ตอนที่แล้วบทที่ 79 ชักกระบี่ออกมาสู้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 81 หลี่หราน ข้าเกลียดเจ้า!

บทที่ 80 สมบัติ เชือกอมตะ!


“หนึ่ง สอง... หนึ่ง สอง...”

ในพื้นที่ลับของตระกูลหลี่ หลี่หรานนั่งยองๆในขณะที่ถือศิลาผนึกมาร

ร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดปนเหงื่อและกล้ามเนื้อที่พองโต เขาสูงขึ้นกว่าเดิมหนึ่งศีรษะ

นี่คือสถานะของเขาหลังจากเปิดใช้งานพลังสายเลือด

ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังปราณใดๆ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็สามารถเพิ่มขึ้นได้

ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความสามารถในการฟื้นตัวของเขาล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันความรู้สึกเจ็บปวดก็ลดน้อยลง

เขากลายร่างเป็นสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อยหรือความเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ไร้ผลข้างเคียงไปทั้งหมด

เมื่อเขาปลุกพลังสายเลือดของเขาให้ตื่นขึ้น ความคิดของหลี่หรานก็ดูเหมือนจะถูกรบกวนให้หงุดหงิดและรำคาญได้ง่าย

ยิ่งเปิดใช้งานนานเท่าไหร่ ระดับของผลกระทบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

หากนัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์ เขาจะสูญเสียสติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิงและหลงเหลือเพียงเจตนาฆ่าฟัน

บูม!

หลี่หรานขว้างก้อนหินทำให้พื้นที่ลับทั้งหมดสั่นสะเทือน

เลือดที่เดือดพล่านของเขาค่อยๆผ่อนแรงลง และดวงตาสีแดงเข้มของเขาก็กลับมาเป็นปกติ

ในศาลา...

หลี่อู๋เซียงนั่งไขว่ห้างและวางถ้วยชาลง “อย่าลืมเอาประตูมาคืนข้าด้วย”

“เข้าใจแล้ว” หลี่หรานเดินไปและนั่งลง จากนั้นก็หยิบกาน้ำชาแล้วเทใส่ปาก

“ค่อยๆดื่มสิ! มันคือชาอมตะที่แท้จริงเชียวนะ!” หัวใจของหลี่อู๋เซียงเจ็บปวด

หลี่หรานมองเขาอย่างดูถูก “ท่านบรรพบุรุษ ท่านช่างขี้เหนียวจริงๆ แค่ข้าดื่มชาท่านก็ปวดใจแล้วหรือ?”

เฮอะ คิดว่าชายชราผู้นี้ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือไง?”

“ที่เจ้าเสียเวลากับข้าทุกวันไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการสมบัติล้ำค่าหรอกหรอ?”

เมื่อหลี่หรานถูกเปิดโปงเจตนา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเกาศีรษะและหัวเราะอย่างงุ่มง่าม

“ท่านไม่สามารถออกไปได้ ทำไมท่านไม่ให้สมบัติแก่ข้าแทนล่ะ? ข้าจะคืนให้ท่านเมื่อไปถึงขอบเขตเหนือวิบัติ”

[TL: ‘ขอบเขตเหนือวิบัติ’ คือขอบเขตหลังจากข้ามผ่าน ‘ทัณฑ์สวรรค์’]

“แล้วถ้าเจ้าไม่ต้องการคืนสมบัติล่ะ ข้าจะหาเจ้าเจอได้ยังไง?” หลี่อู๋เซียงกลอกตา

เมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของหลี่หราน หลี่อู๋เซียงก็โกรธเคือง

เขากลอกตาและพูดว่า “ช่างเถอะ เพื่อเห็นแก่ความพากเพียรของเจ้า ข้าจะให้เจ้ายืมสมบัติชิ้นหนึ่ง”

ดวงตาของหลี่หรานเป็นประกาย “สมบัติอะไร?”

ด้วยการพลิกฝ่ามือ เชือกสีแดงก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

“นี่คือสิ่งประดิษฐ์อมตะ เชือกอมตะ มันสามารถมัดศัตรูได้หลังจากเปิดใช้งานและมันยังรวดเร็วอย่างมาก! มันสามารถมัดได้ทั้งเทพและปีศาจ เป็นสมบัติที่ดีสำหรับการเดินทาง ฆ่าฟัน และก่อไฟ”

หลี่หรานหยิบเชือกและเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์จางๆส่องออกมาจากมัน ทั้งยังมีกลิ่นหอมจางๆอีกด้วย

ดูเหมือนจะมีที่มาบางอย่าง

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมาก!” หลี่หรานไม่สุภาพอีกต่อไป เขาเก็บสมบัติไว้และวิ่งออกไปทันที

หลี่อู๋เซียงมองไปที่ด้านหลังของเขาและส่ายหัว “เจ้าเด็กเลวนี่”

หลี่หรานรู้สึกประทับใจกับบรรพบุรุษคนนี้จริงๆ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ เขาเต็มใจที่จะปกป้องพื้นที่ลับของตระกูลหลี่เป็นเวลากว่าร้อยปีเพื่อเห็นแก่คำสอนของบรรพบุรุษ

หลี่หรานรู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แน่ๆ

“นายน้อย”

“สวัสดี นายน้อย”

ระหว่างทาง สมาชิกของตระกูลต่างหยุดและก้มศีรษะลงเมื่อเห็นเขา

ในตอนแรกสถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้สถานะของเขาในฐานะ ‘ว่าที่ผู้นำตระกูล’ นั้นน่าชื่นชมและน่ากลัวยิ่งกว่า

หลี่หรานแสดงออกอย่างไม่แยแสกับการกระทำของพวกเขา

เขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้

ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของเขา

“ไอ้สุนัขไร้ประโยชน์ เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะถืออ่างน้ำได้ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม?

เด็กหญิงอายุหกหรือเจ็ดขวบล้มลงกับพื้น ร่างกายของนางเปียกโชกไปด้วยน้ำ ผมของนางมีน้ำหยดลงมา

พ่อบ้านชี้ไปที่นางและสบถด่านาง

“ตระกูลเซินเป็นตระกูลชั้นต่ำ พวกเจ้าล้วนเป็นขยะตั้งแต่บนลงล่าง ไม่แปลกใจเลยที่พวกเจ้าปกป้องตระกูลของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

เด็กหญิงตัวเล็กๆแสดงออกอย่างไม่แยแส นางยืนขึ้นและหยิบอ่างพร้อมกับฟังคำสบประมาทของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกชินชากับเรื่องนี้แล้ว

นับตั้งแต่ตระกูลของนางถูกยึดครอง การดูถูกและการลงโทษแบบนี้ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของนางไปแล้ว จนถึงจุดหนึ่งที่นางรู้สึกว่าชีวิตของนางต้องดำเนินต่อไปเช่นนี้

เมื่อเห็นว่านางไม่พูด พ่อบ้านก็ยิ่งโกรธ “เจ้ามันโง่!”

เขายกมือขึ้นและฟาดไปทางเด็กหญิงตัวเล็กๆ!

ปึก!

เด็กหญิงตัวเล็กๆหลับตา แต่ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยกลับไม่ได้ตามมา

เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้งและตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

ร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้านางและจับมือพ่อบ้านไว้แน่น

“ใครกัน?” พ่อบ้านขมวดคิ้วแล้วหันกลับมา และเหงื่อเย็นๆก็ไหลลงบนใบหน้าของเขา

“นะ...นายน้อย?!”

หลี่หรานถามว่า “เจ้ากำลังทำอะไร”

พ่อบ้านยิ้มอย่างประจบสอพลอ “สุนัขตัวเมียตัวนี้ไม่เชื่อฟัง ข้ากำลังพยายามลงโทษนาง!”

“ฮี่ฮี่”

หลี่หรานเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ถ้านางเป็นสุนัขตัวเมีย แล้วเจ้าเป็นขุนนางประเภทไหนกัน?”

“อา?” พ่อบ้านอึ้งไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “นายน้อย นางเป็นคนรับใช้จากตระกูลเซิน ตัวตนของนางต่ำต้อย...”

เป๊าะ!

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค แขนของเขาก็ถูกบิด กระดูกที่หักของเขาทิ่มทะลุผิวหนังออกมา และทั่วทั้งแขนของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด!

“อ๊ากก!” พ่อบ้านคุกเข่าลงบนพื้นและร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช...

ทุกคนมองเขาด้วยความตกใจ แม้แต่เด็กหญิงตัวเล็กก็ยังสับสน

หลี่หรานถูมือของเขาด้วยความขยะแขยงและพูดอย่างเฉยเมยว่า “หุบปาก”

พ่อบ้านกำมือซ้ายแน่นไม่กล้าส่งเสียง น้ำตาและน้ำมูกไหลลงบนใบหน้าของเขา

เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำให้นายน้อยขุ่นเคืองใจได้อย่างไร

หลี่หรานมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆตรงหน้าเขา

ดวงตาของนางสดใส ริมฝีปากของนางแดงกำลังพอดี และฟันขาวของนางก็เรียงตัวกัน นางดูคล้ายกับอาฉินเล็กน้อย ไม่ยากที่จะบอกได้ว่านางย่อมเป็นสาวงามในอนาคต

ใบหน้าเล็กๆสีขาวอมชมพูของนางยังคงอวบอิ่มเล็กน้อย แต่ดวงตาของนางสงบและไม่แยแส พวกมันไม่เข้ากับอายุของนางอย่างยิ่ง

เขาเห็นรอยฟกช้ำบนผิวของนาง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรอยแผลเป็นหลังจากที่นางถูกเฆี่ยนตี

“เจ้าชื่ออะไร?” หลี่หรานถาม

เด็กหญิงตัวเล็กๆตอบอย่างแผ่วเบาว่า “เซินหนิง”

“เจ้าเป็นอะไรกับเซินฉิน?”

“นางคือพี่สาวของข้า”

“อย่างที่คาดไว้...”

หลี่หรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าได้ทดสอบพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของเจ้าหรือยัง?”

เซินหนิงส่ายหัวและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ตระกูลเซินไม่คู่ควรกับการบ่มเพาะ”

สิ่งที่นางพูดดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง

เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมของนาง หลี่หรานก็รู้สึกสับสนในใจ

“ตระกูลเซินก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เจ้าสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้”

หลี่หรานหยิบเหรียญตราออกมาและวางไว้ในมือของเซินหนิง “อย่าลืมไปทดสอบพรสวรรค์ของเจ้าที่งานชุมนุมสวรรค์อมตะในปีหน้า หากเจ้าสามารถบ่มเพาะได้ ให้ไปที่เทือกเขาซวนหลิง จะมีคนพาเจ้ามาหาข้า”

ตราบใดที่นางมีพรสวรรค์ หลี่หรานจะพานางไปสู่เส้นทางอมตะ

นี่เป็นวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของนาง และมันยังเป็นการชดเชยเล็กน้อยสำหรับอาฉิน

เมื่อพ่อบ้านเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที

เด็กหญิงตัวเล็กๆรับเหรียญตราด้วยความงุนงงและถามว่า “ข้ามีคุณสมบัติที่จะบ่มเพาะจริงหรือ?”

หลี่หรานลูบหัวของนางและยิ้ม “ไม่ต้องกังวล แม้ว่าเจ้าจะไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครในตระกูลหลี่กล้ารังแกเจ้าอีกต่อไป”

เด็กหญิงตัวเล็กๆมองใบหน้าที่หล่อเหลาตรงหน้านางและรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขา ดวงตาที่สงบนิ่งของนางเกิดระลอกคลื่นเป็นครั้งแรก

เขาเป็นเหมือนแสงเทียนเล็กๆที่พัดกระจายความมืดมิดทั้งหมด

ที่พักตระกูลเซียว

เซียวชิงเกอมองไปที่หญิงสาวในชุดสีเขียวตรงหน้านางด้วยความงุนงง

‘ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่?!’

//////////