ตอนที่ 716 ไฟต้นกำเนิด
เสียงกู่ก้องดังขึ้นไปในท้องฟ้าคลื่นระเบิดที่มองไม่เห็นปะทุออกโดยมีมีถังเทียนเป็นศูนย์กลาง และดาบสายลมรอบตัวถูกกวาดหายไปทั้งหมด
ทั่วทั้งตัวถังเทียนอาบไปด้วยเลือด แต่เขาไม่ใส่ใจและรู้สึกถึงความพอใจที่อธิบายไม่ได้จากเสียงคำราม เหมือนกับว่ามีบางอย่างผุดขึ้นมาจากภายในเกลียวเพลิงสีเทาโปร่งใสทะลักออกมาจากส่วนลึกที่สุดของร่างเขาแผดเผาตามผิวกายของเขา
‘นี่ตือ...เพลิงสุญญตา!’
ถังเทียนยกมือทั้งสองขึ้นและดูเปลวเพลิงสีเทาเลือนรางครอบคลุมร่างของเขา เพลิงสุญญตาในอดีตจะคลุมอยู่แค่ที่แขน ความรู้สึกรู้แจ้งผุดขึ้นในใจของเขา เพลิงสุญญตาถูกสร้างขึ้นโดยการระเบิดพลังของร่างกายหยาบ
‘เป็นไปตามคาดขอเพียงช่วงระหว่างความเป็นความตาย ข้าสามารถทำลายขีดจำกัดเดิมได้ หือ...”
ถังเทียนพึมพำในใจ และคิดถึงเกี่ยวกับการแปลงพลัง นั่นคือข้อระบุถึงความเป็นเซียนเงินหลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงพิเศษแล้ว พลังงานจะเปลี่ยนเป็นพลังในระดับที่สูงกว่า เพลิงสุญญตาของเขาเอง ก็เหมือนพลังการแปลงผ่านการเร่งเร้าเผาไหม้ด้วยพลังของร่างกายจึงกลายเป็นพลังระดับสูงกว่า
เพลิงสุญญตาของถังเทียนก่อนนั้นเริ่มจากที่ซึ่งเขาใช้ปรับแต่งฝึกฝนเพลงหมัดของเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่ร่างกายมนุษย์มีการผสมผสานเข้าด้วยกัน และขณะนั้นเพลิงสุญญตายังไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงได้ยังปลดปล่อยไม่ได้จนกระทั่งร่างของถังเทียนผ่านการปรับแต่งด้วยกฎจนถึงเกณฑ์ที่เพลิงสุญญตาพร้อมจะปลดปล่อยศักยภาพเต็มที่ และแม้แต่หมัดเทพเจ้าที่เขาปล่อยออกไปก่อนหน้านั้น ก็ยังกินพลังทั้งหมดในร่างกายเขา บวกกับความเชื่อมั่นว่าจะก้าวหน้าได้ในห้วงเวลาเป็นตาย เหมือนกับโยนประกายไฟเล็กน้อยบนเชื้อเพลิงแห้ง
ด้วยการสูญสิ้นพลังเก่า พลังใหม่จะสามารถก่อกำเนิดได้
ทะเลเพลิงเผาอยู่ในร่างของเขาสายเปลวเพลิงสุญญตาสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากร่างของเขา
เทียบกับพลังบ้าคลั่งของพลังภายนอก พลังใหม่นี้อ่อนโยนและกว้างขวาง เหมือนกับมีทะเลเพลิงอยู่ภายในร่างของถังเทียนบริสุทธิ์และสงบแต่ขยายกว้างไกล เขาสามารถรู้สึกปริมาณของถึงที่สะสมอยู่ในนั้น
‘ความรู้สึกนี้ช่างดีจริงๆ’
เสียงคำรามสะเทือนชั้นฟ้าเหมือนสัตว์ป่าคำรามออกมาจากภายในชั้นหมอก
เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงคำราม ลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวพลันอ่อนแรงทันที
เบนสันที่อยู่บนอาคารแสดงอาการตกใจในที่สุด บุรุษหน้ากากผีที่อยู่ในพายุหมุนเหมือนกับสัตว์ร้ายที่คำรามด้วยความโกรธรังสีที่สง่างามแผ่ออกมาจากร่าง แต่เมื่อเขาเห็นเพลิงสีเทาที่ลุกท่วมตัวของบุรุษหน้ากากผีแล้ว ใจของเขาสั่นสะท้านทันที
ไฟต้นกำเนิด!
‘นี่มันคือไฟต้นกำเนิด!’
‘เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง...’
หานปิงหนิงที่กำลังยืนโงนเงนไปมาได้ยินเสียงคำรามนั้นใจนางตื่นตัวทันที และพลังใจของนางเพิ่มขึ้นทันที
‘เขาไม่ยอมท้อถอยจริงๆ!’
นางกำด้ามกระบี่แน่นโดยตัวนางเองไม่รู้ตัว และแสงรอบตัวนางยิ่งสว่างขึ้น
นางก็ไม่ยอมแพ้
“เอ๊ะ!” วิคเตอร์ที่ท่าทีเหลือเชื่อทันที
“คุณชาย! เกิดอะไรขึ้น?” สาวใช้คนงามถาม
สีหน้าของวิคเตอร์แสดงอาการเหลือเชื่อ “มีบางคนเปิดใช้ไฟต้นกำเนิด”
“ไฟต้นกำเนิด” สาวใช้ผู้งดงามเริ่มหลั่งเหงื่อ
“ถูกแล้ว ไม่ว่าคนเราจะต้องการขัดเกลาปรับแต่งร่างกายเพียงใดก็มักจะมีขีดคั่นจำกัด การใช้งานกฎธรรมชาติและการใช้พลังกายภายนอก ส่วนใหญ่ของกฎเหล่านี้จะต้องอาศัยกฎชุดเดียวยิ่งใช้วิชาที่แข็งแกร่ง ก็ต้องการพลังร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น” วิคเตอร์อธิบาย “ถ้าวิชาที่ต้องใช้พลังก็จะมีขีดจำกัดในร่างกายมาก แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? บรรพบุรุษของเรานับไม่ถ้วนพยายามศึกษาเรื่องนี้ และพบการแก้ปัญหานั่นคือโดยการจุดไฟต้นกำเนิด”
จากนั้นเขาพูดต่อ“การจุดไฟต้นกำเนิดจะเปลี่ยนพลังในร่างเป็นพลังชนิดใหม่ พลังชนิดนี้จะคล้ายกับพลังภายนอกแขนงหนึ่ง แต่มีระดับที่สูงส่งกว่าและแข็งแกร่งกว่ามากสามารถใช้กฎได้อย่างง่ายๆ”
“คุณชายท่านจุดไฟต้นกำเนิดได้หรือยัง?” สาวใช้คนงามถามด้วยความสงสัย
วิคเตอร์ฝืนหัวเราะ “ข้ายังทำไม่ได้ ไฟต้นกำเนิดยากจะจุดได้ เงื่อนไขที่จะทำเช่นนั้นได้โหดร้ายรุนแรงสุดขีด ระดับของอุณหภูมิในร่างกายจะต้องสูงมากร่างข้าเล่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนพูดกัน คนโง่ๆ จะจุดไฟต้นกำเนิดได้คนฉลาดจะรู้แจ้งกฎ คุณชายจากตระกูลของเจ้านับได้ว่าเป็นคนฉลาด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่านั่นแหละเหตุผล...”
สาวใช้คนงามปิดปากหัวเราะคิกคัก
วิคเตอร์ก็หัวเราะด้วยเช่นกัน แต่ในดวงตาเขา เขาไม่ได้หัวเราะเลยแม้แต่น้อย
‘ทรงพลัง...’
สวี่อันจงยังคงสังเกตว่าบางคนที่อยู่ภายในพายุหมุนได้จุดเพลิงต้นกำเนิดของเขาด้วย แต่สายตาของเขาไม่เคยละไปจากหานปิงหนิง
รัศมีรอบตัวหานปิงหนิงค่อยๆ สลัวลงเหมือนกับเทียนในสายลมอาจถูกพัดดับได้ทุกเมื่อ สวี่อันจงฝึกกระบี่ด้วยตนเอง และรู้ว่าความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อฝึกฝนวิชากระบี่จะต้องมีปณิธานที่กล้าแข็งและจิตใจที่ไม่เครียด ถ้านางไม่ยึดมั่นอยู่ได้ นางคงจะทำร้ายตัวเองบาดเจ็บ แต่เพราะนางยึดมั่นอยู่ได้ภายใต้พายุที่รุนแรง พลังนางจะถือกำเนิดใหม่แน่นอน
เมื่อสังเกตเห็นรัศมีสีฟ้ารอบตัวหานปิงหนิงสว่างขึ้นทุกที ความสุขปรากฏในดวงตาของสวี่อันจง
เป็นไปตามคาดแสงสีฟ้าเริ่มมั่นคงยิ่งขึ้นและเริ่มปล่อยรัศมีที่แหลมคมเหมือนตัวอ่อนกระบี่ที่ถูกขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่าเริ่มเปล่งรัศมีขาวเจิดจ้าดังหิมะ
‘นางกำลังก้าวหน้า’
สวี่อันจงลอบมีความสุขการเห็นมือกระบี่คนหนึ่งมีความก้าวหน้าเหมือนกับเขาเองทำให้เขาชื่นชม สำหรับนักสู้ผู้แข็งแกร่งซึ่งจุดไฟต้นกำเนิดไม่มีทางสำคัญเท่ากับความก้าวหน้าของมือกระบี่
แต่มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสามารถรู้ชัดว่ากระแสการสู้รบเปลี่ยนไปช้าๆ
ถังเทียนที่มีร่างอาบอยู่ในพลังหนาแน่นและความตั้งใจสู้ทะยานสูงสุดจนยิ่งกว่าอยู่ในสภาวะคลั่ง
เขารั้งหมัดอีกครั้งหนึ่งและพลังใหม่ที่เป็นเหมือนน้ำพุที่ฉีดพุ่งพลังงานทะลัก แรงเหวี่ยงรุนแรงเหมือนสายฟ้า พลังไหลไปที่มือขวาและอยู่ในหมัดของเขา
สภาพใจของถังเทียนสงบจนบอกไม่ถูก ข้อสรุปอย่างที่เขาได้ทำมาก่อนนั้นเริ่มหลากเข้ามาในใจของเขาเหมือนผ่านเริ่มกวาดผ่านเข้ามาในจิตใจเหมือนหมอกถูกปัดเป่าไปอย่างรวดเร็ว แสงดาวนับไม่ถ้วนที่ดึงไปข้างหน้าเหมือนพลิกหน้าหนังสือสัญลักษณ์ทั้งใหญ่และน้อยปรากฏ ทุกอย่างชัดเจน
เสียงของลมรอบตัวเขาหายไปทันที แสงนับไม่ถ้วนฉายเข้ามาเหมือนกับว่าถูกดูดเข้ามาในหมัดของถังเทียน
เบนสันหรี่ตากลุ่มแสงรุ้งบนหมัดขวาของถังเทียนนูนขึ้นมาสองสามชั้น มีขนาดเท่าตะกร้าหวายปล่อยกลิ่นอายน่ากลัว แสงสีสว่างแพรวพราวฉายลงบนหน้ากากผีเขียวดำทำให้ดูน่าหวาดผวาอย่างอธิบายไม่ได้
เขาปล่อยหมัดออก!
รังสีหมัดขนาดตะกร้ายิงเข้าไปในพายุทะลุผ่านกำแพงดาบลมอย่างเงียบๆ กระแสพายุดาบที่กราดเกรี้ยวรุนแรงไม่ส่งผลต่อมันแม้แต่น้อย
ปัง!
ประตูเหล็กดำหนามีรอยร้าวรูปใยแมงมุมคลุมทั่ว
แครก..
เสียงแตกดังออกมาประตูหินเหล็กดำพังทลายเหมือนกับขนมกรุบกรอบ
แก้วใสเหมือนกับตาพายุลอยขึ้นไปในอากาศเงียบๆ
ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งปรากฏข้างตานั้นเหมือนกับภูตพรายและปล่อยหมัดใส่มันเพล้งงงง ตาที่เหมือนแก้วนั้นแตกกระจายและหายไป
ปัง ปัง ปัง!
ลำตัวของพายุหมุนยิงขึ้นไปในท้องฟ้าดูเหมือนถูกบางอย่างดึงไว้ทีละก้าว ทีละก้าว ก็พังทลายกลายเป็นหมอก ดูเป็นภาพที่น่าพิศวง ทั่วทั้งบ้านตระกูลมัวร์ถูกหมอกปกคลุม
สีหน้าของคนที่ชมดูทุกคนเปลี่ยน พวกเขาขาอ่อน
เมื่อหมอกสลายไป จึงเริ่มเห็นเค้าโครงของบ้านตระกูลมัวร์
เบนสันที่อยู่อาคารชั้นบนเหมือนรูปสลัก เขายังไม่อาจเชื่อได้ว่าพายุดาบสลาตันของเขาถูกทำลาย
บุรุษหน้ากากผีเลือดท่วมตัวค่อยๆ เดินออกไปจากป้อม ประตูหินเหล็กดำหนาหายไปแล้ว และเบนสันมองดูเหมือนคนไร้วิญญาณ
ผู้ชมทุกคนกลั้นหายใจ ถนนตะวันตกทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ
ใครชนะ?
ไม่มีใครสามารถเห็นการต่อสู้ภายในพายุที่บ้าคลั่ง และไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น
บุรุษหน้ากากผีอยู่สภาพน่ากลัว ตลอดทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด แต่ก็ยังยืนตรงดุจคันทวน
กึก กึก กึก
ฝีเท้าของเขาดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง ถังเทียนเดินไปที่ธงหมีโลหิตและดึงออกมา
โดยไม่พูดอะไรสักคำเขาเดินไปที่ข้างตัวหานปิงหนิงประคองนางด้วยไหล่ข้างหนึ่ง แล้วทั้งสองร่างกลายเป็นสภาพเลือนรางและหายไปโดยไม่หันหลังกลับ
เบนสันผู้ยืนอยู่กับที่บนหอรบหันกลับและเดินกลับเข้าไปในป้อม
ใครชนะ ใครแพ้? นั่นกลายเป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจทุกคน
เมื่อทั้งสองคนจากไป ความกดดันที่มองไม่เห็นก็หายไป ทุกคนที่เห็นฉากต่อสู้ตระการตาตื่นเต้นโกลาหลทันทีและเริ่มพูดคุยอย่างเมามัน
ภายในป้อม ดารินเดินเข้ามาหาอย่างเป็นกังวล “ลุงเบนสัน!”
เบนสันไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขานั่งลงบนพื้นหน้าซีดเหมือนกระดาษ ตัวเปียกชุ่มไปทั้งร่าง
ดารินสีหน้าเปลี่ยน นางตกใจ “ลุงเบนสัน ลุงบาดเจ็บหรือ?”
เบนสันหอบอยู่ครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “ข้าไม่เป็นไร”
เขาได้รับบาดเจ็บ การทำลายตาพายุ ทำให้เขาถูกพลังสะท้อนอย่างรุนแรง ตอนนี้ที่เขามีเวลาคิดย้อนกลับไป เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ จุดไฟต้นกำเนิดในระหว่างการต่อสู้ได้ แม้ว่ายากจะเห็นได้ชัด แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่วิชาหมัดของเขาแปลกประหลาดมาก เขาไม่เคยเห็นวิชาหมัดอย่างนั้นมาก่อน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาสับสนก็คือบุรุษหน้ากากผีสามารถระบุตำแหน่งตาพายุของเขาได้ถูกต้อง!
‘หรือว่าบุรุษหน้ากากผีเคยฝึกดาบพายุสลาตันมาก่อน?’
ข้อสันนิษฐานถูกทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ดาบพายุสลาตันไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะเรียนได้เรียนตามอำเภอใจได้ จำเป็นต้องรู้แจ้งกฎแห่งธาตุลมอย่างลึกซึ้ง ทุกคนที่เผชิญหน้ากับดาบพายุสลาตันเป็นครั้งแรกจะไม่สามารถระบุจุดอ่อนของดาบพายุได้อย่างแม่นยำไม่ลังเลและค้นหาตำแหน่งตาพายุเจอ
เบนสันคาดว่าอาจารย์ของบุรุษหน้ากากผีอาจจะเชี่ยวชาญในดาบพายุสลาตันก็ได้บุรุษหน้ากากผีจึงคุ้นเคยกับมัน
‘เขาไม่ได้มาจากพื้นฐานที่ธรรมดาแน่นอน!’
และการกระทำของบุรุษหน้ากากผีที่จากไปโดยไม่เหลียวหลังสร้างความประหลาดใจให้กับเบนสันมากกว่า
ก่อนนี้เมื่อบุรุษหน้ากากผีประกาศว่าจะเอาชนะเขาให้ได้ ใจของเบนสันเต็มไปด้วยความสนใจคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งคงวางแผนไว้ แต่บุรุษหน้ากากผีได้ชัยชนะและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ นี่ทำให้เบนสันมั่นใจในเหตุผลของเขา
‘แค่เอาชนะข้าหรือ?’
เบนสันฝืนหัวเราะ
‘เขาไม่ใช่คนธรรมดา ผู้นำของหน่วยสุญญตา หรือ?’ เมื่อคิดถึงนักโทษของหน่วยสุญญตาแล้วเขายินดีทันที ที่บ้านตระกูลมัวร์มีแค่เพียงหานปิงหนิงคนเดียว แต่นางถูกชิงไปแล้ว
‘ตอนนี้ตระกูลอื่นคงไม่ง่ายแน่’
‘คนที่ทรงพลังแข็งแกร่งอย่างนั้นเพียงแต่รอโอกาส ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยที่ตกเป็นเป้าหมาย’
วิคเตอร์ยืดหลังและหาว เขาพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “ไปกันเถอะ การแสดงจบแล้ว ได้เวลานอนความจริงเพราะความสับสนวุ่นวายในตอนกลางคืนนี่รบกวนการนอนของข้า พวกเขาจะตีกันตอนกลางวันไม่ได้หรือไง?”
สาวใช้คนงามทำหน้าเมื่อย “กลับไปนอน!”
สวี่อันจงมีท่าทีครุ่นคิด หลังจากนั้นก็หันกายจากไป
ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยสองร่างจากหางตา เป็นเว่ยหานและมู่เจ๋อ
สวี่อันจงหัวเราะเบาๆ เพราะเหตุผลบางอย่างเขาตื่นเต้นกับสิ่งที่จะตามมา