ตอนที่แล้วตอนที่ 716 ท่านเปากู่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 718 ผลึกสวรรค์?  มันเป็นของข้า!

ตอนที่ 717 ใครขี้เหนียวที่สุด?


มีคนตระหนี่อยู่มากมายในโลกนี้

บางคนกระหายเงินอย่างที่สุด บางคนมองดูเหมือนขอทานทั้งที่จริงเป็นเศรษฐี  บางก็นอนหลับไม่ได้หากไม่ได้ตรวจสอบนับเงินของตนเองเสียก่อน  และบางคนก็ตายตาไม่หลับหากมิได้ดับเทียนเมื่อเขายังมองเห็นเทียนสองเล่มมอดไหม้

อย่างไรก็ตาม คนตระหนี่ทุกคนมีคุณสมบัติทั่วไปอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน

นั่นคือพวกเขาร่ำรวย

นิสัยมัธยัสถ์อดออมเงินของพวกเขาและตัดค่าใช้จ่ายมีส่วนทำให้พวกเขามั่งมี

ดังนั้นคนตระหนี่จึงขี้เหนียวเป็นปกติ

หัวหน้าโจรเหย่หนิวก็เป็นคนเช่นนั้น

ไม่มีใครคาดว่านูเจนจะรู้ว่าเขาเป็นคนตระหนี่เนื่องจากเขาปกปิดทรัพย์สินไว้เป็นอย่างดี  หัวโจรเหย่หนิวร่ำรวยยิ่งกว่าเจ้าเมืองลมดำผู้จัดตั้งตลาดมืดเพื่อการค้ามากมายนัก  ขณะที่เย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นค้นหาบ้านของเจ้าเมืองลมดำและยืดทรัพย์สินของเขา  พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าควรจะมีทองเหลืออยู่หมื่นล้านทอง แม้ว่าท่านบาร์ตันจะขนสมบัติของเจ้าเมืองไปเกือบทั้งหมด  ตามที่ราชันย์ปีศาจใต้คำนวณ เจ้าเมืองลมดำควรจะมีสมบัติมากกว่าสามพันล้านเหรียญทอง

เขาเก็บสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดมูลค่าพันล้านเหรียญทองไว้ในแหวนเก็บของและขอให้ท่านบาร์ตันเอาทรัพย์สินพันล้านเหรียญทองหนีไป  พันล้านเหรียญทองที่เหลืออยู่ให้แบ่งกับปีศาจเฒ่าเว่ยและนักสู้อื่น

มีทรัพทย์สินพันล้านเหรียญทอง  ยกเว้นรายได้ที่แท้จริงจากการทำเหมืองแร่ ป่าไม้ วัตถุดิบปรุงยา ผลึกปีศาจและธุรกิจอื่น

แม้แต่องค์ชายเทียนหลัวผู้มีความร่ำรวยระดับประเทพก็ยังเทียบไม่ติด

อย่างไรก็ตามนูเจนแสดงความรังเกียจ

“เจ้าเมืองลมดำเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย รายได้เฉลี่ยของตลาดมืดอย่างเดียวก็เกิน 50 ล้านเหรียญทอง นำรายได้อื่นมาพิจารณาอีก เดือนหนึ่งเจ้าเมืองลมดำมีรายได้รวมเกินกว่าร้อยล้านเหรียญทอง  นั่นคือสิ่งที่เรารู้ยังไม่รวมทองที่เขาได้มาจากการปล้น ติดสินบนและเงินปันผลของเขา  เขาใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยจึงเก็บเงินได้เพียงสามพันล้านเหรียญทอง หลังจากใช้ความพยายามหลายปี  หัวหน้าเหย่หนิวมีความสามารถในการสะสมทรัพย์สินได้มากกว่าสามหมื่นล้านเหรียญทองถ้าเขามีรายได้อย่างนี้”  คำพูดของนูเจนทำให้เย่คงสะดุ้ง

“ตามคำที่เจ้าบอก หัวหน้าเหย่หนิวรวยกว่าเจ้าเมืองลมดำใช่ไหม?”  เย่คงถ่มน้ำลาย

“สมบัติของหัวหน้าเหย่หนิวมีเท่าไหร่?”  เสวี่ยทันหลางผู้ไม่เคยให้ความสนใจเรื่องเงินก็ยังอยากรู้เช่นกัน

“ห้าพันล้าน?”  องค์ชายเทียนหลัวรู้สึกว่าแค่นี้ก็มากสุดแล้ว

“ไม่ ต่อให้มูลค่าสมบัติในแหวนเก็บของของหัวหน้าเหย่หนิวไม่นับรวมไว้ด้วย แต่บางทีทรัพย์สินที่ข้าใส่ไว้ในขุมทรัพย์คนตระหนี่มีมูลค่าที่  9,918,513,350,499 เหรียญทอง  ถ้าเพิ่มทองลงไปอีก 138,466,541 ก็จะมีมูลค่ารวมสิบล้านล้าน”  นูเจนกล่าว คนที่เหลือตกตะลึงกันหมด

“แน่นอนว่าการปล้นมีผลกำไรงาม”  เจ้าอ้วนไห่พึมพำกับตนเอง ตาของเขาเป็นประกาย  ดูเหมือนเขามีความรู้สึกสดชื่น

“ขุมทรัพย์คนตระหนี่อยู่ที่ไหน? พาเราไปที่นั่น!”  ราชันย์ปีศาจใต้ขอให้นูเจนบอกทาง

แต่นูเจนมีสีหน้าอึดอัดขณะมองดูทุกคน

เขาหมายถึงให้ส่งมอบสมบัติงั้นหรือ?

ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาจึงบอกขุมสมบัติคนตระหนี่กับเย่ว์หยางเล่า?  ถ้าเขาไม่บอกเย่ว์หยางคนรุ่นหลังก็จะไม่รู้ว่าหัวหน้าเหย่หนิวมีสมบัติ

เย่คงประหลาดใจ  เขาคว้าคอเสื้อนูเจนและกล่าว “คายออกมา!  ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าทุบเจ้าก่อนที่จะบอกทาง  ข้าไม่รังเกียจที่ชกเจ้า”

สองพี่น้องตระกูลหลี่ขยับกล้ามเนื้อได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บ

เจ้าอ้วนไห่รีบลุกขึ้นยืนและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท  “อย่าไปสนใจเจ้าพวกป่าเถื่อนนี่  ในเรื่องเกี่ยวกับเงิน เจ้าสามารถใช้ความรู้สึกเชื่อถือเราได้  จำเป็นต้องใช้ม้วนเทเลพอร์ตที่นั่นหรือเปล่า ? วางใจได้ เรามีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในการเทเลพอร์ต ตราบใดที่เจ้าบอกตำแหน่งโดยประมาณการกับเรา  เราไปถึงที่นั่นได้แน่นอน ดูสิ? นี่หลิวเย่ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในการทะลุมิติในโลก - นางสามารถไปได้ทุกที่ที่นางต้องการ!”

“เอ่อ, ความจริงนั่นไม่ใช่เรื่องที่ข้ากังวล”  นูเจนอายเล็กน้อยขณะเกาศีรษะ “ความจริงขุมทรัพย์คนตระหนี่ก็คือที่เก็บสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหมายความว่ามีแต่คนขี้เหนียวเท่านั้นที่เข้าไปได้”

“ใครจะคิดกันเล่าว่ามีสมบัติเช่นนั้นอยู่จริง?”  พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

การใช้น้ำตาเต่าอพยพ ทำให้นูเจนพบจุดเทเลพอร์ตและทุกคนเทเลพอร์ตไปที่นั่น

พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินซึ่งไม่มีแสงแม้แต่น้อย

อุโมงค์ใต้ดินไม่สูง

แต่สร้างด้วยหินขนาดมหึมามีความแข็งมากและไม่มีทางพังทลายเพราะแผ่นดินไหว  นูเจนจุดไต้พาทุกคนเดินวนและเข้าไปลานที่กว้างขึ้นบ้าง

เขาชี้พื้นหินราบในใจกลางพื้นที่ราบและบอก “นี่คือที่ซึ่งข้าถูกจัดส่งไปทำงานให้หัวหน้าเหย่หนิว”

เขาชี้ไปที่ผนังภูเขาด้านหนึ่งและกล่าว  “มีประตูลับอยู่ตรงนี้  และเป็นทางเข้าขุมทรัพย์คนตระหนี่”

เย่คงและคนอื่นเบิกตากว้าง

พวกเขามองไปรอบๆ และพบว่าผนังภูเขาโดยรอบมองดูเหมือนกันไม่เห็นอะไรผิดปกติ  มีประตูลับทางเข้าอยู่ตรงนี้จริงๆ หรือ? ทำไมมองไม่เห็นเล่า?

“เอ่อ, ถ้ามีใครในพวกเจ้าสามารถใช้เหรียญทองเดียวซื้อชุดสำหรับสวมใส่ได้สิบชุดรวมทั้งหมวกด้วยเป็นเวลาสิบปี อย่างนั้นเจ้าจึงจะมีคุณสมบัติสามารถเห็นประตูลับได้”  นูเจนอธิบายว่าประตูลับนี้มีแต่คนตระหนี่จึงจะมองเห็นได้

“ประตูนี้น่าทึ่งขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้าเห็นจริงๆ ไหม?”  หลังจากเจ้าอ้วนไห่พูดเช่นนั้น เย่คงและคนอื่นตกใจกันหมด

“เจ้าอ้วน!  เจ้ามองเห็นหรือเปล่า?”  เสวี่ยทันหลางประหลาดใจ

“ชัดเจนมาก!”  เจ้าอ้วนไห่อธิบายให้ทุกคนฟังอย่างภูมิใจ บอกว่าเป็นประตูสีแดงมีอักษรรูนสวรรค์เล็กๆ และเพชรเก้าเม็ดติดอยู่บนนั้น

“มิน่าเล่า...”  กลุ่มคนตระหนักได้ทันทีถึงเหตุผลที่เจ้าโง่อ้วนตระหนี่ยิ่งนัก  เขาเกิดมาเป็นคนตระหนี่  ถ้าไม่มีบททดสอบเช่นนั้น จะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง

“เจ้าเห็นประตูนั้นเป็นสีแดงหรือ?  ยิ่งเป็นคนขี้เหนียว ประตูลับที่เห็นก็ยิ่งเป็นสีแดง!”

นูเจนชักงงเล็กน้อย  “เจ้าเห็นประตูเป็นสีแดงหรือ  อย่างก็พิสูจน์ได้ว่าระดับความขี้เหนียวของเจ้าเหนือกว่าข้ามาก  คุณชายไห่!  เจ้าเป็นคนขี้เหนียวคนหนึ่ง!”

ได้ยินเช่นนั้นเจ้าอ้วนไห่กังวลทันที และเถียงเสียงดัง  “อะไรกัน?  คนใจกว้างอย่างข้าจะเป็นคนขี้เหนียวไปได้ยังไง  ข้าเชิญทุกคนมากินเหล้าเมื่อปีที่แล้ว พวกเจ้ายังไม่ลืมใช่ไหม?”

เย่คงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากให้คิดถึง  เชิญเรามาดื่มเมื่อปีที่แล้วหรือ?  ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องจริง!

พี่น้องตระกูลหลี่ลืมไปแล้ว

ขณะที่เสวี่ยทันหลางกำลังคิดว่าเจ้าอ้วนเชิญพวกเขามาเลี้ยงเหล้าเมื่อปีที่แล้ว เขาทำอะไรอื่นอีกไหม? หลังจากคิดอยู่นานเขาก็ไม่พบอะไรอื่น

องค์ชายเทียนหลัวไม่คิดอะไร แค่สรุปว่า “คุณชายไห่  เจ้าเป็นคนขี้เหนียวของแท้แน่นอน เจ้าไม่ต้องมาเถียง  เพราะเมื่อครั้งที่เจ้าเชิญเรามาเลี้ยงเหล้า  เจ้ายืมเงินข้าไปจ่าย และเงินก็ยังไม่ใช่คืนข้า!”  หลังจากองค์ชายเทียนหลัวพูดเช่นนั้น ทุกคนมองดูเจ้าอ้วนไห่ด้วยสายตาดูถูก  ทำให้เขาเขินเล็กน้อย จากนั้นเจ้าอ้วนไห่หันไปเถียงกับหลิวเย่และเป่าเอ๋อ  “หลิวเย่, เป่าเอ๋อ, ข้าบริสุทธิ์นะ ครั้งสุดท้ายเจ้ายืมเงินข้าไปจ่ายค่าผลปัญญา จริงไหม?  ข้าเป็นพี่ใหญ่  ข้าจะขี้เหนียวได้ยังไง ข้าก็แค่ใส่ใจเรื่องงบประมาณนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”

“เงินซื้อผลปัญญานั่นเป็นเงินของข้า  เพียงแต่ลูกพี่แค่ช่วยถือกระเป๋าเงินให้ข้ามานานเท่านั้น!”  คำพูดขององค์ชายเทียนหลัวทำให้เจ้าอ้วนไห่อายมากขึ้น  และเจ้าอ้วนไห่แทบจะแทรกแผ่นดินหนี

“ในฐานะลูกพี่  ข้าต้องแหกปากเชิญพวกเจ้ามาดื่มเหล้าเมื่อปีที่แล้วด้วยหรือ?”  เย่คงรู้จักน้ำเสียงของเจ้าอ้วนไห่เลยถือโอกาสเยาะเย้ย

“ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้เลย  ข้าจะเชิญทุกคนมาดื่มอีกทันทีที่เรากลับไป!”  เจ้าอ้วนไห่เหงื่อตก

“อะแฮ่มๆ  ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่  ข้าจะแหกปากบอกว่าข้าซื้อผลปัญญาสองสามผลมาให้น้องหลิวเย่เมื่อปีก่อนใช่ไหม?  เป็นไปไม่ได้  ข้าเป็นคนธรรมดา!”  เย่คงไม่คิดจะปล่อยเจ้าอ้วนไห่หลุดมือ  เขาตั้งใจหลอกหลอนเจ้าอ้วนให้ถึงที่สุด  ทุกคนหัวเราะและแม้แต่หลิวเย่ผู้จิตใจอ่อนโยนที่สุดก็ยังแอบหัวเราะ

“ข้าเกลียดคนขี้เหนียวที่สุด!”  เป่าเอ๋อเบะปากน้อยๆ โดยตรง

“เออๆ ข้าผิดเอง ตกลงไหม?  เจ้าลิงผอม, หุบปากและกลับไปเลย ข้าจะซื้อผลปัญญาให้ทุกคนเลี้ยงอสูรเวทของพวกเจ้าจนพุงแตกตายไปเลย!” ขณะนั้นเจ้าอ้วนมีน้ำตานองแก้ม

“นี่ถ้าปิงเอ๋อรู้ว่าเจ้าอ้วนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ใหญ่เป็นคนขี้เหนียวนะ...”  เย่คงหงายไพ่ตาย

เจ้าอ้วนไห่หน้าทนจนแม้แต่กระบี่ทำอะไรไม่ได้  ลมไฟก็ไม่กล้ำกราย

อย่างไรก็ตาม เขายังมีจุดอ่อน

เขายอมตายแต่ไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้าเย่ว์ปิง

ถ้าเย่คงบอกเรื่องนี้กับเย่ว์ปิง บางทีเจ้าอ้วนไห่คงฆ่าตัวตายเป็นแน่

ทันทีที่เย่คงพูดจบ เจ้าอ้วนไห่เอามือปิดปากเย่คงจนมีแต่เสียงอู้อี้เล็ดรอดออกมา  “เจ้าลิงผอม, ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระให้ปิงเอ๋อฟัง  ถ้าข้ารู้ข้าจะไม่ฉีกเจ้าอย่างเดียว แต่จะเอากระดูกเจ้าเลี้ยงสุนัขซะ  เจ้าไม่อยากดื่มเหล้าจี่หลานหรือไง? ดูซิว่าข้าเป็นใคร  ข้าคือคุณชายที่ร่ำรวย  เมื่อขุมทรัพย์คนตระหนี่ได้รับการคลี่คลาย ข้าจะเลี้ยงเจ้าให้จมสุราตายไปเลย!”

พี่น้องตระกูลหลี่กำลังกระซิบปรึกษากัน  “ว่ากันว่าเหล้าจี่หลานมีชื่อเสียง ถ้าเอามาใช้อาบข้าเชื่อว่าต้องยอดเยี่ยมแน่”

เจ้าอ้วนไห่พูดด้วยความโมโห  “เจ้าสามารถฆ่าข้าด้วยมีดของพวกเจ้าได้ แต่ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”

เสวี่ยทันหลางพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น  “ข้าไม่ชอบดื่มเหล้า”

เจ้าอ้วนไห่ชื่นชมทันที  “ใช่แล้วเจ้าเป็นนักสู้ลูกผู้ชยตัวจริงที่อุทิศตัวเองให้กับการฝึกฝน  อย่างเจ้าลิงน่ะเป็นได้แค่เป็ดง่อย”

เสวี่ยทันหลางพยักหน้ากล่าว “ข้าไม่ใช่นักสู้ที่แท้จริงมากนัก  ถ้ามีคนยินดีจะซื้ออสูรรบระดับปราณฟ้าให้ข้าสักตัว...”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าอ้วนไห่หัวร้อนทันที และโวยวาย “เจ้าหน้าโลงเย็น! เจ้ารู้ไหมอสูรระดับปราณฟ้าราคาเท่าไหร่?  โดยทั่วไปต้องใช้เงินมากกว่าสิบล้านเหรียญทอง ราคาในโรงประมูลก็ยิ่งสูงปรี๊ด นี่มันไม่ใช่กะหล่ำปลีที่ขายตามตลาดสดนะเฮ้ย”

หลังจากบ่นเสร็จแล้ว เจ้าอ้วนไห่เพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ใช่เรื่องดีที่รุกรานเสวี่ยทันหลางมากเกินไป

เพราะถ้าเย่คงพูดเรื่องแย่ๆ ของเขากับเย่ว์ปิงเป็นไปได้ว่าเย่ว์ปิงก็คงไม่เชื่อ

พวกเขาหยอกล้อกันบ่อย  ไม่ว่าคำพูดใดที่เสวี่ยทันหลางพูดมักจะเป็นเรื่องจริง  เพราะเขาไม่เคยโกหก  ถ้าเสวี่ยทันหลางพูด ภาพพจน์เจ้าอ้วนไห่คงพังทลายอย่างสิ้นเชิง

เขารีบเปลี่ยนหัวข้อคุยทันที และตะโกนพลางพูดยิ้มให้กับเสวี่ยทันหลาง  “คุณชายรองเสวี่ย ท่านมีอัจฉริยภาพมากอยู่แล้ว  ถ้าข้าต้องการซื้ออสูรศึกให้ท่าน  ท่านก็คงไม่ยอมรับของไร้ค่าอย่างนั้น  ข้าอยากจะส่ง?  แต่เจ้าต้องการให้ข้าส่งอสูรขยะไปให้หรือ?  อย่างไรก็ตามอสูรประเภทสายฟ้าถูกจับมาในช่วงเร็วๆ นี้ไม่ใช่หรือ? ข้าคิดว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ยิ่งใหญ่และมีศักยภาพมากตั้งใจเก็บเอาไว้ให้เราทำสัญญา  ในฐานะพี่ใหญ่ผู้ใส่ใจทุกเรื่อง  เจ้าต้องมีศักยภาพสูงที่สุด  ดังนั้นเจ้าจะได้ทำสัญญากับอสูรสายฟ้า ข้าจะขอผลึกปีศาจระดับปราณฟ้ากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้ให้อสูรเจ้าได้กิน มันอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอสูรวายุสายฟ้า  ข้าจำได้ชัดเจนว่า ครั้งหนึ่งท่านยายอู่เถิงบอกไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่มันจะมีวิวัฒนาการ  และข้าจำได้ว่ามีอสูรพายุสายฟ้าอยู่ที่นี่จริงๆ คุณชายรองเสวี่ย!  เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอสูรศึก ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือฝึกฝนให้หนัก”

“ทันหลางมีอสูรสายฟ้าอยู่แล้ว  และเจ้าจะให้อะไรข้า?  ดูเหมือนข้าก็ยังขาดอสูรระดับปราณฟ้าเหมือนกัน” องค์ชายเทียนหลัวถามพร้อมกับยิ้ม

“โธ่องค์ชาย, ท่านร่ำรวยอยู่แล้ว ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย”  เจ้าอ้วนไห่รีบร้องขอความเมตตา

“พวกเจ้าเล่นอะไรกัน? รีบขนสมบัติเร็วๆ.. เจ้าอ้วนไห่ รีบเข้ามาขน”  ราชันย์ปีศาจใต้เดินออกมาจากผนังในภูเขา พร้อมกับถือกล่องสีทองเล็กใบหนึ่ง คนอื่นตกใจกันหมด  นางเข้าไปเมื่อไหร่?

“อ๋า?”  นูเจนทึ่ง  “เจ้าเอาของออกมาจากขุมทรัพย์คนตระหนี่ได้หรือนี่?”

“เป็นยังไงหรือ?”  ราชันย์ปีศาจใต้พูดด้วยความประหลาดใจ  “เรือนคลังเต็มไปด้วยสมบัติ และข้าเอาออกมาชิ้นหนึ่งไม่ได้หรือไง?”

“คนธรรมดาไม่สามารถออกไปได้โดยไม่ทิ้งทองไว้ร้อยเหรียญ..แม้แต่ข้ายังต้องทิ้งของราคาเดียวกันนี้ไว้เลย  เพื่อที่ว่าข้าจะได้นำสมบัติออกไปข้างนอก ท่านนำหีบสมบัติออกมาแบบนี้ได้ยังไง?”  นูเจนอยากเป็นลม  ขุมทรัพย์คนตระหนี่มีพลังคำสาปที่พิเศษและแข็งแกร่ง เมื่อคนธรรมดาเข้าไป เขาจะติดอยู่ข้างในตลอดชีวิต เว้นแต่จะทิ้งเงินไว้ร้อยเหรียญทอง

แม้แต่คนตระหนี่ก็ต้องทิ้งเงินไว้เป็นการแลกเปลี่ยนขุมทรัพย์ข้างใน

กล่าวกันว่ามีแต่คนตระหนี่ที่สุดในโลกเท่านั้นจึงจะทำลายคำสาปนี้ได้

ราชันย์ปีศาจใต้สตรีงามผู้โอบผีผาเป็นคนตระหนี่ที่สุดในโลกหรือ?  เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง!

ราชันย์ปีศาจใต้สงสัยคำพูดของนูเจนและส่ายศีรษะ  “บางทีคำสาปนี้คงใช้ไม่ได้เมื่อเวลาผ่านไปกระมัง?  ข้าเห็นแต่ประตูทองแทนที่จะเป็นประตูแดง  และมีชั้นอยู่หลายชั้นในเรือนคลัง ข้าไม่เห็นจะต้องทิ้งเงินไว้เลย และข้าก็เอาหีบสมบัติออกมาได้ตามปกติ ไม่มีใครขอให้ข้าทิ้งเงินไว้ข้างใน!”

นูเจนตาเบิกโพลงราวกับว่าเขาเห็นผี

มือของเขาสั่นขณะชี้ไปที่ประตูลับ  “ประตูลับที่เจ้าเห็น เป็นสีทองจริงๆ หรือ?”

“ข้าก็ยังเห็นเป็นประตูลับสีทอง – สีทองม่วงน่าจะถูกต้องมากกว่า  มีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?” เย่ว์หยางก็เข้ามาข้างใน  คำพูดของเขายิ่งทำให้นูเจนตกใจหนักกว่าเดิม  ควรจะมีคนที่ขี้เหนียวที่สุดในโลกคนเดียว  ทำไมทั้งเย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้ถึงเห็นประตูลับเป็นสีทอง?

เป็นไปได้ยังไงที่มีคนขี้เหนียวที่สุดในโลกถึงสองคน?

ถ้าเป็นสองคนนี้  พวกเขาเป็นคนที่ขี้เหนียวที่สุดหรือ?

นอกจากนี้ เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้มองดูไม่เหมือนคนขี้เหนียวแม้แต่น้อย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด