ตอนที่ 708 หินเหล็กดำและกรวดเหล็กทอง
หมิงจูตั้งใจฟังรายงานและบัญชีล่าสุดของเสี่ยวเหยา เสี่ยวเหยามีระเบียบและเรียบร้อย ตัวเลขของนางมีความถูกต้องแม่นยำทำให้หมิงจูพยักหน้าชื่นชม “มีเสี่ยวเหยาอยู่ด้วยช่วยข้าประหยัดเวลาไปมาก..”
เสี่ยวเหยาหัวเราะคิก นางได้รับการชื่นชมอย่างนั้นเป็นเรื่องธรรมดามานานแล้ว
“มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือไม่?” หมิงจูมองดูเวลานางเตรียมไปพูดธุรกิจที่คาดหวังอีกรายหนึ่ง ตระกูลหลูแห่งเมืองม้าบินส่งคนมาแสดงความสนใจ เมื่อขนาดของกลุ่มการค้าของพวกเขาหมิงจูรู้สึกถึงความเป็นไปได้ของการดำเนินธุรกรรมขนาดใหญ่
เสี่ยวเหยามองดูหมิงจูและรีบพูด “ตั้งแต่เสี่ยวถังเริ่มเฝ้าคลังสินค้าให้ก็ไม่เคยมีไหมทองหายอีกเลย”
หมิงจูตกใจ นางก็ประหลาดใจเหมือนกัน และพึมพำกับตัวเอง
‘การขโมยไหมทองในคลังสินค้าหลายครั้งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีข้อห้ามแต่ขโมยพวกนี้ก็ยังไม่กระทำเกินเลยไป แต่ก็ยังมีร่องรอยว่าไหมทองหายไปเป็นประจำ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว’ หมิงจูสงสัยว่าคนที่ขโมยไหมทองคงพบว่ามีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลฉินสั่งซื้อไหมทองครั้งใหญ่ในตลาด ตระกูลเซวียคงเสียหายหนัก
‘เพราะจะไม่มีการสูญหายในเวลานี้...’
‘ดูเหมือนว่าเจ้าคนขี้เกียจจะมีความเข้มแข็งอยู่กับตัวบ้าง’ ในที่สุดหมิงจูก็เข้าใจเหตุผลที่ตระกูลต่างๆจับตามองดูคนที่มาจากคลื่นพลังซัดเหมือนกับเป็นสมบัติ สำหรับตระกูลที่มั่นคงมายาวนาน เลือดใหม่นี้จะช่วยพวกเขาเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากมาย
แต่ก็ไม่ง่ายที่จะกลืนเนื้อชิ้นนี้ หมิงจูได้ยินข่าวลือมามากมายนับไม่ถ้วนในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ พวกนี้ไม่เชื่องเชื่อและโง่เขลา พวกเขาดุร้ายมากและไม่สนใจทุกอย่าง ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมตระกูลทั้งหลายถึงพอใจจับพวกเขาไปทรมานในคุกขจัดนิสัยเดิมของพวกเขาออกไป
หมิงจูเริ่มชื่นชมคุณนายผู้เฒ่าสองแสนเหรียญอาจจะดูเหมือนมาก แต่ถ้าคลังสินค้ายังถูกขโมยต่อเนื่อง ความสูญเสียอาจจะไม่หยุดแค่สองแสนเหรียญ
“เราจะสังเกตต่ออีกเล็กน้อย” หมิงจูกล่าว “จริงสิ หินเหล็กดำสำหรับหนอนไหมหมดแล้ว ส่งไปที่คลังสินค้าและให้เขาช่วยทุบย่อยให้ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวเหยาเข้าใจความตั้งใจของหมิงจูทันที นางหัวเราะ “ข้าจะส่งไปเพิ่มเล็กน้อย คนผู้นั้นเกียจคร้านเกินไป เราจำเป็นต้องทำอย่างนั้นจริงๆ”
หมิงจูเป็นคนที่ขยันทำงานที่เกลียดคนขี้เกียจ
“รอเดี๋ยว! อย่าปล่อยให้เขาทำโดยไม่ได้อะไร ให้กรวดเหล็กทองเขาเม็ดหนึ่งด้วย”หมิงจูกล่าวทันที
เสี่ยวเหยาประหลาดใจ แต่นางเข้าใจ “ค่ะ!”
หมิงจูยินดีแบ่งส่วนที่นางเก็บไว้ กรวดเหล็กทองคือของเสียจากหนอนไหมทอง หนอนไหมทองจะกินหินเหล็กดำเป็นอาหารเพื่อสร้างไหมทองและสิ่งที่พวกมันขับถ่ายออกมาก็คือกรวดเหล็กทอง อาหารที่หนอนไหมทองกินเข้าไปน่าประหลาดนัก และมันยากจะขับถ่ายออกมา
กรวดเหล็กทองเป็นวัสดุชั้นดี มีความแข็งแรงมากและสามารถใช้สร้างอาวุธได้ เพียงแต่กรวดเหล็กทองไม่สามารถขึ้นรูปปรับแต่งด้วยไฟ และจำเป็นต้องใช้วิธีการเฉพาะในการทำ เนื่องจากมีขีดจำกัดของการสร้างจึงทำให้ราคาของมันตกลง
‘บังเอิญว่าตระกูลเซวียของเรารู้วิธีเฉพาะนี้ กรวดเหล็กทองสามารถสร้างอาวุธที่ทรงพลังได้ซึ่งถังเทียนจะรู้เมื่อได้รับ สิ่งที่น่าปรารถนามากกว่าอาวุธลึกลับพิเศษ? แต่กรวดเหล็กทองไม่เพียงพอจะสร้างเป็นอาวุธ ดังนั้นเขาต้องรวบรวมกรวดเหล็กทองให้มากพอก่อน และหลังจากนั้นเขาจึงต้องการได้รับวิธีหลอมและคำนวณซึ่งทั้งหมดนี้ไม่สามารถรับได้ในวันเดียว’
‘ใช้ผลประโยชน์หลอกล่อ คุณหนูฉลาดจริงๆ!’
เสี่ยวเหยาเชื่อมั่นเต็มที่
เมื่อเห็นเสี่ยวเหยาแก้ตัวให้นาง หมิงจูตระหนักได้ทันทีว่าจะต้องมีความยุ่งยาก ถ้าถังเทียนมีความสามารถหยุดขโมยได้จริง นั่นหมายความว่าเขามีความแข็งแกร่งและสำหรับตระกูลเซวีย นับเป็นเรื่องดีและเรื่องแย่ก็ได้
มียอดฝีมือคอยจับตาดูและกำจัดพวกขโมยทั้งหมดในตอนกลางคืน ปกติก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ตระกูลเซวียจะผูกมัดยอดฝีมือนี้ไว้ได้ยังไง? ถ้าพวกนางไม่สามารถผูกมัดเขาไว้ได้เจ้านายอ่อนแอ บ่าวแข็งแกร่งคงไม่ใช่เรื่องดี
กรวดเหล็กทองคือการตัดสินใจโยนหินถามทางของนาง และดูว่าถังเทียนจะฮุบเหยื่อหรือไม่
‘ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ข้าต้องแต่งกับคนแบบนี้หรือ?’
เมื่อคิดถึงเสียงกรนของเขาเพลิงโทสะในใจนางก็ลุกฮืออีกครั้ง
‘ช่างเถอะ ข้าจะไม่สนใจเขาในเวลานี้’
‘ธุรกิจกับตระกูลหลูสำคัญมากความแข็งแกร่งของตระกูลหลูไม่ด้อยไปกว่าตระกูลฉิน และแม้ว่าจะเป็นการพบเพื่อสร้างมิตรภาพก็ยังสร้างประโยชน์มากมายให้กับตระกูลเซวีย
*************
ในคลังสินค้า
“มีคนสองสามคนที่ต้องการลอบเข้ามาตอนกลางคืน ข้าปล่อยสำนึกกระบี่ไปเล็กน้อยพวกเขาก็หนีไปแล้ว” หานปิงหนิงกล่าว นางเป็นคนเงียบ แต่ต้องอยู่ในคลังสินค้าที่มืดมิดเป็นเวลาสองสามวันแม้แต่นางก็ยังรู้สึกหงุดหงิด
ตอนกลางคืนนางสังเกตว่ามีคนสองสามคนต้องการจะลอบเข้ามา นางไม่ต้องการจะเปิดเผยตน จึงใช้สำนึกกระบี่เล็กน้อยขู่ขวัญให้พวกขโมยกลัวและหลบหนีไป
“มีหลายคนที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับเสี่ยวผิงจือ” ถังเทียนพึมพำ จากนั้นเขาเปลี่ยนหัวข้อ “ข้ามีความเข้าใจบางอย่างในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ข้าคิดว่าอีกสองสามวัน ข้าจะไปหาเจ้าคนผิวเข้มและต่อสู้ด้วย”
“อืม” หานปิงหนิงตอบและไม่พูดอีกต่อไป
นางนั่งขัดสมาธิกับพื้นและแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากร่างนาง เป็นการสั่นของพลังร่างกายหยาบ และรอบๆ ตัวนางจะเริ่มมีใยแสงเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏ
ถังเทียนเงียบทันที ตาของเขาเบิกกว้าง เขาเกรงว่าตัวเขาอาจจะไปรบกวนหานปิงหนิง
นักสู้ของแดนบาปจะต้องเปิดรับกฎธรรมชาติก่อนเป็นขั้นตอนแรก กฎธรรมชาติในแดนบาปจะเป็นเหมือนก้อนหินเปล่าบนแม่น้ำแห้งขอด และใครก็ตามที่เห็น โดยการใช้พลังร่างกายพวกเขาสามารถปล่อยให้กฎธรรมชาติก่อตัวขึ้นได้ ปัจจุบันนี้กฎธรรมชาติเหมือนเส้นแสงที่ยุ่งเหยิง และเป็นกฎหลัก แสงเหล่านั้นมีทุกเฉดสีและมีลักษณะแปลกประหลาดมาก
หลังจากกฎเปิดเผยแล้วนักสู้ต้องเลือกกฎธรรมชาติเพื่อไว้ฝึก
ขั้นตอนนี้เหมือนกับจะไม่ยาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ง่าย นักสู้ธรรมดาผู้ใดก็ตามมีพลังร่างกายพอจะให้กฎธรรมชาติเผยตัว แต่จำนวนสายกฎธรรมที่ปรากฏจะเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงทางร่างกาย ด้วยพลังร่างกายที่พอเพียง กฎที่ปรากฏจะเป็นกฎที่พบได้ส่วนใหญ่ทั่วไป
แต่สำหรับหานปิงหนิงผู้ฝึกฝนร่างพลังกายเป็นศูนย์มาก่อน พลังกายในตัวนางจึงมีมากมาย นอกจากนี้ร่างพลังกายเป็นศูนย์ก็เข้ากันได้ดีกับการสร้างกฎธรรมชาติคุณภาพดีๆ
กลุ่มสายของกฎธรรมชาติทั้งหมดที่ปรากฏรอบตัวนางเหมือนกับปลาหลากหลายสีเดี๋ยวรวมตัวเดี๋ยวแยกย้าย
หานปิงหนิงเพ่งสมาธิหนักมีกฎมากมายหลายกฎ นั่นหมายความว่าตัวเลือกของนางใหญ่ขึ้น แต่ขณะเดียวกันการเลือกกฎหนึ่งที่สามารถเข้ากับตัวนางได้ออกมาหลายสายจะมีความยากมากขึ้น
สายตาของนางคมกล้าเหมือนกระบี่ นางเพ่งมองเส้นแสงที่ยุ่งเหยิง ใจของนางกวาดไปทั่วเหมือนกับผ่านปลาฝูงใหญ่
รังสีนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจนางบ้างก็มองเห็นได้ บ้างก็จางหายไป บ้างก็ถูกสะกดข่ม และในเปลวเพลิงบ้างก็เย็นเป็นน้ำแข็งและเต็มไปด้วยธาตุหยิน บ้างก็ง่ายและกว้างไม่มีเหมือนกันสักอย่าง เป็นครั้งแรกที่นางได้เผชิญกับกฎธรรมชาติซึ่งหน้า ในสวรรค์วิถี กฎธรรมชาติจะซ่อนปะปนอยู่ในพลังงาน และหลังจากได้ฝึกร่างพลังกายเป็นศูนย์ก็เป็นเหมือนกับหาเปลวไฟในน้ำ ทุกขั้นตอนลำบากมาก
แต่ทุกคนไม่ควรเสียเหงื่อไปโดยเปล่าประโยชน์
มีเพียงวันนี้ที่นางตระหนักได้ทันทีโดยไม่รู้ตัวว่านางแข็งแกร่งมากกว่าที่นางคาดเอาไว้มาก สายตาของนางที่คมราวกับกระบี่ค่อยๆ รั้งกลับ สภาพใจของนางกลายเป็นเหมือนกระจกเงาสะท้อนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว สะท้อนฝูงปลาเรืองแสงกลุ่มใหญ่
รัศมีอ่อนที่อธิบายไม่ได้เหมือนปลาตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในทะเลลึก เผยตัวมันเองออกมาโดยบังเอิญ และมองมาที่นางอย่างสง่างาม
หานปิงหนิงลืมตานางทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางตรึงอยู่ที่รังสีที่แทบมองไม่เห็นนั้นนิ้วของนางสร้างผนึกกระบี่ แสงสีฟ้าอ่อนยิงออกจากนิ้วของนาง
ปลาที่มีสีสันโดยรอบหายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่าราวกับว่าพวกมันถูกกินโดยสิ่งที่มองไม่เห็นและพื้นที่โดยรอบหานปิงหนิงกลายเป็นมืดมิดอีกครา
หานปิงหนิงหลับตาของนางและต้องการกลับไปเพ่งสมาธิอีกครั้ง
ถังเทียนไม่กล้ารบกวนนาง แต่ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เขาหลบออกมาจากที่ซึ่งหานปิงหนิงกำลังซ่อนทันที ควั่บ เขาปรากฏตัวที่หน้าประตูคลังสินค้าและเปิดออก
เสี่ยวเหยาเตรียมจะเปิดประตูแต่ปรากฏว่ามันเปิดเองโดยอัตโนมัติทำให้นางตกใจกลัว เมื่อเห็นว่าเป็นถังเทียน นางถอนหายใจโล่งอกเอามือทาบอกทันที “เสี่ยวถัง เจ้าทำให้ข้าตกใจกลัว”
ถังเทียนสังเกตว่ามีรถเข็นหลายคนอยู่ด้านหลังเสี่ยวเหยา
“แม่นางเสี่ยวเหยาทำไมขนของมาที่คลังสินค้าตอนดึกเล่า?”
ถังเทียนประหลาดใจหลังจากอยู่ในคลังสินค้ามาสองสามวัน เขาเข้าใจกฎของสถานที่ สินค้าต่างๆถูกขนเข้ามาในคลังสินค้าตอนกลางวัน ไม่เคยขนตอนกลางคืน
“ข้ามาหาเสี่ยวถังในช่วงเวลานี้เป็นกรณีพิเศษ” เสี่ยวเหยายิ้ม “ระหว่างช่วงเวลานี้กำลังคนในบ้านมีไม่พอ ดังนั้นจึงไม่มีอาหารให้หนอนไหมเพียงพอข้ามาที่นี่หวังจะขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวถัง”
“ต้องการให้ข้าช่วย? บอกข้ามาเลย เสี่ยวเหยา” ถังเทียนไม่ปฏิเสธและยอมรับ แม้ว่าเขาจะโง่อยู่บ้าง แต่เขาไม่โง่เสียทีเดียว เขารู้ว่าคนอื่นๆ ในบ้านนี้มองเขาอย่างดูถูก มีแต่เสี่ยวเหยาและอีกสองสามคนปฏิบัติต่อเขาดีขึ้น
“อย่างนั้นข้าต้องขอบคุณเสี่ยวถัง!” เสี่ยวเหยาหัวเราะและกล่าว “หนอนไหมทองจะกินหินเหล็กดำเป็นอาหาร แต่เราไม่สามารถป้อนให้พวกมันกินโดยตรงได้ ต้องบดแตกให้มันก่อน ให้มีขนาดเท่าเมล็ดงา ไม่ใหญ่เกินไม่เล็กเกิน”
“ขนาดเมล็ดงา...” ถังเทียนสะดุ้ง เขาพึมพำในใจ ‘หนอนไหมเหล่านี้ยากจะเอาใจจริงๆ จู้จี้จุกจิกแม้แต่ขนาด’
เสี่ยวเหยาหยิบถุงออกมาใบหนึ่งแล้วส่งให้ถังเทียนถังเทียนรับไว้ เขาประหลาดใจถุงใบน้อยมีน้ำหนักมากเมื่อเปิดดูเขาสังเกตว่าข้างในถุงเป็นวัตถุชิ้นเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดงาทั้งหมดเขาหยิบออกมาชิ้นหนึ่งพินิจดู หินเหล็กถูกบดทุบสม่ำเสมอจนมีขนาดเท่ากัน เขาบีบดูตามปกตก แต่หินเหล็กดำไม่แตกสลาย ทำให้เขาประหลาดใจ
‘วัสดุที่แข็งขนาดนี้เชียว!’
“หินเหล็กดำมีความแข็งมากและต้องใช้เวลาและความพยายามย่อยมันในที่พักนี้มีแต่สตรีที่แข็งแรงไม่พอ ดังนั้นปกติเราจะส่งให้คนภายนอกช่วยบดย่อยให้ แต่ใครจะรู้กันว่าจะมีอุบัติเหตุและพวกเขาไม่สามารถทำได้ ภายใต้สถานการณ์ที่จนใจนี้ ข้าได้แต่มาขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวถัง” เสี่ยวเหยากล่าวอย่างสุภาพและล้วงเอาถุงที่ถักด้วยทองออกมา “คุณหนูบอกว่านี้จะต้องใช้เวลามากและสิ้นเปลืองพลังงานมากดังนั้นกรวดเหล็กทอง ถือเป็นรางวัลของเสี่ยวถัง”
“กรวดเหล็กทอง?” ถังเทียนรับถุงทองไว้
มันแตกต่างจากถุงก่อน กรวดเหล็กทองเบามากถ้าไม่ใช่เพราะเขาสามารถใช้แรงจากกายสัมผัส ถังเทียนสงสัยว่าคงเป็นถุงเปล่า
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องกรวดเหล็กทอง เมื่อเห็นหน้าจริงจังของเสี่ยวเหยา เขาเดาว่านี่คงไม่ใช่ของถูก
ทำให้เขาสงสัย และเขาเปิดถุงทองถักทันที