ตอนที่ 704 ผลสะท้อน
ควั่บ
หานปิงหนิงรู้สึกถึงความผันผวนของพลังรอบตัวนางที่อธิบายไม่ถูกขณะที่พวกเขาหายไป นางรู้สึกผ่อนคลายและภาพที่อยู่ต่อหน้านางสลัวลง แต่ด้วยสายตาของหานปิงหนิง ความมืดไม่มีผลต่อนาง นางมองดูรอบๆ ด้วยความสงสัย
‘ห้องเก็บสินค้า?’
มีสินค้ามากมายวางไว้โดยรอบ แต่ไม่มีใครอื่น หานปิงหนิงผ่อนคลาย เนื่องจากว่าที่นั่นปลอดภัย
มีเสียงแว่วดังมาจากข้างนอก
“พี่หมิงจูหงุดหงิดคนแซ่ถังข้าไม่รู้ว่าคุณนายผู้เฒ่าคิดยังไงถึงได้ใช้เงินถึงสองแสนซื้อสวะอย่างนั้นมาได้”
“ใช่แล้ว! คนผู้นั้นเกียจคร้านมากหลับอุตุเหมือนหมูขณะเฝ้าคลังสินค้า เมื่อคุณชายฉินอยู่ที่นี่เขายังกรนเสียงดังสนั่น! เจ้าน่าจะได้เห็นว่าพี่หมิงจูมีสีหน้าแย่ขนาดไหน!”
“ตระกูลเซวียของเรายังคงเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาเก็บคนน่ารังเกียจแบบนั้นเอาไว้ รังแต่จะทำให้เราถูกหัวเราะเย้ยหยัน”
“เอ, อย่าพูดเสียงดังเกินไป พี่หมิงจูและคุณชายฉินไปดูเรื่องน่าสนใจข้างนอกพวกเขาน่าจะกลับมาเร็วๆ นี้”
“เกิดเรื่องวุ่นวายปั่นป่วนขนาดนั้น โอวพระเจ้าเมืองจะถล่มทลายหรือ? มันทำให้ข้ากลัวจริงๆ!”
“จริงด้วย มันเหมือนกับฟ้าผ่าเลย...”
เสียงฝีเท้าดังห่างออกไป
หานปิงหนิงหันมามองดูถังเทียน ถังเทียนทำหน้าอึดอัดใจโชคดีที่เขายังสวมหน้ากากและนางไม่สามารถพูดได้ เขาสบถด่าผู้หญิงทั้งสองในใจ ‘บังอาจนินทาลับหลังหนุ่มชาวฟ้า ยัยตัวแสบทั้งสองคน!’
แต่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะสนทนากัน เขากระซิบ “ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก่อน คืนนี้ข้าจะกลับมา”
“ตกลง” หานปิงหนิงไม่ลังเล คลังสินค้ามีขนาดใหญ่มาก มีสินค้ากองไว้อยู่มากมายทุกที่ ก็คือเขาวงกตดีๆนี่เอง และเป็นเรื่องง่ายที่จะซ่อนคนไว้ข้างใน
ถังเทียนให้หน้ากากและธงกับหานปิงหนิง “หาที่ซ่อนของเหล่านี้ไว้”
ของทั้งสองอย่างเด่นชัดก้าวร้าวที่สุด ถ้าใครอื่นมาเห็นเข้า พวกเขาจะตกอยู่ในความยุ่งยาก ‘ข้าจะพูดอะไรได้,ธงงี่เง่าที่โบกสะบัดอยู่เหนือเมือง มันน่าเกลียดเกินไป เฮ้อ.. น่าอาย ขายหน้าจริงๆ..’
ถังเทียนพยักหน้าให้หานปิงหนิงและเปิดประตูคลังสินค้าออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้ว หานปิงหนิงสงบใจลงได้ ความแตกตื่นความกังวลและความกลัวสองสามวันก่อนหายไปไม่เหลือร่องรอย เมื่อคิดถึงการต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นแม้แต่ราชินียะเยือกอย่างนางก็ยังอดมีความรู้สึกพลุกพล่านไม่ได้
นางควบคุมสภาพจิตใจของนางให้สงบลงอีกครั้ง
นางรู้ดีว่าการต่อสู้นั้นเป็นแค่เพียงบทเริ่มต้น เมื่อถังเทียนลงมือ เขาจะไม่มีทางหยุด ดวงตาที่เหมือนมีน้ำแข็งคลุมของนางมีแววมุ่งมั่น ‘นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือโอกาสจะได้ต่อสู้เคียงข้างกับเขา?’
‘ในที่สุดข้าก็ตามเจ้าทัน’ สภาพใจของนางสงบเป็นพิเศษ
นางนั่งขัดสมาธิและเริ่มฟื้นฟูพลังของนาง
นางมีนิสัยเงียบ แม้ว่าพลังของนางจะถูกสกัดเอาไว้เป็นเวลาสองสามวัน แต่นางไม่เคยยอมแพ้ พยายามอย่างหนัก นางฝึกฝนร่างพลังกายเป็นศูนย์ แต่ด้วยจิตใจที่กระจ่างของนาง นางรู้ถึงเอกลักษณ์ของแดนบาป นางสังเกตอย่างเงียบๆและรู้สึกถึงกฎธรรมชาติที่มีอยู่ทุกที่
นางฟื้นคืนอิสรภาพ ศึกใหญ่กำลังจะเริ่ม นางทิ้งความคิดไปทั้งหมดและเริ่มตั้งสมาธิฝึกฝน
**********************
ถังเทียนหลบเลี่ยงคนเดินผ่านทางไปอย่างระมัดระวังและในที่สุดก็กลับมายังที่พักของเขาโดยไม่ทำให้ใครแตกตื่น เขามองดูชุดของตัวเขาเองดาบสายลมจากเบนสันทำให้ชุดของเขาฉีกขาดรุ่งริ่ง
เขารู้สึกโชคดีที่ตระกูลเซวียค่อนข้างจะมีเสื้อผ้ามากมาย และเตรียมไว้ให้เขาหลายชุด แม้ว่าชุดเหล่านั้นเป็นชุดง่ายๆ แต่ถังเทียนรู้สึกยินดี
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วถังเทียนตระหนักว่าแผลบนร่างกายของเขาเริ่มตกสะเก็ดแล้ว
ถังเทียนรู้ว่าร่างพลังกายเป็นศูนย์มีความก้าวหน้าอีกครั้ง หลังจากกำจัดพลังงานทั้งหมดแล้ว อาศัยแต่เรี่ยวแรงล้วนๆ มันเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อทั้งหมดและกระดูกในร่างเขากลายเป็นมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น ตราบใดที่อวัยวะสำคัญไม่ได้รับบาดเจ็บ แผลของเขาก็สามารถหายเองได้
ถังเทียนสลัดตัวเบาๆทำให้สะเก็ดแผลทั้งหมดร่วง เผยให้เห็นผิวที่สะอาดราวกับไม่เคยมีแผลมาก่อน
ถังเทียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเขาเริ่มได้รับผลสะท้อนจากการต่อสู้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขวางทางเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของแดนบาป และเขาได้รับผลตอบแทนมากมาย เขาต้องยอมรับว่าวิทยายุทธแดนบาปเป็นมรรคาวิทยายุทธแนวใหม่ซึ่งเชื่อมตรงระหว่างกฎธรรมชาติกับร่างกาย
พอคิดดูแล้ว ถังเทียนได้เห็นประจักษ์ระบบวิทยายุทธสามแบบแตกต่างกันมาแล้ว สวรรค์วิถี ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และแดนบาปล้วนแตกต่างกัน ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีพลังงานหนาแน่นและก่อให้เกิดเซียนโดยธรรมชาติที่มีความสามารถในการใช้พลังงานในระดับที่คาดไม่ถึง แดนบาปตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่มีพลังงานแต่อย่างใด แต่มีกฎธรรมชาติอยู่ทุกที่และมองเห็นได้ชัดเจน สวรรค์วิถีเป็นที่ผสมผสานระบบทั้งสองแบบเข้าด้วยกันมีการเชื่อมโยงกับพลังงานและสามารถสร้างจิตวิญญาณลึกลับได้
ระบบวิทยายุทธต่างกันสามรูปแบบ ระบบแต่ละอย่างมีจุดดีเป็นของตนเองและยากจะแยกแยะจุดดีและจุดด้อยได้
วิถีของแดนบาปเหมาะสมกับถังเทียนมากที่สุด
การรู้แจ้งกฎของเบนสันทรงพลังและลึกซึ้งมากกว่าเมื่อเทียบกับผิงเสี่ยวซาน ถังเทียนใช้กฎพิเศษรับมือหอกเพลิงแดง แต่กับมีดสายลมของเบนสันกลับไม่มีประโยชน์
การต่อสู้ระหว่างกฎแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการต่อสู้ระหว่างพลังงาน
ความขัดแย้งระหว่างพลังงานยังมีมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับปริมาณ ยิ่งเป็นพลังงานที่สมบูรณ์และหนาแน่นมักเป็นจุดสำคัญของการชี้ชัยชนะ การขัดแย้งระหว่างกฎธรรมชาติขึ้นอยู่กับคุณภาพและความลึกซึ้งของการเข้าใจกฎธรรมชาติ ยิ่งเข้าใจมากพลังก็มาก
ถังเทียนค่อยๆหาประสบการณ์และเรียนรู้ สถานการณ์ของเขาแตกต่างจากพวกที่เหลือ ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของเขามีขีดความสามารถในการก้าวหน้าในแดนบาปซึ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งผ่านกฎธรรมชาติได้ จุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่ออยู่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถี เนื่องจากทั้งสองที่นี้มีพลังงาน แต่ในแดนบาปกลับไม่มีปัญหา กฎธรรมชาติมีอยู่โดยรอบเหมือนเหมือนกับทางน้ำที่ไม่มีน้ำ เปล่าเปลือย ใครๆก็หยิบขึ้นมาได้ ขอเพียงก้มหน้ามองดู
ปัญหาในตอนนี้ก็คือทางน้ำขนาดใหญ่ที่กระจัดกระจายไปด้วยกฎธรรมชาติเหล่านี้ จะเลือกกฎใดดี นั่นเป็นคำถามใหญ่ที่สุด
ตัวอย่างเช่นด้วยกฎพิเศษกฎธรรมชาติพิเศษของวิชาพรางตัวตระกูลผิงมีรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งในความคิดของถังเทียนมีอยู่สองสามวิธีที่สร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ แต่ถังเทียนก็รู้เช่นกันเขาสามารถใช้กฎธรรมชาติเหล่านี้ได้เป็นเพราะเขามีความได้เปรียบจากการมีร่างพลังกายเป็นศูนย์ แต่การรู้แจ้งของเขาในแต่ละกฎธรรมชาติยังตื้นเขิน และด้วยการผสมผสานอย่างนั้น เขาจึงสามารถใช้การผสมผสานกฎเหล่านั้นลวงคนอื่น ดาบสายลมของเบนสันไม่นับกระไรได้เนื่องจากเป็นกฎระดับรองๆ แต่เขาสามารถขับไล่การโจมตีของเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ถังเทียนจ่อนิ้วกับริมฝีปากขณะที่เขาไตร่ตรอง แม้ว่าเพลิงสุญญตาจะทรงพลัง แต่มันอาจจะลดพลังลงมากมายในแดนบาป เนื่องจากไม่มีพลังงานในแดนบาป ความสามารถของพลังทำลายล้างใช้ได้ไม่มาก แต่ร่างพลังกายเป็นศูนย์กลับมีความก้าวหน้า หมายความว่าพลังร่างกายของเขาอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งอีกมาก
พลังของร่างกายหยาบคือพื้นฐานของแดนบาปอย่างแท้จริง
กฎธรรมชาติปกครองสวรรค์และโลก ตัวกฎเองไม่มีพลังและเพียงแค่ความรู้วิธีการอย่างหนึ่งเมื่อเข้าใจความรู้และวิธีการในกฎแล้วจะทำให้คนผู้หนึ่งประหยัดเรี่ยวแรงความพยายาม แต่ถ้าคนผู้นั้นไม่มีพลังในตอนแรกเลย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะรู้แจ้งกฎธรรมชาติลึกซึ้งเพียงไหนก็ตาม เขาจะไม่สามารถขยับอะไรได้แม้แต่ก้อนกรวดก็ตาม
ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถีกฎถูกใช้จัดสร้างพลังงานเป็นประจำทำให้ประโยชน์ของพลังงานมีประสิทธิภาพขึ้นและแข็งแกร่ง
แต่แดนบาปไม่มีพลังงานเพื่อเปิดใช้พลังกฎธรรมชาติ พลเมืองแดนบาปสามารถคิดหาวิธีอื่นเพื่อใช้กฎธรรมชาติเหล่านั้น และนั่นก็คือใช้ผ่านพลังกายภายนอกของพวกเขา
ตัวอย่างเช่นการควบคุมดาบสายลมของเบนสันโดยการใช้ร่างกายของเขา เขาปรับร่างกายให้แข็งแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
นั่นยังเป็นเหตุผลที่เมื่อแม่เฒ่าตระกูลเซวียเห็นร่างกายที่แข็งแรงของถังเทียน นางตัดสินใจซื้อเขา
สภาพร่ากายภายนอกของถังเทียนนั้นแข็งแรงมาก ร่างพลังกายเป็นศูนย์มีพลังมากกว่าเมื่อเทียบกับคนในแดนบาป เพราะมันผ่านการปรับสภาพร่างกายมาแล้ว แต่ถังเทียนยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเบนสัน เพราะความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติยังเป็นรองอีกฝ่ายหนึ่งช่วงใหญ่
ถังเทียนมีนิสัยไม่ท้อแท้ ขอบเขตแห่งความสูงและต่ำไม่เคยเป็นปัจจัยอย่างเดียวที่ใช้ตัดสินผู้ชนะและพ่ายแพ้ มิฉะนั้นเขาคงไม่เร่งร้อนเข้าไปในตระกูลมัวร์เพื่อช่วยหานปิงหนิงออกมา
จากพื้นฐานวิทยายุทธของเขา เขารู้แจ้งมรรคาบู๊เป็นของตนเอง นี่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นกฎธรรมชาติ แต่เป็นกระบวนการคิดหรือแนวทางมุ่งสู่กฎธรรมชาติ แต่สำหรับถังเทียน นี่เป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา
ใช่ว่ากฎทั้งหมดจะบริสุทธิ์ บางสาขาก็แยกออกมาเป็นกฎธรรมชาติอื่นๆขณะที่กฎบางอย่างก็ผสานเข้ากับกฎอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น กฎอวกาศ กฎกาลเวลากฎเป็นตายทั้งหมดนี้เป็นกฎหลักของโลกเหมือนกับต้นไม้ที่แตกสาขาออกไปเป็นกฎอย่างอื่น
ใจของถังเทียนตึงทันที
‘กฎธรรมชาติก็เหมือนกับระบบวิชาต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ระบบวิทยายุทธมากมายก็เหมือนกับลำต้นของต้นไม้ เมื่อย้อนกลับไปยังต้นกำนิดและแยกส่วนออกก็ยังคงกลับไปที่วิทยายุทธพื้นฐานอยู่ดี
‘วิทยายุทธพื้นฐานคือจุดเริ่มต้นของวิทยายุทธ ดังนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของวิทยายุทธทั้งปวง’
‘ดังนั้นกฎธรรมชาติก็ต้องมีกฎธรรมชาติพื้นฐานเหมือนกับวิทยายุทธพื้นฐานไม่ใช่หรือ?’
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ถังเทียนยิ่งตื่นเต้นมาก ‘ถ้าข้าสามารถทำแนวคิดนี้ให้สำเร็จได้ก็จะทำให้มีพลังมากมาย!’ แต่เขารีบสงบจิตใจโดยเร็ว แม้ว่าจะเป็นความคิดที่ดี แต่สำหรับเขา มันยังไม่เข้ากับสภาพจริงๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย เขาจำเป็นต้องเข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนก่อน
‘และทำไมข้าต้องไปไขว่คว้ากฎเหล่านี้รอบตัวข้าด้วย? กฎธรรมชาติมีอยู่ในตัวข้าเช่นกัน ทุกหมัดที่ข้าปล่อยออกไปล้วนแฝงไว้ด้วยกฎธรรมชาติทั้งนั้น’
ถังเทียนมีความคิดอย่างหนึ่งและเริ่มฝึกวิทยายุทธพื้นฐานทันที
วิทยายุทธพื้นฐานของเขาผ่านการฝึกฝนหนักและแก้ไขมานับครั้งไม่ถ้วนจนในที่สุดก็ถึงในระดับที่เขาเป็น และถูกปรับปรุงหลังจากผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน
ทันใดนั้นเขานึกถึงปัญหาที่เขาเคยมองข้ามมาก่อนหน้านั้น ‘ถ้าวิทยายุทธพื้นฐานคือรากเหง้าของวิทยายุทธทั้งปวง อย่างนั้นทำไมวิทยายุทธเหล่านี้จึงมีระดับที่สูงส่งได้? ถ้าที่มายิ่งทรงพลัง อย่างนั้นการฝึกเฉพาะต้นแหล่งจะเพียงพอหรือไหม?’
‘ทำไมถึงจะมีวิทยายุทธระดับที่สูงขึ้น? วิทยายุทธระดับสูงมีมากมายหลายแบบเมื่อเทียบกับวิทยายุทธพื้นฐาน ดังนั้นจึงสามารถใช้พลังงานได้มากขึ้นและพลังจะสร้างประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น...’
วิทยายุทธพื้นฐานที่ถังเทียนกำลังฝึกฝนเริ่มเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนั้นเขาได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระหว่างนั้น เขาฝึกวิทยายุทธมาหลายอย่าง และโดยการซักซ้อมใช้งานวิทยายุทธเหล่านั้น เขาเริ่มมีความเข้าใจบางอย่าง
‘ใช่แล้ววิทยายุทธพื้นฐานก็คือจุดเริ่มต้นของวิทยายุทธทั้งปวง แต่เหตุผลที่เพิ่มระดับของวิทยายุทธให้สูงส่งขึ้นเป็นเพราะความต้องการรูปแบบต่างๆ รูปแบบต่างๆ เหล่านี้ถูกผลักดันมาจากวิทยายุทธพื้นฐาน และถ้าวิทยายุทธเหล่านั้นไม่ถูกขับเคลื่อนผลักดัน จะไม่มีใครรู้วิทยายุทธต่างๆ เหล่านั้น’
‘แต่ถ้าพวกเขารู้จักรูปแบบต่างๆเหล่านี้แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่วิทยายุทธรูปแบบต่างๆเหล่านี้จะรวมเข้ากับวิทยายุทธพื้นฐาน?’
ถังเทียนเริ่มฝึกย้อนหลังทันที เขาเริ่มฝึกจากวิทยายุทธระดับสูงลงไปหาวิทยายุทธระดับล่าง
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจของเขา
‘รูปแบบต่างๆทั้งหมดนี้คงอยู่ในวิทยายุทธพื้นฐาน เพียงแต่มองไม่เห็น เพียงเมื่อฝึกผ่านวิทยายุทธระดับสูง ผู้ฝึกจึงจะเข้าใจเป็นไปได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงคงอยู่ในตัววิทยายุทธพื้นฐานเอง’
วิทยายุทธพื้นฐานของถังเทียนเริ่มไม่ค่อยสร้างรูปแบบต่างๆนัก
เพราะเขาตระหนักได้ทันทีเมื่อฝึกจากวิทยายุทธระดับสูงลงไประดับล่าง วิทยายุทธพื้นฐานของเขาจะมีข้อบกพร่องบางอย่าง
เขาหมกมุ่นฝึกวิทยายุทธพื้นฐานของเขาไม่สนใจเกี่ยวกับความแข็งแรงทางกายซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้ามีนักสู้ที่แข็งแกร่งมองเห็นเขา พวกเขาอาจมองดูด้วยความตกใจก็ได้ วิทยายุทธพื้นฐานของถังเทียนลึกซึ้งเกินจะหยั่งและคาดเดาไม่ได้
‘จุดสูงสุด...’
‘อะไรจึงจะนับว่าเป็นจุดสูงสุด?’
ถังเทียนผู้ไม่รู้ทุกอย่างรอบตัวเขาเริ่มเติบโตขึ้น