ตอนที่ 20-4 ความเปลี่ยนแปลงของเผ่าตระกูล
เทือกเขาสกายไรท์ แคว้นอินดิโก ทวีปบลัดริจ
กัซลีสันประมุขเผ่ามังกรฟ้านั่งอยู่ในห้องต้อนรับอาคันตุกะ กัซลีสันตอนนี้กำลังรับหน้าผู้อาวุโสร่างผอมศีรษะโล้นคนหนึ่ง พวกเขาพูดคุยพลางหัวเราะด้วยกัน
“กัซลีสัน, ทำไมถ่อมตัวนักเล่า?ตอนนั้นเมื่อเราอยู่ในทะเลเชาติค เมื่อเจ้ากับข้าและสหายอีกหลายคนรับภารกิจอสูรเพื่อฆ่าเจ้าวาเลนไทน์นั่นข้ากับคนอื่นๆ เราอยู่ที่นั่นเหมือนเป็นตัวประกอบ เป็นกัซลีสันท่านซึ่งใช้พลังและทักษะเทพธรรมชาติของเผ่ามังกรฟ้าท่าน ขณะที่เราใช้พลังโจมตีวัตถุที่ทรงพลังฆ่าวาเลนไทน์นั้นในทีเดียว ความทรงจำนั้นยังคงอยู่กับข้าเสมอ” ชายชราหัวโล้นพูดพลางหัวเราะพลาง
“ฮ่าฮ่า แบ็กลีฟ นั่นมันผ่านมาหลายปีแล้ว” กัซลีสันกล่าวถ่อมตัว แต่หน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ถูกแล้วว่ามันนานมาแล้วแต่เจ้าก็ยังเหลือเชื่อมากแม้จะผ่านมานานปีแล้ว ข้าคิดว่าเดี๋ยวนี้กัซลีสัน พลังของท่านคงกล้าแข็งมากขึ้นจนข้าก็มิอาจเทียบได้” คำพูดของผู้อาวุโสหัวโล้นแฝงอาการประจบอยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตาม การประจบก็ขึ้นอยู่กับผู้กล่าวด้วย
ถ้าเป็นเทพชั้นสูงธรรมดามาพูดคำเหล่านี้กัซลีสันคงรำคาญที่จะฟัง แต่ผู้พูดในปัจจุบันนี้เป็นสุดยอดฝีมือที่ทรงพลังไม่น้อยไปกว่ากัซลีสันและเป็นหนึ่งในสหายเก่าของกัซลีสัน การพูดประจบจากคนแบบนี้ทำให้กัซลีสันมีความสุขเป็นธรรมดา
“ฮ่าฮ่า อย่าพูดแบบนั้น” กัซลีสันยิ้มกว้าง
ผู้อาวุโสหัวโล้นแบ็กลีฟพูดพลางถอนหายใจ “ครั้งนี้ข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้าผู้เป็นสหายเก่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้าอยากจะเยี่ยมพบเทพพารากอนของเผ่ามังกรฟ้าด้วย ดูเหมือนว่าข้าโชคยังไม่ดี”
กัซลีสันเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะทันที “แบ็กลีฟ! สงครามมหาพิภพเพิ่งจะจบไปแค่ร้อยปีที่แล้ว บางทีลินลี่ย์อาจจะยังไม่กลับมาจากยมโลก ไม่ต้องห่วง หลังจากลินลี่ย์กลับมาเมื่อท่านมาเยี่ยม ข้าจะแนะนำท่านให้รู้จักลินลี่ย์แน่นอน ลินลี่ย์...แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของเผ่ามังกรฟ้าแต่เขาเป็นคนดีและมีมิตรไมตรีที่ดี” ขณะที่เขาพูดกัซลีสันถอนหายใจ
ผู้อาวุโสศีรษะโล้นลุกขึ้นยืน จากนั้นหัวเราะ “ก็ได้ อย่างนั้นข้าจะรอครั้งต่อไป ข้ารบกวนท่านมานานแล้ว.. สมควรจะกลับเสียที โอกาสหน้าถ้าข้ามีเวลา ข้าจะมาพบท่านร่วมรำลึกถึงความทรงจำเก่าด้วยกันอีก”
“ยินดีต้อนรับเสมอ” กัซลีสันยืนขึ้นเช่นกัน จากนั้นส่งผู้อาวุโสหัวโล้นกลับ
“ไม่จำเป็นต้องส่งข้าไกลก็ได้” ผู้อาวุโสหัวโล้นยิ้มและพยักหน้า กัซลีสันยืนส่งที่หน้าประตูห้องโถงมองดูผู้อาวุโสแบ็กลีฟบินจากไป
ขณะต่อมามีบุรุษคนหนึ่งเข้ามาจากข้างนอก เป็นผู้อาวุโสการ์วีย์
“ท่านประมุข, ผู้บัญชาการแบ็กลีฟไปแล้วหรือ?” การ์วีย์หัวเราะขณะเดินเข้ามา
“ใช่แล้ว” กัซลีสันยิ้มรับ
การ์วีย์อดหัวเราะไม่ได้ “ท่านประมุข! นี่ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือชั้นสูงคนที่เก้าแล้วที่มาเยือนในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา”
เพียงไม่นานหลังจากสงครามมหาพิภพได้ผลสรุป ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการเริ่มมาที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสดงความเคารพ คนที่ยอดฝีมือเหล่านี้ต้องการพบเจอจริงๆก็คือลินลี่ย์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถพบเจอลินลี่ย์ได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังเจริญสัมพันธไมตรีกับประมุขของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันนี้มีสถานะแตกต่างออกไปในสายตาของผู้บัญชาการทั้งหลายเหล่านี้
“เฮอะ” กัซลีสันแค่นเสียง “พวกเขาเก้าคน! พวกผู้บัญชาการเหล่านี้ทุกคนเห็นว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราถือกำเนิดเทพพารากอนคนหนึ่งได้ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมาแสดงความเป็นมิตรกับเรา แต่เมื่อตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมและถูกแปดตระกูลใหญ่บังคับให้หนีไปซ่อนตัว นอกจากท่านเบรุตแล้ว ไม่มีพวกเขาคนใดช่วยเราเลย!”
“แบ็กลีฟก็เหมือนกัน” กัซลีสันแค่นเสียง “ในอดีต เรามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อตอนบรรพบุรุษของเรายังมีชีวิต เขามักจะมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากตระกูลเราตกต่ำและเมื่อตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกแปดตระกูลใหญ่ไล่ต้อนจนแทบจะล่มสลาย..ข้าไม่เห็นแบ็กลีฟโผล่หัวออกมา แต่บัดนี้เขากลับกล้าอ้างถึงมิตรภาพในอดีตอีกหรือ?”
มีน้อยคนนักที่ส่งถ่านให้ในยามหิมะตก มีแต่หลายคนกลับส่งดอกไม้และพวกหรีดมาให้(หมายความว่าเมื่อต้องการความช่วยเหลือกลับไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ)
ตอนนี้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีเทพพารากอนทำให้สถานะแตกต่างออกไป
เทพพารากอนเป็นตัวแทนของพลังอำนาจที่แท้จริงในหมู่เทพตัวอย่างเช่นแปดตระกูลใหญ่ที่โจมตีตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าพวกเขาจะทรงพลัง แต่เทพพารากอนคนเดียวก็เพียงพอจะกำจัดยอดฝีมือทั้งหมดในตระกูลของพวกเขาได้
“นี่เป็นเรื่องเข้าใจได้” การ์วีย์หัวเราะ “เพียงแต่..ข้าเองยังรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆที่ลินลี่ย์กลายเป็นเทพพารากอนได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของกัซลีสันเป็นประกายเช่นกัน เขาหัวเราะลั่น “เจ้าไม่ใช่เพียงคนเดียวเหมือนกัน ข้าก็คิดว่าเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเช่นกัน! แทบจะไม่มีใครในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์กล้าเชื่อข่าวนี้ เมื่อลินลี่ย์ไปจากตระกูล เขาไม่มีอะไรมากไปกว่าอสูรเจ็ดดาวที่ทรงพลังแทบจะใกล้เคียงระดับผู้บัญชาการ แต่ใครจะคาดคิดกันเล่าว่าพันปีต่อมาเขาจะกลายเป็นเทพพารากอน? ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามีคนหลายคนมาพูดเรื่องเดียวกันซ้ำๆและว่าพวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือชั้นสูงที่ไม่มีทางโกหกได้ แม้แต่ข้าก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน”
“เทพพารากอน” การ์วีย์ถอนหายใจทึ่ง
ตั้งแต่มีข่าวว่าลินลี่ย์เป็นเทพพารากอนแพร่กระจายออกไป ยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการต่างๆเริ่มพูดคุยปรึกษาในหมู่พวกเขา และหลายคนมาแสดงความเคารพที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
นี่เองจึงเป็นเหตุให้สมาชิกตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์พลอยรู้สึกว่าสถานะของตระกูลพวกเขาได้รับการยกระดับไปด้วย!
พวกเขาให้กำเนิดเทพพารากอน! สถานะของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ยิ่งใหญ่มากกว่าแต่ก่อน นอกจากมหาเทพแล้ว ไม่มีใครกล้าล่วงเกินตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเหล่ามหาเทพเป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะลดตัวลงมาจัดการกับตระกูลๆ เดียว?
“การ์วีย์” กัซลีสันพูดทันที
“ท่านประมุข?” การ์วีย์มองดูเขาด้วยความสงสัย
กัซลีสันรีบกล่าว “ติดต่อไปที่หน่วยสื่อสารที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนภูเขาได้ไหม?”
“พวกเขาทุกคนได้รับมอบหมายงานแล้ว” การ์วีย์หัวเราะ “ท่านประมุขไม่ต้องกังวล ถ้าลินลี่ย์กลับมาจากยมโลก ตราบเท่าที่เขามาถึงเชิงเขา ข่าวจะถูกส่งมาที่ท่านและประมุขเผ่าอีกสามคนอย่างรวดเร็ว การเตรียมการต้อนรับการกลับมาของลินลี่ย์ทั้งหมดได้จัดการไว้แล้ว รวมทั้งการก่อสร้างคฤหาสน์ให้เขาด้วย”
“ดีมาก” กัซลีสันหัวเราะและพยักหน้า “ไม่มีอะไรผิดพลาดได้! ลินลี่ย์มาจากทวีปยูลาน และเขาไม่เคยมีความรู้สึกเป็นคนของตระกูลอย่างแรงกล้ามาก่อน หลังจากเรื่องที่ฟอร์ลันและลูกชายก่อขึ้น..แม้ว่าลินลี่ย์จะปฏิบัติต่อตระกูลเป็นอย่างดีก็เป็นเพราะกลุ่มของบาลุค เราจะต้องถือว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว!”
“ข้าเข้าใจ” การ์วีย์พยักหน้า
เท่าที่กัซลีสันและประธานผู้อาวุโสกังวลลินลี่ย์ที่เป็นเทพพารากอนในปัจจุบันนี้ยังสำคัญมากกว่าเบรุตเสียอีก!
เบรุตนั้นทรงพลัง แต่เขาก็ยังเป็นคนนอก ถ้าตระกูลเผชิญกับวิกฤติ เบรุตอาจไม่จำเป็นต้องแทรกแซง
แต่ลินลี่ย์เป็นคนของพวกเขาเอง!
แม้ว่าในอดีต จะมีความเข้าใจผิดกันบางอย่างแต่ในที่สุดเขาก็ยังคงเป็นสมาชิกเผ่ามังกรฟ้า สิ่งที่จำเป็นต้องทำในเวลานี้ก็คือ..กำจัดความเข้าใจผิดเหล่านั้นที่ค้างคาอยู่ในใจของลินลี่ย์และให้ลินลี่ย์มีความรู้สึกว่าเป็นคนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
แคว้นอินดิโก ในอสูรโลหะโดยสารรูปมังกรขนาดใหญ่กำลังบินด้วยความเร็วสูงเหนือป่าและเขา
ภายในอสูรโลหะมีแต่ภาพที่น่าปิติยินดี
“ปู่!”
“ทวด!”
กลุ่มเด็กหนุ่มสาวรายล้อมฮ็อกและพูดคุยเรื่องต่างๆไม่หยุด ฮ็อกมองดูหลานเหลนของเขาด้วยใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ดูสิ ท่านพ่อหัวเราะมีความสุขมากมายขนาดไหน” วอร์ตันและลินลี่ย์อยู่ที่ริมห้องใหญ่ของอสูรโลหะ สองพี่น้องพูดคุยกันเอง
ลินลี่ย์ชำเลืองมองบิดาของเขาที่กำลังยิ้มสงบขณะที่มีลูกหลานรายรอบเขา จากนั้นพยักหน้า “ในอดีตเมื่อเรายังอายุน้อยตระกูลบาลุคเราอยู่ในจุดตกต่ำมาก ตลอดชีวิตของท่านพ่อนอกจากท่านแม่และเราสองคนแล้วสิ่งเดียวที่ท่านห่วงใยก็คือเรื่องของตระกูล! ท่านพ่อห่วงเรื่องความสามารถและการเติบโตของตระกูล ตอนนี้มีคนหลายรุ่นอยู่ในตระกูล..ท่านพ่อย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา”
ขณะนั้นเอง มีอีกสามคนเดินเข้ามาสมทบ
“น้องสาม!”
เยล จอร์จและเรย์โนลด์เดินเข้ามาสมทบ เรย์โนลด์ก็ร่วมเดินทางมาจากทวีปยูลานด้วยเช่นกัน
“พี่ใหญ่, พี่รอง น้องสี่ มานั่งตรงนี้เถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาชี้ เยลและอีกสองคนนั่งลง เรย์โนลด์หัวเราะขณะมองดูนอกหน้าต่างและถอนหายใจชื่นชม “แดนนรก หนึ่งในพิภพระดับสูง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ ความจริงความหนาแน่นของรัศมีธาตุที่นี่ยิ่งใหญ่มาก เพียงแต่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง”
จากภายในอสูรโลหะ พวกเขาสามารถเห็นการต่อสู้ที่เป็นไปในเบื้องล่างอยู่เรื่อย
“นั่นคือความเป็นไปของแดนนรก” ลินลี่ย์พูดและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ก็เหมือนกับในแดนภูตผี ยอดฝีมือมีชีวิต ยอดฝีมือตาย น้องสี่! ข้าก็น่าประทับใจไม่ใช่หรือ? เอาชีวิตรอดอยู่ได้ในแดนภูตผีมาได้ตั้งหลายปี” เยลเลิกคิ้วอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นสีหน้าของเยลแล้ว เรย์โนลด์ จอร์จและลินลี่ย์มีความสุขกันทุกคน นี่คือเยลอย่างแท้จริง หลังจากฆ่าโอดินได้ เยลไม่รู้สึกกดดันทุกข์ทรมานใจเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไป
ในห้องโถงใหญ่ มีคนมากกว่าร้อยคนกระจายอยู่และพูดคุยกัน
เมื่อเห็นภาพนี้ลินลี่ย์อดยิ้มเล็กน้อยไม่ได้
ลินลี่ย์เพลิดเพลินมีความสุขกับความรู้สึกนี้
“โลกนี้..ในหลายๆ กรณี ต้องพูดกันด้วยพลัง” ลินลี่ย์มองดูฉากภาพที่อบอุ่นและพูดกับตนเองเบาๆ “ข้าฝึกฝนอย่างหนัก เพียงเพราะให้พลังข้าแข็งแกร่งถึงระดับ จนบิดาสหายและครอบครัวสามารถกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง ข้าสามารถนำพาตระกูลทั้งหมดมาจากพิภพโลกธาตุได้!”
ตอนนี้ในที่สุดลินลี่ย์ก็รู้สึกได้ว่า...
ความพากเพียรพยายามที่ขมขื่นในการฝึกฝนอย่างหนักหลายปีมานี้ให้ผลที่หอมหวาน
หลังจากบินมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“เรากำลังจะถึงตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว” บีบีอยู่ในห้องโถงใหญ่ในอสูรโลหะพูดพลางหัวเราะเสียงดังชัด “ทุกคนเตรียมตัวพร้อมหรือยัง ท่านลุง!” บีบีมองดูฮ็อก “บรรพบุรุษของตระกูลบาลุคของท่านอยู่ที่นั่นท่านลุง, มีทั้งบาลุค, ไรอัน และคนอื่นๆ...”
“บรรพบุรุษของตระกูลบาลุค...” ฮ็อกลุกขึ้นยืน ค่อนข้างจะตื่นเต้น เขาเดินมาดูที่หน้าต่างมองผ่านหน้าต่างใสออกไปข้างนอก
เขาสามารถเห็นภูเขาสกายไรท์แล้ว
“บรรพบุรุษของตระกูล!”
เทย์เลอร์ ซาชาและสมาชิกคนอื่นของตระกูลเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ตั้งแต่พวกเขาเป็นเด็ก พวกเขาก็มักจะได้รับการตอกย้ำว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของตระกูลบาลุค พวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสต่อบุรุษผู้เป็นตำนานของตระกูล แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายต่อตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
“อยู่ข้างหน้านี้แล้ว” ลินลี่ย์พูดและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
อสูรโลหะหายไปทันที ขณะที่ลินลี่ย์และสมาชิกร้อยกว่าคนลอยตัวอยู่ในกลางอากาศและบินไปที่ที่ตั้งของเผ่ามังกรฟ้าภายในภูเขาสกายไรท์
“เป็นรูปแกะสลักที่ยาวจริงๆ ข้ามองไม่เห็นท้ายของรูปสลักเลย”อาร์โนลด์ร่างใหญ่ถอนหายใจชื่นชม
ลินลี่ย์หัวเราะ “นั่นไม่ใช่รูปสลัก นั่นคือถนนมังกร! เป็นเส้นทางที่กินพื้นที่เกือบหนึ่งในสี่ของภูเขาสกายไรท์และยาวมากกว่าหมื่นกิโลเมตร เป็นเส้นทางหลักที่พวกทหารประจำเผ่าใช้ลาดตระเวน
กลุ่มของลินลี่ย์ร้อยกว่าคนบินเข้าไปหา พวกทหารข้างล่างพอมองเห็นและหน่วยสื่อสารที่เตรียมการกับเหตุการณ์นี้มานาน ต่างพากันดีใจ “ผู้อาวุโสลินลี่ย์กลับมาแล้ว!” หน่วยสื่อสารเหล่านี้มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ประจำอยู่คนละที่ และหลายคนอาศัยร่างแยกศักดิ์สิทธิ์คอยส่งข่าวสารไปในตำแหน่งต่างๆภายในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
“ท่านประมุข! ผู้อาวุโสลินลี่ย์กลับมาแล้ว”
“โอว,ลินลี่ย์กลับมาแล้วหรือ?” กัซลีสันบินออกไปทันที
ไม่ใช่แค่กัซลีสันเท่านั้น ประมุขเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกสามก็ออกมาพร้อมกับผู้อาวุโสหลายคนที่พอได้รับข่าวก็รีบตามมาสมทบเช่นกัน
ลินลี่ย์และกลุ่มของเขามีคนมามากกว่าร้อยคน และขณะที่เขากำลังมาอยู่นั้นนักรบของตระกูลทุกคนพากันทำความเคารพ
“คารวะผู้อาวุโสลินลี่ย์” นักรบแสดงความเคารพนับถือ
ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า จากนั้นนำกลุ่มของเขาไปตามถนนมังกรแห่งภูเขาสกายไรท์ ขณะเดียวกันเขาแนะนำสถานที่ให้วอร์ตันและคนอื่นๆ “กฎของเผ่าตระกูลเข้มงวดมาก พวกเจ้าเพิ่งมาถึงในอีกไม่ช้าจะมีตราประจำตัวให้พวกเจ้าทุกคน เอ๊ะ?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันทีขณะมองดูในที่ไกล
“เกิดอะไรขึ้น?” บีบีชำเลืองมองดูเขา
เดเลีย นีซ เยลและคนอื่นมองดูในที่ไกล จากในที่ไกลมีคณะกลุ่มใหญ่กำลังบินเข้ามาโดยมีกัซลีสัน ประมุขเผ่าพญาเต่าดำและประมุขอีกสองคนเป็นผู้นำ ด้านหลังพวกเขาเป็นประธานผู้อาวุโสและคนอื่นๆ
“ทำไมสมาชิกคนสำคัญระดับสูงของเผ่าพากันมาที่นี่กันหมด?” ลินลี่ย์ตกใจ “แม้แต่เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงก็มาด้วย ถ้าพวกเขาบินมาจากที่พำนักพวกเขา น่าจะใช้เวลามาก พวกเขามาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?”
ปฏิกิริยาของตระกูลนั้นเร็วมาก
ในไม่ช้าที่เขามาถึง ขณะที่เขาเพิ่งเข้าถึงถนนมังกรคนกลุ่มใหญ่เหล่านี้ก็มาถึงเช่นกัน แม้ตอนที่เบรุตมาก็มีแต่เพียงประมุขเผ่าและประธานผู้อาวุโสออกมาต้อนรับเขาเท่านั้น
“ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์!” กัซลีสันหัวเราะลั่นขณะบินเข้ามา
“ท่านประมุข” แม้ว่าลินลี่ย์จะค่อนข้างสงสัยแต่เขาก็ยังทักทายประมุขเผ่า
ลินลี่ย์กวาดสายตามอง ประมุขเผ่าพญาเต่าดำ เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงและคนอื่น แม้แต่ประธานผู้อาวุโสที่ขัดแย้งกับเขา..หน้าของพวกเขามีรอยยิ้มเหมือนกันหมด ดูเหมือนพวกเขาดูอบอุ่นเป็นกันเอง
“แม้ว่าเราอยู่ในแคว้นอินดิโก แต่เราได้ยินได้ทราบถึงความกล้าหาญของเจ้าในสงครามมหาพิภพมานานแล้ว ฮ่าฮ่า..ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเรามีเทพพารากอน เรื่องนี้สมควรที่เราจะทำการเลี้ยงฉลองเหตุการณ์ที่น่าปิติยินดีนี้” กัซลีสันดูเหมือนจะดีใจจนตื่นเต้น “งานเลี้ยงฉลองจัดเตรียมไว้แล้ว เรากำลังรอเจ้า ฮ่าฮ่าบีบี..และโอว..คนเหล่านี้ต้องเป็นสหายของลินลี่ย์ พวกเจ้ามากันให้หมดทุกคนเลย! ฮ่าฮ่า”