิ้นนิ้วที่ขาดของ โกสต์ขึ้นมาด้วยคีม และ ยื่นให้ เซ็ธ โซลาร์ ดู
เซ็ธ โซลาร์ จ้องมองไปที่นิ้วที่ขาดของโกสต์โดยที่ไม่ได้เผยอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า หลังจากที่ เขายืนยันว่าคนที่ตายเป็นเพื่อนของเขา เขาก็ยักไหล่ก่อนที่จะยิงลำแสงสีขาวออกมาจากดวงตาเพื่อทำลายเศษนิ้วของอดีตเพื่อของเขาทันที
จากนั้นเขาก็ยักไหล่อย่างสบายและจากไปโดยปล่อยให้ทีมค้นหาเหล่านี้ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่
ส่วนเขาก็โบกมือพาลูกน้องของเขาขึ้นไปบนรถโฮเวอร์คาร์และเตรียมกลับแบล็ควอเตอร์
ดูเหมือนว่า แผนของ อัลดิช จะได้ผล เขาโน้มน้าวให้ เซ็ธ โซลาร์ และ แบล็ควอเตอร์ เชื่อว่า โกสต์ ได้ตายจากการเสพยาเกินขนาด
หลังจากที่ทีมค้นหา เก็บของและโดรนเข้าไปในรถ อัลดิช ก็ดัดนิ้วของเขาพลางครุ่นคิด
เขากำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องเควสพิธีกรรมนิรันดร์
ในการกลายเป็นลิช อัลดิช จำเป็นจะต้องตัดพันธะของมนุษย์เพื่อรับสัญลักษณ์แห่งพลัง
ดังนั้นเขาจะต้องแก้แค้น เซ็ธ โซลาร์ และ พรรคพวกของเขาให้ได้
และเพื่อให้ได้สัญลักษณ์แห่งพลัง เขาจำเป็นจะต้องเคลียร์ชั้นที่ 15 ของ เนโครโพลิส ซึ่งตอนนี้เขายังคงอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำได้
สิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนจะเป็นสองวัตถุประสงค์ที่เขาต้องดำเนินการ และ อัลดิช จำเป็นจะต้องสะสางมัน
ก่อนอื่น อัลดิช จะต้องหาทางเพิ่มพลังและเคลียร์ชั้นที่ 15 ของเนโครโพลิส เพื่อรับสัญลักษณ์แห่งพลังมาก่อน จากนั้นเขาก็ค่อยคิดหาวิธีฆ่า เซ็ธ โซลาร์ โดยใช้กับดักที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์แห่งความตาย
เขาคิดว่าวิธีนี้พอมีทางเป็นไปได้
แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่ามีวิธีที่จะทำลาย เซ็ธ โซลาร์ และ รับเอาสัญลักษณ์แห่งพลังในเวลาเดียวกัน
“ฟิสก์” อัลดิช ได้พูดขึ้น
“ครับ,หัวหน้า?”
“สามารถเข้าถึงแชทของ เร้ด-เซอร์เคิล ได้หรือไม่?” อัลดิช กล่าวถาม “ถ้าทำได้ ให้ติดต่อพวกเขา ติดต่อผู้จัดการที่ชื่อ ‘แคสเมียร์’ บอกเขาไปมา ‘คุณ บรูซ เวย์น ต้องการติดต่อพวกเขาเกี่ยวกับการลงทุนเครดิตหลายล้าน และ บอกไปว่า คุณ บรูซ เวย์น กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดปาร์ตี้ส่วนตัวที่ดีที่สุดในสัปดาห์นี้”
“แน่นอนว่านี่เป็นปาร์ตี้ส่วนตัว และ ต้องให้แน่ใจว่าข่าวนี้จะไม่แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง”
“เข้าใจแล้ว หัวหน้า” ฟิสก์ กล่าวพูดพร้อมกับหยิบแล็ปท็อปออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็เสียบปลั๊กตัวเองเข้ากับแล็ปท็อปผ่านสายแจ็คที่ติดอยู่บนหมวกเทคโนของเขา
“โอ้ใช่ ตรวจสอบประกาศ AA สำหรับพวก วาแลน ในป่าวาแลนแห่งนี้ด้วย” อัลดิช กล่าว “ฉันต้องการทราบตำแหน่งรังวาแลน ทั้งหมดที่อยู่ในรัศมี 200 ไมล์จากที่นี่ เพราะฉันไม่อยากจะเสียเวลาซ่อนตัวอาบแสงแดดไปอย่างเปล่าประโยชน์ในป่าแห่งนี้”
“ฉันจะล่าพวกวาแลนที่นี่เพื่อเพิ่มตัวแปรที่แข็งแกร่งมากพอภายใต้การควบคุมของฉัน”
“ครับ,หัวหน้า” ฟิสก์ ได้ตอบกลับทันที
“พวกนายที่เหลือ ทำตามที่ตัวเองต้องการเถอะ” อัลดิช ได้กล่าวพูดกับ อันเดด ของเขา “จะฝึกฝน พูดคุย หรือ ล่า ก็เชิญเลย”
ด้วยคำสั่งเหล่านี้ เหล่า อันเดด ของ อัลดิช ทั้งหมด ได้กระจายตัวกันเข้าไปในป่าเพื่อตามล่า แน่นอนว่า หัวหน้าเผ่าโทรลล์และปูโคลนทั้ง 2 ก็ไปด้วย
“ฝึกด้วยกันมั้ย?” ไดนาไมท์เกิร์ลได้กล่าวกับ วาเลร่า “ฉันคิดว่าศิลปะการต่อสู้ประชิดก็ไม่เลว เพราะพลังระเบิดของฉันมันรุนแรงเกินกว่าที่จะใช้พร่ำเพื่อ และ ฉันคิดว่า ทักษะการต่อสู้ของฉันก็เริ่มขึ้นสนิมแล้ว”
“ย่อมได้” วาเลร่า ได้ตอบกลับ “แล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังล่ะกันเมื่อรู้สึกไร้พลังเมื่อยืนต่อหน้าข้า”
“ไว้ค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลังก็ยังไม่สาย” ไดนาไมท์เกิร์ล ตอบกลับขณะที่ทั้งสองได้เดินไปหาสถานที่เพื่อฝึกฝน
ในขณะเดียวกัน แฟลร์กาน ก็วนเวียนอยู่โดยรอบ กีสต์ และ พยายามใช้นิ้วปลาหมึกของเขาเพื่อตรวจสอบ “เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริงๆ”
“เคะ…(นายนี่มันน่าขนลุก)” กีสต์ได้พูด
“เกี่ยวกับการศึกษาเพื่อค้นคว้าความก้าวหน้า ข้าได้ละทิ้งสามัญสำนึกไปหมดแล้ว” แฟลร์กาน ได้กล่าวพูด “มาเถอะ เด็กน้อย มาให้ข้าดูหน่อยว่าจะศึกษาอะไรเพิ่มเติมได้หรือไม่”
“เคะ (ก็ได้)” กีสต์ ได้เดินตาม แฟลร์กาน ไป
ส่วน อัลดิช เขากำลังรอให้ ฟิสก์ ดำเนินการตามแผน และ ในขณะเดียวกัน เขาก็ให้ อดัม และ เอเลเน่ นั่งบนต้นไม้ใกล้ ๆ เขา
“สหาย…” อัลดิช ได้พูดขึ้น “ฉันใกล้ที่จะโค่น พวก เซ็ธ โซลาร์ ได้แล้ว เมื่อมันเกิดขึ้น ฉันจะให้พวกนายทั้งสองได้มีโอกาสฉีกหน้าเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่อย่างน้อยพวกนายทั้งสองก็สมควรได้รับมัน”
อดัม และ เอเลเน่ ได้ส่งเสียงคร่ำครวญเล็กน้อย
“อืม…” อัลดิช พึมพัมออกมาด้วยรอยยิ้ม
เขากำลังสงสัยว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไม่ที่กำลังคุยกับซอมบี้ไร้สติเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้
ก่อนหน้านี้มันอาจจะสำคัญก็จริง
แต่ตอนนี้มันไม่สลักสำคัญอะไรแล้ว
เพราะเขายอมรับตัวเองอย่างที่เป็นอยู่
==
1 ชั่วโมงต่อมา ฟีสก์ ก็ได้เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแล็ปท็อปของเขา
“หัวหน้า ผมส่งข้อความไปที่ เร้ด-เซอร์เคิล แล้ว พนันได้เลยว่าพวกเราจะได้รับคำตอบในไม่ช้านี้ สำหรับ ข้อมูล วาแลน ผมได้ดึงข้อมูลมาจากเว็บไซต์ AA”
ฟิสก์ หันหน้าจอแล็ปท็อป ไปที่ อัลดิช และ ชี้ไปที่แผนที่ขนาดใหญ่บนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
เขาเคาะแผนที่เพื่อขยายก่อนที่จะกล่าวพูดขึ้น “ที่นี่คือที่ที่เราอยู่ และ นี่คือ ตำแหน่งรังวาแลนทั้งหมดในรัศมี 200 ไมล์ ที่คุณต้องการ”
ฟิสก์ ได้ซูมเข้าออกเล็กน้อย และ เผยให้เห็นจุดสีแดง 5 จุดที่ระบุตำแหน่ง รังของวาแลน
รังวาแลน เป็นรังของ วาแลน ที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่ออารยธรรมของมนุษย์ แต่ในความเป็นจริง พวกมันได้รับการตรวจสอบ เนื่องจากพวกมันได้กลายเป็นระบบนิเวศแบบพึ่งพาตัวเองสำหรับพวกวาแลน โดยพวกมันได้อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นโดยไม่รุกล้ำอาณาเขตของมนุษย์
ตราบใดที่รังไม่ได้ถูกโจมตี ตัวแปรภายในก็จะไม่โจมตี
แต่ เมื่อมีการสร้างถนนใกล้เคียงหรือสร้างเมืองใหม่ AA ก็จะส่งฮีโร่ไปกวาดล้างรัง แต่ นอกเหนือจากนี้พวกเขาได้ทิ้งมันให้อยู่ตามลำพัง
นี่เป็นจุดที่สมบูรณ์แบบสำหรับ อัลดิช ในการตามล่าหาเลเวลและอันเดดตัวใหม่ เกี่ยวกับการเฝ้าระวังไม่ว่าจะเป็นภาพการสอดแนมระยะไกลจากกล้องดาวเทียมหรืออะไร เขาสามารถป้องกันได้ด้วยความสามารถของแกสต์
เขาได้มองไปที่จุดสีแดง 5 จุด และ ละความสนใจไป 3 จุด เพราะมันเป็น ที่ต้องข้ามถนนสาธารณะไปและเสี่ยงต่อการถูกค้นพบ
ดังนั้น เขาจึงได้มองไปที่ 2 จุด ที่เป็นรังที่ตั้งอยู่ด้านนอกขอบทางตะวันตกเฉียงใต้ของป่า ที่นี่ ไม่มีการพัฒนาของมนุษย์ เนื่องจากมันถูกทิ้งร้างมานาน อีกทั้งยังมีรอยแยกที่ไม่สามารถใช้สร้างถนนได้
พื้นที่นี้ถูกเรียกว่า พื้นที่แตกสลาย เนื่องจากลักษณะการแตกร้าวของพื้นที่อย่างรุนแรง และ ดูจากพื้นที่เห็นได้ชัดว่ามันเคยเป็นสถานที่ต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่าง ฮีโร่ชั้นนำและวายร้ายที่ทรงพลังที่เรียกว่า เมกาโลดอน มาก่อน ในช่วง ยุคที่วายร้ายเฟื่องฟู
“ฉันรู้แล้วว่าพวกเราควรจะไปที่ไหน” อัลดิช ได้พูดขึ้นขณะที่เขายืนเพื่อเตรียมความพร้อม
“เอ่อ พวกเรา? หมายถึงผมด้วยงั้นเหรอหัวหน้า? เช่นนั้น ผม…ขอปืนหรืออะไรสักอย่างหน่อยจะได้ไหม?” ฟิสก์ ได้พูดขึ้นในเวลานี้