ตอนที่ 717 ใครขี้เหนียวที่สุด?
มีคนตระหนี่อยู่มากมายในโลกนี้
บางคนกระหายเงินอย่างที่สุด บางคนมองดูเหมือนขอทานทั้งที่จริงเป็นเศรษฐี บางก็นอนหลับไม่ได้หากไม่ได้ตรวจสอบนับเงินของตนเองเสียก่อน และบางคนก็ตายตาไม่หลับหากมิได้ดับเทียนเมื่อเขายังมองเห็นเทียนสองเล่มมอดไหม้
อย่างไรก็ตาม คนตระหนี่ทุกคนมีคุณสมบัติทั่วไปอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือพวกเขาร่ำรวย
นิสัยมัธยัสถ์อดออมเงินของพวกเขาและตัดค่าใช้จ่ายมีส่วนทำให้พวกเขามั่งมี
ดังนั้นคนตระหนี่จึงขี้เหนียวเป็นปกติ
หัวหน้าโจรเหย่หนิวก็เป็นคนเช่นนั้น
ไม่มีใครคาดว่านูเจนจะรู้ว่าเขาเป็นคนตระหนี่เนื่องจากเขาปกปิดทรัพย์สินไว้เป็นอย่างดี หัวโจรเหย่หนิวร่ำรวยยิ่งกว่าเจ้าเมืองลมดำผู้จัดตั้งตลาดมืดเพื่อการค้ามากมายนัก ขณะที่เย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นค้นหาบ้านของเจ้าเมืองลมดำและยืดทรัพย์สินของเขา พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าควรจะมีทองเหลืออยู่หมื่นล้านทอง แม้ว่าท่านบาร์ตันจะขนสมบัติของเจ้าเมืองไปเกือบทั้งหมด ตามที่ราชันย์ปีศาจใต้คำนวณ เจ้าเมืองลมดำควรจะมีสมบัติมากกว่าสามพันล้านเหรียญทอง
เขาเก็บสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดมูลค่าพันล้านเหรียญทองไว้ในแหวนเก็บของและขอให้ท่านบาร์ตันเอาทรัพย์สินพันล้านเหรียญทองหนีไป พันล้านเหรียญทองที่เหลืออยู่ให้แบ่งกับปีศาจเฒ่าเว่ยและนักสู้อื่น
มีทรัพทย์สินพันล้านเหรียญทอง ยกเว้นรายได้ที่แท้จริงจากการทำเหมืองแร่ ป่าไม้ วัตถุดิบปรุงยา ผลึกปีศาจและธุรกิจอื่น
แม้แต่องค์ชายเทียนหลัวผู้มีความร่ำรวยระดับประเทพก็ยังเทียบไม่ติด
อย่างไรก็ตามนูเจนแสดงความรังเกียจ
“เจ้าเมืองลมดำเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย รายได้เฉลี่ยของตลาดมืดอย่างเดียวก็เกิน 50 ล้านเหรียญทอง นำรายได้อื่นมาพิจารณาอีก เดือนหนึ่งเจ้าเมืองลมดำมีรายได้รวมเกินกว่าร้อยล้านเหรียญทอง นั่นคือสิ่งที่เรารู้ยังไม่รวมทองที่เขาได้มาจากการปล้น ติดสินบนและเงินปันผลของเขา เขาใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยจึงเก็บเงินได้เพียงสามพันล้านเหรียญทอง หลังจากใช้ความพยายามหลายปี หัวหน้าเหย่หนิวมีความสามารถในการสะสมทรัพย์สินได้มากกว่าสามหมื่นล้านเหรียญทองถ้าเขามีรายได้อย่างนี้” คำพูดของนูเจนทำให้เย่คงสะดุ้ง
“ตามคำที่เจ้าบอก หัวหน้าเหย่หนิวรวยกว่าเจ้าเมืองลมดำใช่ไหม?” เย่คงถ่มน้ำลาย
“สมบัติของหัวหน้าเหย่หนิวมีเท่าไหร่?” เสวี่ยทันหลางผู้ไม่เคยให้ความสนใจเรื่องเงินก็ยังอยากรู้เช่นกัน
“ห้าพันล้าน?” องค์ชายเทียนหลัวรู้สึกว่าแค่นี้ก็มากสุดแล้ว
“ไม่ ต่อให้มูลค่าสมบัติในแหวนเก็บของของหัวหน้าเหย่หนิวไม่นับรวมไว้ด้วย แต่บางทีทรัพย์สินที่ข้าใส่ไว้ในขุมทรัพย์คนตระหนี่มีมูลค่าที่ 9,918,513,350,499 เหรียญทอง ถ้าเพิ่มทองลงไปอีก 138,466,541 ก็จะมีมูลค่ารวมสิบล้านล้าน” นูเจนกล่าว คนที่เหลือตกตะลึงกันหมด
“แน่นอนว่าการปล้นมีผลกำไรงาม” เจ้าอ้วนไห่พึมพำกับตนเอง ตาของเขาเป็นประกาย ดูเหมือนเขามีความรู้สึกสดชื่น
“ขุมทรัพย์คนตระหนี่อยู่ที่ไหน? พาเราไปที่นั่น!” ราชันย์ปีศาจใต้ขอให้นูเจนบอกทาง
แต่นูเจนมีสีหน้าอึดอัดขณะมองดูทุกคน
เขาหมายถึงให้ส่งมอบสมบัติงั้นหรือ?
ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาจึงบอกขุมสมบัติคนตระหนี่กับเย่ว์หยางเล่า? ถ้าเขาไม่บอกเย่ว์หยางคนรุ่นหลังก็จะไม่รู้ว่าหัวหน้าเหย่หนิวมีสมบัติ
เย่คงประหลาดใจ เขาคว้าคอเสื้อนูเจนและกล่าว “คายออกมา! ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าทุบเจ้าก่อนที่จะบอกทาง ข้าไม่รังเกียจที่ชกเจ้า”
สองพี่น้องตระกูลหลี่ขยับกล้ามเนื้อได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บ
เจ้าอ้วนไห่รีบลุกขึ้นยืนและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท “อย่าไปสนใจเจ้าพวกป่าเถื่อนนี่ ในเรื่องเกี่ยวกับเงิน เจ้าสามารถใช้ความรู้สึกเชื่อถือเราได้ จำเป็นต้องใช้ม้วนเทเลพอร์ตที่นั่นหรือเปล่า ? วางใจได้ เรามีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในการเทเลพอร์ต ตราบใดที่เจ้าบอกตำแหน่งโดยประมาณการกับเรา เราไปถึงที่นั่นได้แน่นอน ดูสิ? นี่หลิวเย่ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในการทะลุมิติในโลก - นางสามารถไปได้ทุกที่ที่นางต้องการ!”
“เอ่อ, ความจริงนั่นไม่ใช่เรื่องที่ข้ากังวล” นูเจนอายเล็กน้อยขณะเกาศีรษะ “ความจริงขุมทรัพย์คนตระหนี่ก็คือที่เก็บสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหมายความว่ามีแต่คนขี้เหนียวเท่านั้นที่เข้าไปได้”
“ใครจะคิดกันเล่าว่ามีสมบัติเช่นนั้นอยู่จริง?” พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
การใช้น้ำตาเต่าอพยพ ทำให้นูเจนพบจุดเทเลพอร์ตและทุกคนเทเลพอร์ตไปที่นั่น
พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินซึ่งไม่มีแสงแม้แต่น้อย
อุโมงค์ใต้ดินไม่สูง
แต่สร้างด้วยหินขนาดมหึมามีความแข็งมากและไม่มีทางพังทลายเพราะแผ่นดินไหว นูเจนจุดไต้พาทุกคนเดินวนและเข้าไปลานที่กว้างขึ้นบ้าง
เขาชี้พื้นหินราบในใจกลางพื้นที่ราบและบอก “นี่คือที่ซึ่งข้าถูกจัดส่งไปทำงานให้หัวหน้าเหย่หนิว”
เขาชี้ไปที่ผนังภูเขาด้านหนึ่งและกล่าว “มีประตูลับอยู่ตรงนี้ และเป็นทางเข้าขุมทรัพย์คนตระหนี่”
เย่คงและคนอื่นเบิกตากว้าง
พวกเขามองไปรอบๆ และพบว่าผนังภูเขาโดยรอบมองดูเหมือนกันไม่เห็นอะไรผิดปกติ มีประตูลับทางเข้าอยู่ตรงนี้จริงๆ หรือ? ทำไมมองไม่เห็นเล่า?
“เอ่อ, ถ้ามีใครในพวกเจ้าสามารถใช้เหรียญทองเดียวซื้อชุดสำหรับสวมใส่ได้สิบชุดรวมทั้งหมวกด้วยเป็นเวลาสิบปี อย่างนั้นเจ้าจึงจะมีคุณสมบัติสามารถเห็นประตูลับได้” นูเจนอธิบายว่าประตูลับนี้มีแต่คนตระหนี่จึงจะมองเห็นได้
“ประตูนี้น่าทึ่งขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้าเห็นจริงๆ ไหม?” หลังจากเจ้าอ้วนไห่พูดเช่นนั้น เย่คงและคนอื่นตกใจกันหมด
“เจ้าอ้วน! เจ้ามองเห็นหรือเปล่า?” เสวี่ยทันหลางประหลาดใจ
“ชัดเจนมาก!” เจ้าอ้วนไห่อธิบายให้ทุกคนฟังอย่างภูมิใจ บอกว่าเป็นประตูสีแดงมีอักษรรูนสวรรค์เล็กๆ และเพชรเก้าเม็ดติดอยู่บนนั้น
“มิน่าเล่า...” กลุ่มคนตระหนักได้ทันทีถึงเหตุผลที่เจ้าโง่อ้วนตระหนี่ยิ่งนัก เขาเกิดมาเป็นคนตระหนี่ ถ้าไม่มีบททดสอบเช่นนั้น จะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง
“เจ้าเห็นประตูนั้นเป็นสีแดงหรือ? ยิ่งเป็นคนขี้เหนียว ประตูลับที่เห็นก็ยิ่งเป็นสีแดง!”
นูเจนชักงงเล็กน้อย “เจ้าเห็นประตูเป็นสีแดงหรือ อย่างก็พิสูจน์ได้ว่าระดับความขี้เหนียวของเจ้าเหนือกว่าข้ามาก คุณชายไห่! เจ้าเป็นคนขี้เหนียวคนหนึ่ง!”
ได้ยินเช่นนั้นเจ้าอ้วนไห่กังวลทันที และเถียงเสียงดัง “อะไรกัน? คนใจกว้างอย่างข้าจะเป็นคนขี้เหนียวไปได้ยังไง ข้าเชิญทุกคนมากินเหล้าเมื่อปีที่แล้ว พวกเจ้ายังไม่ลืมใช่ไหม?”
เย่คงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากให้คิดถึง เชิญเรามาดื่มเมื่อปีที่แล้วหรือ? ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องจริง!
พี่น้องตระกูลหลี่ลืมไปแล้ว
ขณะที่เสวี่ยทันหลางกำลังคิดว่าเจ้าอ้วนเชิญพวกเขามาเลี้ยงเหล้าเมื่อปีที่แล้ว เขาทำอะไรอื่นอีกไหม? หลังจากคิดอยู่นานเขาก็ไม่พบอะไรอื่น
องค์ชายเทียนหลัวไม่คิดอะไร แค่สรุปว่า “คุณชายไห่ เจ้าเป็นคนขี้เหนียวของแท้แน่นอน เจ้าไม่ต้องมาเถียง เพราะเมื่อครั้งที่เจ้าเชิญเรามาเลี้ยงเหล้า เจ้ายืมเงินข้าไปจ่าย และเงินก็ยังไม่ใช่คืนข้า!” หลังจากองค์ชายเทียนหลัวพูดเช่นนั้น ทุกคนมองดูเจ้าอ้วนไห่ด้วยสายตาดูถูก ทำให้เขาเขินเล็กน้อย จากนั้นเจ้าอ้วนไห่หันไปเถียงกับหลิวเย่และเป่าเอ๋อ “หลิวเย่, เป่าเอ๋อ, ข้าบริสุทธิ์นะ ครั้งสุดท้ายเจ้ายืมเงินข้าไปจ่ายค่าผลปัญญา จริงไหม? ข้าเป็นพี่ใหญ่ ข้าจะขี้เหนียวได้ยังไง ข้าก็แค่ใส่ใจเรื่องงบประมาณนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”
“เงินซื้อผลปัญญานั่นเป็นเงินของข้า เพียงแต่ลูกพี่แค่ช่วยถือกระเป๋าเงินให้ข้ามานานเท่านั้น!” คำพูดขององค์ชายเทียนหลัวทำให้เจ้าอ้วนไห่อายมากขึ้น และเจ้าอ้วนไห่แทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ในฐานะลูกพี่ ข้าต้องแหกปากเชิญพวกเจ้ามาดื่มเหล้าเมื่อปีที่แล้วด้วยหรือ?” เย่คงรู้จักน้ำเสียงของเจ้าอ้วนไห่เลยถือโอกาสเยาะเย้ย
“ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้เลย ข้าจะเชิญทุกคนมาดื่มอีกทันทีที่เรากลับไป!” เจ้าอ้วนไห่เหงื่อตก
“อะแฮ่มๆ ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ ข้าจะแหกปากบอกว่าข้าซื้อผลปัญญาสองสามผลมาให้น้องหลิวเย่เมื่อปีก่อนใช่ไหม? เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนธรรมดา!” เย่คงไม่คิดจะปล่อยเจ้าอ้วนไห่หลุดมือ เขาตั้งใจหลอกหลอนเจ้าอ้วนให้ถึงที่สุด ทุกคนหัวเราะและแม้แต่หลิวเย่ผู้จิตใจอ่อนโยนที่สุดก็ยังแอบหัวเราะ
“ข้าเกลียดคนขี้เหนียวที่สุด!” เป่าเอ๋อเบะปากน้อยๆ โดยตรง
“เออๆ ข้าผิดเอง ตกลงไหม? เจ้าลิงผอม, หุบปากและกลับไปเลย ข้าจะซื้อผลปัญญาให้ทุกคนเลี้ยงอสูรเวทของพวกเจ้าจนพุงแตกตายไปเลย!” ขณะนั้นเจ้าอ้วนมีน้ำตานองแก้ม
“นี่ถ้าปิงเอ๋อรู้ว่าเจ้าอ้วนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ใหญ่เป็นคนขี้เหนียวนะ...” เย่คงหงายไพ่ตาย
เจ้าอ้วนไห่หน้าทนจนแม้แต่กระบี่ทำอะไรไม่ได้ ลมไฟก็ไม่กล้ำกราย
อย่างไรก็ตาม เขายังมีจุดอ่อน
เขายอมตายแต่ไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้าเย่ว์ปิง
ถ้าเย่คงบอกเรื่องนี้กับเย่ว์ปิง บางทีเจ้าอ้วนไห่คงฆ่าตัวตายเป็นแน่
ทันทีที่เย่คงพูดจบ เจ้าอ้วนไห่เอามือปิดปากเย่คงจนมีแต่เสียงอู้อี้เล็ดรอดออกมา “เจ้าลิงผอม, ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระให้ปิงเอ๋อฟัง ถ้าข้ารู้ข้าจะไม่ฉีกเจ้าอย่างเดียว แต่จะเอากระดูกเจ้าเลี้ยงสุนัขซะ เจ้าไม่อยากดื่มเหล้าจี่หลานหรือไง? ดูซิว่าข้าเป็นใคร ข้าคือคุณชายที่ร่ำรวย เมื่อขุมทรัพย์คนตระหนี่ได้รับการคลี่คลาย ข้าจะเลี้ยงเจ้าให้จมสุราตายไปเลย!”
พี่น้องตระกูลหลี่กำลังกระซิบปรึกษากัน “ว่ากันว่าเหล้าจี่หลานมีชื่อเสียง ถ้าเอามาใช้อาบข้าเชื่อว่าต้องยอดเยี่ยมแน่”
เจ้าอ้วนไห่พูดด้วยความโมโห “เจ้าสามารถฆ่าข้าด้วยมีดของพวกเจ้าได้ แต่ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”
เสวี่ยทันหลางพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ข้าไม่ชอบดื่มเหล้า”
เจ้าอ้วนไห่ชื่นชมทันที “ใช่แล้วเจ้าเป็นนักสู้ลูกผู้ชยตัวจริงที่อุทิศตัวเองให้กับการฝึกฝน อย่างเจ้าลิงน่ะเป็นได้แค่เป็ดง่อย”
เสวี่ยทันหลางพยักหน้ากล่าว “ข้าไม่ใช่นักสู้ที่แท้จริงมากนัก ถ้ามีคนยินดีจะซื้ออสูรรบระดับปราณฟ้าให้ข้าสักตัว...”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าอ้วนไห่หัวร้อนทันที และโวยวาย “เจ้าหน้าโลงเย็น! เจ้ารู้ไหมอสูรระดับปราณฟ้าราคาเท่าไหร่? โดยทั่วไปต้องใช้เงินมากกว่าสิบล้านเหรียญทอง ราคาในโรงประมูลก็ยิ่งสูงปรี๊ด นี่มันไม่ใช่กะหล่ำปลีที่ขายตามตลาดสดนะเฮ้ย”
หลังจากบ่นเสร็จแล้ว เจ้าอ้วนไห่เพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ใช่เรื่องดีที่รุกรานเสวี่ยทันหลางมากเกินไป
เพราะถ้าเย่คงพูดเรื่องแย่ๆ ของเขากับเย่ว์ปิงเป็นไปได้ว่าเย่ว์ปิงก็คงไม่เชื่อ
พวกเขาหยอกล้อกันบ่อย ไม่ว่าคำพูดใดที่เสวี่ยทันหลางพูดมักจะเป็นเรื่องจริง เพราะเขาไม่เคยโกหก ถ้าเสวี่ยทันหลางพูด ภาพพจน์เจ้าอ้วนไห่คงพังทลายอย่างสิ้นเชิง
เขารีบเปลี่ยนหัวข้อคุยทันที และตะโกนพลางพูดยิ้มให้กับเสวี่ยทันหลาง “คุณชายรองเสวี่ย ท่านมีอัจฉริยภาพมากอยู่แล้ว ถ้าข้าต้องการซื้ออสูรศึกให้ท่าน ท่านก็คงไม่ยอมรับของไร้ค่าอย่างนั้น ข้าอยากจะส่ง? แต่เจ้าต้องการให้ข้าส่งอสูรขยะไปให้หรือ? อย่างไรก็ตามอสูรประเภทสายฟ้าถูกจับมาในช่วงเร็วๆ นี้ไม่ใช่หรือ? ข้าคิดว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ยิ่งใหญ่และมีศักยภาพมากตั้งใจเก็บเอาไว้ให้เราทำสัญญา ในฐานะพี่ใหญ่ผู้ใส่ใจทุกเรื่อง เจ้าต้องมีศักยภาพสูงที่สุด ดังนั้นเจ้าจะได้ทำสัญญากับอสูรสายฟ้า ข้าจะขอผลึกปีศาจระดับปราณฟ้ากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้ให้อสูรเจ้าได้กิน มันอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอสูรวายุสายฟ้า ข้าจำได้ชัดเจนว่า ครั้งหนึ่งท่านยายอู่เถิงบอกไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่มันจะมีวิวัฒนาการ และข้าจำได้ว่ามีอสูรพายุสายฟ้าอยู่ที่นี่จริงๆ คุณชายรองเสวี่ย! เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอสูรศึก ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือฝึกฝนให้หนัก”
“ทันหลางมีอสูรสายฟ้าอยู่แล้ว และเจ้าจะให้อะไรข้า? ดูเหมือนข้าก็ยังขาดอสูรระดับปราณฟ้าเหมือนกัน” องค์ชายเทียนหลัวถามพร้อมกับยิ้ม
“โธ่องค์ชาย, ท่านร่ำรวยอยู่แล้ว ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย” เจ้าอ้วนไห่รีบร้องขอความเมตตา
“พวกเจ้าเล่นอะไรกัน? รีบขนสมบัติเร็วๆ.. เจ้าอ้วนไห่ รีบเข้ามาขน” ราชันย์ปีศาจใต้เดินออกมาจากผนังในภูเขา พร้อมกับถือกล่องสีทองเล็กใบหนึ่ง คนอื่นตกใจกันหมด นางเข้าไปเมื่อไหร่?
“อ๋า?” นูเจนทึ่ง “เจ้าเอาของออกมาจากขุมทรัพย์คนตระหนี่ได้หรือนี่?”
“เป็นยังไงหรือ?” ราชันย์ปีศาจใต้พูดด้วยความประหลาดใจ “เรือนคลังเต็มไปด้วยสมบัติ และข้าเอาออกมาชิ้นหนึ่งไม่ได้หรือไง?”
“คนธรรมดาไม่สามารถออกไปได้โดยไม่ทิ้งทองไว้ร้อยเหรียญ..แม้แต่ข้ายังต้องทิ้งของราคาเดียวกันนี้ไว้เลย เพื่อที่ว่าข้าจะได้นำสมบัติออกไปข้างนอก ท่านนำหีบสมบัติออกมาแบบนี้ได้ยังไง?” นูเจนอยากเป็นลม ขุมทรัพย์คนตระหนี่มีพลังคำสาปที่พิเศษและแข็งแกร่ง เมื่อคนธรรมดาเข้าไป เขาจะติดอยู่ข้างในตลอดชีวิต เว้นแต่จะทิ้งเงินไว้ร้อยเหรียญทอง
แม้แต่คนตระหนี่ก็ต้องทิ้งเงินไว้เป็นการแลกเปลี่ยนขุมทรัพย์ข้างใน
กล่าวกันว่ามีแต่คนตระหนี่ที่สุดในโลกเท่านั้นจึงจะทำลายคำสาปนี้ได้
ราชันย์ปีศาจใต้สตรีงามผู้โอบผีผาเป็นคนตระหนี่ที่สุดในโลกหรือ? เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง!
ราชันย์ปีศาจใต้สงสัยคำพูดของนูเจนและส่ายศีรษะ “บางทีคำสาปนี้คงใช้ไม่ได้เมื่อเวลาผ่านไปกระมัง? ข้าเห็นแต่ประตูทองแทนที่จะเป็นประตูแดง และมีชั้นอยู่หลายชั้นในเรือนคลัง ข้าไม่เห็นจะต้องทิ้งเงินไว้เลย และข้าก็เอาหีบสมบัติออกมาได้ตามปกติ ไม่มีใครขอให้ข้าทิ้งเงินไว้ข้างใน!”
นูเจนตาเบิกโพลงราวกับว่าเขาเห็นผี
มือของเขาสั่นขณะชี้ไปที่ประตูลับ “ประตูลับที่เจ้าเห็น เป็นสีทองจริงๆ หรือ?”
“ข้าก็ยังเห็นเป็นประตูลับสีทอง – สีทองม่วงน่าจะถูกต้องมากกว่า มีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?” เย่ว์หยางก็เข้ามาข้างใน คำพูดของเขายิ่งทำให้นูเจนตกใจหนักกว่าเดิม ควรจะมีคนที่ขี้เหนียวที่สุดในโลกคนเดียว ทำไมทั้งเย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้ถึงเห็นประตูลับเป็นสีทอง?
เป็นไปได้ยังไงที่มีคนขี้เหนียวที่สุดในโลกถึงสองคน?
ถ้าเป็นสองคนนี้ พวกเขาเป็นคนที่ขี้เหนียวที่สุดหรือ?
นอกจากนี้ เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้มองดูไม่เหมือนคนขี้เหนียวแม้แต่น้อย!