ตอนที่แล้วตอนที่ 703 สำเร็จ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 705 กฎปรับสภาพร่างกาย

ตอนที่ 704 ผลสะท้อน


ควั่บ

หานปิงหนิงรู้สึกถึงความผันผวนของพลังรอบตัวนางที่อธิบายไม่ถูกขณะที่พวกเขาหายไป นางรู้สึกผ่อนคลายและภาพที่อยู่ต่อหน้านางสลัวลง  แต่ด้วยสายตาของหานปิงหนิง  ความมืดไม่มีผลต่อนาง  นางมองดูรอบๆ ด้วยความสงสัย

‘ห้องเก็บสินค้า?’

มีสินค้ามากมายวางไว้โดยรอบ  แต่ไม่มีใครอื่น  หานปิงหนิงผ่อนคลาย  เนื่องจากว่าที่นั่นปลอดภัย

มีเสียงแว่วดังมาจากข้างนอก

“พี่หมิงจูหงุดหงิดคนแซ่ถังข้าไม่รู้ว่าคุณนายผู้เฒ่าคิดยังไงถึงได้ใช้เงินถึงสองแสนซื้อสวะอย่างนั้นมาได้”

“ใช่แล้ว!  คนผู้นั้นเกียจคร้านมากหลับอุตุเหมือนหมูขณะเฝ้าคลังสินค้า  เมื่อคุณชายฉินอยู่ที่นี่เขายังกรนเสียงดังสนั่น! เจ้าน่าจะได้เห็นว่าพี่หมิงจูมีสีหน้าแย่ขนาดไหน!”

“ตระกูลเซวียของเรายังคงเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาเก็บคนน่ารังเกียจแบบนั้นเอาไว้ รังแต่จะทำให้เราถูกหัวเราะเย้ยหยัน”

“เอ, อย่าพูดเสียงดังเกินไป  พี่หมิงจูและคุณชายฉินไปดูเรื่องน่าสนใจข้างนอกพวกเขาน่าจะกลับมาเร็วๆ นี้”

“เกิดเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนขนาดนั้น โอวพระเจ้าเมืองจะถล่มทลายหรือ? มันทำให้ข้ากลัวจริงๆ!”

“จริงด้วย มันเหมือนกับฟ้าผ่าเลย...”

เสียงฝีเท้าดังห่างออกไป

หานปิงหนิงหันมามองดูถังเทียน  ถังเทียนทำหน้าอึดอัดใจโชคดีที่เขายังสวมหน้ากากและนางไม่สามารถพูดได้ เขาสบถด่าผู้หญิงทั้งสองในใจ  ‘บังอาจนินทาลับหลังหนุ่มชาวฟ้า ยัยตัวแสบทั้งสองคน!’

แต่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะสนทนากัน  เขากระซิบ “ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก่อน คืนนี้ข้าจะกลับมา”

“ตกลง” หานปิงหนิงไม่ลังเล คลังสินค้ามีขนาดใหญ่มาก มีสินค้ากองไว้อยู่มากมายทุกที่ ก็คือเขาวงกตดีๆนี่เอง และเป็นเรื่องง่ายที่จะซ่อนคนไว้ข้างใน

ถังเทียนให้หน้ากากและธงกับหานปิงหนิง  “หาที่ซ่อนของเหล่านี้ไว้”

ของทั้งสองอย่างเด่นชัดก้าวร้าวที่สุด  ถ้าใครอื่นมาเห็นเข้า  พวกเขาจะตกอยู่ในความยุ่งยาก  ‘ข้าจะพูดอะไรได้,ธงงี่เง่าที่โบกสะบัดอยู่เหนือเมือง มันน่าเกลียดเกินไป  เฮ้อ.. น่าอาย ขายหน้าจริงๆ..’

ถังเทียนพยักหน้าให้หานปิงหนิงและเปิดประตูคลังสินค้าออกไปอย่างเงียบๆ

เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้ว  หานปิงหนิงสงบใจลงได้  ความแตกตื่นความกังวลและความกลัวสองสามวันก่อนหายไปไม่เหลือร่องรอย  เมื่อคิดถึงการต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นแม้แต่ราชินียะเยือกอย่างนางก็ยังอดมีความรู้สึกพลุกพล่านไม่ได้

นางควบคุมสภาพจิตใจของนางให้สงบลงอีกครั้ง

นางรู้ดีว่าการต่อสู้นั้นเป็นแค่เพียงบทเริ่มต้น  เมื่อถังเทียนลงมือ  เขาจะไม่มีทางหยุด ดวงตาที่เหมือนมีน้ำแข็งคลุมของนางมีแววมุ่งมั่น  ‘นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือโอกาสจะได้ต่อสู้เคียงข้างกับเขา?’

‘ในที่สุดข้าก็ตามเจ้าทัน’  สภาพใจของนางสงบเป็นพิเศษ

นางนั่งขัดสมาธิและเริ่มฟื้นฟูพลังของนาง

นางมีนิสัยเงียบ แม้ว่าพลังของนางจะถูกสกัดเอาไว้เป็นเวลาสองสามวัน  แต่นางไม่เคยยอมแพ้ พยายามอย่างหนัก  นางฝึกฝนร่างพลังกายเป็นศูนย์  แต่ด้วยจิตใจที่กระจ่างของนาง  นางรู้ถึงเอกลักษณ์ของแดนบาป  นางสังเกตอย่างเงียบๆและรู้สึกถึงกฎธรรมชาติที่มีอยู่ทุกที่

นางฟื้นคืนอิสรภาพ  ศึกใหญ่กำลังจะเริ่ม  นางทิ้งความคิดไปทั้งหมดและเริ่มตั้งสมาธิฝึกฝน

**********************

ถังเทียนหลบเลี่ยงคนเดินผ่านทางไปอย่างระมัดระวังและในที่สุดก็กลับมายังที่พักของเขาโดยไม่ทำให้ใครแตกตื่น  เขามองดูชุดของตัวเขาเองดาบสายลมจากเบนสันทำให้ชุดของเขาฉีกขาดรุ่งริ่ง

เขารู้สึกโชคดีที่ตระกูลเซวียค่อนข้างจะมีเสื้อผ้ามากมาย  และเตรียมไว้ให้เขาหลายชุด  แม้ว่าชุดเหล่านั้นเป็นชุดง่ายๆ  แต่ถังเทียนรู้สึกยินดี

หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วถังเทียนตระหนักว่าแผลบนร่างกายของเขาเริ่มตกสะเก็ดแล้ว

ถังเทียนรู้ว่าร่างพลังกายเป็นศูนย์มีความก้าวหน้าอีกครั้ง  หลังจากกำจัดพลังงานทั้งหมดแล้ว  อาศัยแต่เรี่ยวแรงล้วนๆ  มันเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อทั้งหมดและกระดูกในร่างเขากลายเป็นมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น  ตราบใดที่อวัยวะสำคัญไม่ได้รับบาดเจ็บ  แผลของเขาก็สามารถหายเองได้

ถังเทียนสลัดตัวเบาๆทำให้สะเก็ดแผลทั้งหมดร่วง เผยให้เห็นผิวที่สะอาดราวกับไม่เคยมีแผลมาก่อน

ถังเทียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเขาเริ่มได้รับผลสะท้อนจากการต่อสู้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขวางทางเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของแดนบาป  และเขาได้รับผลตอบแทนมากมาย เขาต้องยอมรับว่าวิทยายุทธแดนบาปเป็นมรรคาวิทยายุทธแนวใหม่ซึ่งเชื่อมตรงระหว่างกฎธรรมชาติกับร่างกาย

พอคิดดูแล้ว ถังเทียนได้เห็นประจักษ์ระบบวิทยายุทธสามแบบแตกต่างกันมาแล้ว  สวรรค์วิถี ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และแดนบาปล้วนแตกต่างกัน  ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีพลังงานหนาแน่นและก่อให้เกิดเซียนโดยธรรมชาติที่มีความสามารถในการใช้พลังงานในระดับที่คาดไม่ถึง  แดนบาปตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  พวกเขาไม่มีพลังงานแต่อย่างใด  แต่มีกฎธรรมชาติอยู่ทุกที่และมองเห็นได้ชัดเจน สวรรค์วิถีเป็นที่ผสมผสานระบบทั้งสองแบบเข้าด้วยกันมีการเชื่อมโยงกับพลังงานและสามารถสร้างจิตวิญญาณลึกลับได้

ระบบวิทยายุทธต่างกันสามรูปแบบ ระบบแต่ละอย่างมีจุดดีเป็นของตนเองและยากจะแยกแยะจุดดีและจุดด้อยได้

วิถีของแดนบาปเหมาะสมกับถังเทียนมากที่สุด

การรู้แจ้งกฎของเบนสันทรงพลังและลึกซึ้งมากกว่าเมื่อเทียบกับผิงเสี่ยวซาน  ถังเทียนใช้กฎพิเศษรับมือหอกเพลิงแดง  แต่กับมีดสายลมของเบนสันกลับไม่มีประโยชน์

การต่อสู้ระหว่างกฎแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการต่อสู้ระหว่างพลังงาน

ความขัดแย้งระหว่างพลังงานยังมีมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับปริมาณ  ยิ่งเป็นพลังงานที่สมบูรณ์และหนาแน่นมักเป็นจุดสำคัญของการชี้ชัยชนะ การขัดแย้งระหว่างกฎธรรมชาติขึ้นอยู่กับคุณภาพและความลึกซึ้งของการเข้าใจกฎธรรมชาติ   ยิ่งเข้าใจมากพลังก็มาก

ถังเทียนค่อยๆหาประสบการณ์และเรียนรู้  สถานการณ์ของเขาแตกต่างจากพวกที่เหลือ ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของเขามีขีดความสามารถในการก้าวหน้าในแดนบาปซึ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งผ่านกฎธรรมชาติได้  จุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่ออยู่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถี เนื่องจากทั้งสองที่นี้มีพลังงาน แต่ในแดนบาปกลับไม่มีปัญหา กฎธรรมชาติมีอยู่โดยรอบเหมือนเหมือนกับทางน้ำที่ไม่มีน้ำ เปล่าเปลือย ใครๆก็หยิบขึ้นมาได้ ขอเพียงก้มหน้ามองดู

ปัญหาในตอนนี้ก็คือทางน้ำขนาดใหญ่ที่กระจัดกระจายไปด้วยกฎธรรมชาติเหล่านี้  จะเลือกกฎใดดี นั่นเป็นคำถามใหญ่ที่สุด

ตัวอย่างเช่นด้วยกฎพิเศษกฎธรรมชาติพิเศษของวิชาพรางตัวตระกูลผิงมีรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งในความคิดของถังเทียนมีอยู่สองสามวิธีที่สร้างผลลัพธ์ที่ดีได้  แต่ถังเทียนก็รู้เช่นกันเขาสามารถใช้กฎธรรมชาติเหล่านี้ได้เป็นเพราะเขามีความได้เปรียบจากการมีร่างพลังกายเป็นศูนย์  แต่การรู้แจ้งของเขาในแต่ละกฎธรรมชาติยังตื้นเขิน  และด้วยการผสมผสานอย่างนั้น เขาจึงสามารถใช้การผสมผสานกฎเหล่านั้นลวงคนอื่น  ดาบสายลมของเบนสันไม่นับกระไรได้เนื่องจากเป็นกฎระดับรองๆ แต่เขาสามารถขับไล่การโจมตีของเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

ถังเทียนจ่อนิ้วกับริมฝีปากขณะที่เขาไตร่ตรอง  แม้ว่าเพลิงสุญญตาจะทรงพลัง  แต่มันอาจจะลดพลังลงมากมายในแดนบาป  เนื่องจากไม่มีพลังงานในแดนบาป  ความสามารถของพลังทำลายล้างใช้ได้ไม่มาก  แต่ร่างพลังกายเป็นศูนย์กลับมีความก้าวหน้า หมายความว่าพลังร่างกายของเขาอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งอีกมาก

พลังของร่างกายหยาบคือพื้นฐานของแดนบาปอย่างแท้จริง

กฎธรรมชาติปกครองสวรรค์และโลก ตัวกฎเองไม่มีพลังและเพียงแค่ความรู้วิธีการอย่างหนึ่งเมื่อเข้าใจความรู้และวิธีการในกฎแล้วจะทำให้คนผู้หนึ่งประหยัดเรี่ยวแรงความพยายาม แต่ถ้าคนผู้นั้นไม่มีพลังในตอนแรกเลย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะรู้แจ้งกฎธรรมชาติลึกซึ้งเพียงไหนก็ตาม  เขาจะไม่สามารถขยับอะไรได้แม้แต่ก้อนกรวดก็ตาม

ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถีกฎถูกใช้จัดสร้างพลังงานเป็นประจำทำให้ประโยชน์ของพลังงานมีประสิทธิภาพขึ้นและแข็งแกร่ง

แต่แดนบาปไม่มีพลังงานเพื่อเปิดใช้พลังกฎธรรมชาติ พลเมืองแดนบาปสามารถคิดหาวิธีอื่นเพื่อใช้กฎธรรมชาติเหล่านั้น  และนั่นก็คือใช้ผ่านพลังกายภายนอกของพวกเขา

ตัวอย่างเช่นการควบคุมดาบสายลมของเบนสันโดยการใช้ร่างกายของเขา  เขาปรับร่างกายให้แข็งแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

นั่นยังเป็นเหตุผลที่เมื่อแม่เฒ่าตระกูลเซวียเห็นร่างกายที่แข็งแรงของถังเทียน  นางตัดสินใจซื้อเขา

สภาพร่ากายภายนอกของถังเทียนนั้นแข็งแรงมาก  ร่างพลังกายเป็นศูนย์มีพลังมากกว่าเมื่อเทียบกับคนในแดนบาป  เพราะมันผ่านการปรับสภาพร่างกายมาแล้ว  แต่ถังเทียนยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเบนสัน  เพราะความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติยังเป็นรองอีกฝ่ายหนึ่งช่วงใหญ่

ถังเทียนมีนิสัยไม่ท้อแท้ ขอบเขตแห่งความสูงและต่ำไม่เคยเป็นปัจจัยอย่างเดียวที่ใช้ตัดสินผู้ชนะและพ่ายแพ้  มิฉะนั้นเขาคงไม่เร่งร้อนเข้าไปในตระกูลมัวร์เพื่อช่วยหานปิงหนิงออกมา

จากพื้นฐานวิทยายุทธของเขา  เขารู้แจ้งมรรคาบู๊เป็นของตนเอง  นี่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นกฎธรรมชาติ  แต่เป็นกระบวนการคิดหรือแนวทางมุ่งสู่กฎธรรมชาติ  แต่สำหรับถังเทียน  นี่เป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา

ใช่ว่ากฎทั้งหมดจะบริสุทธิ์  บางสาขาก็แยกออกมาเป็นกฎธรรมชาติอื่นๆขณะที่กฎบางอย่างก็ผสานเข้ากับกฎอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น กฎอวกาศ กฎกาลเวลากฎเป็นตายทั้งหมดนี้เป็นกฎหลักของโลกเหมือนกับต้นไม้ที่แตกสาขาออกไปเป็นกฎอย่างอื่น

ใจของถังเทียนตึงทันที

‘กฎธรรมชาติก็เหมือนกับระบบวิชาต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ระบบวิทยายุทธมากมายก็เหมือนกับลำต้นของต้นไม้  เมื่อย้อนกลับไปยังต้นกำนิดและแยกส่วนออกก็ยังคงกลับไปที่วิทยายุทธพื้นฐานอยู่ดี

‘วิทยายุทธพื้นฐานคือจุดเริ่มต้นของวิทยายุทธ  ดังนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของวิทยายุทธทั้งปวง’

‘ดังนั้นกฎธรรมชาติก็ต้องมีกฎธรรมชาติพื้นฐานเหมือนกับวิทยายุทธพื้นฐานไม่ใช่หรือ?’

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา  ถังเทียนยิ่งตื่นเต้นมาก  ‘ถ้าข้าสามารถทำแนวคิดนี้ให้สำเร็จได้ก็จะทำให้มีพลังมากมาย!’ แต่เขารีบสงบจิตใจโดยเร็ว แม้ว่าจะเป็นความคิดที่ดี แต่สำหรับเขา มันยังไม่เข้ากับสภาพจริงๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย  เขาจำเป็นต้องเข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนก่อน

‘และทำไมข้าต้องไปไขว่คว้ากฎเหล่านี้รอบตัวข้าด้วย?  กฎธรรมชาติมีอยู่ในตัวข้าเช่นกัน  ทุกหมัดที่ข้าปล่อยออกไปล้วนแฝงไว้ด้วยกฎธรรมชาติทั้งนั้น’

ถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่งและเริ่มฝึกวิทยายุทธพื้นฐานทันที

วิทยายุทธพื้นฐานของเขาผ่านการฝึกฝนหนักและแก้ไขมานับครั้งไม่ถ้วนจนในที่สุดก็ถึงในระดับที่เขาเป็น และถูกปรับปรุงหลังจากผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน

ทันใดนั้นเขานึกถึงปัญหาที่เขาเคยมองข้ามมาก่อนหน้านั้น  ‘ถ้าวิทยายุทธพื้นฐานคือรากเหง้าของวิทยายุทธทั้งปวง อย่างนั้นทำไมวิทยายุทธเหล่านี้จึงมีระดับที่สูงส่งได้?  ถ้าที่มายิ่งทรงพลัง  อย่างนั้นการฝึกเฉพาะต้นแหล่งจะเพียงพอหรือไหม?’

‘ทำไมถึงจะมีวิทยายุทธระดับที่สูงขึ้น?  วิทยายุทธระดับสูงมีมากมายหลายแบบเมื่อเทียบกับวิทยายุทธพื้นฐาน  ดังนั้นจึงสามารถใช้พลังงานได้มากขึ้นและพลังจะสร้างประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น...’

วิทยายุทธพื้นฐานที่ถังเทียนกำลังฝึกฝนเริ่มเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนั้นเขาได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง  วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระหว่างนั้น  เขาฝึกวิทยายุทธมาหลายอย่าง  และโดยการซักซ้อมใช้งานวิทยายุทธเหล่านั้น  เขาเริ่มมีความเข้าใจบางอย่าง

‘ใช่แล้ววิทยายุทธพื้นฐานก็คือจุดเริ่มต้นของวิทยายุทธทั้งปวง แต่เหตุผลที่เพิ่มระดับของวิทยายุทธให้สูงส่งขึ้นเป็นเพราะความต้องการรูปแบบต่างๆ  รูปแบบต่างๆ เหล่านี้ถูกผลักดันมาจากวิทยายุทธพื้นฐาน และถ้าวิทยายุทธเหล่านั้นไม่ถูกขับเคลื่อนผลักดัน  จะไม่มีใครรู้วิทยายุทธต่างๆ เหล่านั้น’

‘แต่ถ้าพวกเขารู้จักรูปแบบต่างๆเหล่านี้แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่วิทยายุทธรูปแบบต่างๆเหล่านี้จะรวมเข้ากับวิทยายุทธพื้นฐาน?’

ถังเทียนเริ่มฝึกย้อนหลังทันที เขาเริ่มฝึกจากวิทยายุทธระดับสูงลงไปหาวิทยายุทธระดับล่าง

ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจของเขา

‘รูปแบบต่างๆทั้งหมดนี้คงอยู่ในวิทยายุทธพื้นฐาน เพียงแต่มองไม่เห็น เพียงเมื่อฝึกผ่านวิทยายุทธระดับสูง ผู้ฝึกจึงจะเข้าใจเป็นไปได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงคงอยู่ในตัววิทยายุทธพื้นฐานเอง’

วิทยายุทธพื้นฐานของถังเทียนเริ่มไม่ค่อยสร้างรูปแบบต่างๆนัก

เพราะเขาตระหนักได้ทันทีเมื่อฝึกจากวิทยายุทธระดับสูงลงไประดับล่าง วิทยายุทธพื้นฐานของเขาจะมีข้อบกพร่องบางอย่าง

เขาหมกมุ่นฝึกวิทยายุทธพื้นฐานของเขาไม่สนใจเกี่ยวกับความแข็งแรงทางกายซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย  ถ้ามีนักสู้ที่แข็งแกร่งมองเห็นเขา  พวกเขาอาจมองดูด้วยความตกใจก็ได้  วิทยายุทธพื้นฐานของถังเทียนลึกซึ้งเกินจะหยั่งและคาดเดาไม่ได้

‘จุดสูงสุด...’

‘อะไรจึงจะนับว่าเป็นจุดสูงสุด?’

ถังเทียนผู้ไม่รู้ทุกอย่างรอบตัวเขาเริ่มเติบโตขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด