ตอนที่ 726 คลื่นสายรุ้ง
“ทุกคน! รีบเร่งเข้า ในอีกสองชั่วโมง คลื่นสายรุ้งจะมาถึง”
หมิงจูพูดเสียงดัง ขณะนั้นนางไม่อาจทนทำตัวเป็นกุลธิดาชาติตระกูลสูงส่งได้อีกต่อไปนางถลกแขนเสื้อ หลั่งเหงื่อตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า แม้แต่หน้าผากนางก็ยังมีเศษหญ้าติดอยู่
ทุกคนกระตือรือร้นขึ้นและรีบเร่งฝีเท้า ถ้าพวกเขาไม่สามารถหลบในปราสาทหินได้ เมื่อคลื่นสายรุ้งปรากฏ พวกเขาอาจถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ ถังเทียนและกลุ่มของเขาไม่รู้ว่าคลื่นสายรุ้งนั้นคืออะไร แต่เมื่อเห็นอาการร้อนรนของทุกคนแล้ว พวกเขารู้ว่านั่นคือสิ่งที่อันตราย
ปราสาทเขาสะท้อนมีหลายที่ซึ่งพังทลายและแทบจะเป็นสถานที่อันตราย โชคดีที่พวกเขามีอาโมรี่และอีกสองสามคนทำตัวเป็นปั้นจั่นแรงมนุษย์ หินก้อนมหึมาและหินศิลาทั้งหลายเหมือนกับไม่มีอะไรเมื่ออยู่ในมือของพวกเขาและภายใต้การแนะนำของช่างฝีมือของตระกูลเซวีย สถานที่ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว
เหล่าสตรีของตระกูลเซวียมองดูบุรุษผู้แข็งแรงทุกคนนัยน์ตาเป็นประกาย เมื่อหมิงจูสังเกตเห็นหัวใจของนางตื่นเต้น ตระกูลเซวียมีแต่จะตบแต่งบุรุษเข้าตระกูล ไม่ว่านางมองดูยังไงก็ตามนักโทษหน่วยสุญญตาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อเห็นร่างกายกำยำแข็งแรงของพวกเขาทุกคนมีเลือดที่เปล่งปลั่งเหมือนเปลวไฟในแดนบาปที่มืดมิดและเงียบสงบ พวกเขาเป็นกองกำลังที่ไร้ต่อต้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าสตรีจะลอบให้ความสนใจพวกเขา
สมาชิกหน่วยสุญญตามีความกระตือรือร้นสูงกันทุกคนมีระเบียบวินัยเข้มงวด แม้ตอนทำงานใช้แรงงานพวกเขาก็ยังทำงานกันเงียบ ทุกคนทุ่มเททำงาน
หัวใจหมิงจูสั่นสะท้าน นางอดชำเลืองมองถังเทียนที่กำลังทำงานด้วยไม่ได้เช่นกัน ‘เขาสร้างกลุ่มที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างนั้นได้ยังไง’ นางไม่รู้เรื่องทหารมากนัก แต่ในใจนางหน่วยสุญญตาไม่ด้อยไปกว่าหน่วยพลธนูของฉินจื่อเจิน
หมิงจูเต็มไปด้วยความนับถือบุรุษหน้ากากผีเมื่อเห็นเขาทำงานร่วมกับทุกคนโดยไม่ถือตัวว่าเป็นระดับผู้บัญชาการ ในแดนบาปพวกเขาเข้มงวดในเรื่องลำดับมากจากระดับบนถึงระดับล่างไม่สามารถท้าทายกันได้ ไม่มีประมุขที่จะทำงานเคียงข้างกับทุกคนเหมือนกับบุรุษหน้ากากผี ‘มิน่าเล่าบริวารของเขาถึงได้ภักดีต่อเขานัก ทัศนคติของบุรุษหน้ากากผีดีเกินคาด’
นางเก็บความคิดของนางและร่วมงานหนักทำความสะอาด ถ้าไม่ใช่เพราะบุรุษหน้ากากผีและสหายที่เหลือ ด้วยกำลังสตรีของตระกูลเซวียคงไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะฟื้นฟูปราสาทเขาสะท้อน
นี่จะเป็นบ้านของพวกเขาในระยะยาว
หมิงจูลอบถอนหายใจ ตระกูลนางหลบหนีการสู้รบ พวกนางต้องเริ่มจากไม่มีอะไรอีกครั้งและความคิดขุ่นมัวที่ปกคลุมใจนางถูกกวาดหายไป ประกายแห่งความหวังเรืองรอง
ถังเทียนทำงานและศึกษาหินไปด้วย หินเหล่านี้แตกต่างจากหินในเมืองจื่อจวน มีสีแดงโกเมนเป็นมันละเอียดและดูเป็นชั้นเหมือนเมฆ
นายช่างเรียกว่าหินเมฆโกเมน และเป็นวัสดุก่อสร้างชั้นเยี่ยมมีประสิทธิภาพกันคลื่นสายรุ้งได้ดีเมื่อเทียบกับหินไม้เทา แต่ระดับการผลิตเล็กน้อย มีน้อยเกินไปสำหรับการต้องการในเมือง
หินเมฆโกเมนผลิตได้ยากมากเมื่อเทียบกับหินไม้เทาคุณภาพของมันจะแข็งมากกว่า สายใยกฎธรรมชาติไม่สามารถใช้ตัดได้ และต้องการพลังร่างกายล้วนๆส่วนหินไม้เทาจะมีคุณภาพอ่อนกว่ามาก ดังนั้นจึงผลิตได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ หินเมฆโกเมนมีข้อบกพร่องอีกประการหนึ่งคือเมื่อผ่านเวลาไปช่วงระยะหนึ่ง ลายเมฆจะค่อยๆ มัวและเวลานี้จะต้องขัดเกลากันอีกครั้ง จึงจะทำให้ลายเมฆปรากฏ ซึ่งหมายความว่าช่วงเวลานั้นจำเป็นต้องได้กำลังคน
ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีหินเมฆโกเมนเอามาใช้สร้างเมือง แต่สร้างบ้านหรือสิ่งก่อสร้างอื่นก็มีบ้าง
แม้จะเป็นข้อบกพร่องเดียว แต่ก็ยังมีข้อได้เปรียบที่หินไม้เทาไม่มีก็คือมันมีประสิทธิภาพช่วยหันเหคลื่นสายรุ้งโดดเด่นมาก และมากกว่านั้นก็คือมันสามารถปล่อยละอองหมอกเฉพาะที่คล้ายเมฆเรืองแสงเหมือนเลือด กลายเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์
ทุกคนกำลังขัดเงาด้านนอกผนังปราสาทเขาสะท้อนอย่างดีที่สุด
การสึกกร่อนผ่านกาลเวลาค่อยๆ ได้รับการขัดเกลา ลายเมฆงดงามเริ่มปรากฏที่ผิวช้าๆทั้งหมดเริ่มเหมือนสิ่งมีชีวิตมันฉายประกายแสงอบอุ่นและไม่มีอะไรสวยงามไปมากกว่านี้ ยอดเขาทะมึน ดำดูเหมือนจะเป็นประกายสว่างไสว ความอบอุ่นเลือนรางฉายออกมากำจัดความหนาวเย็นของภูเขาทำให้ทุกคนรู้สึกสบายขึ้น
ปราสาทเขาสะท้อน ปราสาทที่สะท้อนความสง่างามของภูเขา
เมื่อเห็นปราสาทหินที่หมองพังทลายกลับมารุ่งเรืองมีชีวิตชีวาและดูสวยงามด้วยมือพวกเขา ทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ตื้นตัน
ขณะนั้นเนี่ยชิวรู้สึกได้ถึงบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้น “มีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา!”
ท้องฟ้าด้านบนมืดครึ้มแสงสายรุ้งแพรวพราวเป็นสายกำลังพุ่งมาทางพวกเขา
“คลื่นสายรุ้ง” ใครบางคนอุทาน
หมิงจูมองดูท้องฟ้าและร้องเรียกทันที “ทุกคน เข้าไปในปราสาทเดี๋ยวนี้!”
คนรับใช้ทุกคนที่กำลังกำจัดวัชพืชและเถาวัลย์ด้านนอกวิ่งเข้ามาข้างในทุกคน ถังเทียนมีความสงสัย แต่ก็ยังตะโกนเรียกเช่นกัน “ทุกคน เข้ามาหลบข้างในก่อน”
ทุกคนวิ่งเข้ามาในปราสาทหินขณะที่ถังเทียนยืนอยู่ที่หน้าต่างด้วยความสงสัยและสังเกตดูคลื่นสายรุ้ง
หมิงจูรู้ว่าถังเทียนเป็นคนนอกจึงอธิบาย “ท้องฟ้าของแดนบาปเป็นพื้นที่ของกฎอวกาศเป็นที่ปั่นป่วนที่สุด ทุกๆ สองสามวันกฎอวกาศที่ยุ่งเหยิงจะปะทะกันเองและสร้างแอ่งวังวนเฉพาะตัว เมื่อมันเพิ่มขยายขนาดขึ้นก็จะเป็นเหมือนหิมะถล่มที่ซึ่งกระแสของกฎธรรมชาติจะรวมกัน จึงเกิดเป็นคลื่นสายรุ้ง คุณชายสามารถมองเห็นได้ว่าคลื่นสายรุ้งสวยงามเพียงไหนนั่นเป็นเพราะสายใยกฎปริมาณมหาศาล”
ก่อนที่เสียงของหมิงจูจะก้องหายไป คลื่นสายรุ้งก็มาถึง
ท้องฟ้าเริ่มปล่อยเสียงวุ่นวายกึกก้องที่เสียดหูเหมือนกับเสียงฟ้าร้องและมีเสียงหึ่งๆตามมาพร้อมกับเสียงแตกดังเยือกเย็นถึงกระดูก
แสงรัศมีแพรวพราวฉายไปทั่วตามแนวเทือกเขา
ทรายและหินปลิวฟุ้งไปทั่วและ กลายเป็นเหมือนวันสิ้นโลก
เมื่อแสงรุ้งกวาดผ่านปราสาทเขาสะท้อนหินเมฆโกเมนเหมือนจะถูกปลุกให้ตื่น หมอกจางๆถูกปล่อยออกมาจากหินและในพริบตาทั่วทั้งปราสาทเขาสะท้อนก็ปกคลุมด้วยหมอกบาง
แสงที่ไม่สามารถทำอะไรกับหมอกได้ยังคงไม่หยุดและยังคงกวาดฉายไปทั่ว
เมื่อแสงกวาดผ่านปราสาทเขาสะท้อน ถังเทียนเทียนรู้สึกเลือดในร่างของเขาปั่นป่วนและสีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนและอันตรายอย่างที่สุดภายในแสงสีรุ้ง
ทันใดนั้นมีเสียงครางดังออกมา ถังเทียนหันไปดู หน้าของเนี่ยชิวซีดขาวว่างเปล่า เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ถังเทียนเข้าใจเหตุผลทันที ประสาทรับรู้ของเนี่ยชิวเฉียบพลันมากดังนั้นอิทธิพลอันเนื่องมาจากความปั่นป่วนและอันตรายจากคลื่นสายรุ้งส่งผลต่อเขามาก
ถังเทียนตะโกน “อดทนไว้, นี่ดีสำหรับเจ้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เนี่ยชิวสะท้าน เขาฝืนตัวเองนั่งขัดสมาธิกับพื้น
หมิงจูมองดูเนี่ยชิวด้วยความประหลาดใจ นางไม่เข้าใจด้วยหินเมฆโกเมนคอยป้องกันไม่ควรมีใครได้รับผลกระทบ นางสังเกตเนี่ยชิวมาก่อนแล้ว ในหน่วยสุญญตา เขาสะดุดตามาก เขาแตกต่างจากสมาชิกทุกคนที่ร่างกายกำยำแข็งแกร่ง เขามีรูปร่างผอมบางยังมิอาจเทียบกับสตรีของตระกูลเซวียด้วยซ้ำ แต่จุดเด่นที่สุดของเขาก็คือดวงตาของเขาที่มองไม่เห็น
ในแดนบาปการอยู่รอดเป็นเรื่องโหดร้ายมากและคนผู้ไม่มีความสามารถมักจะมีอายุสั้น สำหรับบางคนที่ตามองไม่เห็นทั้งสองข้าง เขาจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในแดนบาป
แต่หมิงจูต้องตระหนักด้วยความตกใจว่าเนี่ยชิวมีตำแหน่งสูงในหน่วยสุญญตา แม้แต่บุรุษหน้ากากผีก็ยังแนะนำเขาอย่างให้เกียรติ หมิงจูเข้าใจว่าเนี่ยชิวยังมีความสามารถอย่างอื่น
ถังเทียนไม่ได้ตะโกนอย่างบุ่มบ่ามเนื่องจากเนี่ยชิวเป็นคนตาบอด การรับรู้ของเขาเฉียบคมโดยปกติ และเมื่อเขามีพลังเพิ่มขึ้นแก่กล้าขึ้น แม้แต่ถังเทียนก็ยังด้อยกว่าเขา หลังจากเข้าแดนบาปพลังงานของเนี่ยชิวหายไปทำให้เขาพิการโดยสิ้นเชิง แต่ความรู้สึกรับรู้ของเขาเพิ่มขึ้นในระดับใหม่
และนั่นคือเหตุผลที่แม้ว่าเนี่ยชิวแม้จะถูกปกป้องโดยหินเมฆโกเมน เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงกระแสปั่นป่วนของกฎธรรมชาติและได้รับอิทธิพลจากมัน เนี่ยชิวในตอนนี้ต้องทนทรมาน แต่ขณะเดียวกันการขัดเกลาทางใจของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกมาก
การขัดเกลาทางใจยังยากมากกว่าการฝึกกฎธรรมชาติ
‘บางทีเนี่ยชิวจะพบวิถีของการฝึกฝนก็ได้’
ถังเทียนรั้งสายตากลับ และมองออกไปข้างนอกปราสาท ที่ใดก็ตามที่แสงกวาดผ่านไปสันเขาจะเกิดรอยแตกแยกนับไม่ถ้วน และต้นไม้ที่เจริญเติบโตแต่เดิมจะเหลือแต่ต้นเปล่าใบร่วงลงทั้งหมด แม้แต่เถาองุ่นก็ถูกทำลาย
ถังเทียนขมวดคิ้วทันที “คลื่นสายรุ้งนี้มาบ่อยๆ แต่ทำไมต้นไม้ยังเจริญเติบโตงอกงามได้เรื่อยๆ?”
เขาจำได้ชัดเจนว่าเมื่อพวกเขาเพิ่งมาถึง ยังมีต้นไม้บนสันเขาไม่มาก แต่พวกมันก็เต็มไปด้วยใบไม้
“นายท่านไม่รู้เรื่องนี้แต่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่าที่เจริญเติบโตนี้มีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองครั้งนี้คนที่พูดคือเถี่ยเซีย เขาได้เที่ยวสำรวจแผ่นดินและมีประสบการณ์ในหลายๆ เรื่อง”ยกตัวอย่างต้นผลยุง นายท่านอาจจะเห็นว่าตอนนี้มันตาย แต่ระบบรากของมันมีการพัฒนาได้ดีขยายออกไปในรัศมีกว้าง ตราบใดที่รากของมันไม่ถูกถอน แกนชีวิตของมันจะไม่ถูกทำร้าย และในวันถัดไปพวกมันก็สามารถงอกได้และเพราะเถาลวดเหล็กเหล่านั้น พลังชีวิตของพวกมันก็แข็งแกร่งด้วย ตราบใดที่คลื่นสายรุ้งจบลงพวกมันจะเริ่มงอกอีกครั้ง ต้นไม้ทั้งหมดนี้รู้วิธีใช้คลื่นสายรุ้ง ตัวอย่างเช่นต้นล้มลุก ที่มีชื่อเช่นนั้นก็เป็นเพราะตราบใดที่คลื่นสายรุ้งผ่านมันไปกิ่งของมันจะถูกตัด และกิ่งที่ถูกตัดจะปลิวไปจนกระทั่งร่วงลงพื้น และด้วยเหตุนั้น พวกมันสามารถงอกได้อีก นั่นคือวิธีที่พวกมันแพร่พันธุ์”
ถังเทียนตะลึง และเพียงแต่รู้สึกว่ากว้างโลกใหญ่มาก และมีสิ่งแปลกประหลาดทั้งนั้น
“ทุกสิ่งทุกอย่างข้างนอกอันตรายมาก” เถี่ยเซียมีประสบการณ์มาก “สัตว์ร้ายแต่เดิมทั้งหมดจะรู้วิธีซ่อนตัวจากคลื่นสายรุ้งเพื่อให้รอดอยู่ได้ในแดนบาป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีวิธีเอาตัวรอดของพวกมัน ตอนกลางคืน เราต้องให้คนมายืนยาม เพราะหลังจากคลื่นสายรุ้งผ่านไปแล้วสัตว์ป่าในภูเขาจะเคลื่อนไหวกันอย่างชุลมุน บางตัวก็มองหาต้นไม้ที่แตกหัก บ้างก็ล่าหาอาหาร ตอนนี้เราอยู่ห่างจากเมืองจื่อจวนสัตว์ป่าที่นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยแน่นอน ข้าจะรับเฝ้ายามตอนกลางคืนให้ นายท่านจัดคนสองสามคนให้อยู่กับข้าคนที่สามารถทำตามได้ดี”
เถี่ยเซียขันอาสาก่อน ทัศนคติของเขามีความมั่นใจมาก
ประสิทธิภาพของหน่วยสุญญตาทำให้เขาสั่นสะท้านในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าหน่วยสุญญตาทั้งหมดเป็นอย่างนั้น เถี่ยเซียรู้สึกว่าคงไม่มีใครทำให้พวกเขาเชื่อฟังได้ เขาเข้าใจเหตุผลที่ตระกูลหลูยินยอมแลกเปลี่ยนนักโทษ 200คนกับตระกูลเซวีย มีแนวโน้มว่าพวกเขาคงพบจุดตรงนี้แล้ว
ตอนแรกเขาติดตามบุรุษหน้ากากผีเป็นการตัดสินใจอย่างจนใจ แต่ตอนนี้เถี่ยเซียแอบคิดคาดหวัง
‘เมื่อหน่วยสุญญตาทั้งหมดรวมตัวกันได้ พวกเขาจะสามารถกวาดไปทั่วแดนบาป’
ถังเทียนพาหานปิงหนิงตามเถี่ยเซียไปเฝ้ายามตอนกลางคืน ด้วยประสบการณ์เหลือเฟือของเถี่ยเซียทั้งคุ้นกับนิสัยของสัตว์ป่าในแดนบาปมากมาย พร้อมกับหานปิงหนิงที่ปัจจุบันนี้เป็นยอดฝีมือในกลุ่มสหายของถังเทียน
สำหรับคนอื่น ถังเทียนไม่ตั้งใจจะให้เสียเวลา เขาต้องการให้พวกเขาเข้าใจวิธีต่อสู้ของแดนบาป
ต้องแข่งกับเวลาทุกวินาที