ตอนที่ 47 พักฟื้นที่โกดังเก็บของ
ตอนที่ 47 พักฟื้นที่โกดังเก็บของ
สายฝนตกลงมาหลอมรวมกับความมืดยามเย็นทำให้ด้านนอกนั้นดูอันตรายเป็นอย่างมาก นอกจากเรนที่ยืนอาบน้ำฝนที่ปนเปื้อนโดยไม่สนใจสิ่งใด คนอื่น ๆ ก็พากันหาถังมารองน้ำเหล่านี้เพื่อใช้ล้างร่างกาย
ถึงน้ำฝนจะปนเปื้อนจนเกิดอันตรายกับมนุษย์ได้ แต่นั่นหมายถึงการดื่มน้ำเหล่านี้เข้าไป ถ้าเพียงแค่ใช้ล้างตัวมันไม่ได้เป็นอันตรายอะไร
หลังจากเนื้อตัวสะอาดพวกเขาก็ทำอาหารกินกัน โดยหน้าที่นี้ตกเป็นของหลินและรินดา สองคนช่วยกันทำ
ไอราดวงตาแดงก่ำ เธอยังคงเสียใจ ดังนั้นจึงต้องหาอย่างอื่นทำเพื่อไม่ให้ตัวเองจมอยู่ในความรู้สึกเหล่านั้น เธอจึงเข้าไปช่วยหลินและรินดา
รินดามองไปที่ไอรา เธอคือหนึ่งในคนที่เข้าใจความรู้สึกของไอรามากที่สุด เธอจึงคอยแนะนำและพูดกับไอราเป็นบางครั้ง
ส่วนผู้กองเชนนั้นกำลังสำรวจรอบ ๆ โกดังค้นหาของที่พอจะใช้ได้ เขาเจอพวกผ้าและเบาะฟูกที่ใช้ซ้อมกีฬาจึงดึงมันมาเป็นเบารองนอนได้พอดี
ด้านของลี ตอนนี้เขาปวดที่แผลมากจึงทำได้เพียงนอนกัดฟันเหงื่อท่วมอยู่ที่โซฟามุมหนึ่ง เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้บาดแผลของเขารุนแรงขึ้น แม้จะกินยาไปแล้วมันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
“เป็นอย่างไรบ้าง” ผู้กองเชนเดินมาดูลี เขาเห็นสีหน้าของลีไม่ดีขึ้นเลย
“ปวดมาก มันปวดกว่าเดิมมาก” ลีกัดฟันตอบ
“อดทนไว้ ถึงค่ายลี้ภัยก็น่าจะมีหมอ” ผู้กองเชนได้แต่พูดปลอบใจ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาทำได้เท่านั้น แต่ว่าผู้กองเชนไม่ได้โกหก ด้วยระยะทางที่เหลือถ้าพวกเขาไปกันต่อก็คงถึงค่ายที่ว่านั้นในอีกไม่ถึง 1-2 วัน
“หวังว่าฝนจะไม่ตกติดต่อกันเหมือนครั้งก่อน” ผู้กองเชนพึมพำออกมา
เรนในตอนนี้สวมใส่เสื้อผ้าและนอนอยู่ที่โซฟาด้านหนึ่ง ซึ่งแยกตัวออกไปจากจุดที่คนอื่น ๆ อยู่พอสมควร เขาต้องการพักผ่อน แม้ตามร่างกายจะไม่มีแผล แต่ร่างกายของเรนมีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว
รอยพวกนี้เกิดจากการโดนอัดกระแทก ต่อให้เขาผสานร่างกับรูนิกหมีดำภูเขาในสภาวะที่ 2 แต่มันก็เป็นการมอบพลังชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บของเขาแต่อย่างไร
การที่เรนยังใช้สภาวะสองสู้กับงูยักษ์ได้ทั้งที่บาดเจ็บขนาดนั้นก็นับว่าเหลือเชื่อมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความโกรธหลอมรวมกับความมุ่งมั่นที่จะฆ่างูยักษ์อนาคอนด้าตัวนั้น เขาคงจะหมดสติไปแล้ว
ถึงอย่างนั้นการกระทำครั้งนี้ของเรนก็เสี่ยงมาก
ในตอนที่สู้เขางูยักษ์ได้ตกอยู่ในความคิดที่ต้องการฆ่าจนเกือบจะจำพวกเดียวกันเองไม่ได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เรนเข้าใจว่าทำไมสภาวะที่ 3 ถึงมีการเตือนว่าจะสูญเสียตัวตนได้ถ้าใช้งานมัน
‘แค่หนึ่งวงแหวนนั้นไม่เพียงพอ’
พึมพำออกมา เขาเห็นปัญหาแล้วว่าพลังงานที่มีนั่นไม่เพียง หนึ่งวงแหวนสีทองของเขาสามารถบรรจุพลังงานได้แค่ 20 หน่วยเท่านั้น เพียงแค่ใช้สภาวะที่ 2 ครั้งเดียวพลังงานทั้งหมดก็เกลี้ยงแล้ว
‘ต้องทำการฝ่าระดับ ถ้าจำไม่ผิดฝ่าระดับแบ่งออกเป็นสองอย่างคือ ฝ่าวงแหวนนับเป็นขั้นย่อยและฝ่าระดับชั้นชีวิตนับเป็นขั้นใหญ่ เราต้องทำการฝ่าวงแหวน’ เรนมีสีหน้าครุ่นคิด
ก่อนจะยกมือขึ้นมา เพื่อทำการเรียกดูข้อมูลการฝ่าระดับจากวงแหวนพลัง
การทดสอบ จะต้องใช้สามสิ่งคือ พลังชีวิต รูนิกและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
พลังชีวิตแน่นอนว่าหมายถึงอายุขัยของเขา ต่อมาคือ รูนิกที่จะใช้ในการฝ่าระดับและสุดท้ายคือสถานที่ปลอดภัย เพราะทันทีที่การทดสอบเริ่มขึ้นเขาจะไม่สามารถปกป้องร่างกายตัวเองได้ ถ้าเปิดอะไรขึ้นกับร่างกายมันจะส่งผลต่อการทดสอบ
เรนวิเคราะห์ข้อมูลเงียบ ๆ
‘เรามีสองอย่างนั้นพร้อมทั้งอายุขัยให้เผาผลาญและรูนิก สถานที่เงียบ ๆ ก็มี แต่ว่าร่างกายตอนนี้ไม่พร้อม’ เรนขมวดคิ้วเม้มริมฝีปาก
ร่างกายเขาบาดเจ็บอยู่ แถมยังอยู่ในสภาพอ่อนล้า เรนไม่เคยทดสอบฝ่าระดับก็จริง แต่เขาคิดว่ามันจะส่งผลกระทบแน่นอนถ้าเขาฝืนทำในตอนนี้ จนอาจจะถึงขั้นล้มเหลว เขาไม่อาจจะเอาอายุขัยของตัวเองมาทิ้งแบบนี้ได้
สุดท้ายเรนก็คิดว่าเขาจะรอให้ตัวเองหายก่อน อาจจะใช้เวลา 1-2 วันนี้ในการพักผ่อน
“แต่ว่าเรายังทำสิ่งอื่นได้อยู่”
เรนคิดการต่อสู้ในวันนี้ แม้ฟืนจะดี แต่ว่ามันไม่อาจจะตอบสนองต่อการต่อสู้ของเขาได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องสู้กับพวกสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้น
ความเสียหายที่ปืนทำได้เมื่อยิงงูยักษ์นั้นแทบจะสร้างความเสียหายไม่ค่อยได้ ด้วยร่างกายที่ใหญ่ของมัน ต่อให้โดนยิงก็ตาม บาดผลจากกระสุนปืนก็ไม่ทำให้มันตายง่าย ๆ แถมยังมีเกล็ดและผิวหนังที่ทนทานอีก มันจึงป้องกันกระสุนได้ไม่ต่างจากเกราะกระสุน
แต่มีดพกหรือกรงเล็บกลับสามารถทำร้ายมันได้อย่างรุนแรง สิ่งนี้ไม่ใช่เพราะว่ามีดพกจะอานุภาพสูงกว่าปืน แต่เป็นเพราะมันเป็นอาวุธที่อาศัยพละกำลังจากรูนิกหมีดำภูเขาของเรน
ถ้าเขามีดาบเรนมั่นใจว่าเขาสามารถแทงงูยักษ์ได้เหมือนที่เคยใช้มีดพก ซึ่งมันคงสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรงจนอาจจะฆ่างูยักษ์ได้ด้วยซ้ำ
‘เราต้องสร้างรูนิกอาวุธระยะประชิดที่เหมาะกับสภาวะแรกจำลองพลัง’ เรนคิดในใจ สภาวะแรกนั้นสร้างภาระให้กับร่างกายน้อยกว่าสภาวะที่สอง เขาไม่อาจจะใช้สภาวะที่สองได้บ่อย ๆ ต่างจากสภาวะแรก
แต่ข้อเสียของสภาวะแรกคือมันเป็นหยิบยืมพลังมาเท่านั้น อย่างรูนิกหมีดำเรนจะได้พละกำลังและความถึกมา ถ้าเขามีรูนิกอาวุธมาเสริม เหมือนตอนที่ใช้ไม้กั้นสู้ที่ลานจอดรถของสถานีตำรวจ
เรนไม่รอช้าลุกขึ้นนั่งอย่าช้า ๆ เขาอยากจะลองหาดูว่าในนี้มีอะไรที่ใช้ได้และเหมาะสมบ้าง
“นายกำลังทำอะไรทำไมไม่พักผ่อน” หลินที่เดินเข้ามาพร้อมกับชามอาหารร้อน ๆ กำลังถาม
“ฉันอยากจะหาเหล็กขนาดใหญ่และปลายแหลม” เรนพูดขึ้นมา
“เอาไปทำอะไร” หลินมองด้วยความสงสัย
“อาวุธ” เรนตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย
หลินขมวดคิ้วในทันที ก่อนวางชามอาหารลงและเดินเข้ามากดตัวเรนให้นั่งลงไปกับโซฟา เรนที่รู้สึกร้าวไปทั้งตัวไม่อาจจะต่อต้านได้ เขานั่งลงไปตามแรงของหญิงสาวทันที
“พักก่อน กินอาหารแล้วนอน พรุ่งนี้ค่อยหา” หลินพูดน้ำเสียงเชิงดุ
เรนคิดจะเปิดปากพูด แต่โดนหลินมองด้วยสายตาดุ เขาจึงทำตัวว่าง่ายรับชามอาหารมาและกินมัน มือของเรนนั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังกินจนหมด เพราะความหิว
หลินมองอย่างพอใจที่เห็นเรนกินจนหมด
“นายควรกินยาและนอนพัก” พูดจบหลินก็เดินออกไปเอาชามไปเก็บและเอายามาให้เรน ซึ่งยาที่ว่าเป็นพวกยาแก้ปวดและแก้อักเสบ
หลังจากกินยาไปสักครึ่งชั่วโมงเรนก็หลบไป
...
วันต่อมาเรนตื่นขึ้นมาแต่เช้า อาการปวดตามตัวและรอยฟกช้ำนั้นลดลงไปมาก เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเพราะเป็นผู้ใช้วงแหวน
วันนี้ฝนยังคงตกอยู่ ซึ่งพวกเขาเดาว่ามันจะตกแบบนี้อีกสักพัก เหมือนก่อนหน้านี้
นอกจากฝนที่ตกพวกเขาก็เจอกับปัญหาเรื่องหนึ่งลียายที่โดนยิงขา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นไข้หนักมากและที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ แผลที่ขาของเขา มันเริ่มมีอาการบวมช้ำ
“ผมขอโทษที่เป็นตัวถ่วง” ลีพูดออกมาด้วยสภาพที่เหงื่อท่วมตัวและที่หัวมีผ้าชุบน้ำโป๊ะไว้อยู่เพื่อลดไข้
“นายควรนอนพัก เพราะเราไปไหนไม่ได้ในตอนนี้” ผู้กองเชนบอกกับลี
หลังจากพูดกับลีผู้กองเชนก็หันไปเห็นเรน ทั้งสองพยักหน้าให้กับ โดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่เรนจะเดินไปดูด้านหนึ่งของโกดังเก็บของแห่งนี้
“นายหายแล้วเหรอ” ผู้กองเชนเดินมาถาม
“ยัง แค่ก็ดีกว่าวันแรกมากแล้ว” เรนตอบกลับไป ก่อนจะถามกลับไปว่า “คุณเห็นแท่งเหล็กแหลม ๆ หรืออะไรคมในโกดังแบบนี้บ้างไหม”
“จะเอาไปทำอะไร”
“อาวุธ ปืนจัดการพวกผู้ติดได้ดีก็จริง แต่กับสัตว์กลายพันธุ์อาวุธระยะกระชิดจะดีกว่ามาก”
“ในนี้ไม่มีส่วนใหญ่เป็นพวกไม้และของอย่างอื่นมากกว่า” ผู้กองเชนกล่าว เมื่อวานเขาเดินสำรวจของในโกดังแล้ว ส่วนใหญ่เป็นของเก่ามือสองที่เก็บไว้เท่านั้น ไม่ได้มีของแบบที่เรนต้องการ
“เรนเราต้องหารถ ถ้าไปที่นั่นคงจะมีและอาจจะมีอาวุธแบบที่นายต้องการ”
“หมู่บ้านฝั่งตรงข้าม” เรนมองไปที่ผู้กอง
ผู้กองเชนพยักหน้า
“ไว้พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปที่นั่นและอีกวันเมื่อฝนหยุดตกค่อยออกเดินทาง” เรนตอบกลับไป
ถ้าฝนที่ตกนี้เป็นสิ่งที่คล้ายกับฝนที่ตกก่อนหน้า มันก็ต้องหยุดในวันมะรืน โดยฝนจะตกใจเย็นของวันแรกและหยุดตกใจเช้าของวันที่ 3
วันต่อมา ฝนยังคงตกตามที่พวกเขาคาดการกันไว้ ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้แปลกใจ
สภาพร่างกายของเรนนั้นฟื้นตัวขึ้นมามากและเขากับผู้กองเชนกำลังไปสำรวจที่หมู่บ้านฝั่งตรงข้าม พวกเขาต้องหารถเพื่อใช้เดินทางกันต่อ
เรน หลินและผู้กองเชน ซึ่งทั้งสามคนนั้นเป็นผู้ใช้วงแหวนจะไปหารถที่หมู่บ้านฝั่งตรงข้าม ส่วนไอรา รินดาและลีจะหลบอยู่ที่นี่
เรนและอีกสองมองซ้ายขวา ก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไป ส่วนรินดานั้นรีบปิดประตูโกดังในทันที