บทที่ 31 - ไม่ลดมากไปกว่านี้
4/6
บทที่ 31 - ไม่ลดมากไปกว่านี้
ฉินหยูวางปืนพกไทป์54ลงบนโต๊ะ เอ่ยถามห้วนๆ “อาวุธลับของเจ้า ยังมีอีกเท่าไหร่?”
หยางซือเล่ยถามกลับ “แล้วเจ้าต้องการเท่าไหร่?”
“10 กระบอก”
พูดถึงจุดนี้ ฉินหยูยกขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “แล้วแต่ละกระบอกต้องราคาแค่ 1,000 ตำลึงทอง”
ได้ยินแบบนั้น หยางซือเล่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เจ้านักฆ่าผู้นี้รู้จักต่อรอง จากราคาประมูลสามพัน ตอนนี้ขอต่อลดลงเหลือหนึ่งในสาม!
อย่างไรก็ตาม เฉินซีที่ฟังอยู่ข้างๆกลับดวงตาเป็นประกาย เพราะเขารู้ดี ว่าราคาต้นทุนของปืนพกไทป์54 คือ 300 ตำลึงทอง
แต่นี่ขายได้ 1,000 ตำลึงทอง และยังเป็นการซื้อในจำนวนมาก เพียงแค่นี้ก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแล้ว
อย่างไรก็ตาม หยางซือเล่ยส่ายหัว “ปืนกระบอกละ 1,500 ตำลึงทอง ไม่ลดมากไปกว่านี้”
ฉินหยูนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ราคานี้แพงไป”
หยางซือเล่ยกล่าวอย่างใจเย็น “สำหรับคนอื่นอาจแพง แต่สำหรับกลุ่มจันทร์สีเลือด ข้าว่าแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
“แล้วอีกอย่าง พลังของมันเจ้าเองก็ได้เห็นในห้องประมูลแล้ว มันสามารถขายได้ในราคา 3,000 ตำลึงทอง แสดงว่าราคานั้นคุ้มค่า ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ลดลงมาครึ่งหนึ่ง ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?”
ได้ยินคำหยางซือเล่ย ฉินหยูแอบพยักหน้าเบาๆ
สำหรับประสิทธิภาพของปืนพกไทป์54 เขายอมรับจากใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับมือสังหารเช่นพวกตน อาวุธชนิดนี้เมื่อเทียบกับกริซหรือกระบี่แล้ว ปืนมีประโยชน์กว่ามาก
พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ศัตรู สามารถซ่อนตัวสังหารในเงามืดได้
นี่ไม่เพียงช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการลอบสังหารเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มระยะเวลาที่ใช้หลบหนี
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังอยากกดราคาอยู่ดี
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนคนของบ่อนเทียนเทียนเล่อทั้งหมดถูกสังหารด้วยอาวุธลับพิสดาร และในบรรดาผู้ตาย มีศิษย์ของทำเนียบยุทธชางเฉียงอยู่เช่นกัน”
“ข้าคิดว่าอาวุธลับพิสดารนั่น อาจเป็นอาวุธแบบเดียวกันปืนกระบอกนี้” เสียงของฉินหยูราบเรียบ ตั้งใจใช้สิ่งนี้เป็นตัวต่อรอง ข่มขู่ให้หยางซือเล่ยยอมลดราคา
ได้ยินคำนี้ ตาของหยางซือเล่ยฉายแววเย็นชา เงียบลงไม่เอ่ยคำใด
สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้าของหยางซือเล่ย ฉินหยูกล่าวต่อ “ทีนี้ 1,000 ตำลึงทองต่อกระบอกที่ข้าเคยพูดไป เจ้าจะลองพิจารณาใหม่ได้หรือยัง?”
“ข้าพูดไปแล้ว ว่าจะไม่ลดราคามากไปกว่านี้”
ดวงตาของหยางซือเล่ยหรี่แคบลง มุมปากยกโค้งขึ้น “เจ้าลองกลับไปพิจารณาดูก่อนก็ได้ ข้ายังมีอย่างอื่นต้องทำ ไม่ขอรบกวนแล้ว”
ว่าจบ เขาลุกขึ้นยืนทันที ราวกับกำลังจะจากไป
ฉินหยูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่นึกว่าหยางซือเล่ยจะต่อรองราคาได้ยากขนาดนี้ ทั้งที่ถูกข่มขู่ แต่ก็ยังไม่แยแส
“ช้าก่อน เช่นนั้นเอาตามราคาที่เจ้าว่าเถอะ”
เมื่อเห็นว่าหยางซือเล่ยดื้อรั้นมาก ฉินหยูปราศจากทางเลือกอื่นนอกจากต้องประนีประนอม เขาหยิบบัตรทองสีใสออก
หยางซือเล่ยชำเลืองมองบัตรทองที่มีอักขระยันต์สลักอยู่บนพื้นผิว จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขารู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คือบัตรทองอนันต์ เป็นบัตรทองที่ออกจำหน่ายโดยหอการค้า
มันมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับบัตรธนาคารในชีวิตที่แล้ว สามารถอำนวยความสะดวกในการรับเงินหรือจ่ายเงิน
หากไม่มีมัน เวลามีการซื้อขายกัน คงต้องยกเงินเป็นหมื่นๆทองมากองข้างหน้า แล้วเข็นไปเข็นมาเต็มคันรถ ซึ่งนั่นคงลำบากเกินไป
แต่ต่อให้เขารู้ว่ามันคืออะไรแล้วไง เพราะปัญหาคือตอนนี้หยางซือเล่ยไม่มีบัตรนี้
บัตรทองอนันต์ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็สามารถใช้ได้ มันเปิดให้ใช้เฉพาะขุนนางหรือผู้มีฐานะเท่านั้น
เจ้าของร่างเดิมมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเมืองชิงหยาง ดังนั้นถูกขึ้นบัญชีดำโดยเหล่าหอการค้าเสมอมา
ดังนั้นตอนนี้หยางซือเล่ยจึงรู้สึกลำบากใจไม่น้อย
“นายน้อยหยาง ข้าลืมบอกไป เมื่อเช้าก่อนข้าแวะไปหาท่าน ข้าได้ไปยังธนาคารพาณิชย์และสมัครบัตรทองอนันต์ใบใหม่มา”
เฉินซีหยิบบัตรทองออกมา วางลงบนโต๊ะหน้าหยางซือเล่ย เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เพียงหยดเลือดลงไปบนอักขระยันต์ ก็สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้”