ตอนที่ 720 เสวี่ยทันหลาง ทักษะแฝงเร้นปลดปล่อยพลัง
หลังจากออกจากเมืองลมดำซึ่งบัดนี้เปลี่ยนชื่อเป็นเมือง ‘อู๋เย่’ เย่ว์หยางพาทุกคนกลับไปหอทงเทียน
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถรอที่จะไปทวีปกวงหมิงเพื่อโอ้อวดความก้าวหน้าของพวกเขา หลังจากกลับมาจากแดนสวรรค์ พวกเขารู้สึกว่าพลังของพวกเขาพุ่งทะยานและต้องการพิสูจน์ตัวเองในทวีปกวงหมิง แต่เย่ว์หยางไม่คิดเช่นนั้น กระบวนการฝึกของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ก้าวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงขนาดจะพิชิตหอทงเทียนได้หรือไม่นั้น คำตอบคือไม่ได้อย่างแน่นอน
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่คู่ต่อสู้แม้ของฉงนี่และราชาฉลาม ไม่ต้องพูดถึงนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทรงพลังอย่างซุ่นเทียน องค์ชายดำและประมุขนิกายพันปีศาจ
ต่างจากอสูรรบเตรียมปราณฟ้า ซุ่นเทียน องค์ชายดำ ประมุขนิกายพันปีศาจและยอดฝีมือในสภาอาวุโสทวีปกวงหมิงมีคัมภีร์อัญเชิญ มีทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ที่แข็งแกร่งไม่เหมือนใคร
แม้ว่าพลังของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับนักสู้ปราณฟ้า แต่พวกเขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ถ้านักสู้ปราณฟ้าเป็นเหมือนอาคารสูงสิบชั้น อย่างนั้นซุ่นเทียนและองค์ชายดำก็เป็นปราสาทสูงแปดชั้น ปราสาทแม้ว่าจะไม่สูงเท่าแต่จะดูถูกดูแคลนไม่ได้เลย แต่เย่ว์หยางยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้เข้าใจสนามพลังวิญญาณ และสนามพลังเซียนและมีผนึกเทพและดาบเทพของจักรพรรดิอวี้ รวมทั้งเจ้าเมืองโล่วฮัวซึ่งมีต้นทานตะวันอมฤตซึ่งมีพลังปราณฟ้าระดับห้า จะสามารถฆ่าซุ่นเทียนได้
นอกจากสามคนอาจเอาชนะได้ แต่คนอื่นก็ยากจะเอาชนะซุ่นเทียนและองค์ชายดำได้ยาก อย่าว่าแต่จะฆ่าพวกเขาเลย
พลังห้าแปรเปลี่ยนของซุ่นเทียนและอสูรพิทักษ์ชั้นเพชรระดับเก้า ‘จักรพรรดิทอง’ ซึ่งมีทักษะในการสู้รบและมีปัญญาฉลาดไม่อาจดูถูกได้เลย แม้แต่ในนักสู้ปราณฟ้าก็มียอดฝีมือน้อยคนที่มีอสูรศึกชั้นเพชร
อสูรศึกชั้นเพชรไม่จำเป็นต้องทรงพลัง แต่ศักยภาพของมันไม่ธรรมดา
นักสู้ปราณก่อกำเนิดในหอทงเทียนไม่ใช่นักสู้ระดับเดียวกับนักรบปราณดินในแดนสวรรค์
เราสามารถเปรียบเทียบระหว่างนักสู้ปราณดินของแดนสวรรค์กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดในหอทงเทียนได้
ตัวอย่างเช่นนักสู้ปราณดินระดับหกของแดนสวรรค์มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกฆ่าตายในหนึ่งนาที โดยยอดฝีมือปราณก่อกำเนิดระดับหกผู้มีคัมภีร์อัญเชิญและเข้าใจวิธีใช้สนามพลัง... ระดับที่พวกเขามีสูงกว่า แต่ว่ามีความห่างชั้นกันมากระหว่างนักสู้ปราณดินกับนักสู้ปราณก่อกำเนิด
“เฮ้, ดูเจ้าสิ, เจ้าไปเที่ยวแดนสวรรค์และกลับมาทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ตำหนิลูกศิษย์ของเขา
เมื่อพูดถึงระดับพลัง เขามีระดับพลังต่ำกว่าเย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่น
อย่างไรก็ตามเขามีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนพวกเขา แม้ว่าเย่คงและเจ้าอ้วนไห่จะมีพลังเหนือกว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าในช่วงสิบปีหลัง แต่พวกเขายังไม่ถึงระดับของอาจารย์ในแง่วุฒิภาวะและความน่าเคารพนับถือ ขณะที่ผู้เฒ่าหนานกง เขาไม่ใช่ยอดฝีมือที่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่จะมีพลังเหนือกว่าในระยะเวลาสั้นๆได้ เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขามีความรู้น้อยในเรื่องทักษะแฝง อสูรศึก สมบัติ ยา อักษรรูนและประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางให้กำลังใจพวกเขาหลังจากถูกอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและคนอื่นตำหนิ
ที่สำคัญคือต้องขอบคุณความพยายามอย่างหนักของพวกเขา ทำให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วซึ่งได้รับการพิสูจน์ยืนยันแล้ว
ก่อนหน้านั้นในการไล่ตามโวกัวและกู่เติ้ง เย่ว์หยางเก็บสินสงครามมาได้มาก เขายังเข้าใจสนามพลังสร้างโลก นอกจากนี้เขาวางแผนจัดการหัวหน้าโจรวัวป่าและเอาชนะเจ้าเมืองลมดำ ปีศาจเฒ่าเว่ย เจ้าสำนักไป๋ซ่งและคนอื่นๆ
มีสินสงครามมากมายที่เขาเก็บกวาดมาเต็มไปหมด
ตามแผนการเดิมของเขา เย่ว์หยางตัดสินใจใช้อสูรศึกที่ถูกจับมาเพื่อพัฒนาให้กับอสูรศึกของทุกคน ตัวอย่างเช่นเสวี่ยทันหลางที่มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดต้องการอสูรศึกระดับปราณฟ้าเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ เสวี่ยทันหลาง เย่คง เจ้าอ้วนไห่และองค์ชายเทียนหลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามคนแรกเป็นกำลังหลักในการรบ ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจยกซุ่นเทียน องค์ชายดำและประมุขนิกายพันปีศาจให้พวกเขารับมือ นี่เป็นเหตุผลที่เย่ว์หยางไม่โจมตีศัตรูเหล่านั้นรวมทั้งซุ่นเทียน
เย่คงได้รับไข่มังกรแผ่นดินไหวซึ่งมังกรแผ่นดินไหวได้สำรอกออกมาก่อนที่มันจะตาย และตอนนี้เย่ว์หยางได้มอบผลึกปีศาจระดับอสูรปราณฟ้าของหมีปีศาจให้กับคิงคองปีศาจเพิ่มระดับพลังของอสูรศึกของเย่คงให้มีพลังเทียบเท่าเตรียมปราณฟ้า
แม้ว่าจะเป็นการยากในการยกระดับอสูรศึกให้อยู่ในระดับปราณฟ้าในรวดเดียว แต่ตราบใดที่คิงคองปีศาจยังมีพัฒนาการต่อไป มันจะยกระดับเป็นอสูรปราณฟ้าได้อย่างไม่มีปัญหา
ขณะที่การวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ยังเป็นไปไม่ได้!
การได้เป็นเจ้าของคิงคองปีศาจอสูรเพชรระดับเตรียมปราณฟ้าและด้วงจอมพลังได้ยกระดับด้วย ‘หัวใจศิลา’ ของยักษ์ศิลา ประกอบกับมังกรแผ่นดินไหวตัวน้อยซึ่งมีศักยภาพยกระดับได้อย่างน้อยพลังปราณฟ้าระดับสามในอนาคต ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่จำเป็นที่เย่คงจะต้องเป็นห่วงพลังรบของอสูรศึกของเขาเลย
เทียบกับเย่คงแล้ว เจ้าอ้วนไห่ยังแข็งแกร่งไม่แพ้กัน
เพราะเขามีแรดเพชร ฮิปโปน้อยและแมมมอธสายฟ้ายักษ์ เย่ว์หยางใช้เลือดพญากุญชรอสูรปราณฟ้าระดับห้าเพิ่มพลังให้พวกมัน แรดเพชรและฮิปโปน้อยเดิมทีมีพลังต่ำ ดังนั้นการเลื่อนระดับของพวกมันจึงช้ากว่าอสูรอื่น เนื่องจากแมมม็อธสายฟ้านั้นโตเต็มวัยกว่าอีกสองตัว และมันมีสายเลือดเดียวกับพญากุญชร มันจึงได้รับประโยชน์มากที่สุดเลื่อนไปเป็นอสูรระดับเตรียมปราณฟ้าโดยตรง แซงแรดแพชรและนกนางนวลสายลมที่ฉลาดได้ มันกลายเป็นอสูรศึกที่ทรงพลังอันดับหนึ่งของเจ้าอ้วนไห่ ทำให้พลังรบของเจ้าอ้วนไห่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันที
อัศวินกริฟฟินของพี่น้องตระกูลหลี่เป็นอสูรพิทักษ์ร่างมนุษย์ซึ่งยากที่จะผสมผสานพลังเข้าไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นเย่ว์หยางทดลองดูและพบว่าพลังของมันติคอร์ (ราชสีห์บินหางแมงป่อง) สามารถผสานเข้าไปได้
เย่ว์หยางใช้ความพยายามมากในที่สุดก็เลื่อนระดับของอัศวินกริฟฟินทั้งสองเป็นอสูรปราณดินระดับเจ็ด
เนื่องจากสติปัญญาและการเติบโตที่แตกต่างกัน อสูรพิทักษ์รูปร่างมนุษย์ทั้งสองซึ่งหลอมรวมกับกริฟฟินและมันติคอร์อาจถูกแยกจากศักยภาพที่จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปตลอดกาล... แต่พี่น้องตระกูลหลี่ไม่สนใจ เพราะตั้งแต่ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ และยังเกือบอดตายอยู่ที่หอทงเทียนชั้นหนึ่ง พวกเขาทุกคนมีวันนี้เพราะความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง ดังนั้นพวกเขาจึงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่มากพอแล้ว!
การรวมตัวของ ‘ดาวตกเพลิงฟ้า’ ขององค์ชายเทียนหลัวกับปีศาจศิลาบิน’
ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง
สิ่งที่ทำให้เจ้าอ้วนไห่อิจฉาที่สุดก็คือดาวตกเพลิงฟ้าขององค์ชายเทียนหลัววิวัฒนาการไปเป็น ‘ปีศาจฟ้าเพลิงบิน ยกระดับไปเป็นอสูรปราณฟ้าโดยตรง ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นคนแรกในกลุ่มที่มีอสูรพิทักษ์ระดับปราณฟ้า
“โชคร้าย!” เจ้าอ้วนไห่เสียใจต่อความผิดพลาดของเขาก่อนหน้านั้นและพูดด้วยความเศร้าใจลึกๆ “ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ข้าจะเชิญทุกคนมาเลี้ยงเหล้าและเป็นเจ้ามือจ่ายเองแทนที่จะยืมเงินองค์ชาย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นเจ้าหนี้ส่วนตัวของข้า” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนหัวเราะเยาะให้เขา หลิวเย่และเป่าเอ๋อยังกล่าวอีกว่าพวกเขาสามารถฝากกระเป๋าเงินไว้กับเขาเพื่อเพิ่มพูนโชคเหมือนอย่างที่องค์ชายเทียนหลัวทำก็ได้ เป็นผลให้เจ้าอ้วนไห่กลัวจนหน้าซีดโบกมือเป็นพัลวัลกล่าวว่าเขาจะไม่มีทางทำเช่นนั้นอีก
“นกนางนวลสายลมก็มีดีพออยู่แล้วเพียงแต่ไม่มีผลึกปีศาจของอสูรปราณฟ้าที่เหมาะสมกับมัน มิฉะนั้นมันต้องกลายเป็นอสูรปราณฟ้าและจะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ในอนาคตแน่นอน” เย่ว์หยางเห็นอสูรศึกที่ฉลาดมามาก แต่นกนางนวลสายลมเป็นอสูรที่พิเศษจริงๆ
“ยาหยีจ๋า, เมื่อไหร่จะถึงเวลาที่ยอดเยี่ยมของเจ้า!?” เจ้าอ้วนไห่รอคอยวันที่นางนวลสายลมจะเปลี่ยนไปเป็นสาวงาม
“เผียะ!” นางนวลสายลมใช้ปีกตบเจ้าอ้วนไห่ เจ้าลามก เจ้าอ้วนไห่ต้องมีความคิดมิดีมิร้ายบางอย่างอยู่เป็นแน่!
เจ้าอ้วนไห่เคยชินเสียแล้ว และเขาก็มีหนังหนาหน้าทนอยู่แล้วเช่นกัน
แม้จะต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ในใจของเขาไม่คิดอะไรอยู่แล้ว
เพราะที่หุบเขาราชสีห์ สิงโตเพลิงระดับเตรียมปราณฟ้าสองตัวถูกตายคาที่ ทั้งยังมีกลุ่มนางสิงโตและราชสีห์เฒ่าอีกหนึ่งตัว เย่ว์หยางเก็บผลึกปีศาจธาตุไฟไว้ได้ทั้งหมด กลุ่มสายอย่างเหยียนพั่วจวิน ฟงชิซาได้รับประโยชน์ครั้งใหญ่ และอสูรศึกของพวกเขาได้รับการยกระดับถ้วนหน้า หัวหน้าทอเรนเลโอปฏิเสธที่จะรับขวานหัววัวแต่มอบขวานศึกและเข็มขัดทองให้กับฟ่านหลุนเถี่ยทำให้นางมีพลังรบก้าวหน้า แต่ตนเองกลับเลือกสินสงครามอื่นหลายชิ้นแทน เช่นขวานด้ามยาวบิ่น แม้ว่าจะไม่ดีเท่าขวานหัววัวและเข็มขัดทอง แต่ก็ยังเป็นสมบัติระดับทอง
หลังจากช่วยสมาชิกอื่นในกลุ่มให้ยกระดับแล้ว เย่ว์หยางให้รางวัลกับราชสีห์เพลิงทองด้วยหัวใจราชสีห์สองดวง ดวงหนึ่งของราชสีห์แก่ และอีกดวงของราชสีห์ทอง
เนื่องจากสติปัญญาและศักยภาพของมัน เย่ว์หยางตั้งชื่อมันว่า...
ซิมบา!
ฮุยไท่หลางแสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานใหม่ของมันซึ่งเป็นอสูรศึกที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่ว์หยางมากกว่าที่เคยมีมา
ซิมบารีบก้มหัวแสดงความขอบคุณที่เย่ว์หยางตั้งชื่อให้มัน มันชอบชื่อนี้
และด้วยหัวใจราชสีห์สองดวง ราชสีห์เพลิงทองสามารถยกระดับเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสองเป็นอย่างน้อย ถ้ามันดูดซับพลังได้ดี มันอาจยกระดับไปเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสาม
“นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างปวดหัว” การผสานพลังของยักษ์หิมะอสูรพิทักษ์ของเสวี่ยทันหลางและอสูรสายฟ้าพลังปราณฟ้าระดับหนึ่งคงเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ แต่เป็นเรื่องที่เย่ว์หยางต้องการทำมากที่สุด ถ้าพวกมันสามารถกลายพันธุ์ไปเป็นอสูรพายุสายฟ้าได้โดยตรง เย่ว์หยางคงไม่กังวลเรื่องนี้มานานแล้ว แต่วิธีผสานพลังธาตุของยักษ์หิมะกับอสูรสายฟ้านั่นจะทำได้ยังไง? ที่สำคัญที่สุดวิธีสร้างอสูรศึกโดยหลอมรวมพวกมันวิวัฒนาการไปในทิศทางที่ดีที่สุดเป็นอสูรพิทักษ์ที่ฉลาด... นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด!
“ไม่สำคัญ หากว่าเจ้ายังทำไม่สำเร็จตอนนี้” เสวี่ยทันหลางไม่ต้องการรบกวนเย่ว์หยางให้เป็นธุระจัดการเรื่องของเขา
“ถ้าอสูรทั้งสองสามารถหลอมรวมกันได้สำเร็จ การวิจัยค้นคว้าในอนาคตของเราจะกลายเป็นเรื่องสำคัญอยู่” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตือนเสวี่ยทันหลางไม่ให้กวนใจเย่ว์หยาง
“บางทีเราอาจเริ่มต้นกับทักษะแฝงเร้นของมันก็ได้” เสวี่ยอู๋เสียช่วยหาวิธีการ ในที่สุดนางก็ผุดความคิดขึ้นเมื่อนางอ่านหนังสือแห่งสัจจะ นางปิดหนังสือแห่งสัจจะและเดินมาหาเย่ว์หยางด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่ว์หยางเข้าใจทันที
เสวี่ยทันหลางมีทักษะแฝงเร้นคือ ปลดปล่อยพลังงาน
เดิมทีเสวี่ยทันหลางสร้างพายุเพื่อกวาดล้างสนามต่อสู้ ดังนั้นศัตรูโดยทั่วไปเชื่อว่าเขามีทักษะแฝงเร้นของพายุ
ในความเป็นจริงนั่นไม่ถูกต้องทั้งหมด เสวี่ยทันหลางมีทักษะแฝงเร้นที่แปลกประหลาดมาก‘ปลดปล่อยพลังงาน’ คนที่คุ้นเคยกับเขาคิดว่าทักษะแฝงเร้นทุกอย่างที่พวกเขาเขามีล้วนมีประโยชน์ เว้นแต่ทักษะที่แปลกประหลาดนี้
ทักษะแฝงเร้นปลดปล่อยพลังงาน : เมื่อเจ้าของใช้ทักษะนี้ เขาต้องเข้าใจพลังงานตนเองเต็มที่จากภายในออกไปภายนอก ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งก็ยิ่งมีทักษะความสามารถสูง ถ้าศัตรูติดอยู่ในพลังควบคุม ยิ่งเข้าใจมากขึ้นเท่าใด ทักษะพลังที่มีต่อศัตรูก็จะเพิ่มยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันนี้ทักษะแฝงเร้นของเขาอยู่ที่ระดับสาม
สำหรับเสวี่ยทันหลางผู้เยือกเย็นสง่างาม ไม่มีใครคาดว่าเขาจะบอกศัตรู เหมือนอิสตรีช่างนินทาพูดถึงวิธีใช้พลังของเขาและวิธีโจมตีพวกเขา
นั่นไม่สมเหตุผลแม้แต่น้อย
แม้ว่าเสวี่ยทันหลางจะเริ่มต้นฝึกฝนมาตั้งแต่อายุน้อยมาก และยังทำความเข้าใจพลังงานของเขาทุกวัน แต่ทักษะแฝงเร้นของเขาก็ยังอยู่ที่ระดับสามซึ่งถือว่าต่ำมาก ถ้าเจ้าอ้วนไห่มีทักษะแฝงเร้นปลดปล่อยพลังงานนี้ เขาจะสามารถเลื่อนระดับไปถึงระดับสิบได้โดยใช้เวลาไม่ถึงปี อย่างไรก็ตามโชคไม่ดีที่เสวี่ยทันหลางที่มีปกติหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนปฏิเสธจะพูดคุยกับคนอื่นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปลดปล่อยพลังนี้ มันเป็นเรื่องเศร้า
“ไปท่องบันทึกลึกลับแดนสวรรค์และมาสาธยายให้เราฟังทุกวัน” เย่ว์หยางมอบหมายงานให้เสวี่ยทันหลาง
“.....” เสวี่ยทันหลางผู้มีปกติไม่กลัวใครถึงกับหน้าซีดด้วยความหวาดหวั่นทันที