1. พี่ซัน
“โหย...! อย่าทำเหมือนเศร้าได้เปล่าวะ”
“ไอ้ห่า! พูดงี้คือหาว่ากูแอ๊บ!?”
“เปล๊า! กูแค่ไม่คิดว่ามึงจะเศร้าจริง มึงเป็นคนบอกเลิกเขาเองนะเว้ย”
“ไอ้เชี่ยก้อย! คนอย่างมึงไม่เคยรักใครจริง มึงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกนี้”
แหล....!!!
ร่างใหญ่ย้ายก้นตัวเองจากห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้าโรงแรมมาสถานบันเทิงแห่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกัน ซันนั่งซดเหล้าเปล่าๆ แก้วแล้วแก้วเล่าจนทรงตัวบนเก้าอี้ทรงกลมได้อย่างลำบากลำบน คนตัวสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ มือหนาหยาบกร้านพร้อมหน้าแดงก่ำฟุบกับโต๊ะกระจกใส
ตรงข้ามมีเพื่อนสาวที่สนิทกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจนไม่มองว่าก้อยเป็นผู้หญิง
ต่อให้มันแต่งตัวโป๊แค่ไหนหรืออ่อยยังไงซันก็เฉยๆ กับเพื่อนสาวคนนี้
“รัก!? รักแต่เอาไปทั่วอย่างมึงเนี้ยนะ”
“แต่มึงคนหนึ่งแล้วที่กูไม่เอา”
“เชี่ย! กูต้องภูมิใจมั้ย!!” คนตัวเล็กแหวเสียงสูงก่อนจะสาดเครื่องดื่มสีทองลงคออีกครั้งตามเพื่อนรัก
“กูแม่งเหี้ย! กูรักดิวนะเว้ย แต่กูดูแลเขาไม่ได้...” น้ำเมาทำให้คนดื่มสารภาพความในใจออกมาทั้งที่คนคนนั้นไม่มีโอกาสได้รับรู้หรือรับฟังอะไรอีกแล้ว
ซันรู้ดีว่าการเลิกกันครั้งนี้ดิวต้องร้องไห้และไม่เป็นอันทำอะไร แต่เมื่อเธอหายจากอาการบอบช้ำเธอจะได้เจอกับคนใหม่ๆ และเริ่มต้นชีวิตได้อีกครั้ง ดีกว่าต้องมาเจ็บเพราะคนเลวกับเรื่องเดิมๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น
เจ็บแต่จบ...แม้เจ็บ แต่มันก็แค่ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย
“ความรักของมึงมันอาจไม่มากพอให้มึงปรับปรุงตัวเพื่อเขาก็ได้”
“รักก็คือรักเปล่าวะ รักมันต้องมากต้องพอด้วยเหรอ”
“อ้าว! ก็ถ้ามึงรักเขามากพอจริงๆ มึงต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเขาไว้สิ ต่อให้มันไม่ใช่ตัวตนของมึง แต่การมีเขาในชีวิตไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน มันก็ย่อมดีกว่าไม่มีเขาอีกแล้ว”
...
“กูพูดถูกป่ะ!?”
คนเมาฟังและพยายามคิดตาม
เอ๊ะหรือว่า...สามปีระหว่างเขากับแฟนสาวมันอาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้ หรือถ้าใช่...มันอาจจะยังไม่มากพออย่างที่ก้อยพูด
“กูไม่ผิดใช่ป่ะ”
“ผิดสิวะไอ้ควาย! มีแฟนแล้วแต่เอากับใครก็ได้ มึงว่าไม่ผิดหรือไง” ก้อยแว้ดใส่อีกครั้ง
“อย่ามาทำรู้ดี มึงไม่เคยมีแฟนสักคน”
“ก็กูยังไม่ได้คบกับคนที่อยากคบ กูแค่เย็บกับผู้ชายให้หายอยากก็พอป่ะ ไว้ได้กับคนที่กูต้องการก่อน กูจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เสียเขาไป” น้ำเสียงมั่นคงและแววตาจริงจังจ้องหน้าเพื่อนหนุ่มที่หมอบกับโต๊ะอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“แล้วมึงเจอคนคนนั้นยัง”
“กูก็ไม่มั่นใจ”
“ทำยังไงมึงถึงจะมั่นใจ”
“ต้องลองเย็บกันสักที”
“สาระ!”
“กูพูดจริง” ก้อยยังคงจ้องเพื่อนหนุ่มที่นอนหมอบกันโต๊ะตาไม่กะพริบ
หากเขาลืมตาขึ้นมามองเชื่อว่าคงรู้ความในใจผ่านดวงตาคู่สวยคู่นี้
“เมื่อไรจะได้เย็บ”
“ให้มันรู้ตัวก่อนเถอะว่ากูอยากเย็บกันมัน แม่ง! จ้องอย่างกับเป็นปลากัด จ้องจนกูแฉะจิ๋มไปหมดแล้ว”
ห๊าาา...
คนที่นอนอยู่สะดุ้งตัวลุกขึ้น
คนทะลึ่งได้ยินแว่วๆ ว่าจู๋ๆ จิ๋มๆ ก็ตื่นขึ้นโดยไม่ต้องให้ใครเรียก
“เป็นเหี้ยไรบอย”
“ใครแฉะวะ มา! เดี๋ยวกูเย็บให้”
เฮอะ!
หญิงสาวเสตาไปทางอื่นด้วยความละเหี่ยใจ
เพื่อนชายอีกคนที่สนิทด้วยไม่น้อยไปกว่าซันเพิ่งจะสะดุ้งตื่นเมื่อก้อยพูดถึงเรื่องใต้สะดือ
“หน้าหี”
“ถ้ากูเป็นหีป่านนี้กูเย็บบานไปแล้ว”
“น้อยๆ หน่อย คนที่มีกีคือกูนะ”
...
“เดี๋ยว! นี้จ้องเหี้ยอะไรกันวะ” สองหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามก้อยพากันกดสายตาต่ำลงมาที่ต้นขาขาวของเธอ
คืนนี้ก้อยสวมกระโปรงยีนสั้นกุดเวลานั้นก็เลิกเปิดจนเห็นเนินเนื้อโหนกนูนที่ปิดไว้ด้วยแพนตี้สีขาวเรืองแสง เวลาต้องไฟตอนกลางคืนจะได้เด่นสะดุดตา
“ว่าไปพวกกูไม่เคยเห็นของมึงเลยนะ”
“ของกูให้ดูเฉยๆ ไม่ได้วะ ต้องเลีย”
แค่กๆๆ
บอยทำท่าสำลักน้ำลายทันทีที่ก้อยพูดจบ
“กูว่าเลียตอนนี้คงเค็ม”
“ไม่วะ! กูว่าน่าจะขมคอ”
“ไอ้พวกเหี้ย! กูเพื่อนมึงนะ”
ฮาๆๆๆ
การสนทนาเริ่มออกรสอีกครั้งเมื่อก๊วนเพื่อนสนิททั้งสามเริ่มชนแก้วกันอีกหน
บอย...หนุ่มคออ่อนที่มักดื่มได้น้อยที่สุดและหลับกลางโต๊ะทุกครั้งก่อนซันและก้อย
ก้อย...สาวสวยที่แก่กว่าบอยและซัน แต่ด้วยความที่ตัวเล็ก หน้าเด็กแถมยังดัดฟัน ใครๆ ก็ไม่เชื่อว่าเธอขึ้นเลขสามก่อนเพื่อนชาย
ซัน...ตัวพ่อแห่งความมักมากนักฟันดาบที่ฟาดหมดทุกราย หนุ่มพลังทางเพศล้นเหลือและร้ายกาจ แต่วันนี้เขากลับรู้สึกผิดที่ตนไม่สามารถแก้สันดานตัวเองได้สักที
“แล้วเรื่องงานเอาไง”
“กูพอมีทุนอยู่หน่อย กูว่าจะลงทุนเปิดร้านเป็นของตัวเอง”
“ถามจริง” ก้อยตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน เธอยินดีด้วยที่ซันจะได้เริ่มธุรกิจร้านอาหารที่ใฝ่ฝันและตั้งใจมาตั้งนานนม
“มึงอะ! ไม่สนใจร่วมธุริกิจกับกูเหรอ”
“พอเถอะ! กูมีอนาคตที่ดีรออยู่แล้ว” บอยพูดพลางกรอกเหล้าเข้าปากตามเช่นกัน แม้จะคออ่อนดื่มแล้วก็หลับ แต่ถ้ามาเที่ยวผับเขาก็ชอบเหล้ามากกว่าน้ำอัดลม
“แต่ถึงยังไงซะมึงก็เป็นลูกจ้างเขานะ”
“ลูกจ้างในโรงแรมหรูที่ฝรั่งเศส...กูโอเค”
“เอ่อปล่อยมันเถอะ! แต่กูยินดีร่วมทุนนะ ลงเท่าไรว่ามาเลยพร้อมโอน” ก้อยกดเปิดหน้าจอมือถือทันทีและเข้าแอปพลิเคชันธนาคาร
เงินเธอมีมากมายเป็นถุงเป็นถัง ร่วมหุ้นเปิดร้านอาหารกับเพื่อนรักมันจะสักเท่าไรกันเชียว
“สิบล้าน”
“โอเค”
“พร้อมเพย์นะ 0810010....”
“โอเคคือบายเถอะไอ้ควาย กูไม่ควักสิบล้านไปลงทุนกับมึงหรอก ร้านอาหารพ่อมึงสิลงทุนทีเยอะขนาดนั้นเลย”
ฮาๆๆๆ
คนฟังหลุดหัวเราะ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ลงทุนมากมายขนาดนั้นเหรอซันแค่แหย่ก้อยเล่นเท่านั้น
ก้อยเป็นลูกคุณหนูไม่เคยทำงานที่ใช้เงินพ่อแม่ไปวันๆ ต่อให้เอามาร่วมหุ้นลงทุนด้วยกันจริงๆ ก้อยคงช่วยทำอะไรไม่ได้นอกจากควักเงินจ่ายแทนการลงมือลงแรงทำเอง ซึ่งแตกต่างกับบอย
เพื่อนรักคนนี้มีประสบการณ์การเป็นเชฟโรงแรมดังและจบการทำอาหารจากสถาบันที่เดียวกัน คนแบบนี้ต่างหากที่สามารถร่วมงานกันได้จริง
“แล้วมึงจะแต่งตัวสวยควักนมออกมาโชว์ผู้ชายแบบนี้ไปวันๆ รึไง”
“ซันเพื่อนรักพูดจาถูกใจ” ก้อยก้มมองนมไซส์ใหญ่ที่แม่ให้ (เงิน) มาอย่างภาคภูมิใจ ไฟหน้าคู่สวยโดดเด่นไฉไล ผู้ชายผู้หญิงทั้งหลายต่างก็พากันอิจฉากับนมมหึมาขนาด500ซีซีของเธอ
“เดี๋ยวอีก้อย! มันด่ามึงอยู่นะ”
“ด่าเชี่ยอะไร มันชมว่ากูสวย”
“...”
สองหนุ่มมองสาวร่างบางบีบนวดเต้าอิ่มสองข้างไปมาด้วยสายตาเอือมระอา พวกเขาไม่คิดว่าภาพที่เห็นตรงหน้านี้เซ็กซี่แม้จะเริ่มเมาแล้วก็ตามที
อืม....
อ๊า....
อืม....
ก้อยแกล้งนวดนมและครางไปด้วย เมื่อเพื่อนรักทั้งสองยังคงทำเฉยก้อยก็เริ่มครางดังขึ้น
อ๊า...
ซี๊ด.....
เยส....
อ๊าาา....
นางเอกเอวียังอายที่ก้อยครางได้กระเส่าทั้งๆ ที่แค่บีบนวดนมตัวเองเท่านั้น และตอนนี้โต๊ะข้างๆ ก็เริ่มหันมองตามที่มาของเสียง
ซึ่งก็คือ...ก้อย
“เชี่ย! คนมองทั้งร้านแล้วมึง”
อร๊าย...!!
“เบาอีห่า”
อ๊า...ซี๊ดส์
ก้อยยังคงสนุกกับการเป็นที่สนใจในสายตาของผู้คนที่ไม่รู้จักเธอ
นิสัยลูกคุณหนู NOสน No Care ทำอะไรตามใจตัวเอง ขอแค่สนุกเท่านั้นเป็นพอ
“พวกมึง...กูอยากโดนเย็บ”
อร๊าย...
เรือนขาเรียวยาวตวัดไขว่ห้างสลับกันข้างไปมาเค้นคลึงส่วนที่แสนบอบบางจนเผยให้คนตรงข้ามมองเห็นกางเกงในสีขาวสว่างเรืองแสงและพากันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว
ต้องเป็นเพราะเหล้าแน่ๆ ที่ทำให้ก้อยเปลี่ยนไป
และคงเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองเริ่มรู้สึกมีอารมณ์กับเพื่อนสาวคนสนิทตัวเอง