ตอนที่ 721 อยากเป็นมนุษย์
ทุกคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กับการคาดหวังให้เสวี่ยทันหลางกลายเป็นคนพูดมากเหมือนกับเจ้าอ้วนไห่
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของเย่ว์หยางสร้างแรงกดดันให้กับเสวี่ยทันหลาง
ในอดีตที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เสวี่ยทันหลางยอมท่องบันทึกเหตุการณ์ลึกลับแดนสวรรค์ต่อหน้าธารกำนัล นั่นไม่ต่างกับการฆ่าเขาเลย อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ว์หยางมอบหมายให้เขาทำในครั้งนี้ เสวี่ยทันหลางยอมรับทำ แม้ว่าหน้าของเขาจะซีดด้วยความกลัว แต่เสวี่ยทันหลางตื่นตระหนกกับสงครามรุนแรงที่เขาได้ประสบมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเข้าแดนสวรรค์ ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งในเร็ววัน อาจจะมีอันตรายซ่อนเร้นรอเขาและกลุ่มของเขาทุกคนก็ได้
ในฐานะเป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการฝึกฝนในกลุ่มของเขา เสวี่ยทันหลางมีภาระผูกพันจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น
หลังจากช่วยเหลือคนอื่นๆ ในกลุ่มให้พัฒนาพลังก้าวหน้า เย่ว์หยางหันเหความสนใจมาอยู่ที่อสูรศึกของเขา เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวพาอี้หนาน เย่ว์ปิงและคนอื่นๆ ไปฝึกฝนที่ประตูเป็นและประตูตาย ขณะที่หัวหน้าลี่เยี่ยนและสาวขี้เมาก็ตื่นตัวกับการฝึกฝนเช่นกัน เหลือแต่เพียงเย่ว์หวี่กับอู๋เหินที่อยู่เป็นเพื่อนเย่ว์หยาง
ทั้งเย่ว์หวี่และอู๋เหินปฏิเสธไม่ยอมรับเลือดเทพที่เย่ว์หยางดึงออกมาจากพญากุญชร
พวกนางปฏิเสธเลือดเทพเพราะพวกนางไม่ใช่กองกำลังต่อสู้หลัก แม้ว่าเลือดเทพนั้นจะช่วยให้ร่างกายของพวกนางมีพัฒนาการก้าวหน้าได้อย่างมากมาย
เย่ว์หยางลอบถอนหายใจกับทัศนคติของพวกนาง ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็แค่ใช้เลือดตัวเองพัฒนาโครงสร้างร่างกายเขา ปัจจุบันนี้เย่ว์หยางมั่นใจว่าเลือดของเขามีศักยภาพคล้ายกับเลือดของเทพ เป็นโครงสร้างหลักของนักท่องเที่ยวกาลเวลาที่ไม่มีใครอื่นในทวีปมังกรทะยานมี อาจเป็นผลมาจากกลอุบายของนักพรตเฒ่าหรือการจากการฝึกฝนลมปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา หรืออาจเป็นการหลอมรวมกับมิติจักรวาล หรืออาจเป็นทั้งสามปัจจัยรวมกันเพื่อสนับสนุนศักยภาพเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้ว่าเลือดของเขามีความพิเศษเฉพาะ
และยิ่งเขาทรงพลังมาก เลือดของเขาก็จะยิ่งมีศักยภาพมากขึ้น
เลือดของเขาอาจมีพลังที่ไร้เทียมทานเช่นเดียวกับเลือดของเทพเมื่อเขาเลื่อนระดับเป็นนักสู้ปราณราชันย์
“อาหง! เลือดเทพครั้งนี้จะใช้ยกระดับพลังให้เจ้า!” เย่ว์หยางคิดว่าจะใช้หยดเลือดเทพนี้ยังไงมานานแล้ว ควรจะใช้กับตั่วตั่วนางพญาดอกหนามมงกุฎทองผู้มีคุณค่าที่สุดและมีศักยภาพสูงที่สุดหรือ? หรือว่าควรจะใช้กับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงผู้รับมรดกพลังจากเทพมังกรทอง? ถ้าใช้กับคนใดคนหนึ่ง ก็จะเลื่อนระดับพลังได้มากมายแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองนางต่างอยู่ในช่วงจำศีลวิวัฒนาการ ตั่วตั่วก็น่าจะดีเพราะนางสามารถป้องกันตัวได้ถ้าอันตรายเกิดขึ้น แต่เจี้ยงอิงสภาพใจยังปั่นป่วน ขณะหลอมรวมกับพลังของเทพมังกรทอง
ในความเป็นจริงจะดีที่สุดถ้าใช้ยกระดับให้เสี่ยวเหวินหลี
แต่แม่หนูอสรพิษน้อยเคยมองข้ามเลือดเทพมาก่อน บิดามารดาของเธอก็คือเย่ว์หยางและนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ดังนั้นเลือดเทพที่ล้ำค่าเป็นความฝันของทุกคน จึงไม่สำคัญต่อเธอ
ถัดจากเสี่ยวเหวินหลีไม่ว่าจะเป็นอาหงนางพญากระหายเลือด หรือโคเงาอาหมัน ในสายตาของเย่ว์หยางทั้งสองอยู่ในระดับเท่ากัน
ภูตเพลิงฟ้าและตั๊กแตนมัจจุราชยังเร็วเกินไปเล็กน้อยถ้าจะใช้เลือดเทพเลื่อนระดับพวกเขา
สำหรับอิคคา ครั้งล่าสุดเย่ว์หยางใช้สมบัติที่ดีที่สุดของเขาไปแล้ว เลือดของเขาและเลือดเทพใช้สร้างนางฟ้าศึกที่แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่แน่ใจว่าจะมีพลังเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน นางถือกำเนิดมาพร้อมกับคัมภีร์อัญเชิญซึ่งด้อยกว่าเสี่ยวเหวินหลีที่เกิดมาพร้อมกับคัมภีร์เพชรและสี่อสูรพิทักษ์เพียงเล็กน้อย พูดให้ถูกในเวลานี้ก็คือยังไม่จำเป็นต้องเลื่อนระดับให้อิคคา ถ้าเป็นไปได้เย่ว์หยางสามารถใช้เลือดของเขาช่วยให้นางเติบโตได้หลังจากเขามีพัฒนาการก้าวหน้า
สำหรับสองพี่น้องเทพธิดาศึกอาหยูอาเหยามีวิธีการฝึกที่แตกต่างไม่ธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งเลือดเทพออกจากกันได้
ดังนั้นในที่สุด
เย่ว์หยางตัดสินใจยกระดับให้อาหงและอาหมันในท้ายที่สุด
เมื่อพูดถึงการสู้รบ นอกจากเสี่ยวเหวินหลี อาหงและอาหมันที่มีประสบการณ์มากที่สุด จนถึงตอนนี้พวกนางมีผลการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและมีส่วนร่วมในการต่อสู้เกือบทั้งหมดและพวกนางได้สร้างความดีความชอบที่น่าทึ่ง
ดังนั้นหนึ่งในพวกนางมีคุณสมบัติจะได้รับเลือดเทพ
เย่ว์หยางทำใจเป็นกลางอย่างเงียบๆ ในที่สุดเขาตัดสินใจยกระดับให้นางพญากระหายเลือดอาหงด้วยเลือดเทพ ที่สำคัญอาหมันเป็นเจ้าของพลังของไตตันและหัวใจธรณีสารแล้ว ตราบใดที่นางยังคงยืนอยู่บนพื้น นางจะเป็นนักรบสตรีที่ไร้เทียมทานเสมอ! ถ้าเย่ว์หยางอยู่ในหอทงเทียน อาหงก็แทบจะต่อต้านศัตรูได้ทั้งหมด แต่เมื่อมายังแดนสวรรค์ นางพญากระหายเลือดยังแข็งแกร่งไม่พอ และนางต้องออกแรงต่อสู้อย่างหนัก นี่ยังคงเป็นกรณีที่พบศัตรูแข็งแกร่งมากขึ้นกว่า ถ้าพวกนางพบเจอศัตรูปราณฟ้าระดับหกหรือสูงกว่านั้น อาหงจะพบกับความยากลำบากยิ่งขึ้น
“อ๊า? จริงหรือ?” นางพญากระหายเลือดอาหงยังไม่อยากเชื่อหูตนเอง ใบหน้าของนางมีแววประหลาดใจ
“แน่นอน” เย่ว์หยางยืนยัน
“ว้าย..ว้าว..” นางพญากระหายเลือดอาหงบินขึ้นไปในอากาศร่าเริงเหมือนกับเด็กๆ นางบินไปวนมาเป็นเวลานาน จากนั้นโฉบลงมากอดเย่ว์หยางและจูบเขาด้วยความตื่นเต้น หลังจากนางทำเช่นนั้น นางบอกอาหมัน “อาหมัน! นายท่านบอกว่าครั้งนี้เขาจะใช้เลือดเทพช่วยให้ข้ายกระดับ ฮะฮะ.. ต่อไปข้าจะแซงเจ้าได้แล้ว!”
“นั่นเยี่ยมไปเลย!” โชคดีที่อาหมันไม่รู้สึกอิจฉาเหมือนที่สตรีชาวมนุษย์ทำกัน มิฉะนั้นนางคงต้องโกรธว่า แค่ได้เลือดเทพแค่นี้ยังต้องเอามาอวดด้วยหรือ?
ความจริงนางพญากระหายเลือดไม่ตั้งใจจะอวดแต่อย่างใด นางแค่ต้องการแบ่งปันความสุขความดีใจกับสหายของนาง
นางพญากระหายเลือดร่วมงานมากับอาหมันบ่อยที่สุด ดังนั้นพวกนางจึงสนิทเข้ากันได้ดี ถ้ามีข่าวดีอะไร อาหงมักจะบอกนางก่อนเสมอ
อาหมันก็โลดเต้นด้วยความดีใจและมีความสุขกับนาง
ถ้าเปลี่ยนเป็นหญิงมนุษย์ก็คงมีการทะเลาะด่าทอกันแน่ นี่เป็นเรื่องที่ต้องเอามาอวดกันด้วยหรือ? กะอีแค่หยดเลือดเทพ
สติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ของอสูรศึกยากจะซับซ้อนเท่ากับมนุษย์ และนิสัยของพวกเขาได้รับอิทธิพลสภาพแวดล้อมจากเจ้าของด้วย ถ้าสตรีที่แวดล้อมเย่ว์หยาง อย่างเช่นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียมักจะมีส่วนร่วมในการวางแผนและพยายามชิงดีชิงเด่นกันทุกวัน อย่างนั้นอาหง อาหมันและตั่วตั่วก็ได้รับอิทธิพลมาอย่างแน่นอน แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และเสวี่ยอู๋เสียมีความสามัคคีกลมเกลียวกันทำให้ส่งผลต่อนิสัยของอสูรศึกไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงงามอู๋เหินจะมีนิสัยที่ไม่บกพร่อง นางมักทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างบ่อยๆ
บางครั้งนางก็ปรุงอาหารหรือไม่ก็ตัดเย็บชุดเอง และบางครั้งนางก็ขอให้อาหงและอาหมันมาช่วยนาง ในชีวิตของพวกนาง นางได้รับการสอนจนสติปัญญาและความเป็นมนุษย์ของพวกนางเติบโตขึ้น พอเวลาผ่านไปพวกนางก็มีความก้าวหน้า
สำหรับอาหง อาหมันและคนอื่น อู๋เหินเป็นยิ่งกว่าผู้ดูแลพวกนาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกฝน ดังนั้นอู๋เหินที่อยู่กับเย่ว์หยางเป็นส่วนใหญ่จะใช้เวลากับพวกนางมากที่สุด สตรีตัวเล็กที่มีนิสัยอ่อนโยนเป็นตัวอย่างให้พวกนางเรียนรู้ได้ดีที่สุด แม้ว่าพวกนางจะไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่อาหงและอาหมันต้องการเป็นสตรีแท้เหมือนกับอู๋เหินแน่นอน
หลังจากค้นคว้าอักษรรูนอู๋เหินมักจะเตรียมอาหารให้เย่ว์หยาง ทุกครั้งหลังจากนางนำอาหารมาให้เย่ว์หยาง เมื่อเห็นเย่ว์หยางกินอาหารมากมายด้วยความร่อย....
จากนั้นอู๋เหินจะนำอ่างน้ำมาเช็ดตัวเช็ดเท้าให้เย่ว์หยาง มองดูเย่ว์หยางหลับหลังจากนั้น...
ทุกครั้งก่อนที่เย่ว์หยางจะออกไป อู๋เหินจะช่วยแต่งตัวให้เขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า...
ทุกครั้งที่ใช้ผ้าเช็ดหน้า อู๋เหินจะเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล
การกระทำทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของอาหงและอาหมัน และพวกนางจดจำเอาไว้ในใจ อาจกล่าวได้ว่าคนที่มีอิทธิพลต่ออาหง อาหมันและตั่วตั่วก็คืออู๋เหินซึ่งทำทุกอย่างด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล
“ดูเจ้าสิ มีความสุขมากเลยสินะ!” อู๋เหินลูบหลังอาหงที่โถมเข้ามาในอ้อมกอดนางอย่างใจดี นางเหมือนกับแม่ตัวน้อยๆ แม้ว่าอาหงและอาหมันจะตัวสูงกว่านางมากก็ตาม แต่พวกนางบางครั้งก็ทำตัวเหมือนเป็นลูกสาวของนาง ถ้าไม่ใช่การต่อสู้และการเปลี่ยนแปลงบ่อยซึ่งเย่ว์หยางจำเป็นต้องมุ่งเน้นให้มากขึ้น พวกเขาอาจจะมีลูกไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนคิดว่าคงจะดีกว่าถ้ายังไม่มีลูกในตอนนี้ และบางทีทารกที่ถือกำเนิดตอนสงครามจบหลังจากเย่ว์หยางย่างเท้าเข้าสู่ระดับขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ของนักสู้ปราราชันย์ก็จะยิ่งมีศักยภาพมาก หญิงงามอู๋เหินเองก็อยากมีลูกจริงๆ อย่างไรก็ตามความปรารถนาของนางยังเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว อู๋เหินคอยรักและเอาใจใส่ทุกคนรอบตัวนางที่จำเป็นต้องดูแล รวมทั้งสาวน้อยอย่างปิงเอ๋อ ซวงเอ๋อและเสี่ยวเหวินหลี, และสาวใหญ่อย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว สาวๆ ที่เป็นอสูรพิทักษ์อย่างเช่นอาหง อาหมัน
“เจ้าก็ต้องการได้เลือดเทพด้วยหรือ? ไม่มีทาง” ตอนนี้แมงป่องดาวพบว่าการติดตามเย่ว์หยางจะมีอนาคตที่สดใสและมันค่อนข้างเต็มใจจะทำเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากซิมบาเข้ามาร่วมกลุ่มซึ่งทำให้มันคลายความกังวลไปมาก
“คริก!” แมงป่องดาวมีปัญญาฉลาด แต่พูดแสดงอารมณ์ในใจซึ่งมันเก็บกดไว้ไม่ได้
การกักเก็บพวกเขาไว้เป็นเหมือนสมบัติหายากที่รอการเสนอราคาสูงสุดที่จะขาย เย่ว์หยางไม่กังวลเรื่องทำสัญญาและไม่พูดเรื่องการหลอมรวมระหว่างแมงป่องดาวกับถุงมือราศีแมงป่องเพื่อสร้างทหารร่างอสูรศักดิ์สิทธิ์”
โชคดีที่เย่ว์หยางไม่ทำให้แมงป่องดาวรู้สึกผิดหวัง
เขาให้แมงมุมทรายฟันเหล็กทองซึ่งถูกพิษของแมงป่อง และขาที่กลายเป็นทองของกู่เติ้งเพื่อให้มันดูดซับพลังงานได้
ในอดีตแมงป่องดาวไม่กล้ารับอาหารจากเย่ว์หยางง่ายๆ แต่ตอนนี้มันกระตือรือร้นจะสร้างมิตรภาพที่ดีกับเย่ว์หยาง แมงป่องดาวรับแมงมุมทรายฟันเหล็กทองและขาที่กลายเป็นทองของกู่เติ้งอย่างมีความสุข นอกจากนี้ของทั้งสองสิ่งนี้เป็นประโยชน์ในการสร้างพลังความก้าวหน้าให้กับมัน คงเป็นเรื่องโง่ถ้ามันลังเลจะยอมรับเอาไว้
นางพญากระหายเลือดตื่นเต้นทั้งวันและแทบอดใจรอเวลาเริ่มต้นหลอมรวมในตอนกลางคืนไม่ไหว
ถึงเวลากลางคืนพิธีการหลอมรวมจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เย่ว์หยางชำระเลือดเทพด้วยเพลิงอมฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเปลี่ยนทำให้เลือดเทพมีความบริสุทธิ์โดยไม่รู้สึกถึงอะไรอย่างอื่นยกเว้นพลังงานที่ศักดิ์สิทธิ์
ตอนแรกเย่ว์หยางเขียนอักษรรูนสวรรค์บนร่างเปลือยขาวปานเย้ยหิมะของอาหงเพื่อช่วยให้นางดูดซับเลือดเทพได้ดี จากนั้นเย่ว์หยางใช้เลือดตนเองบวกกับใช้วิชาลี้ลับของอักษรรูนโลหิตเพื่อเขียนอักษรรูนโบราณที่สะดือนาง บนหัวใจและระหว่างคิ้วไปตามลำดับ ความสามารถในการเขียนวงเวทอักษรรูนโบราณทั้งสามเป็นเครื่องหมายถึง ภูมิปัญญาเทพ, แหล่งพลังงาน,และรากฐานวิญญาณ
ใช้เลือดเทพเพื่อสร้างพลังรบให้กับอาหงไม่ใช่สิ่งที่เย่ว์หยางหวังที่สุด
แต่เขาต้องการให้อาหงเกิดใหม่ในฐานะมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือของเลือดเทพ
เขาหวังว่านางจะสามารถมีคัมภีร์อัญเชิญเหมือนกับเสี่ยวเหวินหลี อิคคา เจี้ยงอิงและฮุยไท่หลางและกลายเป็นอสูรในตำนานสำหรับมนุษย์
แม้ว่านางจะมีแต่เพียงคัมภีร์อัญเชิญทองแดง แต่อนาคตเส้นทางการเติบโตของนางจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ภูมิปัญญาจะทำให้อาหงมีสติปัญญาสูงส่ง แหล่งพลังจะทำให้อาหงมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ รากฐานวิญญาณจะเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งซึ่งสามารถยกระดับศักยภาพและพัฒนาความสามารถทำให้สามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้จะทำให้นางกลายเป็นอสูรในตำนาน
“เจ้าพร้อมหรือยัง?” เย่ว์หยางถามอาหงที่กระวนกระวายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เลือดเทพลอยอยู่เหนือฝ่ามือของเขา
“ข้าพร้อมแล้ว!” แม้ว่าใจของอาหงจะเต้นรัวเป็นกลอง แต่นางก็ยังพยักหน้ายืนยัน
ความประหม่าของนางไม่ใช่เป็นเพราะนางเขินอาย การเปลือยกายต่อหน้าเจ้านายของนางทำให้นางอายเพียงเล็กน้อย ความกระวนกระวายของนางไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้น - นางไม่สามารถสงบใจได้หลังจากหลอมรวมกับเลือดเทพเพื่อจุติใหม่จะทำให้ชีวิตนางเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้นางกังวลที่สุดก็คือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นางกังวลว่านางจะไม่สามารถทำตามความคาดหวังของเจ้านายนางได้ กลัวว่านางจะไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ ซึ่งนั่นจะไม่ทำให้นางกลายเป็นอสูรในตำนาน และนางคงจะทำให้เจ้านายนางผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม นางไม่อาจหนีได้
นางยอมรับของขวัญของเจ้านายนางและยอมท้าทายโชคชะตาของนาง
เมื่อเย่ว์หยางหยดเลือดเทพสีทองลงในปากของนาง อาหงหลับตาและประสานมืออยู่ที่หน้าอก ขณะนั้นนางเพียงแต่สวดภาวนา ข้าแต่เทพเจ้า! โปรดช่วยข้าให้มีชีวิตตามที่นายท่านคาดหวังด้วยเถิด ข้าอยากเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่เหมือนกับนายหญิงอู๋เหิน ข้าอยากอยู่กับนายท่านและนายหญิงอู๋เหินตลอดไป....