ตอนที่ 20 - แลกเปลี่ยน
1/4
ตอนที่ 20 - แลกเปลี่ยน
เมื่อเห็นว่าเจียงหลินยังนิ่ง เถ้าแก่ร้านหยกคิดว่าเจียงหลินคงไม่เต็มใจจะแลกเปลี่ยน เขากัดฟันแล้วพูดว่า “รวมสินค้าทั้งหมดที่ฉันเหลืออยู่ตอนนี้เข้าไปด้วยก็ได้”
เจียงหลินแข็งเป็นหินยิ่งกว่าเดิม
เถ้าแก่ร้านไม่ยอมแพ้ เขาพูดอย่างกระวนกระวาย “จริงๆแล้วร้านฉันตั้งอยู่ในทำเลดี แต่เป็นเพราะฉันหมกมุ่นอยู่แต่กับหินดิบเลยบริหารได้ไม่ดี ธุรกิจเลยไปได้ไม่ค่อยสวย ถ้าคุณไม่เชื่อว่าที่นี่ทำเลดี ลองไปถามร้านแถวๆนี้ดูก็ได้!”
เถ้าแก่ร้านหยกเริ่มให้เหตุผล “สาวน้อย ในการประมูลปี 2559 มรกตเจิ้งหยางที่หาได้ยากมากๆถูกขายไปในราคา 15 ล้านหยวน ถึงของคุณจะเป็นสีแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้พวกเราไม่ได้กำลังประมูลกันอยู่ จะให้เอาราคาเท่านั้นเลยก็ไม่ได้”
“แต่คุณไม่ต้องกังวล แค่เฉพาะร้านของฉันก็มีมูลค่าเป็น 10 ล้านหยวนแล้ว บวกกับสินค้าที่เหลือ น่าจะได้ใกล้เคียงกับ 15 ล้าน แต่ถ้าคุณคิดว่ายังไม่พอ ฉันยอมเซ็น IOU* เพิ่มให้ก็ได้”
*เอกสารยอมรับหนี้อย่างไม่เป็นทางการ
“ตก ... ตกลง!” ในที่สุดเจียงหลินก็รู้สึกตัว เธอพยายามระงับสติอารมณ์ “ไม่ต้องถึงขั้นเซ็น IOU หรอก”
เจียงหลินวางกระดุมหยกมงคลลงบนผ้ากำมะหยี่บนโต๊ะอย่างมึนงง คราวนี้เธอทะนุถนอมมันมาก
ที่แท้เจ้าสิ่งนี้มีราคาเป็นสิบล้าน!
เจียงหลินจำได้อย่างแม่นยำ ดูเหมือนว่าทั้งผู้รับซื้อและผู้จัดการร้านดูจะสนใจกระดุมหยกมงคลของเธอมาก กลายเป็นว่าเธอพกของมูลค่าสิบล้านหยวนติดตัวทุกวัน!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการที่เธอนำพวกทองหรือเครื่องประดับมากมายมาขาย แต่ไม่มีใครตั้งคำถามถึงที่มาของมัน
ในใจเจียงหลินเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย เธอไม่ใช่สาวน้อยที่ตื่นเต้นกับเงินแค่ 3 ล้านหยวนคนเดิมอีกต่อไป
ตอนนี้เธอคือสาวน้อยที่ร่ำรวยและตื่นเต้นกับเงินนับ 10 ล้านหยวน!
ขั้นตอนต่อมาคือการทำสัญญาโอนที่ ทั้งคู่ไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อลงทะเบียน
รอจนทุกอย่างดำเนินการเสร็จสิ้น ทั้งสองก็กลับมาที่ร้าน
เถ้าแก่ร้านหยกพูดกับเจียงหลิน “เมื่อกี้ฉันลืมถาม คุณไปหามรกตก้อนนี้มาได้ยังไง?”
“เป็นมรดกของตระกูล” แน่นอน เจียงหลินไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเอามันมาจากในวันสิ้นโลก จึงหาข้อแก้ตัวออกไปสุ่มๆ
“มิน่าเล่าคุณถึงดูไม่ค่อยรู้เรื่องมรกตนัก เห็นแก่ที่ยอมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ต่อไปถ้าไม่เข้าใจอะไร ก็ถามฉันได้เลย” เถ้าแก่ร้านหยกกล่าว
เจียงหลินรู้สึกงงงวย “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ค่อยรู้เรื่องหยก แล้วทำไมถึงบอกว่าเห็นแก่ที่ยอมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้?”
“เพราะฉันพูดถึงราคาประมูลในปี 2559 แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ตลาดหยกเติบโตขึ้นมาก อ้างอิงจากราคาปัจจุบัน กระดุมหยกที่เธอขายให้ฉันถือว่าถูกมาก” เจ้าของร้านหยกยิ้มเก้อเล็กน้อย เขาอธิบายว่า “แต่ไม่ต้องกังวล กระดุมหยกมงคลนี้ฉันไม่คิดจะขายต่อ แค่ชอบมันเป็นพิเศษเลยอยากสะสมไว้”
เจียงหลินเห็นเถ้าแก่ร้านแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนก็ได้ความรู้ใหม่มาอย่างนึง นั่นคือเธอยังไม่เข้าใจตลาดหยกอย่างถ่องแท้
อุตสาหกรรมนี้คนวงนอกมักถูกคนวงในเล่นงานเสมอ
เถ้าแก่ร้านคงเกิดความสำนึกผิด เลยสารภาพกับเจียงหลิน นี่นับเป็นน้ำใจอย่างหนึ่ง
เพราะหากเธอเจอคนใจดำเข้า บางทีพวกเขาอาจยังคงหลอกเธอและกดราคามันลงมาก
“ไม่เป็นไรหรอก หนูไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น ว่าแต่คุณเถอะ แลกร้านกับหยกมงคลแล้ว หลังจากนี้จะเอายังไงต่อ?” เจียงหลินถาม
เถ้าของร้านหยกถอนหายใจ “ฉันคงไปที่มณฑลเจียหยาง(แหล่งหินหยก) หรืออะไรสักอย่างเพื่อหางานทำ เอาเงินมาจ่ายค่าจ้างพวกพนักงานที่ติดตามฉันมานาน”
“ทำไมคุณต้องถ่อไปไกลขนาดนั้นด้วย?” เจียงหลินหัวเราะ “เอาแบบนี้เป็นไง พอดีหนูสนใจจะทำธุรกิจขายหยกกับเครื่องประดับต่างๆในร้านนี้ ในเมื่อคุณมีความรู้ ทำไมไม่อยู่ต่อแล้วช่วยหนูล่ะ หนูยินดีจ่ายเงินเดือนที่สมน้ำสมเนื้อให้คุณ”
“ได้ ได้ ได้! ถ้าแบบนั้นก็ยินดีเลย ถ้ามีฉันอยู่ คุณไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาโกง ฉันอยู่ในแวดวงธุรกิจนี้มาตั้งแต่วัยรุ่น เริ่มตั้งแต่ตอนอายุ 20 ที่พนันหยกไขมันแกะในราคาไม่กี่หยวน ถ้านับกำไรทั้งหมดที่เคยหาได้จากพนันหินดิบ อาจสูงเป็นร้อยล้าน ...”
เถ้าแก่ร้านหยกพอพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่หยุดปาก เขาเล่าอะไรมากมายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพูด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ลืมแนะนำตัวเองว่า “นามสกุลของฉันคือหลิว ชื่อว่าหลิวซิงเย่”
“งั้นหนูจะเรียกคุณว่าลุงหลิว ส่วนหนูชื่อเจียงหลิน” เจียงหลินมองก้อนหยกบนเคาน์เตอร์ด้านนอก “คุณพอมีวิธีระบายของพวกนี้เป็นเงินสดไหม? หนูต้องการจ่ายค่าจ้างให้กับทุกคน แล้วอีกอย่าง ร้านนี้จำเป็นต้องได้รับการตกแต่งใหม่”
“แน่นอนว่าฉันมีวิธี แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าพวกมันจะขายได้ไม่เท่ากับราคาหน้าร้านนะ”
“ไม่เป็นไร คุณจัดการเรื่องนี้ได้ตามสมควรเลย” เจียงหลินพยักหน้าของเธอ
เธอเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันมีเรื่องการคำนวณราคาต้นทุนหยกดิบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจะได้น้อยลงก็ไม่เป็นไร
แค่ระบายพวกมันออกไปได้ แล้วมีเงินหมุนก่อน เจียงหลินก็พอใจมากแล้ว
หลิวซิงเย่ถามเจียงหลินด้วยน้ำเสียงลังเล “ประธานเจียง ฉันมีเรื่องจะขอร้อง หลังปรับปรุงร้านใหม่ คุณช่วยจ้างพนักงานชุดเดิมจะได้ไหม? สมัยนี้หางานยาก คุณยินดีจะให้พวกเขาอยู่ต่อไหม? จริงๆแล้วพวกเขาตั้งใจทำงานมากนะ!”
“ไม่ต้องเรียกประธานเจียง เรียกเจียงหลินเฉยๆก็พอ ส่วนเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้าจ้างพนักงานใหม่พวกเราก็ต้องอบรมเขาใหม่ แบบนั้นใช้ชุดเดิมไปเลยดีกว่า” เจียงหลินคิดช่วยเหลือพนักงานร้านมตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นไม่รังเกียจที่จะจ้างต่อ
“เดี๋ยวหนูจะกลับไปติดต่อบริษัทตกแต่ง ร้านเราต้องเร่งตกแต่งใหม่ให้เร็วที่สุด” เจียงหลินไม่พอใจกับสภาพร้านมาก มันดูแคบ และห้องพิเศษที่สร้างเพิ่มก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เธออยากให้เหมือนกับร้านทองข้างๆ ที่เข้ามาแล้วกว้าง สว่างไสว
“ระหว่างงานตกแต่ง ฉันจะช่วยเข้ามาดูให้” หลิวซิงเย่อาสา
“ตกลง ลำบากลุงหลิวแล้ว” ทั้งสองแลกเบอร์โทรศัพท์กัน
หลิวซิงเย่ขอตัวไประบายหยกในร้าน ส่วนเจียงหลินกลับที่พักของเธอ แล้วเปิดเน็ตหาบริษัทตกแต่งพร้อมถามคนรอบตัว ในที่สุดก็เจอที่สนใจ
เจียงหลินเลือกบริษัทตกแต่งที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ที่นี่ราคาแพงแต่ก็มีคุณภาพดี
ด้านหลิวซิงเย่ หลังจากระบายหยกในร้าน เขาได้เงินมามากกว่า 2 ล้านหยวน ซึ่งนั่นมากพอต่อค่าใช้จ่าย
ยอดเงินในบัญชีที่ตอนแรกเหลือไม่ถึง 10,000 หยวนของเจียงหลินเพิ่มกลับมาเป็นหลักล้าน นี่ช่วยเรียกความมั่นใจของเธอได้มาก
หลังจากติดต่อบริษัทตกแต่งแล้ว แผนกำหนดการตกแต่งใหม่ก็ถูกส่งมา
หลังจากแจ้งลุงหลิวเรื่องเวลาคุมงาน ในที่สุดเจียงหลินที่วุ่นวายทั้งวันก็มีเวลาว่าง เธอกลับมายังโลกวันสิ้นโลก แต่ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยูต่รงหน้า
มีมีดปักลงไปในหมอนหนุนของเธอ ผ้านวมใยไหมนุ่มนิ่มถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ประตูห้องนอนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษกระจายเต็มพื้น โคมไฟคริสตัลแตกเป็นเสี่ยง หน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานพังจนไม่สามารถซ่อมแซมได้
อพาร์ตเมนต์สุดหรูของฉัน! ความโกรธพลุ่งพล่านในใจเจียงหลิน ท่อนเหล็กปรากฏขึ้นในมือเธอ ในหัวผุดขึ้นเพียงประโยคเดียว
‘ไอ้พวกชั่ว จะรังแกกันมากไปแล้ว!’