ตอนที่ 712 เถี่ยเซียขวัญผวา
เถี่ยเซียลืมตากว้างแสงงดงามแพรวพราวตัดผ่านความมืดสะท้อนรอยยิ้มที่ชะค้างทันที
หมัดมาถึงแล้ว
สายใยกฎธรรมชาติที่แพรวพราวเหมือนสายฟ้าคลุมรอบหมัดและเปล่งรัศมีเต็มที่
ก่อนหน้าที่ก็เป็นสำนึกกระบี่ที่คลุมรอบตัวขาทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีกระบี่จ่อคอของเขาทำให้เขารู้สึกว่าไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยผลีผลาม
แต่ที่ปล่อยออกมาฉับพลันนี้ทำให้วิญญาณของเขาแทบหลุดลอยจากร่างรัศมีที่กว้างไกลดูเหมือนจะมีพลังแข็งแกร่งพอถล่มภูเขาและทำลายมหาสมุทรทำให้อากาศในคลังสินค้าดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ไม่มีฝุ่นฟุ้ง ไม่มีระลอกเกิดขึ้นมาสายใยกฎธรรมชาติหลากหลายสีตัดขวางกันและผสานเข้าด้วยกัน!
การเป็นผู้อื้อฉาวชั้นสองเถี่ยเซียมีประสบการณ์มากมายและฆ่าคนมาหลายคนแล้ว มีน้อยคนนักที่จะสู้กับเขาได้
เขาไม่เคยเห็นหมัดที่น่าทึ่งและน่ากลัวเกินกว่าความรู้สึกสามัญสำนึกของเขา
ในเขตแดนระหว่างเป็นและตาย สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดทำให้เขาทำสิ่งหนึ่งนั่นคือย่อตัวตามสัญชาตญาณ เขาไขว้มือและป้องกันไว้ข้างหน้า ไหล่ของเขาเป็นสีดำแปลกประหลาด สายใยธรรมชาติกฎสีดำปรากฏออกมาจากมือของเขาและพุ่งออกมาข้างหน้า รวมตัวขึ้นเหมือนหมอก
เกราะมือดำสนิทปรากฏที่มือของเขาป้องกันเขาไว้ข้างหน้า
สายใยกฎธรรมชาติที่ปนกันยุ่งเหยิงอยู่บนหมัดปะทะใส่เกราะดำโดยตรง
ปัง
เสียงไม่ดังเท่าใด แต่ในหูของเถี่ยเซีย เหมือนกับมีฟ้าผ่า
พลังผ่านการป้องกันของเขาไปทำให้ลำคอของเถี่ยเซียหวานวูบและเขากระอักโลหิตทันที
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตราย แต่เถี่ยเซียก็ไม่ยอมแพ้ใช้แรงเหวี่ยงถอยต่อเนื่อง เขาไม่มีความคิดเลยว่าจะสู้ต่อไปอย่างไร และมีเพียงความคิดเดียวอยู่ในใจนั่นคือหนี!
พลังของคู่ต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถป้องกันได้
ผิวเกราะดำมีสายใยกฎหลากสีและประหลาดเกิดเป็นรูปใยแมงมุมที่มีสีแปลกประหลาด
เป๊าะ
เกราะดำร่วงกราว ราวกับว่าถูกโจมตีด้วยพลังรุนแรงและเขากระอักโลหิตออกมาอีก
แม้หลังจากกระอักโลหิตออกมาสองครั้ง ความเร็วของเถี่ยเซียก็ยังไม่ตก แต่กลับเร็วขึ้น เขาเหมือนเงาดำที่ผุดขึ้นและมุ่งหน้าไปที่หน้าต่าง
‘หนีไปเดี๋ยวนี้!’
ใจของเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความคิดนี้เท่านั้น มียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ในคลังสินค้าตระกูลเซวียจริงๆ!
‘ใครวะ,บอกว่าบ้านตระกูลเซวียไม่มียอดฝีมืออยู่เลย?’
เถี่ยเซียไม่มีความตั้งใจใดๆ จะต่อสู้ต่อไป เขารู้ว่าเขาพลาดท่าไปแล้วในเวลานี้และต้องรักษาชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยเสียก่อน เลือดในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นในระดับสูงสุด เขาไม่สนใจว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บและใช้วิชารักษาชีวิตรอดขณะพยายามหลบหนี
หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ตาของเขาซึมเซาผิวหม่นหมอง
แรงโลหิตทะลักเป็นเหมือนลาวาปะทุกึกก้องอยู่ในร่างกายของเขา ขณะนั้นพลังของเขาบรรลุพลังในระดับที่เกินปกติ และเขามีความแข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ เขาไม่กล้าลังเลขณะตรงไปที่หน้าต่าง
แสงส่องผ่านหน้าต่างดูหลอกล่อนัยน์ตาของเขา ตราบใดที่เขาผ่านไปได้ เขาจะรอด
‘ตาของเขาหรี่แคบอีกครั้ง!’
ร่างดำปรากฏอยู่หน้าเขาโดยไม่มีคำเตือน และบดบังแสงไว้
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างส่งต้องหลังร่างสีดำนั้น เถี่ยเซียเห็นแต่เพียงโครงร่างของคนที่อยู่ข้างหน้าเขา หน้าของอีกฝ่ายหนึ่งปกคลุมไปด้วยเงา เถี่ยเซียมองไม่ชัดเจนว่าเขาเหมือนอะไร
หัวใจของเถี่ยเซียเย็นเฉียบ
‘ข้าเป็นตัวตลกจริงๆ...’
เมื่อคิดถึงตอนที่เขาเข้ามา อีกฝ่ายหนึ่งหลับและกรนเสียงดังจริงๆ เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ‘เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าก็ยังแกล้งหลับทำตัวเป็นหมูกินเสือเพื่ออะไร! เพื่ออะไรกัน! ทำไมเจ้าไม่ให้ข้าหนีไปเสียที!’ เขาอยากร้องไห้
เถี่ยเซียตาแดง
เขาพลิกตัวในกลางอากาศอย่างแปลกประหลาด เขาพุ่งไปที่ประตูอีกครั้งราวกับธนูที่พุ่งออกไปอย่างเกรี้ยวกราดความเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นมาก เหมือนเมื่อตอนเขาพุ่งไปที่หน้าต่อเขาเคลื่อนไหวเหมือนกับหอกที่ทำด้วยของเหลว
ทันใดนั้น มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้งขวางทางเถี่ยเซียไว้
ครั้งนี้ ก่อนที่เถี่ยเซียจะสามารถหลบได้ อีกหมัดก็มาถึง
แสงหลากสีสันที่ทำให้ขวัญของเถี่ยเซียแทบกระเจิงจากร่างพุ่งออกมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ โล่ดำของเขาก็ถูกมันทำลายทันทีทำให้เถี่ยเซียรู้สึกขวัญกระเจิงและสิ้นหวัง สายใยกฎพลังทั้งหมดไม่ใช่ระดับสูง และมีเพียงหนึ่งในนั้นหรือสองสามสายใยยังไม่สามารถคุกคามโล่ราตรีของเขาได้
แต่นี่มีเกินกว่าร้อยสายใย!
‘เกิน กว่า ร้อย!’
เถี่ยเซียรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะบ้า เขาไม่เคยพบใครที่สามารถสร้างสายใยกฎธรรมชาติได้ถึงร้อยสายในคราวเดียวกัน!
และที่สำคัญยิ่งกว่า ไม่มีสายใยใดที่ซ้ำกันเลย!
ไม่! มีอยู่หนึ่ง! ที่เหมือนกัน!
สายใยกฎธรรมชาติแตกต่างกันเกินร้อยรูปแบบกัดกร่อนพร้อมกันใครจะป้องกันเจ้านั่นได้? ใครจะทำได้! มดมากมายยังล้มช้างได้ ทหารมากมายย่อมผลักดันและฆ่าขุนพลได้กลุ่มก้อนของทหารสามารถผลักดันและฆ่าขุนพลได้ มันเป็นความโง่เขาที่เอาแต่ใจตน ไม่มีทักษะจะพัฒนา ไม่มีกลยุทธไม่มีความร่วมมือ ไม่มีเหตุผลและไม่มีความยุติธรรม
‘เขา..เขาควรจะเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของทั่วทั้งแดนบาป! นี่จะเป็นไปตามบรรทัดฐาน
‘หนี หนี หนี!’
โล่ราตรีปรากฏขึ้นอีกครั้งฝืนป้องกันการโจมตีและทำให้เขารู้สึกหวานวูบในลำคออีกครั้ง เถี่ยเซียไม่ใจในอย่างอื่นและกระอักโลหิตขณะที่บิดตัวในลักษณะประหลาดพยายามหลบหนีและเปลี่ยนเป็นหมอกเลือดพุ่งขึ้นอากาศ
ถังเทียนประหลาดใจ ศัตรูจอมโกงอย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่าโดนเขาทุบตีจนอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่ยังสามารถหลบหนีพ้นวิกฤติได้
ถังเทียนไม่ค่อยพอใจ
‘ถ้าข้าจำเป็นต้องทุ่มความสามารถมากมายสู้กับหัวขโมยคนหนึ่ง แล้วข้าจะสู้กับเบนสันได้ยังไง? ข้าควรใช้ท่าเดียวเพื่อรับมือขโมย’ แม้ว่าขโมยที่อยู่ต่อหน้าเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าผิงเสี่ยวซาน แต่สำหรับถังเทียนคนที่เลือกใช้ชีวิตขโมยจะเป็นคนโดดเด่นได้ยังไง?
ฮึ่ม!
ถังเทียนผู้รู้สึกไม่สบายใจเอาจริงทันที เขามองดูเถี่ยเซียที่พุ่งไปที่หน้าต่าง แต่ไม่มีความตั้งใจจะไล่ตามเขา
เขาก้าวเท้าซ้ายออกไปครึ่งก้าวย่อเอวต่ำและเหยียดมือซ้ายออกไปข้างหน้า นิ้วมือขวารวบแน่น เหมือนกับว่ากำลังเหนี่ยวธนู เขาค่อยๆ สะสมพลัง
เครื่องหมายวิชาหมัดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของถังเทียนเหมือนไฟกระพริบซี่.. ซี่... ซี่... แม้แต่สายใยกฎธรรมชาติมากมายก็รวมอยู่ในหมัดขวาของถังเทียน
ด้วยท่าย่อตัวต่ำในท่านั่งม้า พลังในหมัดของเขาเต็มเปี่ยม
บรรยากาศในคลังสินค้าหนาแน่นสุดขีด
เมื่อเห็นว่าหน้าต่างอยู่ห่างจากเขาสองเมตร เถี่ยเซียดีใจตราบใดที่เขาออกไปได้ เขาจะมีวิธีการหลบหนีเป็นพัน ทันใดนั้นร่างกายของเขาเฉื่อยชาลง เขาสีหน้าเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในบรรยากาศรอบตัวเขาทำให้เขารู้สึกกังวล ความหนาแน่นถึงระดับใหม่อากาศรอบตัวเขาเหมือนกับกาวเหนียว
แรงดึงดูดที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นเหมือนกับมีพายุหมุนดึงดูดอยู่ด้านหลังของเขา
เถี่ยเซียผู้ใช้ชีวิตบนขอบเหวชีวิตมานับปีไม่ถ้วนมีความรู้สึกแหลมคมต่ออันตรายเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
ในขณะนั้นนั่นเอง เขาตัดสินใจเรียบร้อย
เขาใช้พลังโลหิตที่ยังเหลือในตัวพลิกร่างของเขาและเขาเป็นเหมือนขนมปังแผ่นเหยียดแขนขาทั้งหมดแนบพื้น เขาซบหน้าลงกับพื้น
“ข้าน้อยขอยอมแพ้!”
ผิงเสี่ยวซานกลับมาที่ร้านเหล้าในโรงแรมกำลังดื่มเหล้า สายตาของเขาเหลือบมองไปรอบๆ เขาจำได้ถึงภารกิจของเขา แต่ไม่ง่ายเลยในการหาตำแหน่งของนักโทษจากตระกูลต่างๆ
นอกจากนี้ การกระทำที่สร้างความแตกตื่นของเจ้านายของเขาเมื่อสองวันที่ผ่านมาทำให้ตระกูลมัวร์โกรธแค้นและคุกคามตระกูลอื่นทั้งหมดในฐานะศัตรู การไล่ถามข้อมูลที่อ่อนไหวจะดึงดูดความสนใจของตระกูลอื่นได้ ผิงเสี่ยวซานรู้ความสามารถของตนเองดี ตระกูลยิ่งใหญ่เหล่านี้แค่ยื่นนิ้วออกมาก็สามารถบดขยี้เขาได้เหมือนมด ดังนั้นการหาเรื่องลำบากให้ตัวเองจะนำความตายมาสู่เขาได้ง่ายๆ
นั่นคือเหตุผลให้ผิงเสี่ยวซานระมัดระวังสุดขีด
เขาไม่มีทางเลือก ต้องระมัดระวังอย่างหนัก
ขณะนั้นเสียงพูดคุยที่โต๊ะใกล้เคียงดึงดูดความสนใจของเขา
‘ตระกูลหลูแห่งเมืองม้าบิน? บ้านตระกูลเซวีย?’
เมื่อคิดเรื่อที่เจ้านายหน้ากากผียังคงอยู่ในบ้านตระกูลเซวีย เขาหูผึ่งทันที
“ครั้งนี้ผู้นำเจรจาพูดคุยก็คือหลูหลิงหนาน, เป็นผู้เยาว์ที่มีชื่อเสียงที่รู้จักดีในตระกูลหลูรุ่นปัจจุบัน ตระกูลหลูแห่งเมืองม้าบินคือตระกูลที่แข็งแกร่งมากกว่าตระกูลฉินหลูหลิงหนานพยายามอย่างหนักจริงๆ จนสามารถรับเถี่ยเซียเข้ามาทำงานได้!”
“เถี่ยเซีย? ตายจริง! นี่เจ้ากำลังพูดถึง คนโฉดชั้นสองเถี่ยเซีย!”
‘คนโฉดชั้นสอง! คำพูดนี้ทำให้แก้วเหล้าในมือของผิงเสี่ยวซานถึงกับสั่น
“เป็นเขา คนโฉดชั้นสองเขาเป็นคนน่ากลัวอย่างแท้จริง เมื่อเขาได้ร่วมเข้าทำงาน เขาจะต้องเป็นนักสู้ที่น่ากลัวแน่นอน เขาไม่มีชื่อเสียงมาก่อนจะอายุสามสิบปี หลังจากนั้นเขาได้รับตกทอดวิชากระแสราตรีและพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำได้ว่าวิชากระแสราตรีเป็นวิชาของจั่วซือถูคนโฉดชั้นหนึ่ง! เทียบกับกฎราตรีเหมาะกับนักฆ่าในยามราตรีและในเงามืดไม่มีใครรู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่กี่คนแล้วที่ต้องตายในเงื้อมมือของเถี่ยเซีย...”
เมื่อได้ยินเรื่องกระแสราตรีมือของผิงเสี่ยวซานสั่นอีกครั้ง
เขาเคยได้ยินชื่อที่น่ากลัวของจั่วซือถูมาก่อน จะมีสมาชิกของผู้อื้อฉาวชั้นหนึ่งเพียงสิบสองคน และทุกคนคือเสาหลักของโลกใต้ดิน สำหรับเถี่ยเซียเพียงแต่ได้รับตกทอดจากจั่วซือถูอย่างนั้นบ้านตระกูลเซวียตกอยู่ในความลำบากเสียแล้ว
*********************
“นี่คือกระแสราตรีหรือ?” ถังเทียนจ้องมองเถี่ยเซียผู้ถูกมัดจนดูเหมือนลูกซาลาเปาด้วยอารมณ์ไม่พอใจ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เป็นการเปลืองทรัพยากรใช้ไหมทองมัดคนๆ หนึ่งแต่ก็น่าเชื่อถือแน่นอน
เถี่ยเซียพยักหน้าทันที เขาอ่อนน้อมเหมือนกับแพะเชื่อง เขาไม่มีความคิดจะหลบหนีอีกต่อไป เมื่อหานปิงหนิงปรากฏตัวจากเงามืด เขายิ่งตกใจหนักขึ้น เขาจำข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองจื่อจวนทันทีบุรุษหน้ากากผีผู้ใช้ธงโลหิตชิงตัวสุภาพสตรีจากหน่วยสุญญตามาจากหน้าดำเบนสัน ก่อนจะจากไป สตรีผู้นั้นใช้สำนึกกระบี่
หน้ากากผี!
บุรุษหนุ่มข้างหน้าเขาก็คือบุรุษหน้ากากผีแห่งหน่วยสุญญตา!
นางงามน้ำแข็งที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็คือสุภาพสตรีที่บุรุษหน้ากากผีช่วยไป เถี่ยเซียจำชื่อนางได้ทันที หานปิงหนิงแห่งหน่วยสุญญตา
เมื่อเขาเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง เขาเกือบร้องไห้
‘ตระกูลเซวียไม่มียอดฝีมือ?’
‘ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลควรถูกสับให้เป็นชิ้นๆ! พวกเขามีคนที่สามารถชิงตัวคนจากเงื้อมมือเบนสันได้ ข้าเข้ามาตกอยู่ในเงื้อมมือคนผู้นั้นอย่างโง่ๆ บ้าจริงๆนี่มันไม่ยุติธรรมเลย’
คนฉลาดยอมรับสถานการณ์ คนจะมีความมั่งคั่งเพียงไหน ก็ขึ้นอยู่กับจะใช้ความมั่งคั่งยังไง แต่พลังอำนาจจะไม่มีทางผิดพลาด
เถี่ยเซียปรับสภาพใจให้ถูก เขาซื่อสัตย์และว่าง่ายขึ้นมาทันทีแม้ว่าถังเทียนจะมัดเขาหนาแน่นยังไงก็ตาม เขาเลิกใช้วิชากระแสราตรี เถี่ยเซียไม่ลังใจ ชีวิตของเขาอยู่ในเงื้อมมือคนอื่น ถ้ามัวแต่เล่นลูกไม้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ครั้งล่าสุดถังเทียนได้ประโยชน์จากผิงเสี่ยวซาน ดังนั้นเขาตัดสินใจใช้วิธีเดิมกับเถี่ยเซีย แต่หลังจากทำความเข้าใจวิชากระแสราตรีแล้ว เขารู้ว่าไม่ใช่กฎธรรมชาติราตรีไม่เด่นชัด แต่พลังของมันความจริงแข็งแกร่งกว่าวิชาพรางตัวของผิงเสี่ยวซาน แต่สำหรับเขา มันมีข้อจำกัดหลายอย่างเกินไป วิชาอำพรางตระกูลผิงเป็นวิชาที่แตกแขนงมาจากกฎธรรมชาติอวกาศ ดังนั้นจึงมีศักยภาพมากว่าและครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางและลึกกว่า
ตัวอย่างเช่นถังเทียนสามารถสร้างวิชาเพื่อพัฒนากฎจากการปรับแต่งวิชาอำพรางตระกูลผิงได้ ดังนั้นพลังของมันจะทรงพลังมาก และขณะที่เขารู้แจ้งและเข้าใจกฎธรรมชาติอวกาศมากความก้าวหน้าเกี่ยวกับพื้นที่อวกาศก็สูงล้ำมาก
นั่นคือเหตุผลที่ถังเทียนไม่มีความสนใจในวิชากระแสราตรี
ปกติหันปิงหนิงก็ไม่สนใจอยู่แล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่สบายใจของถังเทียน เขาใจตก เขาพูดขึ้นทันที “นายท่านตระกูลหลูจะไม่ปล่อยเรื่องไว้อย่างนี้แน่นอน เราต้องเตรียมการ นับแต่นี้ผู้น้อยจะขอติดตามรับใช้นายท่าน ตราบใดนายท่านออกคำสั่งต่อให้ลุยไฟ ลำบากแค่ไหน..”
“ตระกูลหลู?” ถังเทียนสับสน แต่หลังจากได้ยินคำพูด ‘ยากลำบาก’ตาถังเทียนเป็นประกาย เขาตบไหล่เถี่ยเซียและพูดดังๆ “ดี!”
เถี่ยเซียสั่น เขายิ้มอย่างภักดีทันที
จากนั้นถังเทียนดึงเถี่ยเซียไปที่กองหินเหล็กดำแก้ไหมทองบนตัวออกแล้วสั่ง “มั่นใจได้ว่าเจ้าจะทุบหินกองนี้ได้หมด ทำให้ดีล่ะ”
เถี่ยเซียตะลึง