ตอนที่ 20-14 จริง เท็จ
แม้ว่าเขาต้องการจะเปิดความลับโดยทั่วไป แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย
ถ้าลินลี่ย์รู้ความลับนี้ก่อนที่เรื่องนี้จะไปถึงมหาเทพ อย่างนั้นลินลี่ย์อาจจะกลับมาฆ่าโมลด์ได้ในทันที โมลด์ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนึกแผนการง่ายๆ ได้
แคว้นสกายเมาท์ คฤหาสน์เจ้าแคว้น ห้องโถงใหญ่
นักรบเทพชั้นสูงร้อยคนกำลังยืนสำรวมอยู่หน้าโถงใหญ่รอการมาถึงของเจ้าแคว้น
“ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าแคว้นเรียกเรามาที่นี่เพื่ออะไร!”
พวกเขาบ่นพึมพำกันเอง แต่จากนั้นต่อมามีคนเดินออกมาจากด้านข้างห้องโถงใหญ่ นั่นคือโมลด์ชุดเงิน สายตาที่น่ากลัวของโมลด์กวาดมองเทพชั้นสูงเหล่านี้ และพวกเขาทุกคนยืดตัวตรงทันที ไม่กล้ามองดูล่อกแล่กหรือทำตัวย่อหย่อน โมลด์เดินขึ้นมาที่ด้านหน้าห้องโถง
เมื่อโมลด์นั่งลงบนบัลลังก์ เขากวาดตามองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา “ข้ามีงานลับมอบหมายให้พวกเจ้าทุกคน! ถ้าพวกเจ้าเปิดเผยงานนี้...ฮึ่ม ใครก็ตามที่บังอาจเปิดเผยจะต้องถูกประหารทั้งตระกูล!” คำสั่งทางทหารค่อนข้างเข้มงวดสำหรับทหารในแคว้น แต่การประหารทั้งตระกูลเพราะเปิดเผยความลับไม่เคยได้ยินมาก่อน
เทพชั้นสูงร้อยคนรู้สึกว่าหัวใจพวกเขาสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกทุกข์ใจ เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ?
“แต่ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ภารกิจไม่ถูกเปิดเผยก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” โมลด์พูดอย่างเยือกเย็น “นอกจากนี้แล้ว เมื่อพวกเจ้าทำได้สำเร็จ ทุกคนจะได้รับรางวัลพันล้านศิลาดำ!”
เทพชั้นสูงทุกคนตกใจ
เทพชั้นสูงเหล่านี้ใช้เวลานานนับปีไม่ถ้วนเพื่อสะสมทรัพย์สมบัติ และบางทีอาจทำได้เพียงไม่กี่ร้อยล้านศิลาดำ พวกเขาไม่ใช่อสูรเจ็ดดาว พวกเขาไม่ใช่คนที่มีเงินล้นเหลือ แค่งานเดียวได้รับรางวัลพันล้านศิลาดำ? นี่เป็นจำนวนเงินที่น่าตกใจ
โมลด์โบกมือและกระดาษชิ้นดำแผ่นแล้วแผ่นเล่าปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
“วูบบบ!”
กระดาษแต่ละแผ่นเหล่านี้ปลิวเข้าหาคนแต่ละคนทันที เทพชั้นสูงร้อยคนได้รับกระดาษคนละแผ่น เทพชั้นสูงเหล่านี้อดมองไปที่กระดาษไม่ได้ และแค่เพียงเหลือบมอง พวกเขาก็จดจำเนื้อความในกระดาษได้
ขณะเดียวกันสีหน้าของเทพชั้นสูงร้อยคนก็เปลี่ยนไปด้วย
ความลับนี้...น่ากลัวจริงๆ
“เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม?” โมลด์หัวเราะเย็นชา “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้อมูลนี้จะจริงหรือปลอม แต่เจ้าต้องจำไว้อย่างหนึ่ง! เจ้าไม่อาจปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลออกไปได้ ..ฮึ่ม” โมลด์กราดสายมองกลุ่มคนข้างล่าง
“ข้าน้อยมิกล้า”
หลังจากมีคนหนึ่งคุกเข่า ทหารอีกเก้าสิบเก้าคนรีบคุกเข่าตามกันทั้งหมดเช่นกัน
“ดีมาก” โมลด์พูดอย่างเยือกเย็น “พวกเจ้าสิบห้าคนตรงนั้นยืนขึ้น พวกเจ้าสิบห้าคนไปตรงนั้น...”
… .
“และเหลืออีกยี่สิบห้าคน พวกเจ้าแบ่งออกเป็นหกหน่วย!” พลังเทพของโมลด์แผ่ออก แบ่งคนเป็นกลุ่มหกคน ห้ากลุ่มแรกแบ่งเป็นกลุ่มละสิบห้าคน ขณะที่กลุ่มสุดท้ายมียี่สิบห้าคน
“หน่วยที่หนึ่ง เจ้าจะต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกของแดนรกเข้าทวีปคาโรล พวกเจ้าสิบห้าคนจะต้องส่งกระดาษสิบห้าชิ้นให้กับคนต่างๆ สิบห้าคน นี่คือรายชื่อและที่อยู่! จำเอาไว้ ในระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะมีอะไรก็ตาม, อย่าปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป” โมลด์ออกคำสั่งอีกครั้งจากนั้นส่งกระดาษสีดำไปให้หน่วยหนึ่ง
“หน่วยที่สอง เจ้าจะต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของแดนนรก ก็คือทวีปเจดโฟลท นี่คือรายชื่อและที่อยู่
“หน่วยที่สาม เจ้าจะต้องมุ่งหน้าไปทางใต้ของแดนนรกไปทวีปมูจา หน่วยที่สี่จงขึ้นไปทางทิศเหนือของแดนนรก คือทวีปเรดบุด หน่วยที่ห้า เจ้าจงไปที่ทะเลสตาร์มิสท์..และหน่วยที่หกให้ไปที่ทะเลเชาติค”
โมลด์ส่งรายชื่อและที่อยู่ของคนเหล่านี้ ชื่อเหล่านี้โดยหลักจะเป็นชื่อของทูตมหาเทพ แต่แน่นอนว่ามีคนระดับเจ้าแคว้นมากมาย ยิ่งเครือข่ายกว้าง โอกาสดึงดูดความสนใจจากมหาเทพก็ยิ่งมาก
หกในเจ็ดพื้นที่ของแดนนรก มีพื้นที่เดียวที่ไม่ได้รับมอบหมายก็คือทวีปบลัดริจ
โมลด์รู้ดีว่าถ้าเผยแพร่ข่าวออกไปในทวีปบลัดริจ เป็นไปได้ว่าจะต้องเข้าไปถึงหูของลินลี่ย์
“พวกเจ้าแต่ละคนจงทิ้งร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่คฤหาสน์ของข้า” โมลด์สั่งอย่างเยือกเย็น “เจ้าต้องจับตาดูกันและกันให้ดี ถ้ามีใครปล่อยความลับให้รั่วไหลออกไป ให้มารายงานข้าทันที” เหตุผลที่โมลด์เลือกบุคคลเหล่านี้เพราะพวกเขามีความภักดีกันทุกคนและเพราะพวกเขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์กันทั้งนั้น
“ขอรับ ท่านเจ้าแคว้น”
ร่างแยกทั้งร้อยแสดงตัว
“อย่างนั้นก็ไปได้” โมลด์ไม่ต้องการเสียเวลาต่อไปอีก เทพชั้นสูงทั้งร้อยคนรับคำและจากนั้นแยกออกเป็นหกหน่วยและจากไป มีสมาชิกของหน่วยคอยจับตามองกันเอง และเนื่องจากผลกระทบที่ร้ายแรงจากการเปิดเผยความลับนี้รุนแรงพอๆ กับจำนวนเงินพันล้านศิลาดำที่พวกเขาจะได้หากทำงานสำเร็จ โมลด์รู้สึกมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
โมลด์หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทวีปบลัดริจ? ข้าจะไปแจ้งข้อมูลนั้นเอง”
โมลด์ยังคงเป็นทูตของมหาเทพบลัดริจ ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะไปเยี่ยมคารวะมหาเทพ ถ้าเขาไปเป็นการส่วนตัว ไม่มีทางที่ลินลี่ย์จะทราบความลับนี้ได้
ในวันนั้นโมลด์บินออกไปจากปราสาทมุ่งหน้าสู่ที่พำนักของมหาเทพบลัดริจ
ภูเขาเทียมเมฆ ทวีปบลัดริจ
ลึกเข้าไปในภูเขาเทียมเมฆ มีทะเลสาบรัศมีพันกิโลเมตร อากาศเหนือทะเลสาบคลุมไปด้วยหมอกควัน ฉากภาพเช่นนี้มีอยู่ทั่วไปในแดนนรก และน้อยคนจะให้ความสนใจกับภาพนี้ ขณะที่พวกคนที่อาศัยอยู่ใกล้ภูเขาเทียมเมฆ พวกเขารู้กันทุกคนว่าใครก็ตามที่ล่วงลึกเข้าไปในทะเลสาบจะหายเข้าไปในหมอกและจากนั้นมาปรากฏที่ริมฝั่งอย่างงงงัน
ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจกลาง
“ซ่าาาา...” น้ำในทะเลสาบม้วนตัวเป็นคลื่นเข้าหาฝั่ง
มีร่างคนลอยลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูงและยืนอยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบ เป็นโมลด์นั่นเอง โมลด์ยืนนิ่งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบชั่วครู่ จากนั้นบินเข้าไปในหมอกไม่มีที่สิ้นสุด
ที่ใจกลางทะเลสาบ มีเกาะเล็กอยู่เกาะหนึ่ง เกาะเต็มไปด้วยบุปผาชาติงดงามนานาพันธุ์และมีนกทุกชนิดอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข
บนเกาะมีที่ราบมีวังรูปทรงกอธิคเป็นกรวยแหลมมิได้ตกแต่ง ด้านหลังข้างวังมีโต๊ะหินตั้งอยู่ในท่ามกลางดอกไม้หลากพันธุ์ บุรุษสองกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันต่างคนต่างมองหมากรุกบนโต๊ะ ข้างหลังสองคนนี้มีสาวใช้สองคนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
หนึ่งในบุรุษนั้นมีผมสีแดงยาว บุรุษผู้นี้มียันต์เป็นลอนสีแดงบนใบหน้า เขากำลังยิ้ม ดวงตาเขาเป็นประกายขณะจ้องมองดูหมากรุก
ตรงข้ามเขาเป็นบุรุษผมสีเงิน จมูกเหยี่ยว บุรุษจมูกเหยี่ยวนี้มีดวงตาแคบยาว บางครั้งก็มีประกายเย็นชาฉายออกมาจากดวงตาของเขา ทำให้คนที่เห็นสั่นสะท้านได้
“เทเรเซีย เจ้าแพ้อีกแล้ว ฮ่าฮ่า” บุรุษผมแดงพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“อีกกระดานหนึ่ง เอาอีกกระดานหนึ่ง! ข้าแค่เพิ่งจะศึกษาเกมนี่เอง!” บุรุษจมูกเหยี่ยวรีบกล่าว “โบซัน! เจ้าเล่นเป็นมาหลายปีแล้ว”
“ก็ได้ เล่นอีกครั้งก็ได้ เจ้าก็ยังจะแพ้อยู่ดี” บุรุษผมแดงพูดพลางหัวเราะพลาง
นี่เป็นหมากกระดานที่มีหมาก 256 ชิ้นเป็นตัวแทนทหารและขุนศึก แม้ว่าดูเหมือนจะง่ายแต่ความจริงแฝงไปด้วยกลยุทธทางทหารที่หลากหลาย นอกจากนี้จำต้องให้ผู้เล่นปรับตัวและลงมือตามสถานการณ์ของศัตรู ยิ่งพลังจิตวิญญาณมีพลังมากรูปแบบความคิดของคนก็มีความซับซ้อนมากขึ้นและเป็นเกมที่น่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ฝ่ายหนึ่งจะชนะได้เด็ดขาดก็โดยกำจัดหมากของอีกฝ่ายได้อย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าฝ่ายหนึ่งจะมีการสูญเสียบ้างเล็กน้อยในตอนต้น แต่ก็ยังมีโอกาสเอาชนะได้โดยใช้หมากที่น้อยกว่าเอาชนะหมากที่มีจำนวนเหนือกว่า
สถานการณ์ที่แตกต่างต้องใช้ความละเอียดที่แตกต่าง ถ้าหากต้องมีการคำนวณอย่างละเอียด แค่หมากเดียวอาจต้องใช้เวลานานมาก คนทั้งสองนี้สามารถใช้เวลาหลายปีเพื่อเล่นแค่หมากเดียว
นี่เป็นเกมจำลองที่ขุนพลในโลกธาตุหยาบพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการฝึกทหารประจำการ แต่มหาเทพมีชีวิตอมตะไม่ต้องการแสวงหาอะไรอีกแล้วแค่ชอบหาและเล่นหมากการละเล่นที่สิ้นเปลืองเวลาเหล่านี้
“หมากชนิดนี้มีทหารและแม่ทัพรวม 256 ชิ้น เจ้าไปหามาจากไหน?” คนจมูกเหมือนเหยี่ยวหัวเราะ
“นี่น่ะหรือ? ข้าพบเจอมาในโลกธาตุไซยา ข้าต้องบอกเลยว่าเกมนี้ซับซ้อนและน่าตื่นเต้นมากกว่าหมากที่เคยเล่นมาในอดีต มันน่าสนุกมาก!” บุรุษผมแดงหัวเราะขณะที่เขาเริ่มควบคุมและเดินหมาก
สตรีสองคนยิ้มขณะที่พวกนางเฝ้ามองดูเงียบๆ และคุยกันผ่านสำนึกเทพ
“มหาเทพก็รู้สึกเบื่อเหมือนกัน”
“ลอร์ดเทเรเซีย มหาเทพธาตุลมบางทีคงจะเอาชนะไม่ได้ ครั้งล่าสุดประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างก็มาแข่งกับมหาเทพของเราเป็นเวลาพันปีโดยเอาชนะไม่ได้เลยสักกระดาน
ขณะนั้นเองหญิงรับใช้คนหนึ่งบินเข้ามาแต่ไกล จากนั้นคำนับและรายงาน “ท่านมหาเทพ! โมลด์มาถึงแล้ว เขามีเรื่องสำคัญปรึกษากับท่านมหาเทพ”
“โมลด์? ทำไมเขามาในเวลานี้?” มหาเทพบลัดริจโบซันขมวดคิ้ว
บุรุษจมูกเหยี่ยวหัวเราะ “ฮ่าฮ่า โบซัน รีบๆ ไปคุยกับเขาก่อนเลยไป”
“อย่าพยายามเรียงหมากใหม่แล้วอย่าขี้โกงด้วย ข้าจำตำแหน่งทุกหมากได้นะ” มหาเทพบลัดริจโบซันชำเลืองมองเทเรเซีย และจากนั้นเดินออกไป
ภายในห้องโถงของมหาเทพ
โมลด์เจ้าแคว้นสกายเมาท์กำลังยืนนอบน้อมอยู่ข้างหน้าโถงใหญ่ เขาเห็นเงามายาสีแดงน่ากลัวและจากในห้องโถงใหญ่มหาเทพบลัดริจปรากฏขึ้นทันที
โมลด์เงยหน้า เมื่อเห็นมหาเทพบลัดริจ เขาอดรู้สึกสะท้านใจมิได้ และเขารีบคุกเข่าลง
“มีอะไรที่เจ้าต้องการจากข้า?” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างเยือกเย็น
มหาเทพบลัดริจเป็นมหาเทพที่งามสง่าและสูงส่ง เขาอาจหยอกล้อสนุกกับมหาเทพอีกคนหนึ่งได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพธรรมดา เขาในฐานะมหาเทพเหนือกว่าพวกเขาห่างไกล
“ท่านมหาเทพ ข้าเพิ่งได้รู้ความลับยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือนสรวงสวรรค์” โมลด์พูดด้วยความเคารพ
“เหรอ?” มหาเทพบลัดริจอดมองโมลด์อย่างพินิจพิจารณาไม่ได้ “พูดไป!”
“ท่านมหาเทพ! โปรดพิจารณาดูสิ่งนี้” โมลด์เอาแผ่นกระดาษสีดำออกมา สายตาของมหาเทพบลัดริจจับนิ่งอยู่กับสิ่งนั้น และทันใดนั้นแผ่นกระดาษดำลอยตรงไปที่เขา จากนั้นลอยนิ่งอยู่ที่หน้าของเขา เมื่อมหาเทพบลัดริจกวาดตามองผ่านถึงกับสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นเขามองดูโมลด์ด้วยความประหลาดใจ
โมลลยังคงคุกเข่าไม่กล้าพูดอะไร
“เจ้าได้รับข้อมูลนี้มาจากที่ไหน?” มหาเทพบลัดริจพูดเสียงเบา “เป็นไปได้ยังไงที่แผ่นข้อมูลนี้จะทำมาจากแผ่นกระดาษดั้งเดิม?”
“ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ” โมลด์รีบกล่าว
เขาไม่กล้าพูดว่าเขาได้รับมุกวิญญาณมาก่อน ถ้าเขาพูดไป มหาเทพบลัดริจอาจโกรธมากกับความจริงที่ว่าเขาไม่รายงานเรื่องนี้ให้เขาทราบทันที จนเป็นเหตุให้เขาฆ่าโมลด์ได้
ไม่มีอะไรที่โมลด์สามารถทำได้ เขาทำลายแผ่นกระดาษดั้งเดิมไปแล้ว
มหาเทพจะเชื่อหรือไม่ในเมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินจากแผ่นกระดาษธรรมดาหรือ
ถ้ากระดาษสีเขียวยังคงอยู่ที่น มหาเทพอาจจะเชื่อแน่นอน! เพราะมหาเทพแค่เหลือบมองก็รู้ว่ากระดาษเขียวนั้นมาจากที่ใด พวกเขาจะเชื่อคำที่แฝงอยู่ในกระดาษเขียวเป็นธรรมดา แต่คำจากแผ่นกระดาษธรรมดา มหาเทพจะยอมเชื่อหรือ?
“เจ้าบอกว่าลินลี่ย์มีมุกวิญญาณเก้าลูกใช่ไหม?” มหาเทพบลัดริจกล่าว
“ข้าไม่ใช่คนอ้าง เป็นกระดาษชิ้นนี้ที่ระบุไว้” โมลด์ไม่กล้าพูดอะไรอื่น ความลับนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ถ้าเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างนั้นเขา เจ้าแคว้นก็อาจต้องเสียชีวิตน้อยๆ ก็ได้
“ร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของเจ้าตายแล้วหรือ? ใครฆ่า?” มหาเทพบลัดริจจู่ๆ ก็ถามทันที
โมลด์ตะลึง เป็นลินลี่ย์ที่ทำลายร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของเขา ถ้ามหาเทพต้องการสืบสวน นี่ค่อนข้างง่ายที่จะพบเจอ ถ้าใครโกหกมหาเทพ เขาจะต้องพิจารณาว่าจะบอกเล่าเรื่องโกหกอะไร ถ้าเขาบอกเล่าเรื่องโกหกที่ตรวจเจอง่ายๆ บางทีการบอกความจริงแทนคงเป็นเรื่องที่ดีกว่า แต่ถ้าการโกหกไม่ถูกตรวจพบ อย่างนั้นก็อย่ายอมรับ แม้จะถูกคุกคามด้วยความตาย
“เป็นลินลี่ย์ฆ่า” โมลด์ยอมรับ
มหาเทพบลัดริจลุกขึ้นยืนทันที โมลด์อดตกใจมิได้
“ฮึ่ม...” มหาเทพบลัดริจกวาดสายตาเย็นชามองดูโมลด์ จากนั้นตวาด “โมลด์, ถ้าจอมเทพออกหนังสือภารกิจ กระดาษที่บันทึกภารกิจจะต้องไม่ใช่กระดาษธรรมดา เจ้ากล้าดียังไงกล้าเปิดเผยข้อมูลปลอมเช่นนั้น?”
“ข้ามิกล้า” โมลด์รีบกล่าวอย่างหวาดผวา
มหาเทพบลัดริจยืนนิ่งกับที่ในห้องโถงของเขาถลึงตามองโมลด์ที่กำลังคุกเข่า เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบ “โมลด์! เจ้าทำผิดพลาดสามอย่าง ประการแรกภารกิจที่ออกโดยจอมเทพจะไม่ออกมาโดยใช้กระดาษธรรมดาอย่างนี้ ประการที่สองถ้าจอมเทพประกาศภารกิจแม้จะเกี่ยวข้องกับเครื่องรางสามอย่าง แต่จอมเทพจะให้คำอธิบายพื้นที่ของเครื่องรางสามอย่าง จอมเทพจะไม่ระบุชื่อคนถือเครื่องรางแน่นอน! ต่อให้จอมเทพทำเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าจอมเทพจะต้องระบุทิศทางเครื่องรางทั้งงสามนั้น ทำไมจอมเทพพูดแค่เพียงอย่างเดียว? และประการที่สาม ร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของเจ้า โมลด์เพิ่งจะถูกลินลี่ย์ทำลาย ข้อมูลนี้ระบุว่าลินลี่ย์ได้รับมุกวิญญาณเก้าลูก? มันบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง? นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือเปล่า?”
หน้าของโมลด์เปลี่ยนไป
“ฮึ่ม โมลด์เพราะเจ้ารับใช้ข้าอย่างจริงใจและขยันหมั่นเพียรมาเป็นเวลาหลายปี ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไสหัวไปซะ” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างเยือกเย็น
“ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องรีบ เครื่องรางจากจอมเทพใช่ไหม? ขอข้าดูหน่อยได้ไหม?” ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งปรากฏตัวที่หอโถงใหญ่ เป็นบุรุษจมูกเหยี่ยวนั่นเอง
“เอาไปดูเลย เจ้าได้ยินเรื่องที่ข้าพูดมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?” มหาเทพบลัดริจพูดอย่างเยือกเย็น
บุรุษจมูกเหยี่ยวกวาดตามองดูแผ่นกระดาษสีดำ จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “มีความเป็นไปได้ว่าข้อมูลของบริวารเจ้าอาจจะเป็นจริง... แต่ว่าค่อนข้างต่ำ กระดาษก็ผิดแล้ว และข้อมูลพูดถึงลินลี่ย์เพียงคนเดียว และบริวารเจ้าก็เป็นปฏิปักษ์กับลินลี่ย์ด้วยใช่ไหม? นับว่าประหลาดมาก นอกจากนี้เป็นเวลานานนับปีไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่จอมเทพออกภารกิจ”
“อย่างไรก็ตาม...”
บุรุษจมูกเหยี่ยวหัวเราะอย่างใจเย็น “ถ้าบริวารของเจ้าต้องการทำร้ายลินลี่ย์ เขาจะสามารถนำของอย่างนี้มาให้เจ้าด้วยตนเองได้ยังไง มีเทพน้อยคนมากที่รู้ว่าสิ่งนี้มีอยู่ ดังนั้นข้าเชื่อว่ามีโอกาสที่เรื่องนี้เป็นจริงนั้นเป็นไปได้”
“นั่นเป็นแค่จุดแรก จุดที่สองก็คือนานเท่าใดแล้วตั้งแต่มีภารกิจครั้งที่หก ข้ารู้สึกว่าในแง่ของเวลาจอมเทพควรจะออกภารกิจได้แล้ว นี่มันนานจนนับปีไม่ถ้วน”
“ฮ่าฮ่า, โบซัน ข้างานไม่ยุ่งในช่วงนี้ ดังนั้นข้าจะไปดูเอง ฮ่าฮ่าฮ่า...”
บุรุษจมูกเหยี่ยวหายไปจากภายในหอโถง