ตอนที่ 721 การสู้รบอย่างดุเดือดบนถนน
เถี่ยเซียเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว ตราบใดที่สถานการณ์ไม่เป็นใจ เขาจะหนี เขาติดตามตระกูลหลูด้วยความต้องการว่าชีวิตจะดีขึ้น ในฐานะคนโฉดชั้นสองมีหลายคนต้องการให้เขาตาย แต่เขามักมีชีวิตเป็นปกติสุข
เขาสามารถออกในเมืองใดก็ได้อย่างอิสระ เนื่องจากเขาเชี่ยวชาญในการซ่อนในความมืด
เขาเพียงแต่สังเกตดูการต่อสู้ของบุรุษหน้ากากผีกับเบนสันจากที่ไกล แต่พลังของพายุดาบยิ่งใหญ่จนเขาตกใจ และเขารู้สึกว่ายิ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อเมื่อบุรุษหน้ากากผีเอาชนะได้จริงๆ ‘วิชาหมัดนั้นทรงพลังอย่างแท้จริงหรือเปล่า?’ เมื่อถังเทียนใช้หมัดเทพเจ้าในตอนแรก เถี่ยเซียรู้สึกได้ทันทีถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาจากมัน ดังนั้นเขายอมแพ้โดยไม่ลังเล
พลังต้นกำเนิดที่บุรุษหน้ากากผีครอบครองด้วยความสำเร็จทำให้เขายอมรับ ด้วยพลังต้นกำเนิดที่สมบูรณ์อย่างนั้นตะลุยไปที่ใดก็ได้
แต่เขายังไม่เห็นความหวังใดๆที่บุรุษหน้ากากผีจะสู้กับมู่เจ๋อและเว่ยหาน แม้ว่าเขาจะเลือกอาศัยตระกูลหลู แต่เขาก็ได้ศึกษามหาอำนาจของเมืองต่างๆ และรู้เรื่องพวกเขาทั้งหมด สี่ขุนพลใหญ่ของตระกูลฉินมีพลังร้ายกาจมากและคนนับไม่ถ้วนตายภายใต้เงื้อมมือพวกเขา ฉินเจิ้นเองก็ไม่ค่อยปรากฏตัวมาแล้วหลายปี เพราะนั่นไม่มีความจำเป็น
นอกจากความจริงที่ว่าบุรุษหน้ากากผีเอาชนะเบนสันได้ ถ้าเป็นการต่อสู้จริง บุรุษหน้ากากผีอาจจะถูกฆ่าได้ทันที ถ้าไม่ได้สังเกตดูการต่อสู้ในพายุดาบเถี่ยเซียเองก็คงยืนยันความคิดเดิมของตน
เจอกับเว่ยหานและมู่เจ๋อร่วมมือกันเบนสันหน้าดำก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ สี่ขุนพลของตระกูลฉินเป็นยอดฝีมือกันทั้งหมด ทั้งหมดร่วมกันทุ่มหยาดเหงื่อเลือด และน้ำตาให้ฉินเจิ้นนับไม่ถ้วน แม้ว่าทั้งสี่คนไม่ใช่เป็นคนในตระกูล แต่ฉินเจิ้นก็ให้ความสำคัญพวกเขามากดังนั้นทั้งสี่คนจึงรั้งสถานะสำคัญซึ่งแม้แต่คนในตระกูลฉินยังต้องทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ
แต่ผลของการต่อสู้แทบจะทำให้เถี่ยเซียตาทะลุออกมานอกเบ้า
เวลาที่ใช้พังทลายอาคารเทียมเมฆและเพราะสองคนนั้นถูกฆ่าในพริบตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหานปิงหนิงนางงามน้ำแข็งที่ดูไม่อันตรายเลยก็ยังรู้วิธีลอบทำร้ายคนภายในทะเลสาบจำลอง
‘น่ากลัว!’
เถี่ยเซียหยุดวิ่ง สีหน้าของเขาตอนนี้สับสนเต็มที่ เพราะเหตุผลบางอย่างเขาสังหรณ์ใจว่าบุรุษหน้ากากผีจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิด และหน่วยสุญญตามีแนวโน้มว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าที่ทุกคนคิด
มือของหมิงจูเย็นเฉียบขณะที่นางมองดูบ้านตระกูลเซวียที่ยุ่งเหยิงอย่างใจลอย
ทุกคนในตระกูลเซวียสั่นสะท้าน พวกเขาทั้งหมดวิ่งออกมาและเมื่อเห็นฉากภาพที่น่ากลัว สุภาพสตรีหลายคนกรีดร้องเสียงดังทำให้บ้านตระกูลเซวียตกอยู่ในความโกลาหล มีอยู่สองสามคนที่มีความรู้มากอย่างเสี่ยวเหยา เซวียเหยียน ฯลฯทุกคนสีหน้าซีดว่างเปล่า นั่นคืออาคารเทียมเมฆ อาคารเทียมเมฆของตระกูลฉิน
“พวกเจ้าทุกคนจะส่งเสียงเอะอะไปทำไม! ข้ายังไม่ตายสักหน่อย!”
คุณนายผู้เฒ่าเดินออกมาโดยมีคนใช้ประคองนาง เมื่อเห็นความโกลาหล นางตวาดทันที
แม่เฒ่ายังคงมีพลังอยู่ เมื่อนางตวาดทุกคนภายในบ้านหยุดกรีดร้องทันที เหลือแต่ความกลัวอยู่บนใบหน้าพวกนาง
“หมิงจู, เกิดอะไรขึ้น?” แม่เฒ่าเซวียถาม
หมิงจูค่อยรู้สึกตัว นางสีหน้าซีดอธิบายทุกอย่างที่นางรู้
แม่เฒ่าตระกูลเซวียสั่งอย่างใจเย็น “ไปตรวจดูที่คลังสินค้า”
หลังจากนั้นชั่วขณะ บ่าวคนหนึ่งกลับมารายงาน “ถังเทียนไม่อยู่ที่นี่!”
แม้เมื่อเรื่องที่คาดเดาในใจนางจะพิสูจน์ว่าถูกต้อง แต่หน้าของหมิงจูยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ และไม่สามารถพูดอะไรได้อยู่นาน สตรีอื่นได้แต่มองหน้ากันเอง หน้าของพวกนางเต็มไปด้วยอาการตกใจ ไม่มีใครคิดว่าการปรากฏตัวของเจ้าหน้ากากผีจะเป็นถังเทียนจริงๆถังเทียนผู้ขี้เกียจเอาแต่นอนอยู่ในห้องทั้งวัน
หลังจากนั้นสถานที่กลายเป็นเงียบสงบ
หมิงจูสับสน แต่ในที่สุดก็เข้าใจถึงเหตุผลที่บุรุษหน้ากากผีพูดกับนางได้อย่างปกติ ถังเทียนคือบุรุษหน้ากากผีจริงๆ!
แม่เฒ่าตระกูลเซวียกระแอมเบาๆ และพูดทำลายความเงียบ
“นี่นับว่าดีแล้ว”
นางพูดช้ามาก แต่ไม่มีความลังเลทำให้หมิงจูและพวกที่เหลือสับสน สำหรับพวกนางนี่คือความพินาศของตระกูลเซวีย ตระกูลฉินที่ไม่เคยมีเหตุผลหรือข้ออ้างจะได้ข้ออ้างในที่สุด และจะลงมือโดยไม่ลังเลเลย
“ช่วงเวลานี้ พวกเจ้าไปเยี่ยมเยือนตระกูลต่างๆ แต่เกิดอะไรขึ้น? มีใครยินดียื่นมือช่วยเหลือบ้าง?”
สายตาแม่เฒ่ากวาดผ่านมองทุกคนทำให้พวกนางก้มหน้าเงียบกันหมด
“ไม่มี, นั่นไม่แปลก อิทธิพลของตระกูลฉินในเมืองจื่อจวนยิ่งใหญ่มากไม่มีใครกล้าสู้กับตระกูลฉินโดยเปิดเผย แต่ตอนนี้มีอยู่คนหนึ่ง แล้วนั้นไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ?”
“ท่านยาย, ท่านกำลังพูดถึงบุรุษหน้ากากผีใช่ไหม?” หมิงจูถาม
“ถูกแล้ว” แม่เฒ่ากล่าว “เขาฆ่าขุนพลตระกูลฉินไปสองคนไม่มีทางจะคลายความตึงเครียดกับตระกูลฉินอีกต่อไป ถ้าเราได้ความช่วยเหลือจากเขา เราจะปลอดภัยขึ้นมากเช่นกัน ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนกังวลเรื่องความขัดแย้งกับตระกูลฉิน แต่ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการ แต่ตระกูลฉินจะต้องเคลื่อนไหวลงมือกับเรา ดังนั้นเลิกคิดฝันเรื่องที่ดีที่สุดได้แล้ว”
“แต่บุรุษหน้ากากผีมีอยู่คนเดียว...” เซวียเยียนพูดเบาๆ
“คนเดียว?” หญิงชราส่ายหน้า “เขาไม่ได้มีคนเดียว อย่าลืม ยังมีหน่วยสุญญตาอยู่หลังเขา แม้ว่าบริวารของเขาจะยังไม่อยู่ที่นี่ แต่ข้าได้ยินว่าพวกเขาภักดีต่อเขามาก ตราบใดที่ได้บางส่วนกลับมาหาเขา กำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมา ถึงช่วงนี้เมื่อเขาตกอยู่ในความลำบาก เราต้องช่วยเขาซึ่งเหมือนกับช่วยตัวเองด้วย พวกเจ้าไปถามดูพวกที่สนิทกับเรา และหาดูนักโทษหน่วยสุญญตา ซื้อพวกเขาให้หมด ราคาสิบเท่าก็เอาถ้าสิบเท่าไม่พอก็ให้ร้อยเท่า! นี่ไม่ใช่เวลามากังวลเรื่องเงิน ทุ่มให้หมดดีกว่าตกไปอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลฉินหรือตระกูลหลู”
ทุกคนถูกปลุกเร้า
เสี่ยวเหยาถามทันที “อย่างนั้น... ถังเทียนไปไหน?”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนอีกครั้ง
แม่เฒ่ากล่าว “ให้ทุกคนไปหาเขาทันที”
**************
ในซอยเล็กไม่ห่างจากบ้านตระกูลเซวีย ถังเทียนถาม “เจ้าแน่ใจนะว่าจริง?”
“ผู้น้อยไม่มีทางโกหก” ผิงเสี่ยวซานตอบทันที “ตอนนี้ที่ผู้น้อยเตรียมกลับมารายงานนายท่าน จู่ๆ ก็มีสุภาพสตรีคนหนึ่งเข้ามาขวางทางข้าบอกว่านางมาจากตระกูลโรแลนด์ พวกเขายินดีมอบหน่วยสุญญตาที่อยู่ในมือของเขาให้ท่าน เป็นการไม่สะดวกที่พวกเขาจะปรากฏตัวขอให้นายท่านรับพวกเขาไปด้วยตนเอง”
“ตระกูลโรแลนด์?” ถังเทียนแค่นเสียง
“ขอรับ ทางด้านนี้ก็คือเหมืองของตระกูลโรแลนด์” ผิงเสี่ยวซานพูดด้วยความเคารพ
เขาสั่นอย่างหนัก บังเอิญเขาเห็นการต่อสู้ที่อาคารเทียมเมฆความรุนแรงที่เจ้านายเขาแสดงออกมาน่ากลัวเกินไป ก่อนที่เบนสันจะเปิดเผยพลังของเขาชื่อของสี่ขุนพลของตระกูลฉินกล่าวกันว่าแข็งแกร่งกว่าเบนสันเสียอีก ดาบคลุ้มคลั่งเว่ยหาน คว้าแสงมู่เจ๋อมีหลายคนตายในเงื้อมมือพวกเขา แต่พวกเขาถูกฆ่าตายที่อาคารเทียมเมฆ มิน่าเล่าตระกูลโรแลนด์ถึงได้ยินดีจะโยนเครื่องหมายความสงบออกมา
สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นก็คือวิชาสุดท้ายที่ใช้ก็คือวิชาพรางตัวของตระกูลผิง
ถนนตกอยู่ในความโกลาหล ความวุ่นวายใหญ่ที่เกิดที่อาคารเทียมเมฆส่วนใหญ่ทุกคนรู้ว่าเป็นของตระกูลฉิน ผิงเสี่ยวซานรู้ว่าช่วงเวลานั้นสำคัญ การสู้รบครั้งใหญ่นี้จะทำให้ตระกูลฉินโกรธและไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายจะหันกลับคืนได้ ตระกูลฉินจะต้องทุ่มเทใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีเข้าต่อสู้กับเขา
“เจ้ารู้จักทางไปที่นั่นไหม?” ถังเทียนถาม
“ขอรับ” ผิงเสี่ยวซานเลียริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นคนโง่ยังไง พวกเขารู้ว่าการสู้รบได้รูดม่านแล้วเพราะความวุ่นวายในเมืองจื่อจวน สามารถมีส่วนร่วมกับเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นได้ เขาตระหนักว่าเขากังวลและตื่นเต้น แต่ไม่กลัว
“นำทาง” ถังเทียนมีประกายตาตื่นเต้น หานปิงหนิงติดตามข้างหลังเขาอย่างไม่ลังเล
“ข้าไปด้วย!” เถี่ยเซียพูดขึ้น เขาโดดลงมาจากกำแพงของซอย
ถังเทียนมองดูเถี่ยเซียด้วยความประหลาดใจ
เถี่ยเซียฝืนหัวเราะ “ถ้าข้ายังอยู่ในคลังสินค้า ข้าจะต้องถูกตระกูลฉินฆ่าตายแน่ อยู่ใกล้เจ้านายปลอดภัยกว่า”
“งั้นไปกันเถอะ!” ถังเทียนพยักหน้า และไม่ถามต่อ
ผิงเสี่ยวซานเป็นเหมือนงู เขาเคลื่อนผ่านไปตามเมืองจื่อจวนอย่างรวดเร็วและนำทางทุกคนผ่านไปตามถนนซอกซอยอย่างชำนาญ แต่ในเวลาอันรวดเร็วผิงเสี่ยวซานสังเกตบางอย่างได้ และสีหน้าของเขาเปลี่ยน “นายท่าน, พวกเขาปิดถนนข้างหน้า”
“เราจะตะลุยผ่านไป!” ถังเทียนยืนที่ด้านหน้าโดยไม่ลังเล “บอกข้ามาว่าที่ไหน”
ผิงเสี่ยวซานชี้ไปที่ทางเข้าซอยหนึ่ง “เมื่อท่านเข้าไปในซอยนี้ จะมีถนนใหญ่ตราบใดที่ผ่านถนนใหญ่ไปได้ เราจะออกนอกประตูเมือง และเมื่อเราออกไปแล้วเราจะปลอดภัย แต่ไม่สามารถบินในอากาศได้ ประตูเมืองมีกับดักซึ่งใช้จัดการพวกที่บินได้”
“ตามข้ามาให้ดี”
ถังเทียนสั่งโดยไม่หันหลัง เขาก้าวยาวและเดินออกจากซอย
เส้นทางที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมา เมื่อได้ยินเสียงตะโกน“หยุด, ตรวจสอบพวกเขา!”
เมื่อถังเทียนหันหน้ามาปรากฏเป็นหน้ากากผีสีเขียวดำ พวกยอดฝีมือตระกูลฉินสีหน้าเปลี่ยนทันทีและเป่านกหวีดทันทีเสียงนกหวีดแหลมดังออกไปกว้างไกล ยอดฝีมือตระกูลฉินเริ่มวิ่งมาจากรอบทิศทาง
ถังเทียนสูดหายใจลึกใช้พลังจากสองขาเขาพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกกระสุน และเข้าไปในกลุ่มผู้คน
ปัง!
เหมือนกับกระสุนกระแทกเข้าไปในกลุ่มและเพราะพลังที่หนาแน่นของเขา หลายร่างปลิวขึ้นไปในท้องฟ้า
ถังเทียนเหยียดแขนทั้งสอง นิ้วทั้งสิบกางออกสายใยกฎอวกาศที่คมสิบสายสานเป็นตาข่ายมรณะ ไม่ว่าผ่านไปตรงที่ใดก็มีเลือดเนื้อพุ่งกระจาย
แต่ยอดฝีมือตระกูลฉินล้วนแข็งแกร่งทรงพลังทั้งนั้นยังมากกว่านักสู้ธรรมดาทั่วไป ดาบ กระบี่หอกและสามง่ามทั้งหมดพุ่งมาจากทุกมุม กระแสปั่นป่วนของกฎธรรมชาติขยายออก เป็นฉากภาพที่สั่นสะท้านใจ
แคร้ง แคร้ง แคร้ง!
พลังระเบิดติดต่อกันซึ่งมาจากสายใยกฎในมือของเขาทำให้นิ้วของถังเทียนชาและสายใยกฎธรรมชาติแตกทำลาย
เป็นบุรุษร่างใหญ่ถือสามง่ามไว้ รัศมีสีเหลืองน้ำตาลเรืองแสงรอบตัวเขาซึ่งขยายออกมาจากพื้น ถังเทียนเข้าใจทันทีกฎธรรมชาติของคู่ต่อสู้อาจจะเกี่ยวข้องกับธาตุดิน ดังนั้นจึงมีพลังมาก
แต่เมื่อเทียบพลังกันแล้ว ถังเทียนเคยอ่อนแอกว่าคนอื่นตั้งแต่เมื่อใดกัน?
สีหน้าของถังเทียนเย็นชาทันที การต่อสู้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงกฎธรรมชาติต่างๆ ที่ปล่อยออกมาอย่างปั่นป่วนทำให้สถานที่ตกอยู่ในความวุ่นวายการเคลื่อนไหวที่มั่นคงที่สุดก็คือใช้วิชาพรางตัวของตระกูลผิง ร่างของเขากระพริบและมาปรากฏตัวข้างบุรุษร่างใหญ่ผู้นั้น
เขาต่อยหมัดขวาออกไปโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้นบุรุษร่างใหญ่ไม่สนใจหลบ เขาตวาดลั่นรวบรวมกำลังทั้งหมดในร่างส่งผ่านเข้าไปในสามง่ามบรอนซ์ รังสีแสงกระจายออกทำให้เกิดกลิ่นอายคล้ายภูผาขึ้น!
หมัดและสามง่ามบรอนซ์ปะทะกันโดยตรง
บึ้ม!
เสียงก้องทุ้มดังออกมาทำให้ตลอดทั้งร่างของบุรุษร่างใหญ่สั่นและสามง่ามครึ่งท่อนบนงอ
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นเป็นเหมือนรูปปั้น เขายังคงไม่เคลื่อนไหวจนกระทั่งเลือดซึมออกมาจาผิวหนังและบุรุษร่างกำยำนั้นล้มลง
ยอดฝีมือต่างขวัญผวาถังเทียนไม่ลังเลวิ่งออกไปข้างหน้าอีกครั้งโดยมีหานปิงหนิงและเถี่ยเซียคอยปกป้องด้านข้าง ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาไว้ได้
ขณะนั้นยอดฝีมือจำนวนมากเหนือกำแพงเมืองออกคำสั่งที่จะทำให้เลือดในตัวแข็งค้างได้
“ยิงธนู!”
ถังเทียนเงยหน้า หน้ากากผีที่ดูหน้ากลัวมีแววตาเปล่งประกายสีแดง เขามองพวกเขาพร้อมกับเกิดเพลิงอำมหิตลุกฮือ