ตอนที่ 725 ปราสาทเขาสะท้อน
ความเคลื่อนไหวของถังเทียนที่ประตูเมืองเป็นเรื่องใหญ่โต ตามปกติข่าวแพร่กระจายไปถึงคนอื่นๆได้ อย่างเช่นเซวียหมิงจู
ตอนแรกหมิงจูยังอยู่ในอาการมึนงง แต่แล้วแม่เฒ่าประมุขตระกูลตวาดเรียกความรู้สึกของนางกลับมาทันที และรู้ว่าตระกูลเซวียในตอนนี้ก้าวเข้าไปอยู่ในปัญหาหนึ่งก้าวแล้ว การคลี่คลายปัญหาของนางปรากฏขึ้นแล้ว
นอกจากตามหาถังเทียนแล้ว นางต้องตัดสินใจอีกด้วยก็คือย้ายตระกูลทั้งหมดออกจากเมือง
เมืองจื่อจวนเป็นของตระกูลฉิน ถ้าพวกนางยังคงอยู่ที่นั่นต่อไป พวกนางคงต้องพบกับจุดจบกลายเป็นอาหารมื้อค่ำของตระกูลฉิน และแม้ว่านางจะหาถังเทียนพบ เขาคงไม่สามารถกลับมาบ้านตระกูลเซวียได้ เหมือนกับว่าเขาเป็นแกะที่เข้าสู่ถ้ำเสือ การสู้กับตระกูลฉินในเมืองจื่อจวนเป็นเรื่องโง่เกินไป
ที่นอกเมือง ตระกูลเซวียมีปราสาทชื่อว่าปราสาทเขาสะท้อนซึ่งถูกสร้างโดยตระกูลเซวียรุ่นแรกเมื่อพวกเขาเข้าสู่แดนบาป ในตอนนั้น ยังไม่มีเมืองจื่อจวน ปราสาทสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายและหยาบแต่การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมภายนอกนั้นโหดร้ายและอันตราย ดังนั้นหลังจากสร้างมืองจื่อจวน ตระกูลฉินจึงเชิญทุกคนให้เข้ามาร่วมดังนั้นตระกูลเซวียจึงย้ายเข้าเมืองและปราสาทถูกปล่อยร้าง
แต่ขณะนั้นเองนั่นคือแผนที่ดีที่สุดของพวกนาง หมิงจูเคยอยู่ที่ปราสาทเขาสะท้อนมาก่อนและเข้าใจพื้นที่ดี ปราสาทเขาสะท้อนตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งป้องกันได้ง่ายและจู่โจมได้ยาก ในอดีตเนื่องจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายสัตว์ป่าเที่ยวไปบนภาคพื้น และจำเป็นต้องป้องกันพวกมัน ปราสาทเขาสะท้อนก่อสร้างขึ้นมาอย่างมั่นคงมีน้ำใช้เองด้วย
การตัดสินใจของหมิงจูได้รับการสนับสนุนของแม่เฒ่าผู้มีประสบการณ์ในช่วงเวลาของนางและรู้ว่าไม่มีเวลาจะลังเล
หมิงจูสามารถยินดีได้ ก่อนนี้เนื่องจากตระกูลเซวียกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่รุนแรง พวกนางเตรียมตัวออกไปจากเมืองจื่อจวนเป็นเวลานานแล้วเพื่อหาการสนับสนุนจากคนอื่นดังนั้นสัมภาระสำคัญทั้งหมดจึงถูกบรรจุหีบห่อ ถ้าไม่อย่างนั้นสัมภาระทั้งหมดพวกนางคงต้องใช้เวลาสองสามวันกว่าจะบรรจุได้ทั้งหมด
การตัดสินใจของหมิงจูกับโอกาสนี้ถือว่าแม่นยำมาก
ฉินเจิ้นไม่อยู่ มู่เจ๋อและเว่ยหานตาย หน่วยพลธนูของฉินจื่อเจิ้นพ่ายแพ้ ตระกูลฉินไม่เคยได้รับความสูญเสียพ่ายแพ้ใหญ่อย่างนี้มาก่อน ทั่วทั้งตระกูลตกอยู่ในสภาพตื่นเต้นคนรอบคอบอย่างจงเจิ้งเยียนเหม่ยตัดสินใจป้องกันและถอนกำลังทั้งหมดมาช่วยป้องกันและรอการกลับมาของฉินเจิ้น ความคิดของเขาง่าย ถ้านักโทษที่ตระกูลฉินครอบครองถูกชิงไป อย่างนั้นความหวังสุดท้ายของตระกูลฉินก็จะหายไป ดังนั้นตราบใดที่ฉินเจิ้นกลับมา พวกเขาก็สามารถทวงคืนอะไรก็ตามที่พวกเขาสูญเสียไป
และนั่นคือเหตุผล ให้ไม่มีเงาของยอดฝีมือในตระกูลฉิน
หมิงจูเห็นความกลัวของตระกูลฉินทันทีและโดยไม่มีการลังเลใจ นางพาตระกูลเซวียขนของทุกอย่างขึ้นรถโดยสารเพื่อย้าย หมิงจูวิ่งรอกเร่งรัดเพื่อกองคาราวานออกไปอย่างปลอดภัยโดยไม่พบกับอุปสรรคใดๆ
เมื่อหมิงจูและกลุ่มมาถึงประตูเมืองที่ถูกทำลายแล้วพอเห็นฉากภาพที่ยังไม่ได้เก็บกวาดพื้นที่ นางอยู่ในอาการตกใจ นางไม่สามารถคิดถึงความรุนแรงในการต่อสู้ของบุรุษหน้ากากผี
หมิงจูเข้าใจทันทีว่าบุรุษหน้ากากผีคือความหวังสุดท้ายของพวกนาง
แต่พวกนางพบกลุ่มของถังเทียนโดยไม่คาดฝันและกลุ่มของเขาออกจากเมืองไปแล้ว ทำให้ตระกูลเซวียทั้งหมดดีใจส่งเสียงดัง
“ท่านหน้ากากผี, หมิงจูมีตาแต่ไร้แววได้ละเลยนายท่านสมควรตายหมื่นครั้ง! แต่ข้าหวังว่านายท่านจะให้โอกาสตระกูลเซวียให้เราได้รับใช้นายท่านเพื่อชดใช้บาป! ตระกูลเซวียของข้าทุกคนพร้อมสนับสนุนท่าน!”
เมื่อเห็นถังเทียน หมิงจูคุกเข่าโดยไม่ลังเล
ถ้าพวกนางเข้าตระกูลหลู จุดจบของพวกนางเป็นเรื่องแน่นอนจะกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าและพวกนางเองจะกลายเป็นของเล่นสำหรับคนในตระกูลหลู ตระกูลเซวียจะถูกยกเลิก ความลับหนอนไหมทองจะตกไปอยู่ในมือตระกูลหลู
เมื่อหมิงจูคิดถึงผลได้ผลเสียแล้ว นางตกใจที่รู้ว่าดูเหมือนเป็นการเสี่ยงที่ต้องอาศัยบุรุษหน้ากากผี แต่ในความเป็นจริงนั่นเป็นเงื่อนไขที่ดีกว่า บุรุษหน้ากากผีเคยอยู่ในตระกูลเซวียมาหลายวัน ด้วยพลังของเขาหากว่าเขามีแรงจูงใจซ่อนเร้น ไม่มีใครจะหลบหนีความเข้าใจของเขาไปได้ แต่บุรุษหน้ากากผีไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวอะไร และเมื่อเห็นหานปิงหนิงผู้งดงามมากเซวียหมิงจูก็มีความมั่นใจมากขึ้น
บุรุษหน้ากากผีเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาเอาชนะเบนสันฆ่าเว่ยหานและมู่เจ๋อและทำลายหน่วยพลธนูได้ ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าถ้าเขายังไม่อาจเทียบได้กับฉินเจิ้นแต่เขาก็ยังเป็นนักสู้ระดับสูง นอกจากนี้บุรุษหน้ากากผียังเป็นผู้นำของหน่วยสุญญตา และตราบใดที่เขาสามารถช่วยบริวารของเขาได้ พลังของเขาก็จะขยายมากขึ้น
ยิ่งนางวิเคราะห์ หมิงจูก็ยิ่งตกใจมาก นางตระหนักได้ว่าบุรุษหน้ากากผีมีศักยภาพพอจะเปลี่ยนแปลงแดนบาปได้ทั้งหมด
ถังเทียนตกใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่เห็นด้วยทันที แต่ถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
จากนั้นหมิงจูอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆและพูดตามตรง “เราไม่มีทางออกอื่นไม่ว่าเราจะคิดยังไงก็ตาม มีแต่ต้องอยู่กับท่าน จะทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เราจะอาศัยให้นายท่านช่วยปกป้องดังนั้นสมบัติของเราทั้งหมด ความมั่งคั่ง กำลังคนทุกอย่างนายท่านสามารถใช้ได้ ข้าหวังว่าท่านจะให้โอกาสเรา”
ถังเทียนเพียงถึงวิธีให้ได้รับกรวดเหล็กทองจากตระกูลเซวียที่ผ่านมานั่นเป็นสิ่งที่ยากจะได้รับ แต่ตอนนี้ทั้งหมดมากองรออยู่หน้าประตูแล้ว
เขาเห็นด้วยทันที “ก็ได้!ตอนนี้เจ้านำกรวดเหล็กทองมาด้วยหรือไม่?”
หมิงจูถอนหายใจโล่งอกและกล่าว “เรานำมาทุกอย่าง”
“เยี่ยมมาก!” ถังเทียนมีท่าทีดีใจ
หมิงจูเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก ‘ทำไมบุรุษหน้ากากผีถึงได้ชอบกรวดเหล็กทองมากนักเล่า?”ครั้งล่าสุด เมื่อเขายินดีแลกเปลี่ยนหินเหล็กดำ นางไม่คิดมาก แต่ตอนนี้ เมื่อรู้สถานะของเขา และเขาถามถึงอีกครั้ง นางพบว่าเป็นเรื่องแปลกมากที่เขาเห็นว่ามันสำคัญขนาดนั้น
ถ้าเถี่ยเซียได้ยินความคิดของหมิงจู เขาคงเดือดดาลเป็นแน่ ‘คนที่ทุบหินเหล็กดำก็คือข้า ข้า ข้านะเฮ้ย...’
แม่เฒ่าเซวียได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองคนจึงลงมาจากรถ “ข้าได้ยินว่าคุณชายพูดถึงกรวดเหล็กทองอย่างนั้นหรือ?”
“คารวะแม่เฒ่า” ถังเทียนพยักหน้า “ใช่แล้ว”
แม่เฒ่าสงสัย นางให้ทุกคนถอยไปก่อน จากนั้นถาม“ขอถามได้ไหมว่าคุณชายต้องการกรวดเหล็กทองไปทำไม?”
“ข้าต้องการเพราะแก่นต้นกำเนิดชีวิต” ถังเทียนไม่ได้ปิดบังอะไร
เซวียหมิงจูเบิกตากว้าง หน้าของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อนางอุทาน “แก่นต้นกำเนิดชีวิต? เป็นไปได้ยังไง? แก่นต้นกำเนิดชีวิตมาอยู่ในกรวดเหล็กทองได้ยังไง
นางคุ้นเคยกับกรวดเหล็กทองมาตั้งแต่ยังเล็ก นางรู้ว่าสิ่งนี้สามารถใช้สร้างอาวุธ แต่นางไม่เคยได้ยินว่าของนี่มีแก่นต้นกำเนิดชีวิตบรรจุไว้!
ถังเทียนมองดูหมิงจูมีท่าทีผิดปกติและพบว่าเป็นเรื่องแปลก “พวกท่านไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ?”
“สวรรค์มีนัยน์ตา! สวรรค์มีตา!” แม่เฒ่าเริ่มรำพึงซ้ำๆด้วยความตื่นเต้น นางหลั่งน้ำตา“สวรรค์ไม่ต้องการให้ตระกูลเซวียของข้าตายแล้ว! สวรรค์ไม่ต้องการให้ตระกูลเซวียของข้าตาย!”
ถังเทียนได้แต่จ้องมองทั้งสองคน เขาไม่เข้าใจสถานการณ์
หลังจากแม่เฒ่าเซวียสงบอารมณ์ได้นางถาม “คุณชายพบสถานที่พักพิงหรือยัง?”
ถังเทียนส่ายศีรษะ “ยังเลย, ข้าอยากจะขอกับท่าน ถ้าท่านมีนะ พวกท่านคุ้นเคยกับสถานที่นี้ดีกว่า ท่านมีสถานที่พักพิงบ้างไหม?”
“ไม่ไกลจากที่นี่ บรรพบุรุษตระกูลเซวียเราได้สร้างปราสาทเขาสะท้อนไว้ แค่ทำความสะอาดเล็กน้อยก็น่าจะใช้เป็นที่พักดีๆ ได้ การป้องกันของมันยังเหมือนเดิม คุณชายจะว่ายังไง?” แม่เฒ่าเซวียถาม
“มีที่แบบนั้นด้วยหรือ? เยี่ยมจริงๆ!” ถังเทียนส่งเสียงดีใจทันที
“อย่างนั้นเรามุ่งหน้าไปที่ปราสาทเขาสะท้อน คุณชายคงมีข้อสงสัยหลายอย่างแน่เมื่อเราไปถึงและจัดการที่ปราสาทเขาสะท้อนท่านจะมาพร้อมกับเราผู้เฒ่าเลยไหม?” แม่เฒ่าตื่นเต้นเกินไป เนื่องจากอายุของนางปรากฏแววเหนื่อยล้าอยู่ทั่วใบหน้าของนาง
“ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล” ถังเทียนโบกมือ “ท่านไม่จำเป็นต้องบอกความลับพวกท่านกับข้าก็ได้ รีบนำเราไปที่ปราสาทเขาสะท้อนได้เลย”
พอมีสมาชิกหน่วยสุญญตาร่วมกองคาราวาน ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก จากพวกบ้านตระกูลเซวียจึงเข้าใจเหตุผลที่พวกเขาเป็นที่ต้องการอย่างมากการเดินทางที่ขรุขระยากจะผ่านไปได้ และกองคาราวานไปได้ช้าเหมือนเต่า แต่หน่วยสุญญตาควบคุมกองคาราวานให้ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
ที่ยังน่ากลัวมากกว่าก็คือบุรุษที่ดูเหมือนโคเถื่อนชอบพูดเสียงดังไม่หยุด แต่เขาสามารถลากรถด้วยมือข้างเดียวได้
สัตว์ป่าทั้งหมดที่พวกเขาเผชิญบนเส้นทางถูกตัดฟันเป็นชิ้นดังนั้นการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อพวกเขาสามารถเห็นปราสาทเขาสะท้อน คนในกองคาราวานพากันดีใจ
ปราสาทเขาสะท้อนปกคลุมไปด้วยวัชพืชและเถาวัลย์ม้วนตัวอยู่ทุกที่จากเท่าที่เห็นทุกคนบอกได้ว่าไม่มีใครอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ถังเทียนและคณะของเขาดีใจที่เห็น แม้ว่าปราสาทหินจะพังทลายแต่โครงสร้างปราสาทยังคงอยู่ และนอกจากนี้พวกเขาเห็นว่าคนผู้ออกแบบปราสาททุ่มเทความคิดไปกับการสร้างปราสาทไปมากมีการวางรูปแบบในลักษณะที่ลึกซึ้ง
เป็นสถานที่สมบูรณ์แบบให้พวกเขาได้พักอยู่
ถังเทียนปรึกษากับเนี่ยชิวตามเส้นทาง หน่วยสุญญตายังไม่สามารถจัดหากำลังรบได้มากพอ พวกเขายังไม่รู้แจ้งกฎธรรมชาติ และเนี่ยชิวจำเป็นต้องทำความเข้าใจวิธีการสู้ ถ้าเป็นถังเทียนตามลำพัง เขาสามารถเข้าไปป่วนเมืองจื่อจวนได้โดยไม่มีปัญหา เขาสามารถหาที่ซ่อนตัวได้และตระกูลฉินยากจะหาตัวเขาพบได้
แต่พวกเขาในตอนนี้มีกำลังพลเพิ่มมา60 คน ถ้าพวกเขาอยู่ในปราสาทเป้าหมายซึ่งใหญ่เกินไปจะไม่เปิดเผยออกมาง่ายๆ ถ้าพวกเขาถูกตระกูลฉินพบ พวกเขาคงถูกต้อน
และขณะที่การเคลื่อนไหวและการกระทำของถังเทียนใหญ่เกินไป ตระกูลฉินคงได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้ การใช้วิธีการลอบโจมตีแบบเดิมความเป็นไปได้ของความสำเร็จยังมีระดับต่ำ และสถานการณ์อาจพลิกกลับไปได้ ตระกูลฉินที่ได้รับความเสียหายจากความพ่ายแพ้ดังกล่าวจะไม่ยอมเสี่ยงและทำข้อผิดพลาดเช่นนั้นในการสู้รบครั้งต่อไปของพวกเขา
ความต้องการเร่งด่วนที่สุดคือหาสถานที่ปักหลักที่เหมาะสมก่อน
เมื่อมีสถานที่ตั้งหลักที่เหมาะสมพวกเขาจะมีเวลาได้พักและฝึกฝนกัน ถังเทียนสามารถสอนทุกคนถึงวิธีรู้แจ้งกฏธรรมชาติได้โดยเร็ว วิธีการรับมือกับนักสู้แดนบาปที่ทรงพลัง เนื่องจากพวกเขามีจำนวนน้อย พวกเขาไม่ต้องแบกรับอาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไป และตราบใดที่พวกเขาเข้าใจเส้นทางและวิชาที่เหมาะสมกับตนเอง พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น
ถังเทียนรู้สึกว่าเนี่ยชิวเข้าใจเหตุผล
ถ้าเป็นเขาโดยลำพัง เขาคงไม่กลัวที่จะท้าทายฉินเจิ้น เนื่องจากเขาหนีได้ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะฉินเจิ้น แต่ด้วยกำลังคนมากกว่า 60 คน คงจะเป็นเรื่องยากถ้าจะสู้ด้วยวิธีเดียวกัน
แต่เขายังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
อาโมรี่และพวกมีร่างพลังกายเป็นศูนย์ แดนบาปมีสภาพแวดล้อมเข้ากับพวกเขาโดยธรรมชาติ และพวกเขาต้องการเวลาเพียงสั้นๆ ก็จะสะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกรวดเหล็กทองคอยช่วยเติมเต็มพลัง พวกเขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้
พวกเขาแต่ละคนนั้นล้วนห้าวหาญไม่กลัวเกรง แต่ละคนมีวิญญาณนักสู้เต็มเปี่ยม
‘การสู้รบตามลำพังของข้าจบลงแล้วในตอนนี้ เราจะต่อสู้เคียงข้างกัน’
ถังเทียนสังเกตดูปราสาทหินร้างและพัง ใจของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างลึกซึ้ง
หน่วยสุญญตาหมีใหญ่ ภารกิจพิชิตแดนบาปเริ่มขึ้นแล้ว!