ตอนที่ 717 พี่น้องตระกูลสวี่
การต่อสู้ส่งผลยิ่งกว่าครั้งก่อน
พายุดาบสลาตันที่น่าตื่นตะลึงของเบนสันแสดงออกมาต่อหน้าทุกคนให้ประจักษ์ถึงพลังของมัน ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างตั้งใจมีผู้ชมจำนวนมากมายยิ่งกว่าการต่อสู้ครั้งก่อนมาก และคำพูดของจอมเสเพลอย่างวิคเตอร์ที่พูดถึงบุรุษหน้ากากผีจุดไฟต้นกำเนิดทำให้เกิดการพูดคุยสนทนาตื่นเต้นกับคนอื่น
ดาบพายุสลาตันคือวิชาที่มีชื่อเสียงและเป้าหมายสูงสุดสำหรับนักสู้ทุกคนผู้ฝึกฝนดาบลมสำหรับวิชาสังหารสุดยอดนั้นทำให้จะไม่ทำให้เกิดความโกลาหลในเมืองจื่อจวนได้อย่างไร
ครั้งสุดท้ายที่เบนสันเปิดเผยพลังของเขาทำให้คนนับไม่ถ้วนร้องด้วยความตกใจ และหลังจากแสดงพายุดาบสลาตันก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเบนสันขึ้นไปอีกระดับ
พลังของบุรุษหน้าผีทุกคนต้องประเมินใหม่กันอีกครั้ง ภายใต้พลังพายุดาบสลาตันสำหรับเขายังฝืนเดินหน้า ความแข็งแรงของบุรุษหน้ากากผีนั้นเด็ดขาดมีอิทธิพลในตนเองไม่มีใครเห็นว่าบุรุษหน้ากากผีสู้กับพายุดาบสลาตันได้ยังไงขณะที่ความสนใจของทุกคนอยู่ที่ไฟต้นกำเนิด
ความยากลำบากของการจุดไฟต้นกำเนิดไม่ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเรียนรู้พายุดาบสลาตัน จำเป็นต้องปรับตัวครั้งแล้วครั้งเล่า และระยะเวลาในการปรับสภาพร่างกายก็ไม่อาจมองข้ามได้ วิคเตอร์พูดถูกเรื่องคนโง่สามารถจุดไฟต้นกำเนิดได้ เนื่องจากพวกที่สามารถทำเช่นนั้นได้จะต้องรู้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขานั้นธรรมดา แต่สามารถทนต่อความน่าเบื่อในการปรับสภาพร่างกายได้
เพราะเหตุนั้นจึงมีคนน้อยมากที่สามารถจุดไฟต้นกำเนิดได้
ไม่มีข้อสงสัยแล้วทุกคนรู้ว่าบุรุษหน้ากากผีเป็นยอดฝีมือแน่ แค่จุดที่เขาสามารถจุดไฟต้นกำเนิดได้ ก็เพียงพอแล้ว
การรู้แจ้งกฎทำให้ง่ายต่อการใช้กฎธรรมชาติ แต่การใช้งานกฎธรรมชาติจำเป็นต้องมีพลังภายนอก การรู้แจ้งกฎของบุรุษหน้ากากผียังติ้นเขินอยู่ แต่พลังร่างกายที่น่าประหลาดใจของเขาทำให้พลังโจมตีของเขาสามารถผ่านจุดอ่อนได้
แน่นอนว่ายอดฝีมือแบบนั้นไม่ได้ทำให้คนอย่างวิคเตอร์ตกใจนักสู้ที่ทรงพลังอย่างวิคเตอร์และคนอื่น ความเข้าใจและการใช้กฎธรรมชาติถึงระดับที่คนอื่นเรียกว่าสุดยอด
ผู้คนที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์มักจะมีรัศมีเจิดจ้าอยู่เสมอใช้พลังของพวกเขาวิ่งขึ้นสู่จุดสุดยอด
แต่สิ่งทุกคนชอบจะคุยกันก็คือผู้ชนะในท้ายที่สุดของการต่อสู้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันไปโดยไม่พูดอะไรสักคำและยากจะตัดสินผู้ชนะ
“บุรุษหน้ากากผีชนะ” สวี่อันจงแน่ใจ แม้แต่ที่บ้านเขาไม่เคยอยู่ห่างจากกระบี่เลย
เขามักรู้สึกเชื่อมั่นอย่างมากต่อพี่ชายที่อยู่ต่อหน้าเขา สวี่เย่มีผิวสีขาวซีด ตาของเขาดำสนิทมองดูเหมือนกับว่าเขาป่วยและอ่อนแอมาก แต่ทุกคนที่ดูถูกเขามีแต่จะตายอย่างอนาถ
สองพี่น้องนั่งอยู่ตรงข้ามกันมีความเด่นชัดมาก ร่างของสวี่อันจงสูงใหญ่และล่ำสัน สวมเสื้อผ้าธรรมดารองเท้าแตะฟางและผิวของเขาหยาบกร้าน สวี่เย่กลับตรงกันข้ามมองดูเหมือนคุณชายสูงส่งอาภรณ์หรูงดงามทุกอิริยาบถดูสง่างาม
“โอว,ทำไมเป็นเช่นนั้น?” สวี่เย่ยิ้มและถาม
“ทันทีที่ดาบพายุสลาตันถูกทำลายเบนสันก็แพ้แล้ว” สวี่อันจงกล่าว
สวี่เย่“เจ้าทำลายดาบพายุสลาตันได้ไหม?”
คำถามนี้ทำให้สวี่อันจงยังคังเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “เป็นเรื่องยากมาก”
สวี่เย่หัวเราะ ‘อันจงบอกยากและมิใช่เป็นไปไม่ได้ ดูเหมือนว่าพลังของอันจงจะเหนือกว่าที่ข้าคิด’ เขาล่ะ? เขามีความสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีนักสู้ที่แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งในตระกูล นั่นช่วยได้มากในเวลาอย่างนั้น
“เจ้าคิดว่าบุรุษหน้ากากผีไปหาเบนสันทำไม?”สวี่เย่ถาม
สวี่อันจงส่ายศีรษะ“ข้าไม่รู้เรื่องนั้น
เขาไม่เข้าใจจริงๆไม่ว่าเขาจะมองดูอย่างไร ก็ไม่มีเหตุผลที่บุรุษหน้ากากผีจะต้องตามหาเบนสันแม้แต่น้อย เว้นแต่ เป็นเหมือนกับที่บุรุษหน้ากากผีกล่าวเพื่อเอาชนะเขา แต่เหตุผลนี้สำหรับสวี่อันจงเหมือนกับเหตุผลเด็กๆ เขาไม่เชื่อว่าผู้นำจะเล่นเกมอย่างนี้
‘บุรุษหน้ากากผีต้องมีแผนบางอย่าง’
สวี่อันจงรู้ตัวเองว่าเขาไม่ใช่คนฉลาดและไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มากเกินไป ขณะที่เขามองดูสวี่เย่ที่มีจิตใจแข็งแกร่งกว่าเขาร้อยเท่า
“ข้าไม่สามารถเข้าใจได้เลย”สวี่เย่หัวเราะ “เมื่อคิดดูแล้วเป้าหมายสุดท้ายของเขาก็คือช่วยนักโทษหน่วยสุญญตาแน่นอน”
“เราก็มีนักโทษหน่วยสุญญตาด้วยเช่นกัน” สวี่อันจงเตือนสวี่เย่
สวี่เย่หัวเราะ “อย่าห่วงเรื่องนี้เกินไปเลย ตอนนี้คนที่ควรเป็นห่วงไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นตระกูลฉิน”
“ตระกูลฉิน?” สวี่อันจงประหลาดใจ
“ตระกูลฉินใช้ตระกูลเซวียแลกนักโทษ200 คนกับตระกูลหลู” รอยยิ้มของสวี่เย่เหมือนกับดวงอาทิตย์ไม่มีอะไรปิดบัง “นับดูสิ จำนวนของนักโทษที่ตระกูลฉินจะมีประมาณ400 – 500 เจ้าต้องรู้ จำนวนนักโทษน้อยกว่า 5000 สำหรับตระกูลฉินได้รับหนึ่งในสิบเจ้าจะคิดยังไง พวกเขายินดีจะยกให้หรือ?”
“ไม่, พวกเขาคงไม่” สวี่อันจงส่ายศีรษะ เขาเคยเห็นนักโทษมาก่อน แต่ละคนนั้นมีร่างกายพิเศษโดดเด่น
ทุกคนดูเหมือนจะเดินเส้นทางเดียวกับบุรุษหน้ากากผีและผ่านการฝึกปรับเปลี่ยนร่างกายมาเป็นอย่างดี สำหรับตระกูลหนึ่ง การเพิ่มกำลังมาขนาดนั้นถือว่าได้ผลรับมหาศาล แม้ว่าการรับรู้ของพวกเขาไม่ดี แต่ด้วยพลังร่างกายอย่างนั้นและตกอยู่ในความควบคุมของพวกเขาก็เพียงพอจะแสดงศักยภาพความเป็นไปได้
ถ้าพวกเขามีเพียง 200 คนบางทีตระกูลฉินอาจยินดีจะยกพวกเขาให้ แต่นี่เกือบ 500 คนและตระกูลฉินคงจะไม่ยอมยกให้แน่นอนแต่กลับคิดหาวิธีซื้อหาเพิ่มขึ้น ตราบใดที่พวกเขาแยกย่อยนักโทษ 500 คนนี้ได้ ความแข็งแกร่งของตระกูลฉิลจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง และถ้าพวกเขามีนักโทษเพิ่มขึ้นถึง 1000 อย่างนั้นตระกูลฉินจะมีคุณสมบัติกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในแดนบาป
เป็นพลังดึงดูดใจที่ตระกูลฉินไม่สามารถปฏิเสธได้
“งั้นบอกข้าทีตอนนี้ตระกูลฉินจะทำยังไง?” สวี่เย่ถาม
สวี่อันจงเข้าใจทันที “พวกเขาจะตามหาเขา”
“ถูกต้อง”สวี่เย่หัวเราะ “บุรุษหน้ากากผีสามารถเอาชนะเบนสันได้ นั่นกลายเป็นเรื่องคุกคามใหญ่ไปแล้ว และบุรุษหน้ากากผีก็คือผู้นำหน่วยสุญญตา ตราบใดที่เขายังมีชีวิต นักโทษทุกคนจะไม่ยอมรับ ถ้านักโทษกลับถูกเขาช่วยออกไป อย่างนั้นกำลังของบุรุษหน้ากากผีจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อบทเป็นอย่างนั้นเจ้าคิดว่าตระกูลฉินจะปล่อยให้เขามีชีวิตหรือ?”
“ไม่” สวี่อันจงส่ายศีรษะ เบาะแสทั้งหมดเหล่านี้เริ่มเชื่อมโยงกันในใจของเขา และชัดเจนขึ้น “อย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?”
“เราจะทำยังไง?” สวี่เย่หัวเราะ “แน่นอน เราจะสนุกกับการดูการแสดงต่อไป”
“สนุกกับการดู? ถ้าบุรุษหน้ากากผีตายอย่างนั้นเมื่อตระกูลฉินปราบนักโทษได้ทั้งหมด เราจะตกอยู่ในความยุ่งยาก” สวี่อันจงขมวดคิ้ว สำหรับเขาควรจะเป็นเวลาลอบช่วยบุรุษหน้ากากผีมากกว่า
“สบายใจได้,เขาจะตายง่ายๆ ได้ยังไง?” สวี่เย่กล่าวอย่างสบายใจ “เขาสามารถเอาชนะเบนสันและพายุดาบสลาตันได้ ต่อให้สี่ขุนพลลงมือเอง พวกเขาอาจจะเอาชนะเขาไม่ได้ ตราบใดที่เขาได้บริวารกลับคืน พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า”
“นักโทษเหล่านั้นมีพลังทั่วไปเท่านั้น” สวี่อันจงกล่ว แม้ว่าพวกเขาจะมีร่างกายโดดเด่น แต่พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกฎธรรมชาติ วิทยายุทธของพวกเขาดูเหมือนทรงพลัง แต่ไม่มีพลังกฎธรรมชาติสนับสนุนพวกเขา พลังของพวกเขาก็อ่อนแอ
“พวกเขาคือกองทัพ” สวี่เย่เตือน และจากนั้นถอนหายใจ “ในแดนบาปเคยมีกองทัพนานมากแล้ว ทุกคนลืมเรื่องพลังของกองทัพไปแล้ว บอกตามตรง ข้าค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่ากองทัพของบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งเพียงไหน”
“อย่างนั้นก็ให้นักโทษเรากับเขาเป็นของขวัญ” สวี่อันจงกล่าว
“ใจเย็นก่อน จะต้องมีคนที่ให้นักโทษเป็นของขวัญกับเขา” สวี่เย่หัวเราะ
หมิงจูกลับไปที่บ้านตระกูลเซวีย สีหน้าของนางซึมเศร้าหลังจากเห็นการต่อสู้อย่างดุเดือดที่บ้านตระกูลมัวร์ สภาพใจของนางสั่นสะท้าน ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่าในสายตาของนักสู้ที่ทรงพลังความคงอยู่ของตระกูลเซวียของนางเป็นเหมือนมด
การปฏิเสธจากตระกูลใหญ่ทำให้นางไร้เรี่ยวแรงมากยิ่งขึ้น
แต่ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดที่นางได้รับคือจากบุรุษหน้ากากผี เขายังคงหยิ่งและแข็งแกร่งทั้งที่เลือดท่วมตัว แต่ความมั่นใจที่เงียบและอธิบายไม่ได้ยังสามารถรู้สึกได้แม้เมื่อเขาพาสหายหญิงมาด้วย
เพราะเหตุผลบางอย่างนางคิดถึงถังเทียนทันที
ร่างของพวกเขาคล้ายกันมาก แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาต่างกันคนละโลก ‘ถ้าเพียงแต่บุรุษหน้ากากผีจะช่วยเหลือตระกูลเซวีย..’
หมิงจูฝืนหัวเราะ เมื่อคิดว่านางไร้สาระเกินไป ถึงอย่างนั้นนางก็สามารถเห็นได้ว่าบุรุษหน้ากากผีจะเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของมหาชน นางอดสมเพชเขาไม่ได้ ‘ตระกูลเซวียก็ถูกศัตรูรายล้อมด้วยไม่ใช่หรือ?’
เมื่อนางรั้งความคิดกลับมาได้ นางตระหนักได้ว่านางเดินไปทางคลังสินค้าโดยไม่รู้ตัว
หมิงจูพูดไม่ออก ‘ช่างเถอะ, คนแซ่ถังกำลังหลับอีกแล้ว’
นางเดินตรงไปที่คลังสินค้า
ข้างนอกประตูใหญ่นางได้ยินเสียงหอบและทุบหิน นางคุ้นเคยกับเสียงนั้นแล้ว นั่นคือเสียงทุบหินเหล็กดำ
‘ในที่สุดเขาก็ไม่หลับอีกต่อไป ดูเหมือนว่าข้าใช้กรวดเหล็กทองล่อเขาได้”
หมิงจูปลอบใจตนเอง แต่เพราะเหตุผลบางอย่างแววผิดหวังปรากฏในใจนาง ‘ถ้าเป็นบุรุษหน้ากากผี เขาคงไม่ถูกล่อด้วยของเล็กน้อยอย่างนั้น’
หมิงจูฝืนหัวเราะอีกครั้ง นับเป็นวันแย่สำหรับนาง นางรู้ว่าผลพวงของเหตุการณ์ทำให้เกิดความบกพร่องในจิตใจที่มั่นคงของนาง
ดวงตาของนางกลับมาแสดงความมุ่งมั่นอีกครั้ง นางไม่รบกวนถังเทียนและหมุนตัวเดินออกมา
ภายในคลังสินค้าเถี่ยเซียหอบหายใจ เขาทุ่มเทแรงใช้ค้อนบดย่อยหินเหล็กดำ ‘ข้าคือคนโฉดชั้นสองนะเฮ้ย..ตอนนี้ตกต่ำกลายเป็นจับกังไปเสียแล้ว...’ เขาอยากจะร้องไห้
“ต่อไป”
หานปิงหนิงพูดอย่างเย็นชาทำให้เขาสั่น จากนั้นเขาเงื้อค้อนและบดกระแทกอีกครั้ง
หานปิงหนิงปกป้องถังเทียนอยู่ข้างๆเขา มือของนางยังคงกำด้ามกระบี่ขณะที่นางระมัดระวังต่อเนื่อง ตราบใดที่เถี่ยเซียมีท่าทีน่าสงสัยแม้แต่น้อย นางจะฆ่าเขา
หลังจากกลับมาที่คลังสินค้าแล้วหลังจากที่หานปิงหนิงฟื้นและเห็นสภาพถังเทียนเลือดท่วมตัว นางเกือบจะชักกระบี่ฆ่าเถี่ยเซียแล้วแต่โชคดีถังเทียนห้ามนางไว้
ตัวของถังเทียนมีชั้นเพลิงสุญญตาโปร่งแสงโคจรรอบและแผลก็เริ่มสมานตัวระดับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า รอบตัวเขากรวดเหล็กทองลอยอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้นถังเทียนลืมตาและและกระดิกนิ้วทั้งสิบ
ซี่...!
สายใยกฎธรรมชาติอวกาศสิบสายเหมือนรัศมีมีดที่อ่อนตัดเม็ดกรวดเหล็กทองพร้อมกัน
พลังกายปัจจุบันของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงอยู่ในคุณภาพที่ดีมานานแล้ว และการใช้สายใยกฎอวกาศเป็นจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ไม่เป็นปัญหากับเขาต่อไปแล้ว
เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ
กรวดเหล็กทองเริ่มระเบิดออกเม็ดแล้วเม็ดเล่า และแก่นต้นกำเนิดชีวิตเปลี่ยนเป็นรัศมีสีเงินและเข้าไปในร่างของถังเทียน
ในพริบตาเดียว กรวดเหล็กทองทั้งหมดถูกถังเทียนทำลายหมดและแก่นต้นกำเนิดชีวิตคุณภาพเยี่ยมเข้าไปในร่างของเขาทำให้ถังเทียนมีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่ง
ทะเลเพลิงสุญญตาลุกโพลงอย่างเงียบๆ แก่นต้นกำเนิดชีวิตเป็นเหมือนหินแตกร่วงกราวลงมาจากฟ้าและกระแทกใส่เปลวเพลิงสุญญตา รัศมีของแก่นต้นกำเนิดชีวิตดูเหมือนเป็นตัวกระตุ้นทำให้เพลิงสุญญตาในร่างของเขารุนแรงมากขึ้น
ถังเทียนไม่เคยคิดว่าการดูดซับแก่นต้นกำเนิดชีวิตจะแตกต่างออกไปมากมาย ครั้งแรกยังสงบ แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นรุนแรงมาก
แต่ขณะนั้นเขาไม่มีเวลาคิด สมาธิของเขาทั้งหมดจดจ่ออยู่กับเพลิงสุญญตาที่พยายามย่อยแก่นต้นกำเนิดชีวิต