ตอนที่ 722 ฉินจื่อเจิน
เหนือประตูเมืองบนกำแพงหนา มีพลธนูอยู่หลายคน
ธนูสมบัติตระกูลฉิน ชื่อนี้สั่นสะเทือนไปทั่วแดนบาป
ตระกูลฉินเชี่ยวชาญในวิชายิงธนู และมีนักสู้หลายคนที่ฝึกธนูคนที่โดดเด่นที่สุดคือมู่เจ๋อ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ายังมีอีกคนที่มีฝีมือยิงธนูไม่ด้อยไปกว่ามู่เจ๋อแม้แต่น้อยและนั่นก็คือฉินจื่อเจิน ฉินจื่อเจินมีรูปร่างสูงใหญ่ เขามีสีหน้าเย็นชาและสายตาแหลมคม เขาทำตัวไม่โดดเด่น และไม่ยินดีจะเปิดเผยตัวดังนั้นคนที่รู้จักฉินจื่อเจิ้นจึงไม่มาก
นอกจากพลังพิเศษของเขาแล้ว ฉินจื่อเจินยังใช้เวลาฝึกฝนพลธนูขึ้นเป็นพิเศษด้วย
เขาฝึกฝนพลธนูในวิชาธนูต่างๆและโดยการฝึกเช่นนี้เขาสามารถสร้างกลุ่มพลธนูที่ใช้ธนูได้พร้อมเพรียงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ฉินเจิ้นยกย่องเฉินจื่อเจินมากกว่าครั้งหนึ่งและให้เขามีอำนาจสั่งการพลธนู ฉินจื่อเจินไม่รานความคาดหวังเขา แม้ว่ากองทัพของแดนบาปจะตกต่ำลงแล้วแต่คัมภีร์คู่มือของตระกูลฉินยังคงมีเรื่องราวให้พวกเขาได้ศึกษาค้นคว้า ทำให้พลธนูมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
คัมภีร์ที่รวบรวมในตระกูลฉินได้มาจากตระกูลฉินรุ่นก่อนที่เพิ่งเข้าแดนบาปได้จดบันทึกทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่คุ้นชินในแดนบาป แต่พวกเขายังคงเก็บเอาไว้เพื่ออนาคตสำหรับคนรุ่นอนาคตในฐานะเป็นข้อมูลอ้างอิงและอาจมีค่าเป็นเงินมากมาย
พลธนูตระกูลฉินล้วนน่าเกรงขามและได้รับความสำเร็จมากมาย
ตระกูลอื่นๆ ในเมืองจื่อจวนที่ยังมีความกลัวต่อตระกูลฉินเพราะเกรงกลัวต่อฉินเจิ้นผู้ห้าวหาญและหน่วยพลธนู
ฉินจื่อเจินได้รับคำสั่งให้ปิดประตูเมืองทันที เขาเต็มไปด้วยความตกใจเนื่องจากทราบถึงความแข็งแกร่งของลุงมู่และลุงเว่ย เมื่อบุรุษหน้ากากผีสามารถฆ่าพวกเขาได้ก็หมายความว่าบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งมากกว่าที่ทุกคนคาด
แต่ขณะเดียวกัน ฉินจื่อเจินโกรธเต็มที่วิชาธนูของเขาได้รับการถ่ายทอดจากมู่เจ๋อเป็นประจำ เนื่องจากฉินเจิ้นไม่มีเวลาแนะนำเขา ดังนั้นเขากับมู่เจ๋อจึงมีความสนิทกันมาก พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นลุงกับหลาน แต่เป็นอาจารย์กับศิษย์
เมื่อได้ยินว่าลุงมู่ตาย ฉินจื่อเจินตัดสินใจล้างแค้น
เขาไม่เคยคาดเลยว่าโอกาสจะมาถึงเร็วนัก
‘เจ้ากล้าบุกมาถึงประตูเมืองนับว่าไม่รู้จักความตายเลยจริง’
ฉินจื่อเจินแค่นเสียงเย็นชา หน่วยพลธนูฝีมือดีของเขาประจำตำแหน่งพร้อมแล้ว พลธนูไม่ใช้ธนูตามที่มีในร้านตลาด แต่เป็นธนูราชันย์ตระกูลฉิน ตระกูลฉินผลิตไม้แดงราชันย์ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะเจริญเติบโตแข็งเหมือนเหล็ก ลำต้นสีแดงราวกับโลหิตลายที่เหมือนเพลิงดำพวกเขาใช้วัสดุที่ดีที่สุดสร้างธนู แต่การผลิตนั้นทำได้ระดับต่ำและตระกูลฉินก็พิจารณาว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งเช่นกัน
สายธนูทำมาจากไหมเหล็กทอง แต่นั่นไม่ใช่ไหมทองธรรมดา ในไหมทองที่ผลิตโดยตระกูลเซวียบางครั้งก็ใช้ไหมสีดำที่เรียกกันว่าไหมดำเหล็กทอง ไหมดำนี้จะแข็งแกร่งมากกว่าทนกว่าเมื่อเทียบกับไหมทองธรรมดา และเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ในอัตราต่ำมากส่วนใหญ่จะมอบให้กับตระกูลฉิน
ดังนั้นการผลิตธนูราชันย์ด้วยไม้แดงราชันย์ในฐานะที่เป็นคันธนู และไหมดำเหล็กทองเนื่องจากเป็นสายธนูที่แพงมาก แต่ฉินเจิ้นไม่ลังเลใจมอบอาวุธสมบัติเหล่านี้ให้กับหน่วยพลธนู แสดงว่าฝากความหวังไว้กับพวกเขาอย่างสูง
ฉินจื่อเจินเชิดหน้าและตั้งท่า ตาของเขาตั้งใจมองบุรุษหน้ากากผีที่กำลังวิ่งตรงเข้ากลุ่มเขา ตาของเขามีแววชิงชังทันที
ยอดฝีมือทุกคนในหน่วยพลธนูเปิดกล่องธนูและเปิดชั้นลึกสุดและดึงลูกศรโลหะที่สลักลวดลาย ลูกศรเหล่านี้มีขนาดเท่าปลายนิ้ว บนตัวลูกศรเต็มไปด้วยรูปแกะสลักสวยงามเป็นชั้นๆไม่มีขนนก ปลายลูกศรมีแสงสะท้อนเยือกเย็น และรังสีกดข่มจากตัวลูกศร
นี่คือกฎฝังศรที่มีค่ามาก
ลูกศรทุกดอกแฝงไว้ด้วยกฎธรรมชาติซึ่งสร้างขึ้นจากพลธนูผู้อาบแสงกฎธรรมชาติและผนึกไว้ในลูกศรทุกวันๆ และด้วยเวลาที่พอเพียงก็จะก่อตัวเป็นกฎอยู่ในลูกศรเอง กฎฝังศรก็คือชีวิตของพลธนูที่เก็บไว้ในลูกศร เป็นงานยากที่จะประทับกฎของเขาไว้ในลูกศรเนื่องจากปกติแล้วต้องการความอดทนทำเช่นนั้นหนึ่งปีเต็ม เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะสร้างกฎฝังลูกศรพลธนูจึงไม่ใช้มันอย่างวู่วาม
ขณะที่ประทับกฎลงก็จะถูกผนึกไว้โดยพลธนูเอง ลูกศรและพลธนูเมื่อเข้ากันได้ดี พลังของลูกศรจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ฉินจื่อเจินไม่ต้องการจะชิมลางแล้ว ทุกคนใช้ลูกศรฝังกฎธรรมชาติทันที แสดงให้เห็นถึงความกลัวที่เขามีต่อบุรุษหน้ากากผี เขาไม่ต้องการปล่อยโอกาสไป คนที่สามารถฆ่ามู่เจ๋อและเว่ยหาน เขาไม่มีทางปล่อยโอกาสแน่
ฉินจื่อเจินเล็งบุรุษหน้ากากผีไว้แล้ว ธนูสมบัติในมือของเขาเหนี่ยวออกช้าๆ ธนูเงินเป็นประกายแพรวพราวพาดกับสายธนู ทั้งสองด้านของเขา พลธนูฝีมือดีทุกคนอยู่ในท่าเดียวกัน
ธนูราชันย์ และลูกศรฝังกฎธรรมชาติถูกเหนี่ยวช้าๆ
หน้าของฉินจื่อเจินยังคงเย็นชา แววอ่อนโยนในดวงตาค่อยๆ หายไปธนูถูกเหนี่ยวจนโค้งเป็นวงกลม เขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้น และไม่ขยับเลยสักนิ้ว ยอดฝีมือที่อยู่ด้านข้างเขาอยู่ในท่าเดียวกับเขา
ขณะที่ยังเหนี่ยวสายธนู ปากของเขาพูดเสียงนุ่มนวล
“ปล่อยธนู!”
สายธนูดีดออกเสียงดังเหมือนกับสายฟ้า
เมื่อปล่อยสายธนูลูกธนูเปล่งแสงเจิดจ้าซึ่งซึมออกมาจากร่างกายของพวกเขา รัศมีแสงแพรวพราวเจิดจ้าชัดเจนมากขึ้นและธนูทั้งดอกถูกแสงคลุมไว้หมดและพุ่งออกไปเป็นแนวแสงคล้ายดาวตก มันส่งเสียงหวีดหวิดแหวกอากาศ
ถังเทียนมีความรู้สึกอันตรายตั้งแต่วินาทีแรกทันทีที่อีกฝ่ายเล็งเป้ามาที่เขา แต่เขายังไม่หยุด กลับดูน่ากลัวขึ้น เขาปลดปล่อยรังสีก้าวร้าว ทำให้พื้นที่รอบตัวของเขาขาวว่างเปล่า
ธนูสิบดอกยิงมาที่ถังเทียนเหมือนสายฝน
ถังเทียนตาโต เขาสามารถรู้สึกได้ถึงรังสีทำลายล้างจากลูกธนู แสงของธนูยิงลงมาจากทุกตำแหน่งกันพื้นที่ไม่ให้พวกเขาหลบได้ ภายใต้อันตรายรุนแรง เหมือนแมวขู่ฟ่อด้วยความตกใจขนผมลุกชูชัน เขาอยากทำลายพื้นที่เพื่อหลีกเลี่ยงแต่...
เขาคิดถึงว่าหานปิงหนิงเถี่ยเซียและผิงเสี่ยวซานยังอยู่ข้างหลังเขา
พวกเขาไม่สามารถต่อต้านป้องกันธนูที่น่ากลัวได้!
หน้าของเถี่ยเซียซีดเป็นสีเทา เขาหลับตาอย่างสิ้นหวัง เขาไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลฉินจะทรงพลังมากมายถึงขนาดสร้างความสิ้นหวังได้ถึงเพียงนี้
‘ซวยจริงข้าเดิมพันผิดข้าง...’
ขณะนั้นเองมีเสียงตวาดดังขึ้น
ถังเทียนก้าวไปข้างหน้าทันใดขาซ้ายบรรจุด้วยพลังหนาแน่นทำให้รอยเท้าของเขายุบลงไปในพื้น รอยแตกคล้ายใยแมงมุมขยายออกไปรอบขาเขา ไฟต้นกำเนิดในร่างของถังเทียนพุ่งออกมาราวกับลมทำให้รอยแยกขยายออกไปอีกและมันเพิ่มขึ้นไปอีกสองสามเมตรอย่างคาดไม่ถึง
เขารั้งหมัดกลับหมัดเทพเจ้าของบุรุษหนุ่มปรากฏอีกครั้งและมิติพื้นที่รอบๆ ถูกแช่แข็งและขยายออกไป
หลังจากสู้กับเบนสัน ถังเทียนตระหนักว่าการแช่แข็งพื้นที่เมื่อเขาใช้หมัดเทพเจ้าสามารถสร้างแนวป้องกันเป็นปริมณฑลได้
‘เนื่องจากข้าไม่สามารถหลบหนีได้ ข้าได้แต่ทำอย่างนี้และช่วยทุกคนป้องกันฝนธนู!’
กฎธรรมชาติที่หมัดเทพเจ้าดึงเข้ามาทำให้พื้นที่ใหญ่ถูกแช่แข็ง และมีความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น
ถังเทียนรู้สึกถึงอันตรายรุนแรงมาจากมือธนูบนกำแพง
ภายใต้การกระตุ้นต่อสู้เสี่ยงตาย ถังเทียนทุ่มพลังของเขาทั้งหมดเพราะไม่กล้าทำอย่างอื่น เขากระตุ้นไฟต้นกำเนิดจากร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ไฟต้นกำเนิดที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนท่วมทับความคิดของถังเทียนทำให้เขาสั่นสะท้านและเกือบจะสูญเสียการควบคุมกระแสพลังที่บ้าคลั่งในปัจจุบัน เขาบังคับตนเองให้สงบลง ทะเลเพลิงต้นกำเนิดที่ตื่นเต้นแต่แรกในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นอย่างมากและกลายสภาพเป็นคลุ้มคลั่งทันทีจนถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขากำลังจะระเบิด
เขาบังคับตนเองให้ละทิ้งความกลัวและความคิดที่ไขว้เขวในใจของเขาวิชาหมัดนับไม่ถ้วน เครื่องหมายต่างๆผุดผ่านเข้ามาในใจของเขาเหมือนเมฆลอย เหมือนกับว่ามีความคิดหนึ่งทีละอย่างความคิดทั้งหลายยังคงเปลี่ยนไป และสัญลักษณ์นับไม่ถ้วนก็จะหายไป ปกติถังเทียนไม่กล้าจะใช้เครื่องหมายมากมาย เพราะเขาตระหนักว่าเขาใช้กฎสัญลักษณ์ไปมากมายสิ้นเปลืองยิ่งกว่าพลังไฟต้นกำเนิดในร่างของเขาเสียอีก
แต่ครั้งนี้ไฟต้นกำเนิดในร่างของเขาใช้ครอบงำมากเกินไป เหมือนกับคลื่นความโกรธโจมตีใส่สภาพใจของถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าเพลิงต้นกำเนิดสูญเสียการควบคุม อย่างนั้นเขาอาจไม่ต้องตายภายใต้ธนูแสง แต่เขาจะสลายไปเพราะพลังของตนเอง เรื่องต่างๆทั้งหมดที่มาจากใจถังเทียนไม่กล้าคิดเลย
สายใยกฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนพุ่งข้ามท้องฟ้ากลายเป็นแสงหลากสีสันและเข้ามารวมในหมัดของถังเทียน แสงรอบๆ หมัดของถังเทียนขยายตัวออกไป
พื้นที่แช่แข็งขยายออกไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ในพริบตาธนูแสงกำลังจะปะทะเข้ากับพื้นที่แช่แข็งที่ขยายออกมา
ทันทีที่มีการปะทะกัน ธนูแสงระเบิด พิ้งเหมือนกับน้ำแข็งแตก ทำให้ร่างของถังเทียนสะท้าน
พิง พิง พิง!
เสียงปะทะย่อยดังออกมาทำให้ร่างของถังเทียนสั่นสะท้านรุนแรง แต่ท่าหมัดของเขายังคงมั่นคง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถังเทียนเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น เขารู้ว่าร่างกายของเขาจะไม่ทนทานอะไรจากการโจมตี แต่เมื่อเขาปล่อยให้หมัดของเขาสูญเสียการควบคุมกระแสของไฟต้นกำเนิดและสายใยกฎธรรมชาติจะฉีกร่างของเขาจนสลายทันที
ธนูแสงทุกดอกระเบิดเมื่อปะทะกับพื้นที่แช่แข็งเผยให้เห็นแสงที่ส่องผ่านพื้นที่แช่แข็ง
‘นี่คือผลกระทบกฎธรรมชาติ!’
เมื่อผลกระทบกฎเข้ามาในพื้นที่แช่แข็ง พวกมันเป็นเหมือนปลาที่เข้าไปในน้ำ และมีความคล่องแคล่วว่องไว
ถังเทียนตระหนักว่าเขาไม่สามารถดึงผลกระทบกฎเหล่านั้นได้ ผลกระทบกฎธรรมชาติที่กำลังแหวกว่ายเข้ามาเหมือนกับน้ำต่างจากสายใยกฎในพื้นที่รอบๆ มันได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเป็นประจำจากพลธนูค่อยๆ ก่อตัวเป็นชั้นๆ และแทบจะมีสำนึกแบบเดียวกับพลธนูดังนั้นจึงไม่สามารถดูดซับได้
ทันใดนั้นผลกระทบกฎสีน้ำเงินเข้ายิงเข้าใส่ร่างของถังเทียนเหมือนวิญญาณต้องการจะเข้าสิงเขา
มันคือผลกระทบกฎของฉินจื่อเจิน
ถังเทียนสั่นไปทั้งร่าง ความรู้สึกชาขยายไปทั่วและสิ่งที่ทำให้ถังเทียนสีหน้าเปลี่ยนก็คือเพลิงต้นกำเนิดในร่างของเขาไม่สามารถข่มผลกระทบกฎสีน้ำเงินเข้มได้ มันเหมือนกับปลาสากสีน้ำเงินเข้มเข้าต่อสู้และสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับร่างกายของถังเทียน
‘แย่แล้ว!’
หน้าของถังเทียนตกใจ ผลกระทบกฎชอนไชเข้าหัวใจของเขา!
แต่ในขณะนั้นหมัดของถังเทียนเต็มไปด้วยสายใยกฎเต็มพิกัดแล้ว ถ้าเขาไม่ปล่อยออกไป ถังเทียนรู้สึกว่ามันอาจระเบิดใส่มือของเขาก็ได้
โดยไม่มีการรั้งอะไรอีกต่อไป ถังเทียนคำรามและปล่อยหมัดของเขาออกไปทันที!
กลุ่มแนวแสงที่มีขนาด มีขนาดเท่าโม่หลากสีสันแพรวพราวแต่ไม่ปล่อยระลอกคลื่นในอากาศ เป็นแนวหางแสงพุ่งออกไป หมัดพุ่งเข้าหาประตูเมือง
ฉินจื่อเจินที่อยู่บนกำแพงเมืองตะโกนตกใจ “แยก...”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ประตูเมืองที่อยู่ใต้เท้าของเขาไหวยวบและพลังที่น่ากลัวซึ่งดูเหมือนจะถล่มทลายภูผาได้ระเบิดอยู่ใต้เท้าของเขา ฉินจื่อเจินร้องครางด้วยความเจ็บปวดกระอักโลหิตเต็มปาก ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว ตาของเขาก็มืดลงและปลิวกระเด็น
ปัง ปัง ปัง!
เศษอิฐเศษหินปลิวกระเด็นไปทุกที่แฝงพลังไว้อย่างน่าประหลาด ทุกคนที่ถูกเศษหินพุ่งใส่จะถูกทะลวงทะลุร่างกาย เลือดมากมายฉีดพุ่งพร้อมกันเสียงร้องเสียงคร่ำครวญดังเต็มหู
ประตูเมืองที่สง่างามหายไป และเหลืออยู่หลุมที่กว้าง 60 เมตร
“ไปกันเถอะ”
ถังเทียนพาผิงเสี่ยวซานผู้ยืนตะลึงไปหมด เขาร้องลั่นและวิ่งออกไปทันที
หานปิงหนิงและเถี่ยเซียตื่นจากฝันกลางวันและตามเขาไปทันที