ตอนที่ 724 อาคันตุกะผู้มีเกียรติและลึกลับ
“นายท่าน! เรามาถึงเมืองลมดำ (เฮยฟง) แล้ว ข้าจะต้องแจ้งชื่อของท่านและให้เจ้าเมืองออกมาพบเราหรือไม่?” หัวหน้าองครักษ์ขับขี่อสูรฝันร้ายอสูรปราณฟ้าระดับสาม เขารั้งบังเหียนกลับเข้าไปในกลุ่มองครักที่ขับขี่ม้าเพลิงวิเศษอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่งและถอยไปที่รถม้าที่เลิศหรูเทียมด้วยม้ามังกรหิมะแปดตัวมีสีเดียวกันไม่มีสีอื่นปนและถามบุรุษหนุ่มสูงศักดิ์ที่โดยสารอยู่ข้างในด้วยความเคารพและภักดีขณะที่หญิงสาวรับใช้รูปงามคอยช่วยยกม่าน
“ไม่, เจ้าไม่ต้องทำเช่นนั้น กล่าวกันว่ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นในเมือง และเจ้าเมืองคนเก่าถูกคนอื่นปลดไปแล้ว เจ้าลองส่งใครไปสักคนเพื่อสอบถามสถานการณ์ในปัจจุบัน เราจะตรงไปที่เมืองใบไม้เงิน ถ้าเจ้าเมืองคนใหม่ไม่รู้เรื่องการค้าที่ทำกับแดนสวรรค์ชั้นบนเมื่อก่อนหน้านั้น” บุรุษสูงศักดิ์ลังเลชั่วขณะแล้วจึงตัดสินใจ
“ขอรับท่าน” แม้ว่าหัวหน้าองครักษ์ต้องการจะแสดงความคิดเห็นของเขา แต่เขารู้ว่าให้เงียบเสียงไว้ดีกว่าถ้าเจ้านายไม่ถามเขา
หัวหน้าองครักษ์มีพลังปราณฟ้าระดับห้าส่งองครักษ์คนหนึ่งที่มีพลังปราณฟ้าระดับหนึ่งออกไปทันที
องครักษ์ได้รับคำสั่งก็เข้าไปในเมืองเพื่อพบกับเจ้าเมืองคนใหม่โดยเร็ว
เดิมทีหัวหน้าองครักษ์คิดว่าเจ้าเมืองลมดำคนใหม่จะมาพร้อมกับบริวารในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อคุกเข่าและคารวะเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วยความตื่นกลัวและกล่าวคำขออภัยอย่างหวาดหวั่น เขาเห็นภาพที่เคยชินเช่นนั้นมาหลายครั้งแล้ว แทบจะทุกครั้งที่เจ้านายของเขาไปยังเมืองในแดนมนุษย์ เจ้าเมืองที่นั่นจะออกมาจากเมืองกราบคารวะเขาด้วยความเกรงกลัว แม้ว่าเขาจะมาเยือนแดนมนุษย์ทุกสิบปี
เจ้านายของเขาเป็นคนมีอำนาจวาสนาและสง่างามได้รับการเคารพจากนักรบปราณฟ้าในแดนมนุษย์ทุกคนในอดีตพันปีที่ผ่านมา
มีเจ้าเมืองมากมายที่ต้องคุกเข่านอบน้อมและแสดงความเคารพนับถือเจ้านายเขามาตลอดทาง
ยากนักที่เจ้านายของเขาจะออกจากรถม้ามาพบคนเป็นการส่วนตัว
เจ้าเมืองของเมืองที่แห้งแล้งรกร้างในแคว้นมรกตอย่างเมืองลมดำ ไม่ค่อยมีนักรบปราณฟ้าที่ทรงพลัง หัวหน้าองครักษ์หวังว่าเจ้าเมืองจะไม่กลัวจนปัสสาวะราดกางเกง
เขาจินตนาการด้วยความรู้สึกผิด
คาดไม่ถึงเลยว่าแทนที่จะออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง เจ้าเมืองคนใหม่ส่งบริวารที่เป็นนักสู้ปราณดินระดับสามออกมาพบพวกเขา เมื่อเห็นคนใช้ผู้ต่ำต้อยหัวหน้าองครักษ์รู้สึกไม่สบายใจ เขาเชื่อว่าผู้รับใช้ก็ควรเป็นผู้รับใช้ชั้นดี ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยอย่างนั้นเอามาต้อนรับเราแทนเจ้าเมืองได้ยังไง? เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในเมืองลมดำหรือ? ยังมีทาสปราณดินระดับห้าหรือมากกว่าไม่ใช่หรือ? เจ้าเมืองที่นี่เป็นแค่ระดับเตรียมปราณฟ้าไม่ใช่หรือ?
เขาคงกลัวเกินกว่าจะเคลื่อนไหวและซ่อนตัวอยู่ในจวนเจ้าเมือง เมื่อเขาเห็นองครักษ์ระดับปราณฟ้าหรือ?
หัวหน้าองครักษ์ลูบหนวดคิดถึงเรื่องร้ายต่างๆ
“เจ้าเมืองของเจ้าอยู่ที่ไหน?” เขาจ้องมองตัวแทนที่เป็นนักสู้ปราณดินระดับสามของเมืองลมดำราวกับจ้องมองแมลงตัวน้อย
“เมืองลมดำถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเมื่ออู๋เย่แล้วเพื่อเป็นการระลึกถึงปรมาจารย์นักแปรธาตุชื่อจวินอู๋เย่ที่ถูกฆ่าตายอย่างไร้เหตุผลและเป็นการประจักษ์ถึงความเปลี่ยนแปลงใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ บัดนี้เมืองอู๋เย่กลายเป็นเมืองอิสระที่ไม่มีเจ้าเมืองปกครองอีกต่อไป ข้าเป็นคนที่มีกำเนิดต่ำต้อย แต่ข้าก็ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนทั่วไปด้านกิจการต่างประเทศจากองค์ชายหลงเถิงแห่งแดนสวรรค์ตะวันตก” หัวกลมเปากู่ผู้ออกมาต้อนรับพวกเขาคำนับต้อนรับพวกเขาอย่างมีมารยาทแต่ไม่ถึงอ่อนน้อมเกินไป
“เมืองอิสระ? เจ้าหมายความว่าเจ้าเป็นคนรับผิดชอบในตอนนี้ใช่ไหม?” หัวหน้าองครักษ์พยายามกลั้นหัวเราะ
ผู้รับใช้ปราณดินระดับสามที่ดูเหมือนจะไม่ใช่นักรบ
ทหารรับจ้างยังสามารถฆ่าคนผู้นี้ได้ง่ายๆ และชิงเมืองลมดำได้อย่างง่ายดาย เรื่องไร้สาระเช่นนี้ควรเกิดขึ้นในแดนสวรรค์หรือ? เป็นไปได้ยังไงที่มดครอบครองดินแดนราชสีห์ เป็นไปไม่ได้!
หัวหน้าองครักษ์ต้องการบอกหัวกลมเปากู่ว่านักสู้ปราณฟ้าที่เขาส่งออกมาก็ยังสามารถยึดเมืองลมดำได้อย่างสบายๆ
ต่อให้เมืองขาดแคลนผู้คน แต่เอาคนอ่อนแอปราณดินระดับสามมาเป็นตัวแทนทั่วไปได้ยังไง?
หัวหน้าองครักษ์ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อกลั้นหัวเราะ เขาถามล้อเลียน “ข้าอยากรู้ว่าหลังจากเจ้าเป็นผู้แทนทั่วไปแล้วมีใครเคยท้าทายเจ้าสู้บ้างไหม?”
หัวกลมเปากู่ยิ้มอย่างจริงใจ “ยังไม่เคยเลย บางทีข้าอาจมีสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านข้า หลังจากเป็นผู้แทนฝ่ายกิจการต่างประเทศของเมืองอู๋เย่ ทุกคนไม่เพียงแต่สนับสนุนงานของข้า แต่ยังปฏิบัติกับข้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้หลังจากปฏิรูปแล้ว พลเมืองยังได้ขยายธุรกิจ พวกเขาส่งเสริมและสนับสนุนงานของข้าในเมืองอู๋เย่เป็นอย่างดี”
คำพูดของเขาทำให้หัวหน้าองครักษ์ตะลึง
นี่ยังน่าอึดอัดยิ่งกว่ากลืนหนูลงไปทั้งตัวเสียอีก!
ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้านายของเขาอยู่ในรถม้ากำลังมองดูเขา เขาคงชักดาบและฆ่าเจ้าแมลงสาบที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้แล้ว
“ปรมาจารย์นักแปรธาตุแห่งแดนสวรรค์ตะวันตก? องค์ชายหลงเถิง...” เจ้านายผู้สูงศักดิ์ในรถม้าโดยสารฉลาดพอจะเข้าใจความหมายของคำซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น หลังจากคิดไม่นาน เจ้านายผู้นั้นมีความสนใจเมืองลมดำ ไม่ใช่..ตอนนี้เป็นเมืองอู๋เย่ไปแล้วซึ่งเขาไม่สนใจมาก่อนอยู่แล้ว นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่เขาถามผู้รับใช้ที่ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้า เขาถามหัวกลมเปากู่ที่คำนับอยู่ข้างนอก “ขออภัย, องค์ชายหลงเถิงอยู่ข้างในหรือไม่?”
“อาคันตุกะผู้มีเกียรติ องค์ชายออกเดินทางเมื่อไม่วันก่อนและเพิ่งจะกลับมา ขณะนี้ท่านกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถออกมาต้อนรับอาคันตุกะผู้มีเกียรติในตอนนี้ได้” หัวกลมเปากู่ตอบอย่างสุภาพ
“ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะพบเขาได้ไหม? ข้าไม่เคยพบกับยอดฝีมือแดนสวรรค์ตะวันตกในถิ่นมนุษย์มานานแล้ว” เจ้านายที่อยู่ในรถโดยสารถอนหายใจ
“เชิญ” หัวกลมเปากู่ทำท่าเชื้อเชิญด้วยความนอบน้อม
เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวหน้าองครักษ์ขยี้เท้าด้วยความโกรธ
เจ้านายผู้ของเขาสูงศักดิ์เพียงไหน ขณะที่องค์ชายหลงเถิงไม่เคยมีใครได้ยินชื่อเสียงเขามาก่อนในถิ่นมนุษย์ แต่เจ้านายของเขาจะไปพบเขาด้วยตัวเอง? องค์ชายนั้นคู่ควรกับเจ้านายของเขาหรือ? นี่เป็นการดูหมิ่นครั้งใหญ่ที่สุด หัวหน้าองครักษ์เลื่อนมือจับด้ามกระบี่ ตราบใดที่เจ้านายของเขาไม่ชอบใจเขาจะชักกระบี่ออกมาฆ่าคนใช้ผู้นี้ จากนั้นบุกเข้าไปในเมืองและจับองค์ชายนั้นแขวนคอประจานที่หน้าประตูเมือง!
คาดไม่ถึงว่าขณะที่เขาเตรียมจะชักกระบี่จากฝัก เจ้านายของเขาสั่งเขา “ออกเดินทาง”
หัวหน้าองครักษ์คิดว่าเขาได้ยินผิด...
อย่างไรก็ตามในฐานะเป็นบ่าว เขาไม่มีคุณสมบัติและกล้าพอคลางแคลงคำสั่งของเจ้านายเขาได้
ม้ามังกรหิมะทั้งแปดตัวลากรถเข้าไปในสวนของจวนเจ้าเมือง
ขณะเดียวกันหัวหน้าองครักษ์ก็ยังไม่เห็นองค์ชายออกมาพบกับพวกเขา แต่เป็นหัวกลมเปากู่ที่แจ้งให้พวกเขาทราบพลางขออภัยว่าองค์ชายกำลังสรงสนานไม่สามารถแต่งตัวมาต้อนรับพวกเขาได้ทันที ดังนั้นพวกเขาต้องรออีกเล็กน้อย หัวหน้าองครักษ์สามารถทำลายเมืองอู๋เย่ได้ทั้งหมด ถ้าเขาระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ พลังของเขามากยิ่งกว่าภูเขาไพปะทุ
สิบนาทีต่อมา
บุรุษคนหนึ่งเดินออกมาจากคฤหาสน์ช้าๆ เขาอ้าปากหาวราวกับว่าเพิ่งตื่นนอน
หัวหน้าองครักษ์ถลึงตามองบุรุษผู้ทำให้เขาขายหน้า พยายามมองดูลักษณะที่หยิ่งยโสของเขาให้ชัดเจน
เขารู้สึกหดหู่ผิดหวัง
เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้สวมหน้าคนคู่สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้าองครักษ์จะมองเห็นได้ชัดเจนว่าเขาเป็นใคร สิ่งที่ทำให้หัวหน้าองครักษ์แทบเป็นบ้าก็คือองค์ชายผู้นี้มีพลังระดับเตรียมปราณฟ้าเท่านั้นยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับบริวารที่อยู่ใต้บัญชาการของเขาด้วยซ้ำ องค์ชายที่อ่อนแออย่างนี้ ยังกล้าทำหยิ่งอีกหรือ? แดนสวรรค์ใต้ไม่มีนักสู้ระดับปราณฟ้าแล้วหรือ? เป็นเรื่องอัปยศอดสูที่สุดที่นักรบระดับปราณฟ้ายอมคล้อยตามองค์ชายผู้หยิ่งยโสนั้น
“ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้พวกท่านต้องรอนาน ตอนนั้นข้าอาบน้ำเพลินจนผลอยหลับไปเลย” แน่นอนว่าบุรุษผู้เดินออกมาจากคฤหาสน์ก็คือเย่ว์หยางที่เป็นเพียงระดับเตรียมนักสู้ปราณฟ้า แต่กล้าต่อปากต่อคำหน้านักสู้ปราณฟ้า
“อะไรนะ?” คำอธิบายของเย่ว์หยางทำให้หัวหน้าองครักษ์โกรธจนอยากจะฆ่าเขา ความจริงเขาควรอธิบายให้ดีกว่านี้
“องค์ชายหลงเถิงหลับได้เป็นเรื่องดีนัก เพราะข้ามัวแต่ยุ่งกับธุรการงานมากมาย ส่วนมากจึงต้องทรมานจากการนอนไม่หลับ ข้าชื่นชมคนที่หลับได้สนิทจริงๆ” เจ้านายผู้อยู่ในรถม้ายิ้ม
“อาคันตุกะผู้มีเกียรติ, ท่านใจกว้างมากจริงๆ ข้าขอถามนามท่านได้ไหม? ข้าชื่อเสวี่ยอู๋เซียงแห่งสำนักมังกรทะยาน แดนสวรรค์ตะวันตก” เย่ว์หยางพูดยังไม่ทันจบ แต่มีสตรีงามคนหนึ่งเดินออกมาจากภายใน นางดูมีเสน่ห์น่าลุ่มหลงรูปร่างโค้งเว้าได้สัดส่วน บุรุษทุกคนอาจจะลืมตัวเมื่อเห็นนางในมุมมองของหัวหน้าองครักษ์ สตรีงามเช่นนี้คู่ควรกับบุรุษผู้ทรงพลังอย่างเขา พวกเขาเหมาะสมราวกับฟ้าประทาน เขาคาดไม่ถึงเลยว่าสตรีงามผู้เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสามไม่แม้แต่จะมองเขา นางเอื้อมมือไปกอดบุรุษผู้เป็นเพียงเตรียมนักสู้ปราณฟ้า ราวกับว่านางกลัวองค์ชายจะทอดทิ้งนาง พวกเขาดูราวกับคางคกกับห่านฟ้า หัวหน้าองครักษ์แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ
“ตัวร้าย, ทำไมเจ้าไม่แนะนำอาคันตุกะกับข้า?” หญิงงามพราวเสน่ห์ยิ้มพลางหยอกกับเย่ว์หยาง
“...” หัวหน้าองครักษ์อยากตีอกชกหัวตัวเองยิ่งนัก ขอให้ได้ทำอย่างนี้เขาอาจรู้สึกผิดหวังน้อยลงก็ดี
บุรุษหนุ่มรูปงามนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า อยู่ต่อหน้านางแล้ว
นางไม่ยอมแม้แต่จะเหลียวแลเขา
แต่นางกลับโถมตัวเข้าอ้อมกอดบุรุษหนุ่มระดับเตรียมปราณฟ้า นี่ล้อเล่นกันหรือเปล่า?
ถ้านางยิ้มให้เขาเหมือนกับที่นางทำกับองค์ชายนั้น เขาคงยอมคว้าเดือนคว้าดาวมาให้นาง
หัวหน้าองครักษ์มักเชื่ออยู่เสมอว่าเขามีเสน่ห์น่าหลงใหล มักจะมีสตรีมาพัวพันรอบตัวมิได้ขาด ขณะที่ไม่มีใครทำอันตรายเขาได้ ทันทีที่เขาผายมือ สตรีนับไม่ถ้วนจะโผเข้ามาและขออยู่กับเขาตลอดชีวิต เขาไม่เคยคิดว่าเขาสามารถพบกับสตรีงามพราวเสน่ห์ในเมืองอู๋เย่ นางเหมือนหงส์ขาวที่หยิ่งผยอง แต่นางไม่เคยเหลียวแลเขาเลย นางกลับโปรดปรานเจ้าคางคกตัวนั้นเป็นพิเศษ
นั่นช่างน่าอายนัก!
ทั้งยังทำให้คนอื่นอิจฉา!
“หลีกไปก่อน ข้ายังไม่สนิทสนมกับเจ้า” เย่ว์หยางโบกมือพัลวัล เขาพยายามสลัดออกจากหญิงงาม ขณะเดียวกันสายตาของหัวหน้าองครักษ์กระตุกด้วยความริษยา
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการสนิทสนมกับข้า ทำไมเจ้าต้องกระโดดลงสระในเมื่อข้ากำลังอาบน้ำ?” หญิงงามพราวเสน่ห์ไม่ถือสา แต่แกล้งทำเป็นจ้องเขา
“ข้าถูกใส่ร้ายยยย... สุภาพบุรุษผู้ซื่อสัตย์อย่างข้าจะไม่มีทางโดดลงสระถ้าเจ้าไม่เชิญข้าก่อน ข้าแค่คิดว่าเจ้าอาบน้ำคนเดียวมันเหงาเกินไป ด้วยความเห็นอกเห็นใจข้าเลยโดดลงสระเป็นเพื่อนเจ้า ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะทำกับข้าเหมือนอย่างนั้น น่าผิดหวังจริงๆ” เย่ว์หยางตบอกรับรองว่าเขาเป็นคนซื่อตรง
หัวหน้าองครักษ์แทบจะตกจากหลังม้าขาดใจตายทันที
โลกนี้ยังจะมีสุภาพบุรุษผู้ซื่อตรงอย่างนี้ได้ยังไง?
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายในรถม้าสั่งเอาไว้ เขาคงชักกระบี่ฟันเย่ว์หยางให้ตายไปแล้ว เจ้านั่นควรจะถูกสับเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขกิน! ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอจะระบายความโกรธในใจของเขา
เจ้าผู้นี้ไม่เคยสบตาเขาโดยตรงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้
ทำไมเขาต้องทำกับข้าอย่างนั้นด้วย?
เป็นแค่ระดับเตรียมนักสู้ปราณฟ้าก็หยิ่งยโสได้ขนาดนั้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายของเขาต้องอดทนกับคนแบบนี้ด้วย
“ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป...” หญิงสาวพราวเสน่ห์ลอบปิดปากยิ้ม และหยุดหยอกล้อกับเย่ว์หยาง และนางแสดงความเคารพมาที่รถม้าโดยสาร “ข้าปี่ลู่ขอคารวะผู้อาวุโส ข้ากับหนุ่มน้อยผู้นี้ยังเป็นผู้เยาว์ไม่ทราบธรรมเนียม ถ้าทำสิ่งใดให้ท่านขัดเคือง โปรดอภัยให้เราด้วย!”