ตอนที่แล้วตอนที่ 710 คนจากตระกูลหลู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 712 เถี่ยเซียขวัญผวา

ตอนที่ 711 เถี่ยเซียคนโฉด


ตระกูลฉิน

ฉินจื่อซานก้มหน้าอยู่ต่อหน้าจงเจิ้งเยียนเหม่ย  มือของเขากำลังกำแน่น  เขาไม่เคยคาดเลยว่าลุงของเขาจะยกตระกูลเซวียให้กับตระกูลหลู เมื่อคิดว่าแม่นางหมิงจูจะต้องตกไปอยู่ในมือที่ชั่วร้ายของตระกูลหลู  เขารู้สึกเหมือนมีมีดกรีดหัวใจ  และตาของเขาแดงก่ำ

จงเจิ้งเยียนเหม่ยมองดูหลานชายและหัวเราะ  ‘เขายังเด็ก’

แม้ว่าสี่ขุนพลจะไม่ได้ใช้แซ่ฉิน แต่พวกเขาก็มีสถานะเป็นที่นับถือในตระกูลฉิน และศิษย์ในตระกูลฉินทั้งหมดจะต้องทักทายต้อนรับเขาด้วยมารยาทของผู้เยาว์

“จื่อซาน! ข้ารู้ว่าเจ้าชอบพอแม่นางหมิงจู”  จงเจิ้งเยียนเหม่ยไม่หลบเลี่ยงความสงสัย  แต่เขาพูดอย่างนุ่มนวล “ตระกูลหลูใช้นักโทษหน่วยสุญญตาสองร้อยคนในการแลกเปลี่ยนกับตระกูลเซวียจื่อซานเจ้าบอกข้าที เราควรจะทำการแลกเปลี่ยนนี้หรือไม่?”

ทันใดนั้นฉินจื่อซานเงยหน้าขึ้น เขาเต็มไปด้วยความตกใจ  ปากของเขาอ้าค้างแต่ไม่มีคำพูดออกมาแม้แต่คำเดียว

เขาไม่เคยคาดเลยว่าตระกูลหลูจะยินดีแลกเปลี่ยนนักโทษหน่วยสุญญตากับตระกูลเซวีย!

ตั้งแต่บุรุษหน้ากากผีตะโกนคำว่าหน่วยสุญญตาหมีใหญ่นักโทษทุกคนก็มีฉายาพิเศษ นักโทษหน่วยสุญญตา  กลุ่มนักโทษหน่วยสุญญตานี้มีร่างกายที่มีคุณสมบัติโดดเด่น  และที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือพวกเขาไม่มีพลังงานอยู่ในร่างกายเลย ผู้คนสงสัยว่านักโทษหน่วยสุญญตาแท้จริงมาจากแดนบาป  ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่มีพลังงานอยู่ในร่างกายของพวกเขาเลย?

ลึกลงไปในแดนบาปยังมีอยู่อีกหลายสถานที่ซึ่งไม่มีผู้ใดกล้าย่างเท้าเข้าไป  ตระกูลต่างๆที่ถูกเนรเทศในแดนบาปมาเกินร้อยปีได้ก่อร่างสร้างตัวเอง  พวกเขาไม่เหลือพลังจะย่างเท้าเข้าไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก

แต่ยังมีประโยชน์ที่สามารถยืนยันได้  ไม่ว่านักโทษหน่วยสุญญาตาจะมาจากไหนก็ตาม นับเป็นการทดแทนตระกูลต่างๆของแดนบาปได้ดีที่สุด  นอกจากนี้ ร่างกายของพวกเขายังมีความโดดเด่นมาก  แม้จะน่าหงุดหงิดไปนิดแต่พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ระดับสูง

พวกเขาไม่เชื่องเชื่อและป่าเถื่อนไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับพวกเขา

ด้วยรางวัลปัจจุบัน นักโทษหน่วยสุญญตา 200คนมีค่ายิ่งกว่าตระกูลเซวีย นักโทษสองร้อยคน ตราบใดที่สามารถรับพวกเขามาดูได้ก็สามารถเปลี่ยนสถานะและความแข็งแกร่งของตระกูลได้

แม้ว่าตระกูลเซวียจะสร้างผลิตภัณฑ์ป้องกันที่โดดเด่น  แต่มักจะมีผลิตภัณฑ์ทดแทนพวกเขาในแดนบาปอยู่เสมอ

และแม้แต่ฉินจื่อซานก็ไม่สามารถปฏิเสธการแลกเปลี่ยนนั้นได้

เมื่อเห็นฉินจื่อซานมีสีหน้าอ้ำอึ้งพูดไม่ออก  จงเจิ้งเยียนเหม่ยกล่าว  “สำหรับการแลกเปลี่ยนนี้เราได้ผลกำไรอย่างแน่นอน  นอกจากนี้มิตรภาพกับตระกูลหลูเป็นสิ่งสำคัญต่อตระกูลฉินเรามาก  ด้วยการเป็นพันธมิตรระหว่างตระกูลฉินและตระกูลหลู  นั่นหมายความว่าเมืองจื่อจวนและเมืองม้าบินมีการก่อตั้งความเป็นพันธมิตรนี่จะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือตัวเอง ถ้าสถานการณ์ปั่นป่วนเกินไป  ด้วยความสามารถของเจ้า จื่อซานข้าคิดว่าเจ้าน่าจะมองเห็นผลได้ผลเสียนะ”

ใจของฉินจื่อซานว่างเปล่า หน้าของเขาเขียวสลับขาวดูมีความสับสนอยู่ในดวงตาของเขา  ในฐานะกุลบุตรตระกูลที่ยิ่งใหญ่ เขาเองไม่ใช่คนไร้ประโยชน์และสามารถมองเห็นผลได้ผลเสียชัดเจน

แต่มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น

จงเจิ้งเยียนเหม่ยยืนขึ้นและเดินเข้ามาหาเขา  เขาวางมือบนไหล่ของจื่อซานและปลอบโยนเขา  “ลุงรู้ ว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อเจ้ามากเพียงไหน  แต่วางใจได้ ไม่ว่ายังไงลุงจะหาหญิงงามที่ยิ่งใหญ่ให้เจ้า ข้าได้ยินมาว่าสาวงามในตระกูลหลูงดงามมาก งามมากกว่าหมิงจูเสียอีก  นางยังเป็นคนสุภาพและอ่อนโยน และเข้าใจคนอื่นได้ดี  นางจะสมบูรณ์พร้อมสำหรับเจ้า  ในช่วงเวลานี้นางจะมาเป็นอาคันตุกะของตระกูลฉินเรา จื่อซาน, ทำไมเจ้าไม่ไปชมดูเล่า ถ้าเจ้าชอบนาง  ลุงจะช่วยพูดให้เจ้า

ฉินจื่อซานเดินออกมาจากห้องหนังสือของจงเจิ้งเยียนเหม่ยอย่างผิดหวังสีหน้าของเขาอมทุกข์

“ครั้งนี้ จื่อซานคงต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวด”

มู่เจ๋อเดินออกมาจากชั้นหนังสือ  หน้าของเต็มไปด้วยความอึดอัด

“เด็กหนุ่มไม่ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนั้นเกินไป  พวกเขาจะพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไปได้ยังไง?”  จงเจิ้งเยียนเหม่ยกล่าว  จากนั้นเขาเปลี่ยนหัวข้อ  “ท่านคิดว่าหลูหลิงหนานเป็นยังไง?”

“พยัคฆ์ร้าย!”  มู่เจ๋อดวงตาเป็นประกายชื่นชม  “เขาลื่นไหลมาก และในความเป็นจริงจะป่าเถื่อนและทะเยอทะยานมาก  บุรุษที่อยู่กับเขาน่าจะเป็นเถี่ยเซีย”

“ใช่แล้ว”  จงเจิ้งเยียนเหม่ยผงกศีรษะ  “ข้าไม่เคยคิดเลยว่า คนโฉดอย่างนั้นจะได้รับคัดเลือกให้ทำงานกับเขา  หลูหลิงหนานมีฝีมืออยู่จริงๆ”

“น่าเสียดาย เทียบกับเขาแล้ว จื่อซานยังด้อยกว่าเล็กน้อย”

“ถูกแล้ว”

ทั้งสองคนคุยกันอย่างสบายใจ ฉินจื่อซานเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลฉิน  แต่เมื่อเทียบกับหลูหลิงหนานแล้วยังแตกต่างกันมาก  นั่นช่างน่าเจ็บปวด

เถี่ยเซียคนโฉดเป็นตัวล้างผลาญอย่างแท้จริง มือของเขาชุ่มไปด้วยเลือดหลังจากฆ่าคนมานับไม่ถ้วน  ในแดนบาป ไม่มีคนดีหรือเลว  มีแต่แข็งแกร่งและอ่อนแอ  มีความแข็งแกร่งก็มีสิทธิ์  สามารถรับคนอย่างเถี่ยเซียมาทำงานให้ได้ นั่นพิสูจน์ถึงพลังของหลูหลิงหนาน

********************

ในทั้งบ้านตระกูลเซวียไม่มีใครหลับ และไฟยังสว่างอยู่

“บุรุษที่อยู่ข้างตัวหลูหลิงหนานก็คือเถี่ยเซีย!” เซวียเหยียนผู้รับข้อมูลมามีสีหน้าซีดขาว นางใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมาช่วงเวลาหนึ่ง และความความเข้าใจของนางในเรื่องดังกล่าวดีกว่าสมาชิกตระกูลระดับสูงที่เหลือ  นางข่มความตื่นเต้นในใจนาง “เถี่ยเซียมีชื่อเสียงในเรื่องฆ่าคนมามากมาย  เขามักใช้ชีวิตตามลำพลัง  แต่ใครจะรู้ว่าหลูหลิงหนานจะรับเขามาทำงานด้วยเขาคือคนโฉดชั้นสอง”

“คนโฉดชั้นสอง!” หมิงจูสีหน้าเปลี่ยน

หน้าของคนอื่นขาวซีดด้วยเช่นกัน

ในแดนบาป บุรุษคนหนึ่งที่มีคำว่าคนโฉดอยู่กับตัวเขานั่นเป็นการระบุว่าเขาเป็นคนผู้เชี่ยวในธุรกิจมืดพวกเขาไม่ได้อิงอยู่กับตระกูลชั้นสูงใดและทำงานตามลำพัง  พวกเขาอำมหิตและเจ้าเล่ห์ทั้งหมดจะยินดีกับการปล้น ฆ่า เผา พวกเขาสามารถจะทำอะไรก็ได้  ตามความแข็งแกร่งและชื่อเสียงอื้อฉาวของพวกเขาพวกเขาถูกจัดเป็นชั้นๆ ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสามและชั้นสี่ชั้นหนึ่งจะมีอยู่เพียงสิบสองคนเท่านั้นห่วงโซ่อาหารในแดนบาปแม้แต่ตระกูลใหญ่ก็ยังไม่กล้าเป็นศัตรูกับพวกเขา

ต่ำลงมากว่าสิบสองคนนี้จะเป็นคนโฉดชั้นสอง

ทุกคนพวกที่สามารถขึ้นไปอยู่ในระดับคนโฉดชั้นสองจะเป็นพวกคนโฉดที่มีปะปนอยู่ในทุกมุมของแดนบาป  และไม่มีใครกล้าตอแยพวกเขา  คนโฉดชั้นสามจะเป็นยอดฝีมือทั้งหมดและต้องเป็นที่รู้จัก ในชั้นสี่จะมีคนอยู่เพียง 194 คน

เหตุผลที่ทำให้พวกนางหน้าซีดเป็นเพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งคนโฉดชั้นสี่ผู้โลภในสมบัติตระกูลเซวีย ถ้าไม่ใช่เพราะขุนพลเว่ยหานลงมือด้วยตนเองและไล่ให้คนผู้นั้นหนีไปตระกูลเซวียคงถูกทำลาย  หมิงจูและพวกที่เหลือได้เห็นและประสบกับเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเองเนื่องจากพวกนางได้รับยอดฝีมือผู้ตายได้ง่ายเหมือนตุ๊กตากระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้าคนโฉดชั้นสี่

ผู้คุ้มกันสิบห้าคน มีเพียงคนเดียวที่รอด นั่นโหดร้ายและน่ากลัวเกินไป

ความแข็งแกร่งของยามในปัจจุบันยังไม่อาจเทียบกับในอดีตนั้นได้

หมิงจูขบริมฝีปากแน่น ทำให้มีเลือดซึมออกเล็กน้อย  ความรู้สึกสิ้นหวังครอบงำนาง  ลำพังแค่เถี่ยเซียคนเดียวก็เพียงพอจะกวาดล้างทั่วตระกูลเซวียได้  ในอดีตนางยังได้รับการปกป้องจากตระกูลฉิน  แต่ในปัจจุบันนี้...

‘หลูหลิงหนานจะต้องไม่รามือแน่นอน  เขาคิดว่าจัดการตระกูลเซวียเป็นเรื่องง่าย!

“เราต้องรับคนเพิ่ม!” หมิงจูกล่าวด้วยความมุ่งมั่น เราต้องนำสินค้าของเราและไหมทองมาใช้ดึงดูดยอดฝีมือ!

“พี่หมิงจู!” เซวียเหยียนประหลาดใจที่หมิงจูตัดสินใจยืนกราน

มูลค่าของผ้าทั้งหมดของพวกนางและไหมทองสูงน่าอัศจรรย์

“ในเวลาอย่างนี้ เราทำได้แต่เพียงพึ่งพาตัวเราเอง!”  หมิงจูฟื้นความมั่นใจของนางดวงตาของนางเป็นประกายลุกโชน “ต่อให้เราอ้อนวอนพวกเขา พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยเราไป พวกเขาจะต้องทำให้เราคายความลับหนอนไหมทอง พอถึงเวลานั้นเราจะไม่มีคุณค่าอีกต่อไปและเราจะกลายเป็นของเล่นของพวกเขา แทนที่จะต้องทนทุกข์และอับอายอย่างนั้น ทำไมไม่สู้ตายเล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุภาพสตรีคนอื่นมองหน้ากันเองความกลัวและความแตกตื่นที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกนางค่อยๆ จางหายไป

พวกนางรู้ว่าหมิงจูพูดถูก เมื่อได้รับความลับหนอนไหมทอง ตระกูลเซวียจะถูกมองว่าหมดคุณค่า  จากนั้นพวกนางจะถูกแยกและถูกบังคับให้อยู่ในเงื้อมมือของศิษย์ในตระกูล

“พี่หมิงจูพูดถูก ถ้าพวกเขาต้องการกลืนเรา พวกเขาต้องดูว่าพวกเขามีความสามารถพอหรือไม่”  เซวียเหยียนกล่าว

“เราสามารถไปตระกูลอื่นได้ ตระกูลฉินยอมรับเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลูทางกลยุทธ แต่พวกเขาไม่กล้าป่าวประกาศว่าพวกเขากำลังช่วยตระกูลหลูจัดการกับเรา  นอกจากนี้ เราเป็นชาวเมืองจื่อจวน  ถ้าพวกเขากระทำการโดยเปิดเผยตระกูลอื่นจะมองยังไง?” ตาของเซวียเหยียนเป็นประกายขณะที่นางกลับคืนสู่ความสงบ

“เราจะทำงานจากไม่กี่มุม!”  หมิงจูตอบ “ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของนอกกาย ตราบใดที่เราสามารถปกป้องคุ้มครองตระกูลเซวียไว้ได้  การปกป้องความลับของหนอนไหมทองไว้จะทำให้ตระกูลเซวียลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกครั้ง!”

เมื่อได้ยินเหล่าสตรีพูดด้วยความมุ่งมั่นประมุขชราที่อยู่ด้านนอกอดยิ้มซาบซึ้งมิได้

*************

หลูหลิงหนานกลับมาที่โรงแรมและหลับตาพักผ่อน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาลืมตารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

‘ทำไมเถี่ยเซียยังไม่กลัง?  นี่มันสองชั่วโมงแล้ว  ป่านนี้เขาน่าจะกลับมาแล้ว’

หลังจากรออีกชั่วโมงหนึ่ง เถี่ยเซียก็ยังไม่ปรากฏตัว หลูหลิงหนานไม่สามารถนั่งเฉยต่อไปได้ เขายืนขึ้นและเดินกลับไปกลับมา กลายเป็นกังวลมากขึ้น

หลังจากผ่านไปอีกชั่วโมงหนึ่งความกระวนกระวายของหลูหลิงหนานก็หายไปตอนนี้เขาหน้าเขียว

เขามั่นใจว่าต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น!

เขาไม่เคยคิดว่าสถานที่ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่สุดว่าจะมีอุบัติเหตุ  จะเกิดอุบัติเหตุได้

เขารู้ความแข็งแกร่งของเถี่ยเซียเป็นอย่างดี และตระกูลเซวียไม่มีนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สามารถคุกคามเถี่ยเซียได้  ‘จะเป็นใครไปได้?  หรือว่าตระกูลอื่นเข้ามาแทรกแซง?  ตระกูลอื่นของเมืองจื่อจวนน่ะหรือ?’

‘เถี่ยเซียยังไม่กลับ  ดังนั้นเขาคงไม่บาดเจ็บ  เขาอาจถูกสยบหรือโดนฆ่าไปแล้ว’

‘สามารถทำเช่นนั้นได้ ต้องเป็นคนที่มีความสามารถระดับสี่ขุนพลของตระกูลฉิน  นั่นก็หมายความว่าประมุขตระกูลอื่นจะต้องลงมือ’

หลูหลิงหนานสงบใจลง มีตระกูลอื่นเข้ามาแทรกแซง  หลายอย่างจะกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น

‘ตอนนี้ข้าควรทำยังไง?’

เขาเดินมาที่หน้าต่างและมองออกไป จุดที่เห็นไกลๆก็คือบ้านตระกูลเซวีย ตระกูลเซวียที่ล่มสลายแล้ว ปัจจุบันนี้ดูคล้ายจะมีปากกว้างในความมืดราวกับจะกลืนกินทุกคนได้

***************

ย้อนกลับไปที่คลังสินค้า ถังเทียนที่หลับสบายถึงสี่ชั่วโมงก็ตื่นขึ้น

เขาอ้าปากหาวและบิดขี้เกียจลืมตาอย่างเกียจคร้าน  เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้พักผ่อนเป็นอย่างดีรู้สึกสบายจนบอกไม่ถูก  ‘ข้าเผลอหลับไปได้ยังไง?’ถังเทียนลูบศีรษะด้วยความสับสน

ทันใดนั้น เขาสังเกตว่ามีคนผู้หนึ่งจากหางตาของเขา

เขาอุทานดัง และหันไปดู

ที่ยืนอยู่หน้าไหมทองเป็นร่างของบุรุษถูกแช่แข็งเหมือนตุ๊กตา ถังเทียนรู้ทันทีว่าเขาถูกตรึงด้วยสำนึกกระบี่ของหานปิงหนิงและไม่กล้าขยับตัวโดยวู่วาม

‘หานปิงหนิงแข็งแกร่งขึ้น!’

จากนั้นถังเทียนจึงได้สนองตอบ  เขามีความสุขมาก  หลังจากมีความสุขเขาให้ความสนใจขโมย

‘จริงๆ เลยที่นี่ขโมยชุกชุมเป็นบ้า!’

ถังเทียนรำพึงในใจ เขาเดินไปหาเถี่ยเซียอย่างเงียบงัน

ตลอดทั้งร่างของเถี่ยเซียมีเหงื่อท่วม ร่างของเขาแข็งเกร็งและเขาไม่กล้าขยับ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าและเดาว่ายามที่กำลังหลับคนนั้นคงตื่นขึ้นแล้ว แต่เขายังไม่กล้าเคลื่อนไหว เขามีความรู้สึกกล้าแข็งมากว่า ตราบใดที่เขาเคลื่อนไหวคงต้องถูกกระบี่แทงใส่เป็นแน่

‘รายงานผิดพลาด!’

‘ตระกูลเซวียมียอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ!’

ขณะนั้นสำนึกกระบี่หายไปทันที

เถี่ยเซียดีใจ  ‘โอกาสมาแล้ว!’

ทันใดนั้นเขาใช้วิชาป้องกันตัวเองทันทีทำให้สีแดงครอบคลุมไปทั้งหน้า และเขาวิ่งไปที่ประตูราวกับประกายไฟ!

‘ข้าแค่ต้องหลบออกไปจากคลังสินค้า..’

มีร่างหนึ่งขวางทางเขาไว้ เป็นเจ้ายามขี้เซาคนนั้น

หน้าของเถี่ยเซียมีรอยยิ้มน่ากลัว  ‘หาที่ตาย!’

แต่ในวินาทีต่อมารอยยิ้มของเขาชะงักค้าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด