ตอนที่ 720 ประหารคู่
ถังเทียนไม่เคยคาดเลยว่าจะบุกรุกเข้าไปในที่พักของหมิงจู
“ช่วยเอาสิ่งนี้ออกไปด้วยจะขอบคุณมาก”
ถังเทียนชี้ไปที่ผนังแสงรอบตัวเขา
“โอว”หมิงจูเอาผนังแสงออกโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่นางจะสงบใจได้ ผนังแสงก็หายไปแล้วทำให้นางหน้าเสีย ผนังแสงทั้งหมดปรับแต่งสร้างจากกฎธรรมชาติสำหรับเอาไว้เตือนภัยและเป็นคนรุ่นก่อนทิ้งไว้ให้
ไม่มีการปกป้องของผนังแสง นางก็ทำอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษหน้ากากผี เหมือนกับเป็นแกะเชื่อง ‘ข้าทำอะไรลงไป?’
หมิงจูพยายามสงบใจ แต่ความไม่สบายใจรุมเร้าเต็มหัวใจนางไปหมด
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือร่างสีเทากวาดผ่านนางไปทันที บุรุษหน้ากากผีไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรนาง
‘เดี๋ยวก่อน.. ตรงนั้น นั่นห้องนอนของข้า!’
หน้าของหมิงจูแดงทันทีนางรู้สึกร้อนรน ‘บุรุษหน้ากากผีบุกรุกเข้าห้องนอนสตรีได้ยังไง’ นางกัดฟันรวบรวมความกล้าตามเข้าไป
ถังเทียนเหมือนกับสายลมพัดวิ่งเข้าไปข้างใน แต่หลังจากนั้น เขาก็ยืนงง
ห้องใหญ่มาก แต่เต็มไปด้วยรองเท้าเสื้อผ้าและของใช้สตรีที่ไม่คุ้นเคย เหมือนกับคลังสินค้าย่อย ทำให้ถังเทียนสับสน เขาต้องระมัดระวังไม่ให้เหยียบย่ำทำเสียหาย นอกจากนี้ยังมีกองเสื้อผ้า ตู้รองเท้า หีบไม้ทำจนสถานที่เป็นเหมือนเขาวงกต
‘แล้วตรงไหนตรงไปทางอาคารเทียมเมฆกันล่ะนี่?’
ถังเทียนสับสน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของเขาทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าหลากสีสันแถวผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สตรีแถวแล้วแถวเล่า ทำให้ถังเทียนกำหนดเส้นทางไม่ถูก
เสียงฝีเท้าด้านหลังถังเทียนกลายเป็นช่วยชีวิตของเขา
หน้าของหมิงจูแดงจัดจนเลือดแทบจะซึมออกมาเมื่อใดก็ได้ ไม่มีใครเคยเข้ามาในห้องของนางมาก่อน และนางไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาทำความสะอาดห้องของนาง ดังนั้นห้องจึงดูค่อนข้างรก ตระกูลเซวียเป็นตระกูลร่ำรวย และนางไม่มีงานอดิเรกอื่น ดังนั้นนางจึงใช้เงินของนางทั้งหมดไปกับผลิตภัณฑ์เช่นนั้น น่าเสียดายที่นางต้องรับดูแลบ้านและไม่สามารถแต่งตัวอย่างปกติได้ ดังนั้นชุดของนางจึงต้องสง่างามและดูเด่น แต่ความปรารถนาภายในของนางสิ่งที่น่ารักสวยงามมักได้รับความสนใจจากนาง
“ให้ตายเถอะที่นี่รกจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเทียนหน้าของหมิงจูร้อนผ่าว นางอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ห้องของนางนับว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ หมิงจูอายมาก
แต่นางยังประหลาดใจบุรุษหน้ากากผีอยู่กับนางราวกับว่าพวกเขารู้จักคุ้นเคยกัน
‘เดี๋ยวก่อน ทำไมบุรุษหน้ากากผีมาอยู่ในบ้านตระกูลเซวียเล่า?’
หมิงจูตกใจ
ถังเทียนไม่ให้เวลานางคิด “อาคารเทียมเมฆไปตรงไหน?”
‘อาคารเทียมเมฆ? หมิงจูตกใจอีกครั้ง นางชี้ไปทางขวาโดยไม่ตั้งใจ “ทางนั้น”
ก่อนที่นางจะรู้ตัว บุรุษหน้ากากผีก็หายไปแล้ว
หมิงจูตีปากตัวเอง ‘วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมเจ้าถึงฟุ้งซ่านนัก? ทำไมถึงพูดโดยไม่รู้จักคิด? เจ้าเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?’
‘เดี๋ยวก่อน, อาคารเทียมเมฆ!’
ร่างของหมิงจูแข็งทื่อ สีหน้านางเปลี่ยน ‘อาคารเทียมเมฆเป็นของตระกูลฉิน! บุรุษหน้ากากผีต้องการลงมือกับพวกเขา!’
‘แต่ทำไม?’
ความรู้สึกเย็นยะเยือกผุดขึ้นในหัวใจนาง ตระกูลเซวียรอดตัวอยู่ภายในร่มเงาของตระกูลฉินมาหลายปี ดังนั้นความแข็งแกร่งที่มากมายของตระกูลฉินจึงประทับลึกอยู่ในใจนาง นางกล้าขัดขืนตระกูลฉิน แต่เป็นเพราะเรื่องของตระกูลเซวียถูกขายให้กับตระกูลหลูเป็นการกระทำที่เกินไป แต่นางรู้ว่าตราบใดที่ข้อมูลนี้อยู่ในตระกูลฉิน ตระกูลฉินก็จะกลืนตระกูลเซวียได้อย่างไม่ลังเล
‘บุรุษหน้ากากผีกำลังลอบเข้าไปในอาคารเทียมเมฆจากบ้านตระกูลเซวีย ถ้ามีอะไรสูญเสียในอาคารเทียมเมฆ ตระกูลฉินคงใช้การต่อสู้เป็นข้ออ้างและจากนั้นตระกูลเซวีย...’
หมิงจูสั่น,หน้าของนางขาวราวกับกระดาษ
นางขบริมฝีปาก แต่นางได้แต่กรีดร้องในใจและสงบลง ‘บุรุษหน้ากากผีเข้ามาในบ้านตระกูลเซวียตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวไปที่อาคารเทียมเมฆ?’ ทันใดนั้นนางคิดถึงเรื่องที่บุรุษหน้ากากผีพูดกับนางเหมือนกับว่ารู้จักกัน นางตกใจ ‘หรือว่าจะเป็น..’
นางวิ่งกลับไปที่คลังสินค้าโดยไม่พูดอะไร
ขณะที่นางวิ่งออกจากห้องนางได้ยินเสียงระเบิด นางหันหน้ากลับไปมองอาคารเทียมเมฆที่สูงถูกตัดขาดกลางและกำลังร่วงใส่บ้านตระกูลเซวีย
มีเงาร่างบินออกมาและเสียงคำรามเป็นระยะ หน้าของหมิงจูซีดเผือดไร้สีเลือด
ไม่มีใครสังเกตว่าถังเทียนเข้ามาใกล้ไม่ว่าจะเป็นเว่ยหานหรือมู่เจ๋อ พวกเขาไม่คาดเลยว่าบุรุษหน้ากากผีจะโจมตีก่อน แม้ว่าบุรุษหน้ากากผีจะสามารถเอาชนะเบนสันได้ แต่ในสายตาของเขา บุรุษหน้ากากผีเพียงลำพังไม่สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาใหญ่ได้ ตระกูลฉินแอบฆ่ายอดฝีมือมามากแล้ว และทั้งสองคนก็พบกับนักสู้ที่แข็งแกร่งแตกต่างกันมาก่อน ดังนั้นพวกเขาไม่เห็นบุรุษหน้ากากผีอยู่ในสายตาพวกเขา
ภายใต้แรงกดดันของตระกูลฉิน บุรุษหน้ากากผีได้แต่ดิ้นรนอย่างขื่นขม คิดจะโจมตีตระกูลฉินก่อนน่ะหรือ? นั่นโง่เกินไป!
ตราบใดที่เป็นคนที่มีสมอง เขาจะไม่มีทางเลือกเส้นทางฆ่าตัวตายนี้
เมื่อลอบหาทางเข้ามาในอาคารเทียมเมฆ ถังเทียนเข้าไปใกล้อย่างเงียบงัน เขาเพิ่งจะบรรลุความก้าวหน้า และสภาพจิตใจของเขาเตรียมพร้อมเต็มพิกัด แม้การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้พลังต้นกำเนิดไหลเวียนในร่างของเขาเป็นระลอก
ถังเทียนพอเข้าสู่สภาพพร้อมสู้รบก็กลายเป็นเยือกเย็นผิดธรรมดา
ความเยือกเย็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะศัตรู แต่เป็นเพราะเขาเอง แม้ว่าพลังต้นกำเนิดจะลุกโหมในร่างของเขา แต่สภาพใจของเขาเพ่งความสนใจกับการเคลื่อนที่ของเขามาก ลมหายใจและเสียงหัวใจเต้นของเขาไม่มีผลอะไรแม้แต่น้อย ทุกความเคลื่อนไหวดำเนินไปอย่างคล่องแคล่วโดยไม่มีความรู้สึกอะไร
เขาเหมือนนักล่าที่โดดเด่น ดึงเหยื่อให้เข้ามาอยู่ในรัศมีโจมตีของเขาอย่างเงียบงัน
ขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหว เว่ยหานกำลังฝึกดาบดาบแสงเหมือนกับสายน้ำไหลไม่มีที่สุด วิชาดาบของเขาคล่องแคล่วว่องไว ฉลาดและแฝงไปด้วยพิษ เหมือนกับอสรพิษทุกการเคลื่อนไหวแฝงด้วยวิธีการฆ่าที่ไม่แน่นอนสีดำจางขดรอบดาบแสงขาวเหมือนหมอกดำลอยอ้อยอิ่ง
เว่ยหานเป็นนักสู้ที่ชอบระเบิดอารมณ์ แต่เมื่อเขาฝึกวิชาดาบบุคลิกของเขาจะเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและแปลกประหลาด
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ารอบๆ อากาศเปลี่ยน
หมอกสีดำบนดาบแสงหายไปทันที พื้นอากาศรอบตัวเขาถูกแช่แข็งทันทีเว่ยหานตกใจ เขาตะโกน “ศะ...”
ปัง!
พลังระเบิดน่ากลัวดังมาจากใต้เท้าของเขา
เขารู้สึกพื้นสั่นสะเทือน และร่างของเขาจู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในอากาศหัวใจของเขาเต้นแรง อาคารพังทลาย เศษไม้คานใต้เท้าของเขายิงใส่เขาราวสายฝน
เว่ยหานไม่ต้องคิดอะไรร่างของเขากระพริบและพุ่งออกไป
เขาพุ่งออกมานอกอาคาร เว่ยหานไม่สามารถเห็นอะไร แต่เขารู้สึกในใจถึงสัญญาณเตือนอันตราย ผมขนในร่างของเขาลุกชัน เขาชักดาบแสงชี้ไปข้างหน้า
ติง ติง ติง!
เกิดประกายไฟมีดแสงสองสามใบดูเหมือนจะถูกตัดเป็นเสี่ยงด้วยของบางอย่างหรือคนบางคน
ความเย็นแล่นไปตามกระดูกสันหลังของเว่ยหาน ในที่สุดเขาก็สามารถมองเห็นข้างหน้าเขา ข้างหน้าของเขามีสายใยกฎธรรมชาติผนึกทางข้างหน้าเขา
แม้ว่าสายใยกฎทั้งหมดนี้จะดูดี แต่มันก็มีความคมมากและในท่ามกลางความยุ่งเหยิงยากจะตรวจสอบได้
‘ถ้าข้าวิ่งบุ่มบ่ามไปข้าหน้า ข้าคงโดนหั่นเป็นชิ้นๆ แน่’
ความน่ากลัวของคู่ต่อสู้ทำให้เว่ยหานรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก ใต้เท้าเขาระเบิดออกมาแฝงไปด้วยพลังรุนแรง แต่ในท่ามกลังความปั่นป่วน ศัตรูสามารถใช้วิชาสังหารอื่นที่น่ากลัวได้นั่นแสดงว่าวิธีการของศัตรูนั้นน่ากลัวเพียงไหน
แต่ในขณะชะงักอยู่นั้นเศษหินแตกที่ด้านหลังของเขาพุ่งใส่เขาราวกับสายฝนทันที
ดาบแสงในมือของเว่ยหานเคลื่อนไหว เศษหินแตกและคานรับน้ำหนักถูกหยุดไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็นก่อนที่จะกระเด็นกระจายไปในตำแหน่งอื่นๆ แต่วินาทีถัดมา เว่ยหานแทบตาถลน บอลแสงหลากสีสันปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
ความรู้สึกถึงอันตรายที่บอกไม่ถูกครอบคลุมตัวเขา เขารู้สึกถึงรังสีมรณะเข้ามาใกล้ตัวเขา ในขณะที่อยู่ในวิกฤติเป็นตาย เว่ยหานปล่อยดาบเงินในมือโดยไม่ลังเล เมื่อแยกจากดาบเงิน มันกลายสภาพเป็นหมอกดำ หมอกดำหมอง ส่งเสียคำราม กลายเป็นงูที่แผ่แม่เบี้ยอยู่ด้านบนและขู่ฟ่อ
บอลหลากสีสันและหมอกงูดำปะทะกัน
เว่ยหานไม่สนใจผล ทุ่มเทพลังทุกอย่างกระโจนไปทางซ้ายมือ
มู่เจ๋อลอยตัวออกมาอาคารและเหมือนกับนกนางแอ่น อาคารเทียมเมฆครึ่งบนเอนลงไปด้านหนึ่ง แต่หินนับไม่ถ้วนและแผ่นกระดานพุ่งลงมาหาเขาเหมือนกับสายฝน
เว่ยหานโกรธแผดเสียงอยู่ด้านหลังของเขาทำให้มู่เจ๋อสั่นสะท้าน ความวุ่นวายเป็นสภาพเหมาะที่สุดสำหรับให้ศัตรูได้ลอบโจมตี มู่เจ๋อไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้และต้องออกจากพื้นที่วุ่นวายก่อน ‘เมื่อข้าหาระยะได้ จะรอลงโทษเจ้าบ้างล่ะ!’
มู่เจ๋อหน้าเขียว ร่างของเขาเปล่งแสง และธนูปรากฏอยู่ในมือของเขา
สายตาของเขาเห็นศาลาของตระกูลเซวีย บังเอิญว่าเป็นที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้เป็นที่ลงมือโจมตี และเป็นไปไม่ได้ที่วางกับดักลอบทำร้ายอยู่ที่นั่น การลอบทำร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้ก็คือมาจากศาลานั้นเอง! ภายใต้การรีบเร่งมู่เจ๋อเหนี่ยวคันธนูของเขา และธนูแสงปรากฏอยู่บนสายธนู
แสงสว่างวาบ
ปัง!
‘ศาลาถูกทำลายไปแล้ว ไม่มีการลอบทำร้ายเหลืออีกต่อไป!’
มู่เจ๋อผ่อนคลาย เขาเพิ่มความเร็วและมาปรากฏอยู่เหนือทะเลสาบเทียม
‘ตอนนี้ได้เวลาตอบโต้แล้ว’
มู่เจ๋อหันหน้าไปทางอาคารเทียมเมฆ บังเอิญเห็นเว่ยหานวิ่งออกมาโดยไม่มีดาบเงิน หัวใจของมู่เจ๋อสะท้าน เขาสูดหายใจลึกและเหนี่ยวธนูอีกครั้ง!
แต่ขณะนั้นเอง เกิดเหตุเปลี่ยนแปลง
ทะเลสาบจำลองที่สงบราบเรียบมาก ระเบิดออกโดยไม่มีคำเตือน
น้ำแข็งแก้วนับไม่ถ้วนบินออกมาจากทะเลสาบ เหมือนพายุเศษแก้วมันยิงตรงเข้าไปหามู่เจ๋อ
‘มีคนอยู่ในน้ำ!’
หน้าของมู่เจ๋อเปลี่ยนแก้วส่งเสียงหวีดหวิวสั่นสะท้านวิญญาณ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกลัวมากก็คือน้ำแข็งทั้งหมดบรรจุสำนึกกระบี่เลือนราง นั่นคือกระบี่น้ำแข็งนับไม่ถ้วน
‘แย่แล้ว’
มู่เจ๋องอเอวเหมือนกับงูไร้กระดูก ถอยหลังอย่างเร่งร้อนและเหนี่ยวยิงธนู
ธนูแสงพุ่งวาบและกลายเป็นเศษน้ำแข็งโปรยลงมาเหมือนกระบี่
ปัง!
ภายใต้กระบี่น้ำแข็งนับไม่ถ้วนระเบิดออกกระจายเป็นผุยผงก่อตัวเป็นหมอก
ก่อนที่มู่เจ๋อจะทันได้หายใจโล่งอก รังสีที่เยือกเย็นมากพุ่งออกมาจากหมอก
สำนึกกระบี่แทงเข้าที่หน้าผากระหว่างคิ้วของมู่เจ๋อหน้าของเขาเปลี่ยนทันที
ขณะนี้เอง เพราะเขาขยับไปแล้ว พลังร่างกายในตัวเขาชะงักไปชั่วขณะ
รังสีเยือกเย็นมาถึง
เขาไม่มีทางเลือก แต่ต้องใช้ธนูของเขาบังไว้ข้างหน้า ติง..สำนึกกระบี่ที่เยือกเย็นแทงผ่านธนู
ปัง!
ธนูแตกกระจายเป็นชิ้นเหมือนตุ๊กตาน้ำแข็งถูกทำลาย มู่เจ๋อกระอักโลหิต แต่ต้องถอยทันที
เสียงแหลมหวีดหวิวทำให้ผิวของเขาชามาจากด้านหลังของเขา มู่เจ๋อแตกตื่น
กระบี่น้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากน้ำด้านหลังของเขา เหมือนฝน และเสียบเข้าที่ด้านหลังของเขา
ร่างของมู่เจ๋อสั่นสะท้านรุนแรง สีหน้าเขาแข็งค้าง เลือดเนื้อในตัวเขากลายเป็นน้ำแข็ง กระบี่น้ำแข็งยังคงยิงออกมาอีก ปังตุ๊กตาน้ำแข็งแตกกระจาย
ในกลางอากาศถังเทียนปรากฏด้านหลังเว่ยหานเหมือนกับภูตพราย
เขาเคลื่อนไหวนิ้วอย่างนุ่มนวลและใช้สายใยกฎธรรมชาติอวกาศรัดรอบคอของเว่ยหาน
ม่านตาของเว่ยหานขยาย ก่อนที่เขาจะสามารถร้องขอชีวิต ศีรษะเขาก็ปลิวขึ้นในอากาศ