ตอนที่ 723 ความเคลื่อนไหวจากทุกฝ่าย
“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้เดิมพันผิดข้าง...” วิคเตอร์มองดูความโกลาหลที่ประตูเมืองที่ห่างออกไป เสื้อสีแดงของเขาตัดกับสีหน้าที่ซีดขาว
โรแลนด์ ซูไม่ได้ตั้งใจดู แต่หน้าของนางมีผ้าคลุมปิดบังและสีหน้าของนางเห็นไม่ชัด
เหตุการณ์ประจำวันสร้างความสั่นสะท้านให้นางอย่างใหญ่หลวง ประการแรกนางได้เห็นวิธีที่บุรุษหน้ากากผีและหานปิงหนิงเอาชนะเว่ยหานและมู่เจ๋อและจากนั้นเห็นบุรุษหน้ากากผีทำลายประตูเมืองด้วยหมัดเดียว ในที่สุดนางก็เข้าใจเหตุผลที่วิคเตอร์จะวางความหวังไว้กับเขามากมาย พลังของเขาน่ากลัวมาก
แม้ว่าจะสังเกตดูจากที่ไกล นางก็ยังอดสั่นไม่ได้
แดนบาปเต็มไปด้วยยอดฝีมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความกล้าหาญของพวกเขาอ่อนลงทุกที ซึ่งพิสูจน์ได้ชัดในการต่อสู้ มีเพียงน้อยคนนักที่ใช้วิชาที่กล้าหาญอย่างนั้นและเสี่ยงชีวิตสู้ แต่วิชาและกลยุทธที่เจ้าเล่ห์กลับเป็นที่นิยมมากขึ้น
เมื่อนางเห็นว่าบุรุษหน้ากากผีไม่ยอมแพ้และไม่ยอมปล่อยผ่านกลับเดินหน้าอย่างไม่กลัวเกรง นั่นทำให้เลือดลมของนางพลุกพล่าน แต่เมื่อนางเห็นหน่วยพลธนูของฉินจื่อเจินปล่อยลูกศรฝังกฎธรรมชาติ หน้าของวิคเตอร์และโรแลนด์ซูถึงกับเปลี่ยน พวกเขารู้ซึ้งถึงพลังของธนูฝังกฎธรรมชาติและพลังของหน่วยพลธนูว่าพวกเขามีพลังน่ากลัวเพียงไหน และไม่มีใครรอดได้จากธนูของพวกเขา
แต่ในเบื้องหน้าพวกเขา ไม่เพียงแต่ถังเทียนไม่ยอมถอยเท่านั้น เขายังก้าวเดินไปข้างหน้า!
ขณะนั้น ใจของโรแลนด์ซูอยู่ในสภาพสับสนเป็นความขมขื่นที่มิอาจบรรยายได้เหมือนกับกลิ่นเลือดผสมกลิ่นเผาไหม้อบอวลโชยมา วิคเตอร์ตื่นเต้นมากขึ้น และความใจสู้ของเขาได้รับการกระตุ้น
โรแลนด์ ซูไม่ล้อวิคเตอร์อีกต่อไป ร่างคนหนุ่มและเข้มงวดที่สั่งการพลธนูที่บาดเจ็บที่ท้องดูเหมือนจะมีหินกดทับอยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับเขาและหน่วยพลธนูนางมีแต่ต้องถอย หลบหรือไม่ก็หนี
แต่บุรุษหน้ากากผีไม่ทำเรื่องเหล่านี้
เขายังคงเดินหน้า
“ความจริง เขาสามารถหลบได้” โรแลนด์ ซูกล่าวทันที นางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงพูดเช่นนั้น ‘บางที นั่นเป็นสิ่งที่ข้าจะยอมทำหรือเปล่า?’
วิคเตอร์ตะลึง เขาเงียบอยู่ชั่วขณะ จากนั้นพูดอย่างเศร้าใจ “เมื่อข้าหนีกลับ ตระกูลข้าก็ทำข้อตกลงกับตระกูลฉินทำให้ข้าต้องหยุดอย่างจนใจ ข้าโกรธและเริ่มสู้กับฉินเจิ้น แต่เมื่อข้าแพ้ ฉินเจิ้นไม่ได้ฆ่าข้า เขาเชื่อว่าข้าจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก เนื่องจากเขาเห็นว่าข้าทำให้ตระกูลด้วยหัวใจ ข้าไม่สบายใจ ข้ารู้สึกว่าข้าจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง ดังนั้นก่อนที่ตระกูลจะส่งนักโทษออกไป ข้าจะบอกนักโทษว่าบุรุษหน้ากากผียังคงมีชีวิต ท่านรู้ไหมว่าข้าเห็นอะไร? ข้าเห็นเปลวเพลิงบ้าระห่ำอยู่ในดวงตาของแต่ละคนและทุกคนเวลานั้นข้ารู้ว่าพวกเขายินดีตายเพื่อเขาได้”
โรแลนด์ ซูฟังอย่างเงียบงัน
“ขณะนั้น ข้ามีความสุขมาก เพราะเมื่อนักโทษพวกนี้ถูกส่งไปตระกูลฉินข่าวของบุรุษหน้ากากยังมีชีวิตจะแพร่สะพัดไปถึงนักโทษคนอื่นทำให้พวกเขาอดทนและขัดขืนมากขึ้น และนั่นจะขัดขวางความเร็วในการกลืนพวกเขาทั้งหมดของตระกูลฉินได้ เวลานั้นเหตุผลหลักที่ข้าทำไป ทำให้ข้ามีความสุข ข้าคิดไว้แล้วในเวลานั้นว่าไม่มีใครสามารถหยุดฉินเจิ้นได้ไม่มีใครสามารถหยุดตระกูลฉินได้”
เสียงของวิคเตอร์หมองลง และจากนั้นก็แปลกประหลาด
“แต่หลังจากนั้นประกายตาที่ฉายอยู่ในดวงตาของนักโทษหลังจากได้ทราบข่าวอีกครั้งฉินเจิ้นมีพลังมาก แต่ข้าไม่เคยเห็นบริวารของเขามีแววตาร้อนแรงแผดเผาเช่นนั้นเป็นบางสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นในแดนบาปมาก่อน ข้ากำลังคิดว่า ทำไม? หลังจากคิดอยู่นาน ข้าก็ยังไม่เข้าใจ แต่ข้าก็ได้รู้บางสิ่ง เนื่องจากมีลักษณะมากมายในตัวเขาที่ไม่เคยปรากฏในผู้คนแดนบาปของเรา ใครจะรู้คนผู้นี้อาจทำสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้?”
โรแลนด์ ซูมองดูวิคเตอร์อย่างตกใจ นางไม่เคยคิดว่าวิคเตอร์จะมีความคิดอย่างนั้น
วิคเตอร์มองดูประตูเมืองที่พังทลายและร่างหลายร่างที่หายไปนาน เขาหัวเราะทันที “ข้าก็แค่คิด ในเวลาอย่างนั้นสำหรับคนที่ยินดีจะปกป้องสหายของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนที่ติดตามเขาจะไม่กังวลว่าจะถูกทิ้งหรือเขี่ยออกไป มิน่าเล่าบริวารของเขาถึงได้ภักดีต่อเขาทุกคนจนกระทั่งตาย สำหรับเรา นี่เป็นสิ่งที่ดี ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าแดนบาปต้องการวีรบุรุษโง่ๆ อย่างนั้น”
“วีรบุรุษ?” โรแลนด์ ซูขมวดคิ้ว นางไม่ชอบคำนี้
วิคเตอร์หัวเราะ แต่ไม่อธิบายเพิ่ม
“ทำไมฉินเจิ้นยังไม่ออกมา?” โรแลนด์ ซูขมวดคิ้วถามทันที
วิคเตอร์กล่าว “เขาไปเมืองม้าบิน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างตระกูลฉินและตระกูลหลู ครั้งนี้ไม่ใช่เหตุปกติ”
โรแลนด์ ซูไม่ได้กลอกกลิ้งและเจ้าเล่ห์เท่าวิคเตอร์ แต่หลังจากอยู่ในตำแหน่งประมุขตระกูลมานาน นางยังมีสายตามองการณ์ไกลอยู่บ้าง
“ตระกูลเซวียมีคุณค่าเท่ากับนักโทษหน่วยสุญญตา 200 คนจริงๆ หรือ?” วิคเตอร์แค่นเสียง “สำหรับตระกูลที่ยินดีจะรับแลกเปลี่ยนนักโทษหน่วยสุญญตา 200 คนกับตระกูลเซวีย ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างนั้นก็คงแปลกแล้ว”
โรแลนด์ ซูรู้จักวิคเตอร์ดี และไม่ได้พูดเสียดสีเขา แต่ถามโดยตรง “ทำไมเจ้าคิดว่าเป็นปัญหาเล่า?”
“ข้าไม่รู้” วิคเตอร์ถอนหายใจ “ใครจะรู้ บางทีตระกูลเซวียอาจมีความลับที่เราไม่รู้ก็ได้”
“เจ้าเมาไปแล้ว” โรแลนด์ ซูแค่นเสียง แต่พูดอย่างนั้นนางรู้สึกอึดอัด นั่นเป็นการตีสนิทกันเกินไป
วิคเตอร์ลูบจมูกตัวเองและฝืนหัวเราะ “ทำเหมือนเจ้าไม่รู้จักข้าเสียอย่างนั้น ข้าไม่พูดเรื่องในตระกูลข้า ข้าไม่สนเรื่องตระกูลอื่นมากเช่นกัน ดังนั้นข้าจะไปรู้ความลับนั้นได้ยังไง แต่แม้บางครั้งเมื่อใดก็ตามที่ข้าดื่ม ข้าจะได้ยินเรื่องและข่าวที่น่าสนใจมาบ้างเล็กน้อย”
โรแลนด์ ซูชำเลืองดูวิคเตอร์ แต่ไม่แสดงท่าทีสนใจอีก
วิคเตอร์ที่ตอนแรกต้องการให้เรื่องมาถึงจุดสำคัญของเรื่องกลับพูดด้วยความละอาย “ความจริงไม่มีอะไรมาก แต่มีการกล่าวกันว่ามีความลับยิ่งใหญ่เกี่ยวกัหนอนไหมเหล็กทองของตระกูลเซวีย ความลับนี้อาจเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับมรดกตระกูลเซวีย แต่ใครจะคิดกันว่ามรดกนั้นจะสาบสูญและเพราะตระกูลเซวียกำลังจะสาบสูญส่วนที่สำคัญที่สุด พวกเขาค่อยๆ ตกต่ำ”
“ข่าวเล่าลือ” โรแลนด์แค่นเสียง
ไม่มีใครสงสัยเรื่องตระกูลเซวียมีความลับเกี่ยวกับหนอนไหมทอง มิฉะนั้น ทำไมพวกนางจึงสามารถผลิตของอย่างนั้นออกมาได้อย่างเดียว? แต่จะพูดว่าหนอนไหมทองเกี่ยวข้องกับมรดกของพวกเขา โรแลนด์ ซูไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด
“ท่านอาจจะพูดเช่นนั้น แต่ข้าเชื่ออยู่บ้าง” วิคเตอร์พูด “อย่าลืมตระกูลเซวียเคยมียอดฝีมือหลายคน และนอกจากนี้ในเวลานั้นบ้านตระกูลเซวียยังไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ที่มีแต่สตรี ขณะนั้นบ้านตระกูลเซวียรุ่งเรืองมีทั้งบุรุษและสตรี นั่นคือเหตุผลให้ข้าเชื่อเช่นนั้น”
“อย่าบอกข้านะว่า เจ้าคิดว่าตระกูลหลูรู้ความลับนี้?” โรแลนด์ ซูทำเสียงดุ แม้ว่าวิคเตอร์จะมีหลายครั้งที่ดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เขาเป็นคนเฉียบแหลมมาก สำหรับเขาที่พูดเช่นนั้น เขาแทบจะมั่นใจถึง 90%
“นั่นคือเหตุผลให้ข้ายังคงสงสัย ตระกูลหลูขาดแคลนมรดกหรือ? แม้แต่เมื่อตระกูลเซวียจะมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่ว่าจะเทียบกับตระกูลหลูในปัจจุบันได้ ทำไมตระกูลหลูถึงให้ความสนใจมรดกตระกูลเซวีย? เพียงแค่นั้นพวกเขาถึงกับยินส่งมอบนักโทษหน่วยสุญญตา 200 คนด้วยหรือ?” วิคเตอร์เบ้ปากเหยียดหยาม
“อย่างนั้นเจ้าต้องการทำอะไร?” โรแลนด์ ซูถาม
“บุรุษหน้ากากผีมาแสดงฝีมือที่นี่ไม่ใช่หรือ?” วิคเตอร์กล่าว “ครั้งนี้พวกเขาตีเส้นให้กับบุรุษหน้ากากผีและพูดว่าเขาเป็นคนนอก แต่ตอนนี้ ตระกูลเซวียถูกทอดทิ้งไว้ที่มุมหนึ่งไม่มีหนทางไปในเวลานี้ ถ้าพวกเขาปล่อยให้บุรุษหน้ากากผีได้กองหนุน อย่างนั้นพวกเขาก็คงโง่ ข้าละตื่นเต้นจริงๆ เรามีบุรุษหน้ากากผีที่ทรงพลังขนาดนั้นนอกจากนี้ยังมีบริวารของเขา 50-60 คน แล้วเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงไหน? เจ้าไม่ตื่นเต้นหรือ?”
“เจ้าคิดเรื่องทั้งหมดนี้มานานหรือยัง?” โรแลนด์ ซูถาม
วิคเตอร์ประหลาดใจ เขาลูบจมูกอีกครั้ง “งั้นเจ้าก็คิดประเมินข้าไว้สูงสินะ ข้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เจ้าคิด ข้าแค่คิดฉวยโอกาสจากสถานการณ์”
“ถ้าเจ้าไม่มีเจตนาที่ดีที่สุดกับตระกูลโรแลนด์ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” โรแลนด์ ซู พูดเย็นชา
วิคเตอร์ฝืนหัวเราะ “เฮ้ เฮ้ เฮ้ ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าสักหน่อย..”
********************
อีกมุมหนึ่งของเมือง
“วิคเตอร์ยังคงแข็งแกร่งเมื่อเขาเจ็บตัวจากฝีมือฉินเจิ้น เขาแทงฉินเจิ้นลับหลังทันที ฉินเจิ้นคงเสียใจตอนนี้แน่นอนที่ไม่ฆ่าเขาในตอนนั้น”
สวี่เย่พูดอย่างสบายๆ “วิคเตอร์เป็นนักหาโอกาสได้ดี สำหรับเขาคิดจะใช้คนของโรแลนด์ ซู โรแลนด์ ซูยังมีความเด็ดขาดมาก นางกล้าวางเดิมพันโดยไม่ลังเลอะไร ข่าวลือว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ดูท่ามีแนวโน้มเป็นจริง”
สวี่อันจงไม่สนใจเรื่องนั้น เขายังคงระลึกถึงกระบวนท่าที่หานปิงหนิงใช้สังหารมู่เจ๋อ
ความก้าวหน้าของหานปิงหนิงทำให้เขาประหลาดใจ และเห็นได้ชัดว่านางมีทักษะลอบโจมตี แต่เมื่อนางฆ่ามู่เจ๋อได้ นั่นเป็นผลงานชิ้นสำคัญจริงๆ
สวี่เย่มองดูสวี่อันจง “หานปิงหนิงนั่นภักดีต่อบุรุษหน้ากากผี เจ้าไม่มีโอกาสหรอก”
“ข้าเพียงแต่ต้องการเป็นศิษย์” สวี่อันจงเงยหน้าตอบ
สวี่เย่หัวเราะลั่นและเปลี่ยนหัวข้อ “หมัดของบุรุษหน้ากากผีเป็นยังไงบ้าง?
สวี่อันจงไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่เมื่อเขาเห็นหมัดนั้น ก็ทำให้เขาเข้าใจว่าเบนสันแพ้ยังไงเขาคิดย้อนไปเกี่ยวกับหมัดนั้น ถ้าเป็นเขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับฉินจื่อเจิน จะตระหนักได้ทันทีว่าไม่สามารถรับหมัดนั้นได้ ภายใต้ความตื่นเต้นขนาดนั้น เขาได้แต่รอเกิดใหม่
“ใช่แล้ว” ยิ้มของสวี่เย่หายไป “ใครจะคิดกันล่ะว่าคนเราจะสามารถใช้วิชาหมัดที่ลึกซึ้งนั้นออกมาได้ เขารู้แจ้งวิชาหมัดในระดับลึกซึ้งมาก เขาไม่จำเป็นต้องรู้แจ้งกฎธรรมชาติอะไร ความเปลี่ยนแปลงที่สะสมอยู่ในหมัดของเขาจะดูดซับสายใยกฎธรรมชาติรอบตัวเขาอย่างเป็นธรรมชาติ สายใยกฎธรรมชาติจะไปรวมกันที่หมัดของเขาสะสมอยู่ในหมัดของเขาเป็นจำนวนมากคนอื่นอาจมองไม่เห็น แต่นั่นเป็นการละเลยความงามภายนอกจริงๆ”
“ข้าไม่รับประกันว่าจะเอาชนะได้”
คำพูดนี้ดูเหมือนพูดด้วยแรงทั้งหมดที่เขารวบรวมได้ แต่หลังจากพูดไปแล้วสวี่อันจงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แรงกดดันที่น่ากลัวหายไป
“ขอแสดงความยินดีด้วย อันจง” ตาของสวี่เย่เป็นประกายแปลกประหลาด เขาฝึกกฎธรรมชาติเป็นตายและมีความแตกต่างสุดขั้วในเรื่องร่างกายของมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อสวี่อันจงพูดคำนี้ออกมาไม่เพียงแต่พลังชีวิตของเขาไม่ลดลงเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาสงบลงและแข็งแกร่งมากขึ้นเล็กน้อย
สวี่อันจงรู้สึกได้ชัดเจนถึงความก้าวหน้าในสภาพจิตใจของเขา แต่ไม่ต้องการแสดงความดีใจ เขายังคงสงบ “แม้ว่าข้า จะไม่มีโอกาสเอาชนะหมัดของเขา แต่ข้าก็ต้องการสู้กับเขา”
“โอกาสจะมาถึงแน่” สวี่เย่หัวเราะ “แต่,ธนูของฉินจื่อเจินไม่น่าจะถูกข่มกันได้ง่าย ใจเย็นไว้ ยังมีการแสดงให้ดูอีก