ตอนที่ 12 มีเพียงคนเดียวที่จะอยูรอด
เลือกศัตรูอย่างมีกลยุทธ์และประเมินศัตรูอย่างมีชั้นเชิง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำเหล่านี้สามารถอธิบายฉินเทียนในปัจจุบันได้
การเคลื่อนไหวของฉินเทียนมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่
ในห้องสอบสวน หลินเฟิงซึ่งพร้อมที่จะสู้กับฉินเทียนพบว่าฉินเทียนไม่ได้สนใจเขาเลยหลังจากที่เห็นเขาที่นี่
เขาเกือบจะหายใจไม่ออกจากความเจ็บใจ
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับหมัดที่พุ่งเข้าใส่ฝ้าย ไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะรู้สึกหงุดหงิดขนาดไหน
ในความเป็นจริงหลังจากพูดคุยกับผู้อาวุโสถังในวันนี้ เขารู้ว่าคนที่เขาทำให้ขุ่นเคืองคือฉินเทียน
แม้ว่าเขาจะไม่กลัว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าต้องจริงจัง
ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจของฉินเทียนในเมืองฉิวหมิงไม่สามารถประเมินต่ำเกินไปได้
ดังนั้นหลังกลับจากบ้านตระกูลถัง เขาได้คิดถึงการตอบโต้นับไม่ถ้วนในใจ
ไม่ว่าฉินเทียนจะเคลื่อนไหวยังไง เขาก็จะต้องรับมือให้ได้
ในใจของเขา สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือฉินเทียนจะตบหน้าเขาโดยตรง
เช่นส่งคนมาหาเรื่องเขาถึงที่
จากนั้นเขาก็จะโต้กลับเพื่อป้องกันตัวเอง
ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถจัดการกับตระกูลฉินได้อย่างสมเหตุสมผล
เขาไม่คิดว่าไอ้สารเลวฉินเทียนนั่นจะเลือกโทรแจ้งตำรวจจริง?
เชื่อไหมล่ะว่า มหาเศรษฐีผู้ทรงอำนาจจะจัดการกับกุ้งตัวเล็ก ๆ ด้วยการแจ้งตำรวจ???
พล็อตเรื่องปกติไม่มีแบบนี้แน่
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฉินเทียนมาที่สถานีตำรวจเอง และเหลือบมองเขาแค่ครั้งเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
แค่แวบเดียว?
เขาไม่ได้พูดอะไรกับฉันสักคำ
เขากล้าดียังไงมาดูถูกฉันด้วยท่าทีแบบนั้น?
หลินเฟิงรู้สึกไม่ดีมากๆ
“ให้ตายเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะเหยียบทุกคนในตระกูลฉินให้อยู่ใต้เท้าของฉัน”
การดูถูกของผู้ชายคนนั้นกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของหลินเฟิง
เขารู้ว่าตั้งแต่วินาทีที่เขาหักขาของฉินซือเจีย เขาได้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลฉินแล้ว
เขายังเชื่อว่าฉินเทียนจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ
ดังนั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะอยู่รอด
.........
นอกสถานีตำรวจ
ฉินเทียนไม่ได้ออกจากสถานีตำรวจในทันที
เพราะเมื่อเขากำลังจะขึ้นรถ เขาก็เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล
คนสองคนลงมาจากรถ
ในบรรดาสองคนนี้ ฉินเทียนรู้จักหนึ่งในนั้น
“สาวน้อย เรานี่ชะตาต้องกันจริงๆ ขนาดมาสถานีตำรวจยังเจอกันอีกหรอ?”
ฉินเทียนหันกับไปทักทายอีกฝ่าย
“ประธานฉิน คุณ...สวัสดีค่ะ”
เมื่อเห็นฉินเทียน ถังเซวียรู้สึกอายและกลัวเล็กน้อยในใจ
หลินเฟิงถูกจับหน้าบ้านตระกูลถัง ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร ก็สามารถคิดได้ว่าตระกูลถังของเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติกับหลินเฟิง
ตอนนี้พวกเธอยังมาปรากฏตัวที่สถานีตำรวจอีก
ความสัมพันธ์ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก
หากตระกูลฉินอยากแก้แค้นตระกูลถัง เธอก็ทำอะไรไม่ได้
"อะไรกัน? เธอกลัวฉันหรอ?"
เมื่อเห็นท่าทางของถังเซวีย ฉินเทียนก็นึกสนุก
แม้ว่าเขาจะข้ามโลกมา แต่เขาไม่เหมือนฉินเทียนเจ้าของร่าง
ท้ายที่สุด เขาซึมซับแค่ความทรงจำของเจ้าของเดิมเท่านั้น
และเมื่อรวมกับพลังปราณแท้จริงสิบปีก็ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น ทำให้รัศมีของเขาไม่ด้อยกว่าฉินเทียนคนเดิมอีกต่อไป
ลูกหลานของตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลถังเมื่อเผชิญกับรัศมีของผู้นำตระกูลใหญ่
พอจะจินตนาการได้ว่าถังเซวียสามารถรู้สึกยังไง
“ฉัน...ฉัน...”
“ผมชื่อถังเต๋อเสวียน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ประธานฉิน”
ถังเซวียพูดติดอ่างและพูดไม่ออก ถังเต๋อเลยออกหน้าแทนเพื่อรักษามารยาท
“ถังเต๋อเสวียน?” ฉินเทียนยกมุมปากขึ้น “ผมรู้จักคุณ หมอจีนโบราณที่มีชื่อเสียงในเมืองฉิวหมิง ว่ากันว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณดีมากใช่ไหมครับ?”
"ประธานฉินชมผมมากเกินไป” ถังเต๋อเสวียนน้อมรับอย่างกังวลใจ
“ชมมากเกินไปตรงไหนครับ? ผมได้ยินชื่อผู้อาวุโสถังบ่อยมากจริงๆ ครับ” ฉินเทียนหัวเราะ “เอ้อ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรอครับ?”
ฉินเทียนถามอย่างรู้เท่าทัน ทำให้หัวใจของเฒ่าถังสั่นสะท้าน
ฉันไม่เชื่อหรอก
ด้วยความสามารถของฉินเทียน เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าหลินเฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่งฉินเทียนให้โอกาสฉันในการเลือกข้าง?
เฒ่าถังอยู่มานานและเป็นคนดี ดังนั้นเขาจึงรีบพูดหลังจากคิดเรื่องนี้
“ประธานฉิน ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมเพิ่งรู้ข่าวความขัดแย้งระหว่างเสี่ยวหลินกับคุณชายฉินเมื่อคืนนี้เอง”
ผู้อาวุโสตอบไม่ตรงคำถาม
เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับหลินเฟิง เขาก็นิ่งขึ้น
“เสี่ยวหลินเพิ่งมาถึงเมืองฉิวหมิง เขาไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ได้โปรดเถอะครับ ประธานฉิน โปรดอภัยให้กับความไม่รู้ของเสี่ยวหลินและปล่อยเขาไปเถอะครับ”
ผู้อาวุโสถังเก่งเรื่องการเจรจา
ที่เขาพูดมีความหมายลึกซึ้ง
ก่อนอื่นเขาบอกว่าเขารู้เรื่องนี้ตอนกลางคืน ซึ่งหมายความว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้
นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าหลินเฟิงเพิ่งมาถึงเมืองฉิวหมิง ซึ่งหมายความว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลินเฟิงจะถือว่าเป็นแค่คนรู้จักเก่ากันเท่านั้น และมิตรภาพของเขาก็ไม่ลึกซึ้งอย่างที่ฉินเทียนคิด
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ลึกซึ้ง แต่เขายังคงขอร้องแทน มันทำให้ฉินเทียนรู้สึกว่าชายชราคนนี้แสดงความอ่อนแอต่อเขา
แยกแยะความสัมพันธ์ ผูกมิตรทั้งสองฝ่าย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว?
ชายชราคนนี้เป็นอัจฉริยะ
“อยากให้ผมยกโทษให้เขา? โอ้ผู้อาวุโส! คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
ตอนนี้การประลองเริ่มขึ้น ฉินเทียนไม่ได้ตีแสกหน้าอีกต่อไป “ผมฉินเทียน เป็นแค่นักธุรกิจและพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ลูกชายของผมถูกรังแก และผมก็แค่ต้องโทรหาตำรวจ”
“ผู้อาวุโสคุณกำลังขอให้ผมเลิกยุ่งเรื่องนี้? ผมเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาๆ ผมไม่ได้อีอำนาจมากขนาดนั้นหรอกครับ”
“แต่ไม่ต้องกังวล ผู้อาวุโส สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความผิดของลูกชายผมตั้งแต่แรก และผมฉินเทียน ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น และจะไม่ระบายความโกรธใส่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
“สำหรับเรื่องที่ลูกชายของผมที่มีปัญหากับหลินเฟิง...ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดการอย่างเป็นกลาง ผู้อาวุโสคิดว่ายังไงครับ?”
เมื่อเห็นถังเต๋อเสวียนพูดไม่ออก ฉินเทียนก็พูดต่อ
" ผมยังมีธุระที่ต้องทำ ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผู้อาวุโส ทำใจให้สบาย...”
หลังจากพูดจบฉินเทียนก็พยักหน้าเบาๆ แล้วหันกลับมาขึ้นรถโรลส์-รอยซ์
การกระทำของเขาเด็ดขาด และไม่เสียเวลาสักนิด
เมื่อพ้นสายตา มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นเล็กน้อย