ตอนที่ 715 อาบเลือดสู้
การฝึกฝนไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ทุกๆ ย่างก้าวของกระบวนการฝึกเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อต้องทนเจ็บปวด ทั้งหมดนี้ฝังแน่นมากับการเติบโตก้าวหน้าของถังเทียน และถ้าให้เขาเลือกวิธีฝึกการฝึกฝนที่เจ็บปวดที่สุดนั่นก็คือวังวนพายุกระบี่แน่นอน
นอกจากอดทนขะมักเขม้นแล้วเขาไม่สามารถทำอะไรอื่นได้ในช่วงที่เจ็บปวดสุดจิตสุดใจนี้
กระบวนการทั้งหมดยาวนานจนทำให้ผู้คนขนลุก
แม้แต่ถังเทียนผู้อดทนก็ยังไม่ยอมกลับไปทำเช่นนั้นอีกแน่
กลุ่มดาวหมีใหญ่ค้นคว้าวังวนพายุกระบี่มาเป็นเวลานานแล้ว นอกจากเป็นเพียงวิธีที่ให้ตระหนักถึงร่างพลังกายเป็นศูนย์แล้ว ถังเทียนยังใช้วังวนพายุกระบี่ทำลายกองทัพได้ แม้แต่เซียนยังไม่สามารถหลบหนีพ้นและแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพต่อสู้ที่ทรงพลัง
แผนการพญาหมีมีอิทธิพลอย่างมากต่อกลุ่มดาวหมีใหญ่และหัวข้อการค้นคว้าวิจัยที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องวังวนพายุกระบี่การก่อตัวของมัน จุดแข็งและจุดอ่อนของมัน ประสิทธิภาพและผลกระทบ ฯลฯ หน่วยสุญญตาปัจจุบันสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะแผนพญาหมี
แต่สิ่งที่พวกเขาใช้นั้นคือวังวนพายุกระบี่ที่มีขนาดเล็กกว่าซึ่งมีผลยังไม่เท่ากับที่ถังเทียนพบเจอ แต่ขณะเดียวกัน ความเจ็บปวดของมันยังน้อยกว่าที่ถังเทียนประสบพบเจอยิ่งนัก
นั่นยังคงพิสูจน์ถึงความเข้าใจวังวนพายุกระบี่ที่กลุ่มดาวหมีใหญ่เข้าถึง
ถังเทียนเองก็สนใจในวังวนพายุกระบี่ซึ่งสามารถทำลายกองทัพศัตรูทั้งหมดด้วยพลังทำลายล้างของมัน ต่างจากเซียนที่ไม่กล้าตอบโต้ต่อสู้กับกองทัพโดยลำพังมันคุ้มค่าที่จะตรวจสอบดู
แต่การค้นคว้าในแผนการพญาหมีต่อมาพิสูจน์ได้ว่าหากจำเป็นต้องผลิตวังวนพายุกระบี่ให้ใหญ่ได้ขนาดนั้นจะเป็นเรื่องอันตรายมากและความเครียดในการควบคุมนั้นมากขึ้น ต่อให้เป็นถังเทียนเองก็ตามถ้าไม่ใช่เพราะเขาเคยอยู่ในสภาวะที่อันตรายรุนแรงขนาดนั้นมาก่อน และเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทนได้ด้วย
เมื่อถังเทียนเห็นวิชาสังหารที่เบนสันใช้มีความรุนแรงคล้ายกับวังวนพายุกระบี่ เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม
แดนบาปเป็นที่ไม่มีพลังงานและเนื่องจากสิ่งอย่างนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้กฎ จำเป็นต้องมีพลังทางกายด้วย
แม้แต่ถังเทียนก็ยังยอมรับว่าเขาไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้
แต่ถังเทียนยังเห็นโอกาสของชัยชนะ
ไม่มีใครคุ้นเคยกับวังวนพายุกระบี่เท่ากับเขาแล้วไม่เพียงแต่เพราะเขาอยู่ในนั้นมาสองสามเดือน แต่ยังเป็นเพราะข่าวกรองและข้อมูลที่ทุกคนรวบรวม แก่นกลางของมัน ข้อมูลของมัน วิธีทำลาย ทุกอย่างถังเทียนรู้ราวกับลายเส้นบนมือ
ต้องการทำลายพายุหมุนเขาต้องทำลายตาพายุ
บางทีคนธรรมดาคงจะคิดว่าตาพายุหมุนก็คือจุดดำในมือของเบนสัน แต่ถังเทียนรู้ว่าไม่ใช่ จุดดำเป็นต้นกำเนิด แต่ตาพายุอยู่ใต้เบนสันและเป็นไปตามตำแหน่งก็ควรจะเป็นพื้นราบว่างเปล่าด้านหลังประตูป้อม
ตราบใดที่เขาโจมตีใส่ตาพายุ พายุหมุนที่ยื่นขยายขึ้นไปในท้องฟ้าก็จะถูกทำลาย
แต่แม้ว่าจะรู้ตำแหน่งของตาพายุก็ตามคิดจะทำลายให้ได้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า
ยิ่งเข้าใกล้ตาพายุความเร็วของลม พลังของดาบลมยิ่งมากขึ้นและดาบลมเหล่านั้นพรางอยู่ในจุดที่จะกลายเป็นผนังดาบซึ่งแข็งยิ่งกว่าเหล็ก ประตูบานใหญ่ของป้อมได้รับการติดตั้งใหม่และเห็นได้ชัดว่าแข็งกว่าและหนากว่าของเดิมและสีของประตูดูแตกต่าง
ถังเทียนคาดการณ์ถูกหลังจากครั้งสุดท้าย ประตูถูกเปลี่ยนเป็นประตูที่ทำด้วยหินเหล็กดำหนาเกินกว่าหนึ่งเมตร ทุกครั้งที่เปิดหรือปิดประตู จำเป็นต้องใช้ยามที่เป็นยอดฝีมือเกินกว่าสิบทุ่มกำลังจึงจะสามารถเคลื่อนประตูได้
ประตูเหล็กดำที่หนาเมตรกว่ายาวถึง220 เมตร
แรงกดดันสายลมแข็งแกร่งมากทำให้พื้นที่โดยรอบปั่นป่วน และถ้าวิชาพรางของตระกูลผิงถูกใช้จะเกิดปัญหาได้ง่ายๆ ‘ยาวถึง 220 เมตร พอๆ กับคูเมือง
‘แต่ ข้าไม่มีทางเลือก’
ถังเทียนยังคงไม่มีเวลาคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่น
เขาสูดหายใจลึกและย่อเอวตั้งท่านั่งม้ารั้งหมัดกลับมา
รัศมีแสงนับไม่ถ้วนเริ่มขดรวมกันอยู่ที่หมัดขวาของเขาเหมือนสายฟ้าสีรุ้ง อากาศรอบตัวเขานิ่งทันทีราวกับว่าถูกตรึงเอาไว้
เบนสันผู้อยู่บนอาคารรู้สึกได้ถึงบางอย่างและมองลงมาด้วยแววตาเหลือเชื่อ เขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงดาบพายุที่บินเข้าหาบุรุษหน้ากากผี
‘เป็นไปไม่ได้...’
เบนสันตกใจอยู่ครู่หนึ่งเขาไม่อยากจะเชื่อ สถานการณ์แบบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อพายุหมุนรู้สึกถึงบางอย่างที่สามารถคุกคามมันได้ พายุหมุนสร้างขึ้นมาจากกฎธรรมชาติ และตระหนักได้ถึงการใช้ความได้เปรียบและหลีกเลี่ยงอันตาย
วิ้ว.. วิ้ว วิ้ว!
พื้นที่รอบตัวถังเทียนมืดมิดดาบพายุนับไม่ถ้วนคลุมเต็มท้องฟ้าและทะลักเข้าหาเขา ดาบพายุทั้งหมดก่อตัวเป็นมวลมากมายหนาแน่น เหมือนกับพยายามจะแยกสายใยแสง
แรงกดดันถังเทียนเพิ่มขึ้นทันที แต่เขาไม่ตื่นเต้นขณะที่พายุหมุนรู้สึกได้ถึงอันตรายที่มาจากเขา ในการค้นคว้าวิจัยของโครงการพญาหมี พายุหมุนขนาดใหญ่จะมีความสามารถปรับตัวที่แข็งแกร่งและจะตระหนักได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่คุกคามมันได้
พวกเขายังคิดกันว่าเป็นเพราะพลังงานหนาแน่นที่เกี่ยวข้องอยู่ในวังวนพายุกระบี่และเป็นเพราะการรวบรวมเศษพลังวิญญาณ แต่ใครจะรู้กันว่าพายุหมุนของเบนสันในแดนบาปจะมีลักษณะที่แปลกประหลาดเช่นนั้น
ติง ติง ติงประกายไฟแล่บแปลบปลาบ
อากาศที่ควบแน่นและนิ่งดูเหมือนกระจกโปร่งใส แตกสลายด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ดาบสายลมทั้งหมดมีพลังเต็มเปี่ยม และมีคุณภาพมากขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ พื้นที่รอบตัวถังเทียนดูเหมือนจะแตกก่อนหน้าดาบสายลม
ร่างของถังเทียนสั่นโดยไม่ตั้งใจ
หมัดเทพเจ้ามีความสามารถในการแช่แข็งมิตินี่คือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เพราะหมัดเทพเจ้าจะดึงดูดสายกฎธรรมชาติในพื้นที่แต่การแช่แข็งพื้นที่ใจปัจจุบันกลับสลายไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะอยู่ในสมดุลอย่างน่าอัศจรรย์ หมัดเทพเจ้าสามารถดึงเอาสายใยกฎธรรมชาติมาได้และทำให้พื้นที่ถูกแช่แข็ง แต่ตอนนี้พื้นที่หนืดข้นกลับถูกทำลายและพลังหมัดของถังเทียนอ่อนกำลังลงไปมาก
นับเป็นครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้กับตาตั้งแต่เขารู้แจ้งหมัดเทพเจ้า
แต่ก่อนทุกครั้งที่เขาต่อยหมัดออกไปครึ่งทาง เขาจะหมดสติ แต่ทุกครั้งรังสีหมัดของเขาจะไหลลื่นมาก เพราะการฝึกของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและวิชาหมัดพื้นฐานของเขาได้กลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว พรสวรรค์ของเขาในการสร้างเครื่องหมายต่างๆอาจจะน้อยลง แต่พลังของหมัดของเขามักจะมีคุณภาพสูงสุดเสมอ
นี่คือจุดแข็งแกร่งที่แท้จริงของหมัดเทพเจ้าของเขา
แต่ขณะนั้นเองเขารู้สึกได้จริงว่าไม่สามารถควบคุมหมัดของเขาได้ สายใยกฎที่คลุมหมัดขวาของเขากลับกระสับกระส่ายและดิ้นรนให้เป็นอิสระจากแรงเหวี่ยงของหมัด
ความสนใจของถังเทียนมีอยู่เฉพาะหน้า สายตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่หมัดซึ่งเขากำลังรั้งกลับ รูปแบบนับไม่ถ้วนซึมกลับเข้าไปในร่างของเขาทำให้เขาสั่นมากขึ้น แต่หมัดของเขายังคงมั่นคง
ดาบสายลมใกล้เข้ามาหาเขาทุกทีและรายล้อมอากาศที่ถูกแช่แข็งรอบตัวซึ่งกำลังละลายหายไปเหมือนกับน้ำแข็งที่พบเจออากาศร้อน
จู่ๆร่างของถังเทียนสั่นทันที ดวงตาของหน้ากากผีสีเขียวและดำพลันสว่างเจิดจ้า
ดาบสายลมเข้ามาใกล้ทุกทีเหมือนกับคมเคียวเกี่ยวชีวิตของมัจจุราชแทบจะสัมผัสปลายจมูกของถังเทียน แต่ถังเทียนยังคงลืมเลือนไปทั้งหมด เพ่งสมาธิทั้งหมดอยู่กับหมัดของเขา
พลังในหมัดของเขาค่อยถูกรั้งกลับมาจนเต็ม
รังสีสว่างบนหมัดขวาแพราวพราวหลากหลายสีสัน
ฉัวะ..รังสีดาบสายหนึ่งฟันใส่ไหล่ของถังเทียน เลือดพุ่งในอากาศและกลายเป็นละอองโลหิต
ตาของหน้ากากผีสีเขียวและดำสีเขียวดำปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าเหมือนจะทะลุผ่านม่านพลังสายลม บุรุษหนุ่มหลังหน้ากากยิ้ม
‘หมัดนี้ดึงกลับมายากมาก แต่ต้องทุ่มเทสมาธิมากเป็นประวัติการณ์จึงทำให้ก้าวหน้าได้อีกครั้งหนึ่ง
พลังของหมัดที่สะสมพลังไว้เต็มเปี่ยมพร้อมจะปล่อยออกไป
ดาบสายลมในพื้นที่พลันอ่อนกำลังหมัดหลากหลายสีเข้าไปในพายุ
ดาบสายลมที่สามารถตัดกระบี่ได้ได้แต่ปะทะกับหมัดอย่างอย่างไม่ได้ สายใยกฎธรรมชาติปะทะกันเองและก่อให้เกิดผลกระทบที่อันตราย
มันเหมือนกระสุนที่ไฟเผาถูกยิงใส่หิมะ
ที่ใดก็ตามที่รังสีหมัดกวาดผ่านจะทิ้งรอยทางขนาดใหญ่ไว้
ทั่วทั้งตัวของถังเทียนเจ็บปวดอย่างหนักเพราะไม่ต้องการให้รังสีหมัดได้รับผลกระทบ เขาใช้ร่างกายทั้งหมดอดทนต่อพลังโจมตีจากดาบสายลมที่ผ่านมิติแช่แข็งออกมา แต่ขณะนั้นเขาไม่กล้าพัก เพราะเขารู้ว่าโอกาสจะหายวับไปได้
เส้นทางว่างเปล่าที่หมัดสร้างขึ้นจะคงอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ
ฉวยโอกาสที่พื้นที่มั่นคงถังเทียนรีบเคลื่อนไหวและปรากฏในระยะห่าง60 เมตร ทางที่สร้างไว้พังทลายต่อเนื่อง ดาบสายลมนับไม่ถ้วนบินและกวาดเข้ามารอบทิศ
ความรู้สึกถึงอันตรายรุนแรงครอบคลุมตัวถังเทียน แต่ถังเทียนไม่ตื่นเต้นเขาตวาดทันทีและปล่อยหมัดอีกครั้งหนึ่ง
ปัง!
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาบสายลมถูกแบ่งอย่างรุนแรงและแช่แข็งได้อย่างสมบูรณ์
ร่างของถังเทียนสั่น แต่ครั้งนั้นเขาเตรียมตัวไว้แล้วไม่ยอมให้หมัดของเขาได้รับผลกระทบ
อีกหมัดหนึ่ง!
รังสีหมัดที่สร้างขึ้นมาเหมือนกับปืนใหญ่ที่ยิงใส่พายุทิ้งเป็นทางเดินวงกลมไว้ด้านหลัง
ถังเทียนใช้ทางนั้นพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
54 เมตร
ถังเทียนเงื้อหมัดและต่อยออกไปอีกครั้ง
45 เมตร
ถังเทียนปล่อยหมัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อรอยแผลถูกกรีดปรากฏบนตัวเขานับไม่ถ้วน ทำให้เลือดเขาพุ่งออก หมัดเทพเจ้าลดพลังความแข็งแกร่งไปมาก นอกจากนั้นเขาต้องอดทนต่อพลังโจมตีรุนแรง ความแข็งแรงทางกายของถังเทียนใกล้จะหมดลง ร่างของเขาจะไม่สามารถฝืนปล่อยหมัดออกไป และเขาจะบาดเจ็บสาหัส
เบนสันที่กำลังตกใจหนักก็ถอนหายใจโล่งอกได้ในที่สุด แววเหลือเชื่อปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ‘วิชาหมัดอย่างนั้นมีอยู่ในโลกได้ยังไง? นั่นคือหมัดแบบไหนกัน ถึงได้ดึงสายใยกฎในพื้นที่เข้ามาอยู่รอบมันได้อย่างนั้น?’
ต่อหน้ารังสีหมัดที่แปลกและแพรวพราว พายุดาบสลาตันของเขาอ่อนแอลงเหมือนกระดาษทำให้เบนสันแทบไม่เชื่อสายตาของเขา
จนกระทั่งเห็นถังเทียนหลั่งเลือดทั่วตัวจึงทำให้เขาถอนหายใจโล่งอก ‘วิชาหมัดน่ากลัวขนาดนั้นยังมีการจัดเรียงที่บกพร่อง ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาจึงใช้มันเป็นครั้งสุดท้ายเล่า?’
‘เป็นไปตามคาด ความอ่อนล้านั้นต้องไม่ธรรมดา’
‘เมื่อสูญเสียพลังตรงนี้ เขาไม่มีโอกาสชนะแล้ว’
แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง เบนสันไม่รู้สึกยินดีในชัยชนะ สีหน้าเขาแข็งกระด้างฝ่ามือซ้ายเต็มไปด้วยเหงื่อ
หยดเลือดกระเซ็นผ่านหน้ากากผีเขียวดำ ขณะที่เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งรอบตัวถังเทียนหยุดนิ่งและเขาอยู่ในอาการงงงวย
‘จะจบอย่างนี้...’
แต่ในช่วงเวลาต่อมา ดวงตาภายใต้หน้ากากผีพลันมีแสงลุกโชน กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขาเริ่มขยับตึง เขาตะโกนลั่นและก้าวเดินอีกครั้งละอองเลือดในอากาศพุ่งเข้าหาเขาทันที
‘ไม่!”
‘จะจบลงแบบนี้ได้ยังไง?’
‘ถังเทียน เจ้าขี้ขลาดหรือ? มากลัวเอาเดี๋ยวนี้หรือ? เจ้าคิดจะถอยหรือ?’
หัวใจของเขากู่ร้องกึกก้อง เขาเป็นเหมือนราชสีห์พิโรธถามตนเองอย่างต่อเนื่อง ตาของเขาเป็นประกายแดง เส้นเลือดปูดโปน
‘เจ้าบอกไว้ก่อนแล้ว ต่อให้เจ้าตาย เจ้าจะช่วยทุกคนให้ได้ก่อน!’
‘ถ้าเจ้าไม่กลัวแม้แต่ความตาย ทำไมเจ้าถึงมากลัวตอนนี้เล่า?’
เขาเงยหน้าขึ้นตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิง หน้าหลังหน้ากากของเขาดูน่ากลัวมาก เขาเงื้อหมัดอีกครั้งทันทีหยดเลือดนับไม่ถ้วนกระเซ็นผ่านหน้าเขาไป เลือดอุ่นๆ ไหลย้อยไปตามแก้มเข้ามุมปากเขา เขารู้สึกถึงความกระตือรือร้นไม่สิ้นสุด และทั่วทั้งร่างของเขาเหมือนตกอยู่ในเพลิง เขารู้สึกว่าเขาต้องการฉีกพายุหมุนให้ขาด
‘อย่างนี้แหละ!’
‘ใช่แล้ว ต้องอย่างนี้!’
เขาเงยหน้าแล้วตะโกน