ตอนที่ 725 รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า” เจ้านายที่อยู่ในรถม้าโดยสารหัวเราะอย่างมีความสุข “สาวน้อย! เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?”
“เมื่อสองสามร้อยปีที่แล้ว บิดาข้าเคยทำการค้าขาย ‘ไขมังกร’ เพื่อแลกกับมรกตน้ำแข็งกับท่าน ดังนั้นบิดาของข้าจึงคุ้นเคยกับท่าน แน่นอนว่าเวลานั้นข้าปี่ลู่ยังไม่เกิด แต่บิดาข้ามักจะพูดถึงชื่อท่านเสมอ ราชันย์สัญจร” หญิงงามเจ้าเสน่ห์แสดงความเคารพต่อคนที่อยู่ในรถม้าและขณะเดียวกันนางปรายตางดงามให้เย่ว์หยาง ส่งสัญญาณว่าเขาไม่ควรยืนอยู่เฉยๆ เขาควรทำตัวเหมือนเป็นผู้น้อย
“เจ้าเป็นธิดาของปี่ไห่เจ้าแคว้นมรกตคนก่อนสินะ เกี่ยวกับครอบครัวของเจ้า ข้าได้ยินเรื่องบางอย่างมาบ้าง แต่แคว้นมรกตไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของข้า ทั้งราชาใจสิงห์และข้าก็อยู่ในสังกัดที่ต่างกัน ดังนั้นข้าไม่สะดวกจะยื่นมือยุ่งเกี่ยวกับกิจการครอบครัวของเจ้า ตอนนี้, ข้าดีใจที่เห็นธิดาของสหายเก่ายังรอดชีวิตอยู่ได้ทั้งเติบโตเป็นหญิงงาม” เขา ราชันย์สัญจรอยู่ในรถม้าโดยสารถอนหายใจและมีอาการดีใจทันที “แม้ว่าข้าจะไม่ได้ถามไถ่เรื่องราวของโลกมนุษย์ (แดนสวรรค์ล่าง) แต่ถ้าเจ้ามีความต้องการเร่งด่วน เจ้าสามารถทำการค้าแลกเปลี่ยนกับข้าได้”
“ขอบคุณ” หญิงสาวโบกมือน้อยๆ ของนาง “ครอบครัวของข้านับว่ามีวาสนานักที่ได้ทำการค้าแลกเปลี่ยนกับผู้อาวุโส แต่ปี่ลู่ขอแนะนำคนผู้หนึ่งกับท่าน นี่คือองค์ชายหลงเถิง (มังกรทะยาน) จากแดนสวรรค์ตะวันตก เร็วๆ นี้เขาได้รับผลประโยชน์มามาก บางทีเขาอาจมีของบางอย่างสามารถแลกเปลี่ยนกับท่านได้”
“จริงหรือ?” ราชันย์สัญจรที่อยู่ในรถม้าถามเย่ว์หยาง “ข้าไม่ทราบว่าองค์ชายหลงเถิงต้องการจะแลกเปลี่ยนอะไรดี?”
“ต้องการแลกเปลี่ยนหลายอย่าง แต่คำถามก็คือท่านต้องการอะไร?” เย่ว์หยางไม่คิดว่า ‘ราชันย์สัญจร’ ผู้นี้จะต้องการสิ่งของธรรมดา
“ความจริง, สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายมาก ตราบใดที่เป็นของหายากและน่าสนใจ ข้าจึงจะให้ความสนใจ ตัวอย่างเช่น ศิลาวิญญาณ, ผลึกฟ้า, ผลวิญญาณ, คัมภีร์อัญเชิญ, วัตถุโบราณ, น้ำพุแห่งความเยาว์วัย, ผลึกรูน, น้ำทิพย์ เหล้าทิพย์เป็นต้น” ราชันย์สัญจรที่อยู่ในรถโดยสารระบุรายการสิ่งของที่เขาต้องการ
“.....” เย่ว์หยางพูดไม่ออกหลังจากได้ยินเช่นนั้น
เขาไม่มีของเหล่านี้มากนัก ต่อให้เขามีของเหล่านี้เป็นภูเขาเลากาเก็บไว้เต็มปราสาทสายรุ้งหลายหลัง เขาก็คงไม่แลกเปลี่ยนกับเจ้านายผู้นี้
ในบรรดาสิ่งของที่ราชันย์สัญจรต้องการ เย่ว์หยางมีแต่คัมภีร์อัญเชิญและน้ำทิพย์ เขาได้รับคัมภีร์อัญเชิญมาโดยการฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดในหอทงเทียนและได้รับน้ำทิพย์มาจากวิหารสิบสองนักษัตร ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของวิญญาณสัตว์อสูรแต่มันถูกใช้เลื่อนระดับให้กับดาบเทาเถี้ยและให้แมงป่องดาว นอกจากนี้เขายังได้รับผลึกสวรรค์จากขุมทรัพย์คนตระหนี่ แต่นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเย่ว์หยางเพื่อใช้ยกระดับตนเองให้เป็นนักสู้ปราณราชันย์ เขาจะไม่เอาออกมาแลกเปลี่ยนกับคนผู้นี้แน่
น้ำพุแห่งความเยาว์วัยเป็นส่วนผสมที่หายากสำหรับใช้ปรุงยาวิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดพลังยุทธหรือยาเทพยุทธ น้ำพุแห่งความเยาว์วัยเป็นส่วนผสมที่จำเป็น
แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีน้ำพุแห่งความเยาว์วัยมากจนสามารถเอามาอาบได้ แต่เขาคงไม่แลกเปลี่ยนกับคนอื่น ของเหล่านี้ไม่เคยมีมากพอ
สำหรับศิลาวิญญาณ เย่ว์หยางเคยใช้หินวิญญาณที่มีคุณสมบัติทางด้านสายฟ้าสองสามครั้งที่ป้อมสายฟ้า หลังจากมาถึงแดนสวรรค์ เขามักต้องการค้นหาศิลาวิญญาณ แต่ล้มเหลว ในที่สุดเขาเปิดหีบสมบัติของหัวหน้าเหยี่ยหนิวสองสามใบที่เก็บไว้ในประตูที่สามของขุมทรัพย์คนตระหนี่ และจึงพบศิลาวิญญาณซึ่งหายากมากแม้ในแดนสวรรค์ แต่พบเจอในหีบนี้
แม้ว่าศิลาวิญญาณจะไม่เหมือนกับผลึกสวรรค์ แต่ก็ยังเป็นของที่หาได้ยากมาก
เดิมทีนักสู้ปราณฟ้าไม่สามารถได้เปรียบในเรื่องพลังงานมหาศาลจากผลึกสวรรค์ ถ้าพวกเขาต้องการใช้ยกระดับตัวเองหรืออสูรศึก อีกวิธีหนึ่งก็คือดูดซับพลังงานที่บรรจุอยู่ในศิลาวิญญาณ
การดูดซับนี้เป็นกระบวนการที่ทำได้ช้ามาก
อย่างไรก็ตามสำหรับอสูรเต็มวัยหลายตัวที่เกิดมาอยู่ในระดับปราณฟ้า แต่ศักยภาพทั่วไป การใช้ศิลาวิญญาณเพื่อยกระดับพวกมันก็แทบเป็นวิธีการเดียวที่เหลืออยู่
พวกเขาสามารถยกระดับได้โดยผ่านการสู้รบ..เรื่องนั้นก็ถูก อย่างไรก็ตามนักรบปราณฟ้าที่พัฒนาความแข็งแกร่งโดยผ่านการต่อสู้มักอายุไม่ยืนยาว เพราะอาจจะถูกฆ่าเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ในการต่อสู้ไม่หยุดหย่อน ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่แดนสวรรค์อนุญาตให้พวกเขายอมแพ้ต่อศัตรูในบางสถานการณ์
ถ้านักรบปราณฟ้าต้องตายในการต่อสู้ อย่างนั้นแดนสวรรค์คงสูญเสียนักรบไปถึงเก้าในสิบ
“ขอโทษจริงๆ ข้าไม่มีสมบัติหายากอย่างที่ท่านกำลังมองหา เนื่องจากข้ามาจากชนบทห่างไกล” เย่ว์หยางไม่ถามพวกเขาว่าจะแลกเปลี่ยนกับอะไร เพราะเขาเชื่อว่าเขาคงขาดทุนหากแลกเปลี่ยนสมบัติกับเจ้านายผู้นี้
“จริงหรือ?” ราชันย์สัญจรในรถม้าโดยสารไม่ถือสาวิธีการพูดของเย่ว์หยาง เขายิ้มและกล่าว “เราสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติกันได้ถ้าเจ้าชอบใจ”
“ท่านเป็นผู้อาวุโส ข้าจะยินดีรับฟังท่าน” เย่ว์หยางคารวะราชันย์สัญจรตามปกติ เป็นทำนองว่าส่งแขก
“ไว้เจอกัน สหายน้อยผู้น่าสนใจ” เสียงหัวเราะในรถม้าโดยสารดังขึ้น ราชันย์สัญจรสั่งบริวารออกเดินทาง ในทันใดนั้นม้ามังกรหิมะทั้งแปดลากรถโดยสารงดงามบินขึ้นไปในอากาศ
“....” หัวหน้าองครักษ์นักสู้ปราณฟ้าระดับห้ามองดูปี่ลู่ผู้งดงามกำลังจับเสื้อผ้าของเย่ว์หยางคล้ายกลัวว่าเขาจะบินหนีไปโดยไม่สนใจเขา นั่นทำให้เขารู้สึกผิดหวัง เมื่อเขาหันไปมองเย่ว์หยางที่แสดงความไม่สนใจและอ้าปากหาว เขารู้สึกมีโทสะคุกรุ่นเต็มอก
ด้วยหน้าที่ของเขาหัวหน้าองครักษ์เคารพปี่ลู่ตามธรรมเนียมอัศวิน ก่อนจะขี่อสูรฝันร้ายปราณฟ้าระดับสามจากไป
จากนั้นหัวหน้าองครักษ์นำกลุ่มองครักษ์ติดตามรถม้าออกไป
ปี่ลู่สะกิดแขนของเย่ว์หยางเบาๆ “ดูสิ ข้าทำงานให้เจ้าดีหรือเปล่า? ข้าเห็นหน้าขององครักษ์หน้าโง่นั่นโกรธ! ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมราชันย์สัญจรถึงยอมรับหัวหน้าองครักษ์ผู้มีจิตใจคับแคบและเอาแต่ใจตัวเองเช่นนั้น?”
เย่ว์หยางแค่นเสียง “ก็เพราะคนผู้นี้เจ้าเล่ห์ไงเล่า ดังนั้นเขาจึงทำอย่างนั้น นั่นเป็นการกลบเกลื่อนที่ดีที่สุด และเจ้าคิดหรือว่าราชันย์สัญจรจะสั่งการหัวหน้าองครักษ์ผู้ผยองอย่างนั้นได้? และสำหรับเจ้าเมืองของแดนสวรรค์ล่างเขามีความสะดวกในการทำธุรกิจมากกว่าเมื่อมีหัวหน้าองครักษ์ผู้หยิ่งยโสอยู่ใกล้ตัวเขา ข้าบอกได้เลยว่าการมาถึงของราชันย์สัญจรเป็นความตั้งใจอย่างแท้จริง เขาพบว่าราชาใจสิงห์ ราชาถัวเย่และคนอื่นๆ มีสงครามอย่างลับๆ และเขายังสงสัยสถานะของเราด้วย ดังนั้นในนามสหายเก่าของบิดาเจ้า เขาถือโอกาสถามข่าวกรอง และเขาต้องการเป็นพันธมิตรกับเรา เนื่องจากเราจะถูกใช้เป็นหมากระหว่างราชาใจสิงห์และราชาถัวเย่”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เย่ว์หยางวิเคราะห์ ปี่ลู่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
ราชันย์สัญจรปรากฏตัวไม่เร็วไม่ช้า นับว่าชวนให้สงสัยนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุด เขาพูดเป็นนัยว่าเขาชอบแลกเปลี่ยนทุกอย่างกับเย่ว์หยาง องค์ชายมังกรทะยานแห่งแดนสวรรค์ตะวันตก นั่นเท่ากับว่าเขายืมพลังของเย่ว์หยางให้ช่วยแทงหลังราชาใจสิงห์และราชาถัวเย่หรือไม่?”
“เราจะทำอะไรต่อไป? เพื่อทำงานในแผนรบของเจ้า ข้าขอให้บริวารร่วมสู้ด้วย แต่เจ้าต้องรู้ไว้ก่อนว่าข้าเป็นเจ้าในแคว้นที่ล้มเหลว ข้าไม่สามารถควบคุมเจ้าเมืองเหล่านั้นได้ ไม่มีอำนาจเด็ดขาด หรือจะพูดอย่างน้อยที่สุดคุณชายสามตระกูลเย่ว์ควรจะเหลือกระดูกให้ผู้อื่นบ้างหลังจากท่านกินเนื้อไปแล้วจริงไหม? ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะที่ทำให้ผู้อื่นอิจฉา”
“ออกไปเลย! ข้าเกลียดพวกที่ทำตัวขัดแย้งกับความคิดมากที่สุด ยืนห่างข้าตั้งสิบเมตรและดูข้าอาบน้ำ เป็นวิธีรับใช้ข้าหรือ?” เย่ว์หยางแค่นเสียงโมโห
“ข้าจะช่วยเจ้าอาบน้ำไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจัดการธุระของเจ้าก่อนไม่ดีหรือ? เจ้าจะยุ่งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับข้าได้อย่างไร? ธุระของเจ้าควรจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” ปี่ลู่พูดโดยไม่โกรธ
“โดยส่วนตัวข้าไม่เห็นด้วยกับการเป็นพันธมิตร เนื่องจากการจัดวางบทบาทหน้าที่ให้เราและความพยายามสนับสนุนทั้งหมด อย่าเพิ่งพูดอะไรอื่นอีกเลย เจ้ากลับไปและบอกสหายเฒ่าของเจ้าผู้มีสติปัญญาเหมือนกับคนงี่เง่า ถ้าเจ้าต้องการแทะเล็มกระดูกของเจ้าก็ควรจะมีฟันปลอมสำรองไว้ก่อน เนื่องจากกระดูกมันแข็งจนฟันพวกเขาจะแตกหักเสียก่อน เจ้าควรมองการณ์ไกล อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์เล็กน้อยที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเจ้า” เย่ว์หยางโบกมือไล่ปี่ลู่ “เจ้าแคว้นมรกต! ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอื่นอีก ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ข้ามีงานต้องทำอีกมาก”
“ข้าเป็นแค่อดีตเจ้าแคว้นมรกตของประเทศที่ถูกยึดครอง” ปี่ลู่แก้ไขคำพูดของเย่ว์หยาง ก่อนที่นางจะเทเลพอร์ตจากไป นางหันกลับมายิ้มให้และถามหยอกล้อ “ไม่กลัวว่าหัวหน้าองครักษ์จะกลับมาและหาเรื่องสู้กับเจ้าบ้างหรือ?”
“อสูรฝันร้ายของเขาก็ดูดี ข้ายังไม่มีพาหนะที่ดูเท่และโดดเด่นสักตัวเลย” เย่ว์หยางอ่อนใจและหันไปหาปี่ลู่
“ข้าเคยพบเห็นบุรุษผู้เลิศเลอในแดนสวรรค์มาไม่น้อย ยกเว้นเขานี่แหละที่ทำให้ข้าทั้งหัวเราะและร้องไห้ได้ในคราวเดียวกัน มีเขาอยู่ในแดนสวรรค์อาจเป็นเรื่องที่สนุกมากก็ได้” ปี่ลู่พึมพำ ทันใดนั้นนางได้พบว่าความตั้งใจฟื้นฟูแคว้นมรกตที่นางปรารถนามาทั้งชีวิตกลายเป็นเรื่องสำคัญรองลงไป
เทียบกับการต่อสู้เพื่ออำนาจสูงสุดในแดนสวรรค์ซึ่งมีความสดใสราวกับจันทร์กระจ่าง เทียบกับอนาคตฟื้นฟูแคว้นมรกตกลายเป็นเรื่องหม่นหมองราวกับแสงหิ่งห้อย
จะดำเนินแผนการฟื้นฟูแคว้นมรกตของนางหรือจะร่วมกับกลุ่มของเย่ว์หยางต่อสู้เพื่อเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมนี้ดี?
ปี่ลู่เป็นเพียงนักสู้ปราณฟ้าระดับสามและยังมีความสามารถไม่พอจะฟื้นฟูแคว้นมรกตที่เปรียบเสมือนกับแสงหิ่งห้อย แต่สามารถเข้าร่วมกลุ่มต่อสู้เพื่ออำนาจสูงสุดในแดนสวรรค์ล่ะ?
ปี่ลู่ใคร่ครวญด้วยตนเอง
หลังจากเวลาผ่านไป นางยิ้มสดใสทันที
ดูเหมือนว่านางตระหนักได้บางอย่าง นางตะโกนลั่นมาทางจวนเจ้าเมือง “รอข้าก่อนเถอะ! ข้าจะทำให้เจ้าตกใจจนไม่มีทางดูถูกข้าอีก ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเห็นดีกันแน่!”
ปี่ลู่ชูกำปั้นนางโบก เหมือนกับว่านางจะให้กำลังใจตนเอง
นางมองกลับไปที่จวนเจ้าเมืองขณะที่นางเทเลพอร์ตหายไป
เมื่อสังเกตได้ว่ามีบางคนสวมหน้ากากกำลังจ้องมาทางนาง ปี่ลู่รู้สึกมีความสุขทันที นางโบกมือและหายไป
“เป็นหญิงสาวที่จุ้นจ้านจริงๆ” เย่ว์หยางพูดกันตนเอง
“คืนนี้ท่านจะจัดงานเลี้ยงยังไง?” จงกวน, เฮยถูและไป๋หม่าสามสหายผู้ยอมจำนนย้ายมาอยู่ข้างเย่ว์หยาง พวกเขาซ่อนอยู่ในโลกคัมภีร์อัญเชิญของฮุยไท่หลางเพื่ออำพรางตนเองจากปี่ลู่
จะมีงานเลี้ยงต้อนรับที่น่าสนใจคืนนี้ เราต้องทำให้เป็นเหตุการณ์ที่พวกเขาไม่มีวันลืม” เย่ว์หยางยิ้มสดใสที่ทำให้หญิงงามเห็นแล้วหลงใหล หากแต่ว่าเป็นรอยยิ้มที่แฝงความเลวร้ายกว่ารอยยิ้มปีศาจเป็นหมื่นเท่า
รอยยิ้มแบบนี้บ่งบอกว่าบางคนกำลังยุ่งยาก