ตอนที่ 20-13 ความลับของมุกทั้งเก้า
“พี่ใหญ่, เหตุผลที่ท่านไม่สามารถฆ่าเขาได้เป็นเพราะมุกวิญญาณทั้งเก้านี้หรือ? มุกวิญญาณทั้งเก้านี้คืออะไร?” บีบีบินเข้ามาอยู่ข้างลินลี่ย์เช่นกันและตรวจสอบมุกวิญญาณทั้งเก้าที่ลอยอยู่ในมือของลินลี่ย์ด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่, ข้าไม่รู้สึกอะไรถึงอะไรพิเศษเกี่ยวกับมุกวิญญาณทั้งเก้านี้เลย?”
ลินลี่ย์หัวเราะ “เมื่อข้าเห็นเจ้าแคว้นสกายเมาท์ ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษเกี่ยวมุกวิญญาณเหล่านี้เหมือนกัน แต่ข้าคิดว่าการสวมกำไลข้อมือเป็นนิสัยส่วนตัวของเขา เพียงแต่เมื่อข้าพยายามฆ่าเขาหลายครั้งกลับทำไม่สำเร็จ ข้าสงสัยว่ามุกวิญญาณเหล่านี้ ค่อนข้างประหลาดไม่เหมือนใคร”
ลินลี่ย์สามารถตัดสินได้อย่างไร?
เขาสามารถบอกได้ทันทีจากแค่ชำเลืองมองว่า กำไลของเจ้าแคว้นสกายเมาท์ไม่ใช่สมบัติเทพ ดังนั้นลินลี่ย์จึงถือว่าเป็นเครื่องประดับเล็กๆ ที่ไม่มีค่า และความจริงกำไลก็ไม่ใช่สมบัติเทพ ลินลี่ย์สามารถทำลายกำไลโดยใช้นิ้วบิดอย่างง่ายได้ ของที่มีค่าอย่างแท้จริงก็คือมุกวิญญาณทั้งเก้า
“ท่านเจ้าแคว้นสกายเมาท์! ข้าคาดเดาได้ถูกไหม?”
“ท่านลินลี่ย์!” หน้าของเจ้าแคว้นสกายเมาท์ซีดขาว เขารีบบอก “ถูกต้องแล้ว ท่านคาดเดาได้ถูกต้อง มุกวิญญาณทั้งเก้านี้เป็นสมบัติที่มีค่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และแฝงไปด้วยพลังงานที่ไม่มีที่สุดอยู่ในนั้น ตราบใดที่ท่านสวมมุกวิญญาณนี่ไว้พลังงานชีวิตที่ไม่มีที่สุดจะเติมเต็มทั้งกายและวิญญาณทั้งหมดของท่าน แม้ว่าพลังโจมตีวิญญาณของท่านจะทรงพลัง, ท่านลินลี่ย์ พลังงานของมุกวิญญาณจะปกป้องข้าอย่างต่อเนื่องและแม้ว่าวิญญาณของข้าจะได้รับความเสียหายก็จะรักษาฟื้นตัวได้เร็ว”
โมลด์ไม่เหลืออะไรให้พึ่งพาอาศัยอีกต่อไป
เขาคิดว่าด้วยการอาศัยมุกวิญญาณของเขา อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ และพลังของโมลด์ก็ยิ่งใหญ่ เมื่อเขาใช้พลังร่วมกับมุกวิญญาณ..ก็หมายความว่าเขาสามารถนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการระดับสุดยอด นี่คือเหตุที่โมลด์มาสู้ด้วยความมั่นใจ
หลังจากเห็นว่าใบหน้าของลินลี่ย์ไม่ใช่คนคุ้นเคย เขามีความรู้สึกมั่นใจมาก
แต่ใครจะคาดคิดกันว่า...ผู้นี้คือลินลี่ย์ เทพพารากอนผู้โดดเด่นขึ้นมาในแดนนรก! เทพพารากอน...พวกเขาทรงพลังที่สุดในหมู่เทพ มุกวิญญาณสามารถปกป้องให้โมลด์ได้ แต่มุกเหล่านั้นไม่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ ต่อหน้าลินลี่ย์โมลด์ไม่มีอะไรนอกจากกระสอบทรายใบใหญ่!
ตอนนี้เขาสูญเสียมุกวิญญาณเก้าลูกไปแล้ว เขาไม่มีอะไรเหลือแม้แต่น้อย
“โอว, มุกวิญญาณเก้าลูกเหล่านี้พิเศษนักหรือ?” บีบีพึมพำด้วยความประหลาดใจ
“โมลด์! เจ้าผูกสัญญากับมุกเหล่านี้หรือ?” ลินลี่ย์พูดอย่างเยือกเย็น
“ไม่” โมลด์รีบพูด
ลินลี่ย์ลองหยดเลือดจากนิ้วของเขาไปที่หนึ่งในมุกวิญญาณที่ลอยอยู่เหนือมือของเขา
“ติ๋ง!”
เลือดหยดลงบนมุกเขียวจากนั้นกลิ้งตกลงบนฝ่ามือของลินลี่ย์
“มันไม่เข้าไปหรือนี่?” ลินลี่ย์พูดอย่างไม่พอใจ
“ท่านลินลี่ย์ มุกวิญญาณเหล่านี้เป็นของวิเศษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นสวรรค์สร้างขึ้นมาพิเศษกว่าสมบัติเทพ ไม่มีทางที่จะผูกสัญญาด้วยเลือดได้” โมลด์รีบกล่าว ลินลี่ย์ชำเลืองดูโมลด์ จากนั้นถือมุกวิญญาณทั้งเก้า เขารู้สึกถึงพลังเฉพาะแบบทะลักเข้ามาในร่างของเขา ภายใต้การควบคุมของลินลี่ย์พลังงานนี้ทะลักเข้าไปในวิญญาณของเขาราวกับน้ำบ่า
สบายเหลือเกิน!
ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาได้รับการปกป้องด้วยพลังงานที่ไม่เหมือนใครนี้
“น่าสงสัย.. สมบัติแบบนี้...มีแต่สวรรค์ที่สามารถให้กำเนิดของแบบนี้ขึ้นมาได้” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” โมลด์รีบกล่าว
“พี่ใหญ่, มุกวิญญาณเหล่านี้เป็นสิ่งเฉพาะแบบ แต่ท่านจะแน่ใจได้ยังไงว่าเหตุผลที่โมลด์ถูกพลังโจมตีวิญญาณโดยไม่ตายเป็นเพราะมุกเหล่านี้?” บีบีเม้มปาก “บางทีมุกวิญญาณอาจเป็นของเฉพาะแบบไม่เหมือนใคร แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสมบัติที่แท้จริงซึ่งปกป้องมิให้โมลด์ตาย บางทีอาจมีสมบัติอื่นด้วยเช่นกัน”
หน้าของโมลด์เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ทางที่ดีที่สุดต้องทดสอบ พี่ใหญ่ลองใช้พลังโจมตีวิญญาณกับโมลด์อีกครั้ง ถ้าครั้งนี้โมลด์ตาย อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่มุกวิญญาณใช้ปกป้องวิญญาณของโมลด์นั้นเป็นเรื่องจริง ถ้าเขาไม่ตายก็หมายความว่าเป็นเรื่องโกหก” บีบีหัวเราะขณะพูด แต่ในสายตาของโมลด์ เสียงหัวเราะของบีบีชั่วร้าย น่ากลัวนัก!
“โมลด์! เจ้าคิดว่ายังไง? เหตุผลข้าถูกต้องไหม?” บีบีมองดูโมลด์และหัวเราะ แต่เขาไม่พยายามซ่อนรังสีฆ่าฟันในสายตาของเขา
คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนคำตัดสินประหารชีวิตโมลด์
ในแง่จิตใจบีบีเป็นอสูรเทพ ยังมีความปรารถนาจะฆ่าที่แรงกล้ามากกว่าลินลี่ย์ คนที่มีท่าทีคุกคามลินลี่ย์หรือคนที่เคยโจมตีลินลี่ย์... เท่าที่บีบีกังวล คนผู้นั้นสมควรตาย
“พี่ใหญ่, ถ้าโมลด์ไม่ตาย เขาจะต้องสร้างปัญหายุ่งยากในอนาคตในที่สุดแน่ ในปัจจุบันนี้เขาเป็นเจ้าแคว้นสกายเมาท์ และไม่กล้าล้างแค้นกับท่าน พี่ใหญ่ นั่นเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งไม่พอ แต่ถ้าสักวัน เขาบรรลุและกลายเป็นเทพพารากอน บางทีเขาคงไม่กลัวท่านอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่สามารถล้างแค้นท่านได้ แต่โอลิเวอร์จะตกอยู่ในอันตราย” บีบีคุยทางใจ
บีบีมองการณ์ไกล อะไรก็ตามที่อาจเป็นภัยคุกคามจะต้องถูกฆ่า!
“ท่านลินลี่ย์...” โมลด์ตกใจหวาดกลัว
ทัศนคติปัจจุบันของโมลด์ตรงกันข้ามกับความคิดต้องการฆ่า อำมหิตก่อนหน้านี้
“เมื่อเจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง เจ้าก็โจมตี เมื่อเจ้าพบว่าศัตรูแข็งแกร่งมาก เจ้าก็ต้องยอมรับ” หลังจากมีประสบการณ์โหดร้ายของสมรภูมิมหาพิภพ ลินลี่ย์ไม่ใจอ่อนเหมือนสตรีอีก “ควั่บ!” ระลอกกระบี่คลื่นสลายยิงออกมาจากหน้าผากของลินลี่ย์ ไวจนโมลด์ไม่ทันตั้งตัวและทั้งหมดเข้าไปในร่างของเขา
ร่างของโมลด์สั่นสะท้าน และจากนั้นประกายในดวงตาหายไป ขณะที่เขาล้มลง
“คลิ้ง!” เกราะสีแดงเหมือนโลหิตหลุดจากร่างของเขาตกลงบนพื้น นี่คือสมบัติมหาเทพชนิดเกราะ
“ครั้งนี้เขาตายจริงๆ” บีบีหัวเราะ
โอลิเวอร์ ไดอาน่าและเดยาลูกของพวกเขาเดินเข้ามาสมทบ โอลิเวอร์มองดูเจ้าแคว้น จากนั้นมองดูลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “ลินลี่ย์, ขอบคุณจริงๆ เจ้าช่วยข้าไว้อีกแล้ว” ถ้าเจ้าแคว้นไม่ตาย โอลิเวอร์คงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ เป็นแน่
“ขอบคุณท่านอาลินลี่ย์” เดยาพูดด้วยเช่นกัน และจากนั้นมองดูศพของโมลด์ด้วยสีหน้าดุร้ายราวกับว่าจะตำหนิว่าความตายของพี่ชายเขาเป็นเพราะเจ้าแคว้น
“เมื่อข้าจัดการกับโบนิน ข้าเตรียมตัวรับความเป็นไปได้ที่จะต้องรับมือกับโมลด์โดยเฉพาะ เพียงแต่...ข้าไม่คาดเลยว่าโมลด์จะครอบครองของวิเศษอย่างนี้” ลินลี่ย์มองดูมุกวิญญาณทั้งเก้าในมือของเขาและถอนหายใจ
“น่าเสียดาย สงสัยว่าโมลด์มีร่างแยกอยู่ที่ใดสักแห่ง” บีบีหยดเลือดลงที่เกราะแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ช่างเถอะ แค่ปล่อยเอาไว้อย่างนั้น” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ “หลังจากสูญเสียร่างแยกที่ทรงพลังไปแล้ว โมลด์ไม่คุกคามอะไรมากต่อไปอีกแล้ว” ไม่มีร่างแยกที่ทรงพลังที่สุด ต่อให้โมลด์มีร่างแยกระดับเซียนอยู่ในที่ๆ เขาสามารถหลอมรวมกับประกายเทพไปจนกระทั่งเป็นระดับเทพชั้นสูง เขาก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้ต่อไป นี่หมายความว่าไม่มีความหวังที่โมลด์จะไปถึงระดับเทพพารากอน ใครก็ตามที่ไม่ใช่ระดับพารากอน ลินลี่ย์ไม่จำเป็นต้องกังวล เขาสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดาย
“ฮึ่ม.. ข้าจะไม่ยอมให้เขาได้เอาคืน” บีบีโบกมือดึงแหวนเก็บสมบัติเข้าหาเขาและจากนั้นบีบ มีเสียงดังแครก.. บีบีทำลายแหวนเก็บสมบัติเป็นชิ้นๆ
ถ้าเขาไม่สามารถได้ของข้างใน เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้โมลด์ได้ไป
สำหรับสมบัติมหาเทพ... ถูกสร้างขึ้นโดยมหาเทพ และบีบีไม่กล้าทำอะไรกับสมบัตินี้ มหาเทพไม่ใส่ใจเรื่องท่านฆ่าทูต เนื่องจากเป็นความผิดที่ทูตอ่อนแอเกินไป แต่การทำลายสมบัติมหาเทพหรือโยนเข้าไปในมิติปั่นป่วน? อาจทำให้มหาเทพโกรธ สมบัติคือสิ่งที่มหาเทพต้องใช้เวลาและความพยายามมากมายจึงสร้างขึ้นมาได้
“สมบัตินี้ไม่เลว แต่ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า” ลินลี่ย์ชำเลืองมองมุกวิญญาณทั้งเก้า
“ไปกันเถอะ”
เพียงแค่คิดลินลี่ย์เก็บมุกวิญญาณทั้งเก้าเข้าไว้ในแหวนเก็บสมบัติ
“เราจะไปแคว้นอินดิโกกัน!” บีบีหัวเราะ โอลิเวอร์มองดูภรรยาและบุตรของเขา จากนั้นหัวเราะยอมรับโดยปริยาย กลุ่มของลินลี่ย์ทั้งห้าคนขึ้นอสูรโดยสารและเริ่มบินไปด้วยความเร็วสูงเข้าสู่แคว้นอินดิโกทางทิศตะวันตก
ภายในแหวนมิติเก็บของของลินลี่ย์
นี่คือมิติที่ไร้ชีวิต สิ่งของจำนวนมากลอยอยู่ในมิตินี้มีทั้งกระติกพลังมหาเทพ ดาบหนักอดาแมนเทียม กระบี่เลือดม่วง เงินศิลาดำ อะซูไรท์และบนกองพะเนินของเงินศิลาดำและอะซูไรท์ มีมงกุฏคร่ำคร่าไม่เป็นที่สังเกตวางอยู่บนนั้น
มงกุฏคร่ำคร่าวางนิ่งอยู่กับที่
ทันใดนั้น...
มุกวิญญาณทั้งเก้าปรากฏภายในมิติที่ไร้ชีวิต มุกวิญญาณสีเขียวหยกเหมือนแก้วผลึกดูเหมือนจะส่องแสงเจิดจ้าและงดงาม
สิ่งที่แปลกก็คือมงกุฏคร่ำคร่าลอยขึ้นไปในอากาศและบินไปทางมุกวิญญาณทั้งเก้าซึ่งบินเข้าหามงกุฏคร่ำคร่าเช่นกัน
มุกวิญญาณทั้งเก้าบินเป็นวงล้อมมงกุฏคร่ำคร่าไว้
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ!!!”
ทันใดนั้นมุกทั้งเก้าพุ่งเข้าหามงกุฎคร่ำคร่าจากแต่ละตำแหน่ง และติดเข้าไปในมงกุฎทันที และจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง แสงสีเขียวอยู่บนยอดมงกุฏคร่ำคร่าทำให้มันเปล่งรัศมีสีเขียวเลือนราง มันไม่ได้คร่ำคร่าเก่าแก่เหมือนกับแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
มีมณีประดับเก้าชิ้นติดอยู่บนมงกุฏนี้
มณีประดับชิ้นเล็กวนจากข้างหน้าไปหลัง ขณะที่เบ้ากลางข้างหน้ามงกุฏมีขนาดใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เป็นเบ้าที่ว่างเปล่า
ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นในภายในแหวนมิติเก็บของ ก่อนนี้ลินลี่ย์ใช้เวลามากมายตรวจสอบมงกุฏคร่ำคร่า และพอหลังจากวิญญาณกลายสภาพแล้ว ลินลี่ย์ก็ยังตรวจสอบอีกครั้ง แต่เขาไม่สามารถหาความพิเศษของมันพบได้แต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงโยนกลับเข้าไปไว้ในแหวนมิติเก็บของและเลิกให้ความสนใจชั่วคราว
บางทีสักวันหนึ่งลินลี่ย์คงจะเอามงกุฎหรือมุกวิญญาณออกมา ก็จะพบเห็นความลับของมงกุฏ
แต่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด? ไม่มีใครสามารถพูดได้
อสูรโลหะรูปเสือบินอยู่กับที่เหนือภูเขา นี่เป็นอสูรโลหะขนาดใหญ่ มีคนเป็นร้อยอยู่ภายในนั้น ผู้นำก็คือโมลด์ในชุดขาว
เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าอสูรโลหะจ้องมองผ่านหน้าต่างใสไปที่ภูเขาข้างหน้าไกลๆ
“ไปที่นั่นและเก็บเกราะมา” โมลด์ในร่างผมเงินพูดอย่างเย็นชา
“ขอรับ, ท่านเจ้าแคว้น” บุรุษคิ้วขาวรู้สถานที่เกิดการต่อสู้จึงไปที่นั่น เขาพาหน่วยนักรบทั้งสิบคนบินไปที่หุบเขานั้นด้วยความเร็วสูง
โมลด์ผมเงินจ้องมองภูเขาที่อยู่ไกลออกไปอย่างเย็นชา ใจของเขาเต็มไปด้วยความอำมหิตต้องการฆ่า เขารู้สึกได้ถึงความคงอยู่ของสมบัติมหาเทพ เห็นได้ชัดว่า..กลุ่มของลินลี่ย์ไม่เอาไปด้วยหรือทำลายมัน
“พลังของข้าในตอนนี้อ่อนแอลงมาก ถ้าใครบางคนมาท้าทายข้าสู้....” นี่คือสิ่งที่โมลด์กังวลในตอนนี้ ในฐานะเจ้าแคว้นและเป็นหนึ่งในเทพอสูร 108 ของแดนนรก เขาต้องเผชิญกับการท้าทาย ถ้าแพ้ก็ต้องยกตำแหน่งให้ ผู้ชนะจะกลายเป็นเทพอสูรหรือเจ้าแคว้นคนใหม่ ดังนั้นโมลด์ต้องเอาสมบัติมหาเทพกลับคืนมา
เกราะสมบัติมหาเทพสำหรับป้องกัน โมลด์มั่นใจในความสามารถของเขาว่าจะป้องกันแหน่งไว้ได้
เวลาต่อมา...
ร่างของบุรุษคิ้วขาวและหน่วยนักรบปรากฏตัวข้างหน้า และบุรุษคิ้วขาวถือเกราะสีเลือดอยู่ในมือของเขา
“ฮื่ม” ตาของโมลด์เป็นประกาย และทางเดินปรากฏภายในอสูรโลหะทันที เกราะสีเลือดบินผ่านทางเดินเข้ามาหาโมลด์ จากนั้นเข้าไปในร่างของโมลด์
“ไปกันเถอะ เราจะกลับกัน” โมลด์พูดอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ ท่านเจ้าแคว้น” กลุ่มนักรบรับคำพร้อมกัน
และจากนั้น โมลด์เดินลึกเข้าไปในห้องส่วนตัวด้านหลังอสูรโลหะ ประตูห้องปิดลง ไม่มีแสงสว่างอยู่ในห้องนี้
โมลด์นั่งลงขัดสมาธิเงียบๆ ภายในห้องที่มืดมัว หน้าของโมลด์ดูหมองคล้ำ ตาที่เหมือนหมาป่าของเขาปรากฏในความมืดยิ่งดูน่ากลัวสั่นสะท้านใจ
“เจ้าทำลายลูกชายข้า จากนั้นยังทำลายโอกาสในอนาคตของข้า!” ในห้องนั้น โมลด์ไม่จำเป็นต้องปิดบังรังสีฆ่าฟันของเขาแม้แต่น้อย รัศมีดุร้ายป่าเถื่อนเต็มไปทั้งห้อง แต่เพราะสนามพลังเทพของโมลด์ รัศมีจึงไม่รั่วไหลออกไปข้างนอกแต่อย่างใด และบริวารที่อยู่ด้านนอกก็ไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน
ตาของโมลด์เป็นประกายดุร้าย “ก็ได้ ในเมื่องเจ้าทำลายข้า อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้าด้วยเช่นกัน!”
“น่าเสียดาย ที่ข้าทำลายกระดาษพิเศษนั่นไปแล้ว มิฉะนั้นข้าคงโน้มน้าวมหาเทพได้ ด้วยแผนการง่ายๆ ข้าสามารถทำให้ลินลี่ย์ตายได้แล้ว! แต่ตอนนี้ข้าทำลายกระดาษไปแล้ว คงต้องใช้ลูกไม้สักนิด!” โมลด์ไตร่ตรองอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่งพิจารณาถึงสิ่งที่จะทำจากนั้นหัวเราะเย็นชา “แต่ไม่สำคัญ แม้ว่ากระดาษจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม แต่อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าความลับคืออะไร เนื่องจากมุกวิญญาณไม่อยู่ในมือของข้าอีกต่อไป จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บความลับนี้ไว้”
เมื่อโมลด์คิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาอดรู้สึกกระตือรือร้นในใจไม่ได้
“เจ้าทำลายข้า ดังนั้นข้าจะทำลายเจ้า!” โมลด์คำราม “ข้าจะป่าวประกาศความลับนี้...ข้าจะทำให้ทุกคนรู้ จะทำให้มหาเทพทุกคนรู้!!!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ทำให้ห้องลับนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและเยือกเย็น....