ตอนที่แล้วตอนที่ 718 วิคเตอร์กับโรแลนด์ ซู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 720 ประหารคู่

ตอนที่ 719 กำจัดพวกมัน


บนอาคารสูงใกล้กับบ้านตระกูลเซวียมู่เจ๋อกับเว่ยหานยืนอารักขา ทั้งสองคนมองดูบ้านตระกูลเซวียเป็นระยะๆ

“เจ้าถังเทียนนั่นคือบุรุษหน้ากากผีจริงๆหรือ?”  เว่ยหานคำราม  “ข้าต้องบอกไว้ก่อนประมุขตระกูลระวังตัวเกินไป ถ้าเราแค่กำจัดเขาตอนนี้ ใครจะพูดอะไรได้?”

“ท่านประมุขตระกูลก็พิจารณาในฐานะประมุขตระกูลนั่นแหละ”  มู่เจ๋อกล่าว “นอกจากนี้ เราแค่ป้องกันเขาไม่ให้หลบหนี ถ้าบางคนยินดีทำก็จะดีกว่านี้ ตั้งแต่เริ่มต้นไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้มาถึงมือเรา  และ.. เจ้าเอาชนะเบนสันได้หรือ?  พายุดาบนั่นไม่ใช่ธรรมดาเจ้าไม่อาจประมาทพลังของบุรุษหน้ากากผีได้”

“แล้วไงเล่า?”  เว่ยหานแค่นเสียง  “ตราบใดที่เราทั้งสองร่วมมือกันข้าไม่เชื่อว่าเราจะพลาดท่า”

“หยุดพูดไร้สาระเสียที  และคอยคุมเชิงก็พอ”  มู่เจ๋อคร้านจะเถียงกับเว่ยหานและเพลิดเพลินกับการดื่มชา

ภายในคลังสินค้า

ถังเทียนค่อยๆ ลืมตาเขารู้สึกเหมือนเหมือนกับเป็นลูกโป่ง แก่นต้นกำเนิดชีวิตซึมซาบเข้าไปในเนื้อของเขาและจากนั้นเปลี่ยนเป็นไฟสุญญตา ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเหมือนตกอยู่ในเพลิงตราบใดที่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจะทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงานไหลเวียนทำให้เขากระสับกระส่าย

เขาลอยอยู่ในอากาศทั้งตัวมีเพลิงสีเทาใสคลุมร่างทำให้เขาดูเหมือนกับเทพสงคราม

เถี่ยเซียมองดูถังเทียนด้วยความยำเกรง  ใช่แล้วด้วยความยำเกรง

“เจ้าบอกว่านี่คือไฟต้นกำเนิดหรือ?”  ถังเทียนมองดูเปลวเพลิงที่คลุมไปทั้งมือของเขา

“ขอรับนายท่าน”  เถี่ยเซียตอบด้วยความเคารพ  ในแดนบาป ผู้แข็งแกร่งเป็นจ้าวหลังจากสู้กับถังเทียนครั้งล่าสุดแล้วเขายังไม่มั่นใจ  แต่ตอนนี้ถังเทียนมองดูคล้ายเทพเจ้าสงครามต่อหน้าเขาทำให้เขารู้สึกไม่อาจต้านทานได้

ในแดนบาปยอดฝีมือทุกคนจะมีเป้าหมายอยู่สองอย่างซึ่งก็คือรู้แจ้งกฎจากสายใยกฎอีกเป้าหมายหนึ่งก็คือจุดไฟต้นกำเนิดให้ได้ การเปลี่ยนพลังงานของร่างกายให้เป็นพลังต้นกำเนิดไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพบนักสู้ที่ไม่เคยจุดไฟต้นกำเนิด แต่เขาไม่เคยพบกับนักสู้ที่มีไฟต้นกำเนิดที่น่ากลัว

ไฟต้นกำเนิดของถังเทียนเหมือนภูเขาไฟที่พ่นลาวาออกมา  แม้เมื่อเขาอยู่ห่างสิบเมตร  เถี่ยเซียก็ยังรู้สึกได้ถึงรังสีของไฟต้นกำเนิด

‘เปลวไฟต้นกำเนิดปลดปล่อยออกมาในระดับเช่นนั้น และสามารถสร้างไฟต้นกำเนิดที่น่ากลัวอย่างนั้น  พลังต้นกำเนิดของนายท่านต้องน่ากลัวมาก’

น่ากลัวมาก!

เขาบอกทุกเรื่องที่เขารู้ให้ถังเทียนทราบ

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเถี่ยเซีย  ถังเทียนผงกศีรษะ  “พลังต้นกำเนิด?  เป็นชื่อที่ดีการใช้สายใยกฎธรรมชาติเพื่อทำความเข้าใจกฎผิวเผินที่น่าสนใจในตอนแรกเป็นไปได้ไหมว่าในขั้นตอนสุดท้าย จะเกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติอวกาศนั้น?”

“ถูกแล้วเมื่อท่านได้รับการรู้แจ้งกฎอวกาศ ท่านสามารถสร้างกฎสนามพลังได้ นักสู้ที่ทรงพลังขนาดนั้นไม่ใช่คนที่ท่านจะเอาชนะได้”  เถี่ยเซียอธิบาย

“ไม่มีหรอกคนที่ไร้พ่าย”  ถังเทียนพูดคัดค้าน  จากนั้นถามด้วยความสงสัย  “มีคนที่ได้รู้แจ้งกฎธรรมชาติหลักไหม?”

“ข้าคิดว่ามีแต่นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดระดับสุดยอด”  เถี่ยเซียตอบด้วยอาการลังเลเล็กน้อย  “ผู้น้อยไม่ทราบชัดในเรื่องนั้น”

“กฎผิวเผิน?ใช่อย่างนี้หรือเปล่า?” หานปิงหนิงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น ชิ้นแสงสีฟ้าเบาบางปรากฏที่หน้าของนางชิ้นแสงสีฟ้าบางพอๆ กับแผ่นกระดาษ เมื่อปรากฏขึ้น รังสีที่เย็นและคมครอบคลุมไปทั่วสถานที่

สีหน้าของเถี่ยเซียชะงักค้างขณะที่เขากลืนน้ำลายอย่างยากเย็น  ‘อย่างที่พวกเขาคาดพรสวรรค์ใช้กับเพียงพวกผิดปกติเท่านั้น มีแต่คนที่ผิดปกติ จึงจะเป็นสหายกับคนที่ผิดปกติ

จากนั้นเขาอธิบาย  “ใช่แล้ว ตราบใดที่กฎผิวเผินถูกสร้างขึ้นท่านสามารถสร้างออกมาเป็นสนามพลังได้”

“สร้างสนามพลัง..”  หานปิงหนิงสับสนอยู่บ้าง

ถังเทียนถามด้วยความสงสัย  “สนามพลังแบบไหนกันที่กฎผิวเผินของเจ้าแสดงออกมาได้?”

เถี่ยเซียพูดด้วยความเคารพ  “กฎผิวเผินของผู้น้อยแสดงออกมาเป็นสนามพลังที่ทำให้ผู้น้อยเป็นเหมือนหมอกยามราตรีและสามารถไหลไปและเปลี่ยนรูปร่างได้ทุกเมื่อ นอกจากนั้นตราบใดที่ผู้น้อยใช้กฎกระแสราตรี ความรู้สึกที่ผู้น้อยมีต่อแรงสั่นสะเทือนในอากาศจะคมชัดมาก”

“มาทดสอบกัน”  ถังเทียนข้องใจเรื่องนั้นมาก  ไม่ว่าจะเป็นในสวรรค์วิถีหรือแดนบาปการต่อสู้ของพวกเขาใช้ผ่านพลังงาน และไม่แปลกประหลาดและผันผวนเหมือนในแดนบาป

ร่างของเถี่ยเซียวกระพริบและร่างเขาพร่าเลือน  และเริ่มกระจายตัวและในพริบตาเขาเปลี่ยนเป็นกลุ่มหมอก หลังจากนั้น เขากลายสภาพเป็นเหมือนของเหลว

ถังเทียนตาเบิกกว้าง  เขาตื่นเต้นมากและสนุกมาก

ทันใดนั้น เสียงเบาบางดังเข้าหูของถังเทียน  “นายท่าน, มีบางคนกำลังจับตาดูเรา!”

ถังเทียนตกใจและรอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที เขาเคลื่อนไปหาหานปิงหนิงและพูดเบาๆ  “ที่ไหน”

“ค่อนข้างไกล”เถี่ยเซียก็ตื่นเต้นเช่นกัน ในที่สุดเขาก็ได้โอกาสแสดงฝีมือตนเองและเขาต้องการทำให้ดี  ‘ข้าต้องให้เจ้านายเห็นพลังและคุณค่าของข้าและดึงข้าออกมาจากตำแหน่งคนงานสามัญนี้’

เถี่ยเซียผู้ถูกความตั้งใจสู้เร่งเร้ารีบหาเป้าหมายของเขา

“บนอาคารหลังหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้”  เถี่ยเซียแจ้ง

ถังเทียนเหินไปที่หน้าต่างและมองผ่านรอยแยก  เขามองไปทางตำแหน่งทิศตะวันตกเฉียงใต้  จริงด้วยบนหลังคามีเงาร่างเลือนรางอยู่สองร่างยืนอยู่ตรงนั้น

“พวกเขาไม่ใช่คนของตระกูลหลู” เถี่ยเซียหน้าเปลี่ยน  ถ้าพวกเขาเป็นคนของตระกูลหลู  เขาอาจจะรู้สึกว่าปกติ  หลูหลิงหนานไม่ใช่คนที่จะรามือง่ายๆหมอกที่เหมือนร่างคนของเถี่ยเซียกระจายออกไปในทุกตำแหน่ง

ในพริบตาหมอกบางก่อตัวเป็นรูปหม้อน้ำและลอยอยู่ในอากาศ

นี่คือสิ่งที่เถี่ยเซียสร้างขึ้นเองเป็นเคล็ดที่ไม่เหมือนใครวิชาถ่ายสัญญาณหม้อน้ำ และมันใช้จับสัญญาณหลายอย่างได้สำเร็จ

เขาเพ่งสมาธิไปที่ยอดรูปหม้อน้ำ  นี่จะทำให้เขารวบรวมเสียงที่มาจากทุกตำแหน่งและให้เขาได้ฟังเสียงจากที่ไกลได้ เขาค่อยๆ กำจัดคลื่นรบกวน และเสียงของบุรุษสองคนบนอาคารนั้นค่อยๆ ชัดเจน

“พวกเขาเป็นคนของตระกูลฉิน  พวกเขามาสังเกตการณ์นายท่านและมองดู  พวกเขาไม่ยอมให้นายท่านหนีไปและพวกที่ลงมือจะเป็นตระกูลหลู

“ตระกูลฉิน,หือ?” ตาของถังเทียนเป็นประกายดูจริงจัง  ‘ดูเหมือนตระกูลฉินคงยืนยันสถานะข้าได้แล้ว’

เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย  เขาท้าทายเบนสันด้วยความหวังจะแข็งแกร่งมากขึ้นขัดเกลาตนเอง เขาไม่เคยถอยนอกจากเดินหน้า นอกจากสู้รบ เขาไม่รู้ว่าจะก้าวหน้าได้ยังไง

สู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำให้เขาก้าวหน้ามาก และปัจจุบันนี้ถังเทียนมีความมั่นใจและตั้งใจต่อสู้

การสู้รบกับเบนสันเพิ่งรูดม่าน  ในแผนของถังเทียนสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คือการต่อสู้เป็นพรวน เขาจะใช้การสู้รบทั้งหมดเพื่อช่วยทุกคนออกมา

ตอนแรกเขาต้องการใช้เวลาสองสามวันเพื่อเตรียมการซึมซับทุกอย่างจากการสู้รบ แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะหาทางมาหาถึงหน้าประตูบ้านเขา

‘อย่างนั้นก็เริ่มกับพวกเขา’

ถังเทียนไม่กลัวพวกเขาแม้แต่น้อย  และไม่คิดจะถอยอยู่แล้ว เขาไม่เคยพอใจกับกับจำนวนครั้งการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วนที่เขาเองควบคุมไม่ได้  แต่ความมุ่งมั่นและความต้องการสู้ความห้าวหาญและความไม่กลัวเกรงเปรียบเหมือนขวานยักษ์ที่เขายึดถือไว้แน่นตอนเผชิญหน้ากับการต่อสู้เช่นนั้น

ขวานหนักในมือจะฟาดฟันศัตรูให้ขาดกระจุย

“ข้าจะไปกำจัดพวกเขา”

โดยไม่ลังเลรังสีฆ่าฟันของถังเทียนทะยาน เขาดึงหน้ากากผีออกมาสวมไว้

“ให้ข้าช่วย”  หานปิงหนิงพูดโดยไม่ลังเล

เถี่ยเซียตกใจกับรังสีฆ่าฟันที่เปล่งออกฉันพลันของทั้งสองคนนี้  ก่อนที่เขาจะทันสนองตอบทั้งสองคนก็หายไปแล้ว  เขาตะลึง  ‘คนไม่มีชื่อเสียงนี้เป็นใครกัน?  ทำไมข้ารู้สึกว่าสองคนนี้ดุร้ายยิ่งกว่าข้าเสียอีก...’

เว่ยหานและมู่เจ๋อไม่มีทางคาดว่าการสนทนาของพวกเขาจะมีคนดักฟังได้จากระยะไกล  เพื่อป้องกันไม่ให้ถังเทียนหลบหนี  ทั้งสองคนเลือกตำแหน่งนั้นเป็นอาคารที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียงสามารถมองเห็นบ้านตระกูลเซวียได้ทั้งหมด

อาคารนี้เรียกว่าอาคารเทียมเมฆซึ่งสร้างขึ้นโดยบ้านตระกูลฉินเพื่อประโยชน์คอยจับตามองบ้านตระกูลเซวีย  มองอย่างผิวเผินอาจจะมองว่าตระกูลฉินกำลังปกป้องตระกูลเซวีย แต่ในความเป็นจริงพวกเขามีความตั้งใจอีกอย่างหนึ่ง  ตระกูลฉินมีความโลภในความมั่งคั่งของตระกูลเซวียมานานแล้ว แต่เพียงเพราะว่าพวกเขามีสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเซวียตั้งแต่รุ่นก่อน  และถ้าพวกเขายึดตระกูลเซวียก็คงเป็นการกระทำที่น่าเกลียด

แต่ตระกูลฉินไม่เคยกำจัดความคิดว่าตระกูลเซวียไม่มีความสามารถดึงดูดนักสู้ผู้เก่งกาจ  พวกที่มาก็คือนักสู้ผู้ไร้ความสามารถจากตระกูลฉิน  ตระกูลฉินมีความแน่นอนว่าตราบเท่าที่ตระกูลเซวียยังกำความลับของการผลิตหนอนไหมทองไว้  พวกเขาจะไม่มีทางขาดแคลนเงิน  ตราบใดที่ตระกูลเซวียรับยอดฝีมือเข้ามา  นั่นจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลฉิน

ดังนั้นอาคารเทียมเมฆจึงถูกสร้างขึ้นข้างบ้านตระกูลเซวีย  ทำให้บ้านตระกูลเซวียไม่สบายใจ  แต่จงเจิ้งเยียนเหม่ยควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเองแน่นอนจึงเป็นความไม่สบายใจเงียบๆ

ราตรีที่ยาวนานไม่มีผลต่อพลังกายของมู่เจ๋อและเว่ยหาน  แต่มันน่าเบื่อมาก  เว่ยหานกระวนกระวายและเริ่มฝึกฝีมือ ขณะที่มู่เจ๋อนั่งจิบชาอย่างสบายใจอยู่ข้างหน้าต่าง

ทั้งสองคนไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายที่ใกล้เข้ามา

ถังเทียนพาหานปิงหนิงลัดเลาะไประหว่างชายคาบ้านอย่างเงียบๆ พวกเขาเหมือนกับเงาขณะที่ปลดปล่อยศักยภาพวิชาพรางตัวตระกูลผิงเต็มที่  เขาแนบตัวติดกำแพงและอาศัยเงามืดก้าวหน้าไป

นอกจากกฎธรรมชาติอวกาศแล้ววิชาพรางตัวตระกูลผิงยังมีการเคลื่อนไหวพรางตัวอย่างอื่นซึ่งทั้งหมดผ่านการปรับปรุงอยู่หลายปี  ในความเป็นจริงขณะที่เขาใช้วิชาพรางตัวเขาไม่ค่อยใช้กฎธรรมชาติอวกาศ

เพราะเมื่อสายใยกฎธรรมชาติตัดพื้นที่มิติ  จะสร้างแสงผันผวนซึ่งทำให้ศัตรูตกใจได้ง่าย

ถังเทียนเป็นเหมือนสัตว์ร้ายย่องเข้าหาเหยื่อเคลื่อนไหวไปหาศัตรูของเขาอย่างเชื่องช้าและอดทน เค้าโครงของอาคารบดบังเขาได้ดี แม้ว่าบ้านตระกูลเซวียจะไม่สามารถห้ามตระกูลฉินไม่ให้สร้างอาคารเทียมเมฆได้  พวกเขาสามารถทำสิ่งเท่าที่ต้องการทำในผืนดินของตัวเองเพื่อบดบังการสังเกตการณ์จากอาคารเทียมเมฆ ตระกูลเซวียสร้างกำแพงสูงสง่าหลายแห่งและขอบกว้างบนกำแพงก็คลุมทางเดินภายในที่พักอาศัย พวกเขายังคงสร้างศาลาโค้งขนาดยักษ์เพื่อบดบังสายตา ดังนั้นบ้านตระกูลเซวียจึงไม่มีพื้นที่เหลือมากนัก

สำหรับถังเทียนมันคือภูมิประเทศที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง

หานปิงหนิงรั้งรังสีกระบี่กลับและติดตามอยู่ด้านหลังถังเทียน

ถังเทียนเคลื่อนไปเดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวาใช้ชายคาบังตัว  เขาไปถึงสุดทางเดินยาวซึ่งเป็นศาลาใหญ่ศาลาตั้งตระหง่านอยู่ในใจกลางทะเลสาบจำลองและเป็นพื้นที่กว้างที่สุดในบ้าน

ถังเทียนชี้ไปที่ศาลาและพูดเบาๆ  “เจ้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่และรอลอบลงมือข้าจะวนอ้อมไปที่ด้านหลังของพวกเขา

หานปิงหนิงพยักหน้าและกำด้ามกระบี่แน่นโดยไม่รู้ตัว

ถังเทียนพยักหน้าให้กำลังใจนางและกลายเป็นเหมือนเงา หายไป

แม้ว่าตระกูลเซวียจะตกต่ำ แต่ที่สำคัญพวกเขาเคยเป็นตระกูลที่คึกคักและร่ำรวย  และการก่อสร้างภายในบ้านบ้านยังแสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจในอดีต  ถังเทียนเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนตัวเองรู้สึกงงโชคดีสำหรับเขาที่อาคารเทียมเมฆเด่นชัดสามารถกำหนดตำแหน่งได้

ภาพที่อยู่ต่อหน้าต่อตาของถังเทียนทำให้งง  หลังจากเข้าไปในบ้านชั้นใน  ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเข้าไปในวัง

เขาไม่ได้ให้ความสนใจตราบเท่าที่เขาพบตำแหน่งที่ถูกต้อง เขาสามารถเดินออกไปได้  ถ้าไม่มีทางก็ต้องมีหน้าต่าง

ทันใดนั้นเสียงตวาดดังมาจากข้างหน้า  “ใคร?”

ถังเทียนตกใจก่อนที่เขาจะทันได้ตอบแสงบนกำแพงปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา  และทันใดนั้นกระแสปั่นป่วนเบาๆมาจากด้านหลังเขา  เขาหันกลับไปมองทันทีและเป็นแสงอีกสายหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังเขา

เขาติดกับ

มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ที่ด้านข้างกำแพงแสงสว่าง

เมื่อหมิงจูที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันเห็นหน้ากากบนผนังที่สว่างนางตะลึงทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด