ตอนที่ 722 อาหง
พลังที่คาดไม่ถึงปะทุออกมาจากร่างของนาง
อาหงรู้สึกว่าสำนึกของพลังระเบิดเเทบจะทำลายร่างนาง และวิญญาณนางเหมือนกับจะถูกพลังระเบิดทำลาย
แม้จะเป็นแค่หยดเลือดเทพเพียงหยดเดียว แต่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายธรรมดาจะทนรับได้ เมื่อสติของอาหงหายไป ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าร่างของนางเบาเหมือนกับว่านางอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว กระแสหมุนวนขนาดมหึมาเหมือนกับดาราจักรค่อยๆ หมุนตัวก่อให้เกิดแรงดึงดูดและปลดปล่อยพลังทำลายออกมาจากร่างนางเล็กน้อย นั่นช่วยลดความกดดันในร่างของอาหงได้เป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีวังวนขนาดดาราจักรหมุนวนขนาดยักษ์ถึงสามวังวนดูดซับแรงระเบิดของเลือดเทพในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
เป็นภาพลวงตาหรือ?
นางควรจะอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านาย แล้วนางมาลอยอยู่ในท้องฟ้าได้ยังไง?
ขณะที่จิตสำนึกของอาหงกำลังตกอยู่ในความสับสน ทันใดนั้นนางรู้สึกว่ากระแสพลังงานอบอุ่นโคจรอยู่ภายในร่างของนางอย่างต่อเนื่องและชักนำพลังงานของเลือดเทพที่ระเบิดออกมาโคจรไปตามร่างกายส่วนต่างๆ ของนาง จากเส้นชีพจร กระดูก เนื้อและผิวลึกลงไปในร่างกายจนละเอียดลงๆ จนกระทั่งเส้นเลือดฝอย พลังอบอุ่นนั้นชักนำพลังของเลือดเทพเกือบครึ่งเข้าไปในร่างของนางหลอมรวมกับร่างของนาง โดยผ่านการชำระด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ การเปลี่ยนแปลงในร่างกายนางจึงเป็นไปในทางที่ดีขึ้น และจากนั้นความเปลี่ยนแปลงนั้นซึมลึกลงไปในใจนาง
พลังงานอบอุ่นยังคงชักนำพลังงานของเลือดเทพเข้ามาในท้องฟ้ายามราตรีเต็มไปด้วยหมู่ดาวนี้
พลังงานเชื่อมโยงกับวังวนดาราจักร ทำให้มีพลังหมุนวนเพิ่มเป็นทวีคูณสร้างแรงดูดซับพลังเลือดเทพได้ดีขึ้น
ในที่สุดด้วยพลังวังวนใหญ่ทั้งสามใช้เป็นรากฐาน พลังงานของเลือดเทพก่อให้เกิดแก่นกลางคล้ายดวงดาวใหญ่ พลังที่ลึกซึ้งลึกลับนั้นเกินกว่าที่อาหงจะบอกอธิบายได้ ลึกลับพอๆ กับจักรวาลที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตสำนึกของนางเอง ที่จุดเชื่อมแก่นกลางที่สุกใสสว่างมีพลังวังวนใหญ่อยู่สามจุดเป็นตัวแทนความรู้สึกนึกคิดต่างกันตามลำดับ
อาหงรู้สึกมึนศีรษะเมื่อสำนึกของนางสัมผัสได้ถึงวัตถุประสงค์ของสามวังวนใหญ่
จากนั้นนางพบว่าความคิดต่างๆ ของนางรั้งกลับมาจากภาพท้องฟ้าราตรีที่ลึกลับ
และนางจะไม่มีโอกาสอยู่ในสภาวะที่ยอดเยี่ยมนั้นอีก
หลังจากลืมตาอาหงสังเกตว่านางไม่ได้ลอยอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี แต่นางกำลังลอยอยู่ต่อหน้าเจ้านายของนางเปล่งประกายเจิดจ้า นางค่อนข้างจะคุ้นเคยกับวงเวทอักษรรูนทั้งสามและอักษรรูนสวรรค์บนร่างนาง นั่นคือวังวนทั้งสามที่ปรากฏอยู่ในกลางท้องฟ้าราตรีในนิมิตนาง อักษรรูนโบราณแสดงถึงภูมิปัญญาเทพ แหล่งพลังและรากฐานวิญญาณตามลำดับแบบถาวร ความประสงค์ของวงเวทอักษรรูนทั้งสามติดอยู่ที่ระหว่างคิ้ว หัวใจและสะดือของนางถาวร
อาหงเข้าใจทันที
พลังอบอุ่นที่ช่วยนางก็คือปราณบริสุทธิ์ที่ปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเจ้านายนาง
“อย่าหลับ จงพยายามทำความเข้าใจและพัฒนาพลังของตัวเจ้าเองขณะที่เลือดเทพกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายของเจ้า ตอนนี้เป็นเวลาฝึกตัวที่ดีที่สุดของเจ้า เจ้าจะต้องออกแบบร่างกายตัวเองและกลายเป็นเด็กสาวคนใหม่ในเวลาต่อมา” เย่ว์หยางบอกอาหงอย่างนุ่มนวล
“ค่ะ” อาหงไม่เคยเหน็ดเหนื่อยมาก่อนแม้กระทั่งสงครามที่รุนแรง แต่นางทำตามคำของเย่ว์หยางในใจและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เพื่ออนาคตที่สดใสของนาง เพื่อความคาดหวังของเจ้านายนางและฝันของนางในการออกแบบร่างกายใหม่
สู้เพื่อสิ่งนี้
นางพยายามอย่างดีที่สุดกางแขนและกอดเย่ว์หยางไว้แน่น
ทักษะพิเศษของนางอย่างเช่น “แส้ลงฑัณฑ์” “คลื่นเสียงกรีด” “เปลี่ยนศัตรูเป็นแพะ” และ “ขนนกเพลิง” ถูกสร้างซ้ำอยู่ในใจของอาหงและจากนั้นถูกพลังงานของเย่ว์หยางชักนำให้ก้าวหน้าขึ้นโดยใช้พลังเทพ ไม่ว่าจะเหนื่อย เจ็บปวด หรือยากลำบากเพียงไหน อาหงจะทนเพื่อเป้าหมายเปลี่ยนแปลงตนเองให้กลายเป็นเหมือนกับนายหญิงอู๋เหิน และทำสัญญากับคัมภีร์ให้ได้ตามที่เย่ว์หยางตั้งความหวังไว้..
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน
กระบวนการถือกำเนิดใหม่ยังคงดำเนินต่อไป
อาหงจำไม่ได้ว่านางต้องทนเจ็บปวดมากเพียงไหน นางต้องทนทุกข์กับกระบวนการเปลี่ยนแปลง และนางจำไม่ได้ว่านางใช้เวลาเท่าใดกับการดำดิ่งหลับลึก เพราะนางมิอาจทนได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่นางรู้สึกได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์ที่เจ้านายนางถ่ายเทเข้ามา นางตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่านางจะไม่ยอมแพ้ นางรู้ว่าในเวลานี้ความจริงเขาเหนื่อยกว่านาง นางไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากใช้สำนึกจิตของนางร่วมมือกับเขา เป็นเขาที่เปลี่ยนรูปร่างให้นางและทำทุกอย่างให้นาง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่สุด เขายังคงปลดปล่อยพลังงานของเขาต่อขณะที่เหงื่อของเขาหยดลงบนตัวนาง... เขาไม่หยุดเพราะความเหนื่อยล้าหรือความลำบาก ดังนั้นนางจะทำให้เขาผิดหวังได้ยังไง?
ข้าต้องการเป็นมนุษย์ ข้าอยากอยู่กับเจ้านายเสมอ
ข้าอยากทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญและกลายเป็นคนที่เจ้านายรู้สึกภาคภูมิใจ
เขาใช้เลือดเพื่อเรียกคัมภีร์อัญเชิญครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดของเขาถูกคัมภีร์อัญเชิญดูดซับมาแล้ว และเขาก็ยังรอให้นางทำสัญญากับคัมภีร์ได้อย่างอดทน
“ข้าอยากเป็นมนุษย์ที่ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้” นางพญากระหายเลือดส่งเสียงหวีดร้องจนสร้างความตกใจให้กับวิญญาณต่างๆ ในโลก นางใช้หยดเลือดเทพสีทองบนคัมภีร์อัญเชิญสีทองแดงซึ่งกำลังรอให้คนทำสัญญาอยู่ในมือของเย่ว์หยาง ขณะเดียวกันนางฝืนตนเองใช้มือที่สั่นเทาวางแปะไว้บนคัมภีร์อัญเชิญสีทองแดง
นางเห็นแสงสีทองที่บ่งบอกถึงความสำเร็จไหลผ่านซอกนิ้วมือของนาง
มากขึ้นทุกที
นางหลับตาด้วยความภาคภูมิใจ
น้ำตาสองสายกลิ้งลงมาตามใบหน้าของนางและหยดใส่แขนของเย่ว์หยางอย่างแผ่วเบา
อาหงกดมือนางลงบนคัมภีร์อัญเชิญและจากนั้นนางจูบปากเย่ว์หยางอย่างพร้อมใจ นางไม่สามารถข่มความตื่นเต้นได้ นางได้แต่แสดงความภาคภูมิใจของนางเงียบๆ โดยการจูบเขาทั้งน้ำตา นางทำได้ – ในที่สุดนางก็กลายเป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง ตั้งแต่วันนี้ไปนางจะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ สิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด และเป็นสตรีอย่างนายหญิงอู๋เหิน...ในที่สุดนางก็มีคุณสมบัติที่จะอยู่กับเขาตลอดไป และทำทุกอย่างเพื่อเขาเหมือนกับนายหญิงอู๋เหิน
รัศมีสุกใสสว่างขึ้น ปีกบนหลังของนางค่อยๆ ร่วงทีละชิ้น
และจากนั้นก็ลอยขึ้น
ในที่สุด ขนเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นพลังงานและกลับเข้าไปที่หลังของนาง
อาหงหลับหลังจากทำสัญญาและจูบร้อนแรงเสร็จ นางรู้ว่าไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ในขณะหลับ นางพญากระหายเลือดอาหงมีพลังชีวิตสูงเพิ่มมากขึ้นและกายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนั้นยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงซึ่งมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ
เมื่ออาหงตื่นขึ้นเป็นครั้งที่สอง นางพบว่าเย่ว์หยางไม่ได้อยู่กับนาง
เกือบเป็นเวลาเช้าแล้ว
นางไม่มีเวลาตรวจสอบคัมภีร์อัญเชิญ ทักษะแฝงเร้นธรรมชาติ และอสูรพิทักษ์ ทันทีที่นางรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา นางบินไปหาเย่ว์หยางทันที นางไปถึงที่หมายในทันใด อาหงรู้สึกถึงความเร็วที่รวดเร็วมากของนางจนน่าประหลาดใจ ขณะนี้เองนางเห็นภาพปกติ หญิงงามอู๋เหินกำลังนวดเฟ้นเจ้านายนางที่กำลังหลับด้วยความเหนื่อยล้าอย่างนุ่มนวล และนางเช็ดตัวเขาในเวลาเดียวกัน
ความแตกต่างจากปกติเพียงอย่างเดียวก็คือวันนี้เขาใช้พลังไปเพราะนาง ค่อนข้างมากกว่าตอนสร้างอิคคาหรือตอนปรุงยาเม็ดพลังยุทธระดับสูงสุดและอื่นๆ
“ชู่ววว” อู๋เหินบอกให้อาหงเงียบเพื่อไม่ให้ปลุกเย่ว์หยาง
“ได้” อาหงหยุดพูด เนื่องจากความตื่นเต้นของนาง
เมื่อเห็นเจ้านายนางที่เหนื่อยหมดแรงและเข้านอนโดยตรงโดยไม่ได้อาบน้ำหลังจากช่วยนางปรับโครงสร้างร่างกายด้วยเลือดเทพ อาหงซาบซึ้งใจอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก
น้ำตาไหลนองแก้มนาง อาหงไม่ใช่คนขลาดเขลาหวาดกลัว นางรู้สึกตื้นตันใจมาก อู๋เหินให้ความสนใจอาหงและให้นางมาช่วยงาน เท่าที่จะช่วยได้ “เจ้าทำอย่างนี้ได้ไหม?”
ตอนแรกอาหงจะส่ายศีรษะเพราะอาย
อาหงรักเจ้านายอย่างเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตามช่วยงานนายหญิงดูแลเย่ว์หยาง สำหรับอาหงแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วันนี้เมื่อเห็นสายตาให้กำลังใจจากนายหญิงของนาง อาหงรับผ้าเช็ดหน้าไหมมาจากมืออู๋เหินและพยักหน้ายืนยันกับนาง ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง
เมื่อเห็นเย่ว์หยางนอนหลับอย่างเงียบงัน อาหงหัวเราะและร้องไห้อีกครั้ง
นางตื่นเต้นจนร้องไห้
นางหัวเราะเพราะนางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เพราะเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่านางไม่ใช่แค่เพียงอสูรพิทักษ์ แต่เป็นสตรีผู้มีความรักบุรุษได้
บัดนี้นางผ่านการปรับสภาพร่างกายจนกลายเป็นมนุษย์ นางไม่มีปัญหากับการหาความสุขให้ตัวนางเอง สำหรับเจ้านายนางผู้มอบทุกสิ่งให้กับนาง นางเองหลงรักเขามานานแล้ว นางมีความมั่นใจพอไม่ใช่หรือ อาหงตัดสินใจที่จะรักและติดตามเขาไปตลอดชีวิต เหมือนกับนายหญิงอู๋เหิน
อู๋เหินกอดอาหงผู้ตื่นเต้นอย่างอ่อนโยนและจากไปอย่างโล่งใจ
อาหงนั่งลงและใช้ผ้าไหมสำหรับเช็ดหน้าค่อยๆ เช็ดเหงื่อจากร่างกายของเย่ว์หยางอย่างแผ่วเบานุ่มนวลเหมือนกับที่อู๋เหินทำ
วันต่อมา
เมื่อเย่ว์หยางลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเห็นร่างเปลือยดุจหยกขาวนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่ใช่หญิงงามอู๋เหิน แต่เป็นหญิงงามที่คล้ายคุ้นเคย คล้ายไม่คุ้นเคย นางคืออาหงหรือ? และนางเปลือยกายหลับอยู่ในเตียง
นางมีความกล้ากอดเย่ว์หยาง และเมื่อเขาลุกขึ้นเงียบๆ อาหงผู้รู้สึกตัวได้ทันที ขณะที่นางมองเย่ว์หยาง นางไม่ได้หลบหนีไปตามปกติ แต่กางเขนและกอดร่างเขาไว้อย่างกล้าหาญ เย่ว์หยางกอดนางตอบอย่างประหม่าและเคอะเขิน นางหลับตาพูด “ข้า..ข้าอยากรับใช้ท่านเหมือนกับนายหญิง...”
“อู๋เหินอยู่ที่ไหน?” เย่ว์หยางตกใจกับคำพูดของอาหง
“นายหญิงขอให้ข้าทำหน้าที่แทนนาง.. ข้ายังทำงานได้ไม่ดี แต่ข้าจะตั้งใจทำให้มากหนักขึ้น” เหมือนอย่างที่อู๋เหินปรนนิบัติต่อเย่ว์หยาง อาหงเลียนแบบพฤติกรรมอ่อนโยนของนายหญิงนางตัวสั่นเล็กน้อย
มนุษย์อสูร?
ตอนนี้จะถือว่าอาหงเป็นอสูรได้หรือ?
ตอนนี้นางเป็นมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ ถ้าใครบอกว่านางเป็นอสูร นั่นแสดงว่าเขาตาบอด
ในเมื่อนางไม่ใช่อสูร แต่เป็นสตรี ทำไมจะหลับนอนกับนางไม่ได้เล่า? ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดให้ลำบากใจเลย ท่านก็แค่เก็บรวบรวมดอกไม้เสียในขณะที่ท่านยังทำได้
มีแต่พวกคร่ำครึโง่เขลาเท่านั้นที่ล้มเหลวเรื่องหญิงงาม ตกอยู่ในความสับสนไปชั่วขณะ เย่ว์หยางถามตนเอง “ข้าใช่คนคร่ำครึหรือเปล่า?” เปล่าเลย แล้วข้าจะมัวเฆี่ยนก้นตัวเองอยู่ทำไม เพราะความสับสน เขารู้ว่าไม่อาจเข้าใจความจริงได้ทันที ดังนั้นเขากอดอาหงและลูบไล้นางที่พร้อมปรนนิบัติเขา หลังจากอาหงเงยหน้ามองเขา ดวงตานางมีแววเอียงอาย เขายิ้มเจ้าเล่ห์และถาม “ต้องการมีฝีมือต่อสู้ก้าวหน้าใช่ไหม? มา.. ข้าจะสอนให้เจ้า”