ตอนที่ 703 สมบัติเทพชิ้นแรก อัญมณีสร้างโลก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เย่ว์หยางเดินออกมาในสภาพทุลักทุเล มีบาดแผลเต็มไปทั้งตัว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียรีบเข้ามาถามเขา “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้บาดเจ็บอย่างนั้น?”
“ภาพของเสี่ยวโฉ่ว ราชาใจสิงห์ จักรพรรดิชื่อตี้และจ้าวปีศาจโบราณไม่มีอะไรเลย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นร่างที่เกิดจากพลังเทพและต่อให้เป็นพลังจริง ข้าก็ไม่กลัวพวกเขาแม้แต่น้อย แต่มันอาจมีผลได้เปรียบทางจิตใจต่อข้า จื้อจุนก็อยู่ภายในนั้น และไม่ว่ายังไง ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่สามารถจะยื้อได้ต่อไป ข้าจึงต้องเผ่นออกมาสูดอากาศข้างนอกก่อน ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิอวี้ไม่ธรรมดาขนาดไหนถึงอยู่ในนั้นได้หนึ่งวัน!” เย่ว์หยางรู้สึกหดหู่ใจ เขาคิดว่าแม้ว่าเขาจะไม่สามารถทันเสวี่ยอู๋เสียได้ แต่เขาคงไม่แย่กว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ใครจะรู้ว่าเขาต้องรีบเผ่นออกมาในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“ครึ่งชั่วโมงก็นับว่าดีมากแล้ว การทดสอบของข้าครั้งก่อนอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที หลังจากทดสอบไปเป็นสองสามพันครั้งข้าถึงสามารถค้นพบสนามพลัง” เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเย่ว์หยางมีอาการหดหู่ใจ นางถึงกับใจอ่อนและรีบปลอบโยนเขา
“พักสักครู่เถอะ จากนั้นค่อยเข้าไปทดสอบทีหลัง!” เสวี่ยอู๋เสียรู้ว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อยังไม่เคยลองดูเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าได้จริงๆ
เย่ว์หยางรวบรวมความกล้าและเข้าไปในประตูตายอีกครั้ง
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
“ว้ากกกกกก!” เย่ว์หยางเผ่นหนีตายออกมาในสภาพทุลักทุเล
ครั้งนี้แก้มซ้ายของเขาบวมตุ่ย เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นริ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะเพลิงอมฤต เขาคงกลายเป็นชีเปลือยไปแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียประคองเขาและใช้พลังรักษาเขาร่วมกันคนหนึ่งคอยนวดไหล่เหมือนกับภรรยาที่คอยปรนนิบัติสามี อีกคนหนึ่งหาน้ำให้เขาดื่ม
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูเวลาและชื่นชม “รอบนี้มากกว่าเดิมห้านาที ฝึกต่อไปจะต้องทำได้ถึงหนึ่งชั่วโมงแน่”
อย่างไรก็ตาม เสวี่ยอู๋เสียคัดค้าน “อย่างน้อยต้องสามชั่วโมง ความจริงตราบใดที่เจ้าอดทนได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางอยู่ในประตูตายน้อยกว่าที่นางทำได้
นอกจากนี้ นางไม่ต้องการให้สนามพลังของเขาด้อยกว่าของตัวนาง
เมื่อเผชิญกับสองสาวผู้ตั้งความหวังไว้กับเขาอย่างแรงกล้า เย่ว์หยางไม่กล้าแสดงความอ่อนแอ เขาฮึดลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้าไปในประตูตายเพื่อฝึกฝนต่อ
ครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้ง
เขาจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งกันที่เขาถูกจื้อจุนไล่ทุบตีอยู่ในนั้น แต่เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ยอมรับ ทุกครั้งที่เขาอยู่ข้างใน เขาจะอยู่กับที่เป็นเวลาอย่างน้อยห้านาทีขึ้นไป ไม่มีขีดจำกัดหนึ่งชั่วโมง ไม่มีขีดจำกัดสามชั่วโมง ความคิดของเย่ว์หยางยังคงอยู่จนกระทั่งเขาปฏิเสธความคงอยู่ของจื้อจุนที่ถูกพลังเทพกับพลังจิตที่ตกค้างสร้างขึ้นมา
ถ้าเขาไม่สามารถผ่านเกณฑ์พื้นฐานเล็กๆ อย่างนั้น แล้วเขาจะสร้างสนามพลังสำเร็จได้ยังไง?
สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการไม่ง่ายเหมือนการใช้เวลาชั่วโมงเดียว ไม่พอใช้ความเข้าใจเท่านี้สร้างสนามพลังเล็กๆ ได้
สิ่งที่เขาต้องการก็คือบางอย่างเหมือนที่จื้อจุน เจตจำนงของปราณราชันย์ที่ปฏิเสธทุกอย่าง มองลงมายังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และประสบผลสำเร็จได้ปณิธานสูงสุด!
บางทีอาจถูกลองไปแล้วถึงร้อยครั้ง แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่านี่คือครั้งที่ 101 ของเขาแล้วที่ปล่อยให้จื้อจุนเข้ามาทุบเขาคว่ำกับพื้น ภาพลวงตาภายในทั้งหมดถูกปฏิเสธรวมทั้งภาพจื้อจุนสองสามร้อยภาพที่ถูกสร้างขึ้นมา แม้ว่ากระแสความคิดจะไม่มีผลต่อหัวใจปราณราชันย์ของเย่ว์หยาง เพียงแต่ร่างจื้อจุนที่ถูกสร้างร่างแรกมิอาจปฏิเสธได้
เมื่อนางยกมือขวา นางสร้างจุดดำทำลายล้าง
เย่ว์หยางมีความรู้สึกได้ถึงความตาย... ถ้าเขาไม่หลบ เขาจะตายอยู่ที่นี่แน่นอน
เขาควรจะหลบขณะที่เขายังมีโอกาสก่อนหรือเขาควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปและปฏิเสธความมีอยู่ของนาง? ถ้าเขาตาย อย่างนั้นเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล่า?
แล้วแม่สี่, ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อเล่า? นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ลึกลับของมารดาสหายผู้น่าสงสารก็ยังคลี่คลายไม่เสร็จ เขายังไม่ได้ช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหลบหนีจากผนึกหลุมดำเลย เขายังไม่ได้อบรมเลี้ยงดูเสี่ยวเหวินหลีให้ดี หรือตั่วตั่วเลย เขายังจะทำให้เทพธิดากระบี่ฟ้าต้องผิดหวัง ... เขาจะตายที่นี่จริงๆ หรือ?
ที่สำคัญ เขาเป็นคนช่างหมกมุ่นจริงๆ หรือ?
แม้ว่าเขาจะบังเอิญได้พบกับนักพรตเฒ่า แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากพี่น้องหงส์เพลิง
เขาไม่สามารถปฏิเสธฟ้าและสร้างชีวิตของตัวเองได้หรือ? เป็นไปได้หรือที่ทุกอย่างจะถูกทำลายภายใต้ตะวันฉายนี้?
“....” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเข้าสู่สภาวะใจที่เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน เมื่อเผชิญกับความตาย ครั้งแรกที่เขาคิดอย่างใจเย็นก็คือเขาไม่กลัว ไม่เสียใจ แต่อ่านประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาอีกครั้ง ในการทบทวนลักษณะนี้ เขาได้รับผลสะท้อนและมีการค้นพบใหม่ อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะได้รับมากมายเพียงไหน ก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะเขากำลังจะตาย หนีหรือ? ไม่ ถ้าเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับความตายอย่างใจเย็นได้ แม้จื้อจุนที่รู้กันว่าเป็นภาพลวงตาก็ยังปฏิเสธไม่ได้ ถ้าต้องขึ้นไปยังแดนสวรรค์ บางทีเขาอาจจะถูกผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างจิ่วเซียว, ซิวคงฆ่าตายในท่าเดียวได้ และหลังจากผ่านการทดสอบความตายได้ เขาจึงจะมีอนาคต เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะทำยังไง ได้แต่ตัดสินใจรั้งอยู่
“ทำไมเจ้าไม่หนี?” จื้อจุนถามและหยุดกะทันหัน
“เจ้าพูดได้ด้วยหรือ?” เย่ว์หยางตกใจ หรือว่าจื้อจุนที่โจมตีเขานี้เป็นตัวจริง? ถ้านางเป็นคนจริงๆ แล้วเขาจะใช้ใจปฏิเสธได้ยังไง!
“เพราะสถานการณ์ของเจ้าพิเศษเล็กน้อย เพื่อเป้าหมายให้เจ้ามีประสบการณ์และเผชิญกับความตายได้ดีกว่า ข้าเลยใช้วิธีนี้” จื้อจุนหันกายและเดินจากไป “ไม่เพียงแต่เจ้าผ่านการทดสอบประตูตาย แต่เจ้ายังคงผ่านการทดสอบหัวใจปราณราชันย์อีกด้วย จงตั้งใจเรียนรู้ให้ดี เจ้าน่าจะมีการรู้แจ้งได้มากมาย!”
“โฮ่ย..จะเป็นลม!” เพียงแค่นั้นเย่ว์หยางกลับได้สติ
ก่อนหน้านี้ เมื่อนางใช้ปณิธานเหนือธรรมชาติของนางข่มปณิธานของเย่ว์หยาง จึงทำให้เขาเห็นภาพลวงตาแห่งความตาย
ตอนนี้พอเย่ว์หยางตระหนักเรื่องนี้ได้ว่า มิน่าเล่าสองพี่น้องหงส์เพลิงถึงไม่ออกมาช่วยเขาเลย เหตุผลเป็นเพราะจื้อจุนสร้างความรู้สึกนี้ซึ่งมีปณิธานไร้ต่อต้าน แต่ในฐานะนักสู้ปราณราชันย์เขาต้องมองผ่านม่านพลังเป็นตาย และไม่สามารถสร้างปณิธานปราณราชันย์ได้
ในอนาคตหากไม่มีปณิธานปราณราชันย์ กฎสวรรค์ที่เขาควบคุมได้คงจะไม่มีผลมาก
แม้ว่าเขายังไม่กลายเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จื้อจุนได้เบิกทางให้เย่ว์หยางก้าวเดินไปตามเส้นทางพลังราชันย์ศักดิ์สิทธิ์...การเข้าใจสนามพลังเป็นระดับก้าวแรก มีเคล็ดหัวใจปราณราชันย์และจิตตานุภาพสูงสุดเป็นก้าวที่สอง การเข้าใจกฎสวรรค์เป็นขั้นที่สาม
เย่ว์หยางสัมผัสรอยปูดบวมเบาๆ ใบหน้าเขาและใจของเขากระจ่างชัดเจนขึ้นทันที
ทำไมจื้อจุนถึงรออยู่ในประตูตาย? งั้นนางก็จงใจรอเขา!
หลายอย่างที่นางทำเพื่อตัวนางเองไม่เคยมีคำอธิบาย แต่ความเพียรพยายามที่นางทำอยู่ในความเงียบ ก็ยากจะเข้าใจได้
“ข้าจะต้องเพียรพยายามอย่างหนัก ถ้าข้าไม่สามารถรู้แจ้งสนามพลังหลัก ข้าจะไม่ออกไป!” เย่ว์หยางมองในตำแหน่งที่จื้อจุนหายไป แม้ว่านางจะออกไปแล้วและไม่ได้ยินเสียงของเขาอีกต่อไป แต่เย่ว์หยางก็พูดไม่ออก เขารู้สึกว่าเขาเป็นตัวโง่งม ความจริงเขาน่าจะแสดงความเพียรพยายามนี้ต่อหน้าเทพธิดากระบี่ฟ้าไปแล้ว ทำไมต่อหน้าจื้อจุนเขาจะทำไม่ได้เล่า
ผ่านไปหนึ่งวัน
เย่ว์หยางยังไม่ออกมา
สองวัน, สามวัน, เย่ว์หยางอยู่ในโลกประตูตายเป็นเวลาสามวัน แต่เขายังไม่ออกมา
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต่างก็กังวล ไม่ใช่เพราะพวกนางไม่มั่นใจในตัวเขา แต่เป็นเพราะเขาอยู่ในนั้นนานเกินไป ในใจพวกนาง พวกนางต้องการเข้าไปดูในประตูตาย แต่พวกนางเกรงว่าถ้าเขาอยู่ในช่วงวิกฤติของการรู้แจ้งพวกนางจะกลายเป็นผู้รบกวนการฝึกปรือของเขา
พวกนางพยายามข่มความคิดฝืนปลอบใจตนเองรอเขา
ทุกครั้งที่จักรพรรดินีราตรีมา นางจะคอยปลอบโยนพวกนางเพียงไม่กี่คำก่อนจะจากไป
ในวันที่สาม ทั้งเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกใจเมื่อเห็นจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีมา หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา?
“อย่ากังวลไปเลย เขายังปลอดภัย ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าเขากำลังจะทำได้สำเร็จ ดังนั้นข้าจึงออกมาดูเป็นพิเศษ ต้องใช้เวลาสามวันในการรู้แจ้งเชียวหรือ? เป็นสนามพลังที่เหลือเชื่อจริงๆ!” เสียงของจักรพรรดินีราตรีเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทำให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกประหลาดใจและดีใจที่ได้ยิน
“ใช่แล้ว, เขากำลังจะออกมา” หลังจากรออยู่นาน จื้อจุนพยักหน้าและจากไป
ดูเหมือนนางรู้สถานการณ์ของเย่ว์หยาง
สิบวินาทีหลังจากจื้อจุนออกไป
พลังงานแปลกประหลาดและลึกลับค่อยๆ ไหลออกมาจากประตูตายและบ่าท่วมเข้าไปในประตูเป็นตาย
แม้แต่ลี่เยี่ยน สาวขี้เมาและคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ที่ปะรำแท่นบูชาประตูเป็นก็ยังรู้สึกถึงพลังงานนี้ได้ชัด พวกนางมองดูด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีไม่มีพลังงานที่สามารถผ่านออกมาจากประตูเป็นตาย มีแต่เพียงพลังเทพและสำนึกเทพที่คงอยู่ที่นี่ ตอนนี้พลังงานลึกลับที่ด้านประตูตายไหลท่วมผ่านพื้นที่และก่อเป็นสนามพลังงานได้อย่างง่ายดาย
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งลงจากบันไดแท่นปะรำ
และมายืนรอรับการกลับมาของเย่ว์หยาง
บุรุษคนหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยรัศมีแสงสีทองค่อยๆ เดินออกมาในมือของเขามีดวงแก้ววิเศษเจ็ดสี
ก่อนจะออกจากประตูเป็นตาย แก้วมณียังคงดูดซับพลังเทพและสำนึกเทพในภายในนั้น เพียงแต่เมื่อเย่ว์หยางก้าวออกมาก้าวแรกและอยู่ในระดับเดียวกับแท่นปะรำมันจึงค่อยๆ หยุด สายตาที่แหลมคมของเสวี่ยอู๋เสียพบว่ามุกอัญมณีนั้นก็คือลูกปัดลึกลับที่เย่ว์หยางได้รางวัลจากการผ่านด่านวิหารสิบสองนักษัตรครบถ้วนนั่นเอง นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะสามารถดูดซับสำนึกเทพและพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ เหมือนกับคัมภีร์โบราณของนาง แสงแปลกประหลาดส่องประกายออกจากร่างเย่ว์หยาง เป็นแสงแปลกประหลาดเหมือนตอนที่เย่ว์หยางได้รับรางวัลชัยชนะสมรภูมิมรณะจากสี่แดนสวรรค์
คราวนี้แสงศักดิ์สิทธิ์ยิงออกมาจากร่างเย่ว์หยางเข้าไปในมุกวิเศษหลากสีสันนั้น
แสงวิเศษ พลังเทพและสำนึกเทพหลอมรวมเข้าในภายในมุกนี้
กลายเป็นมุกวิเศษแพรวพราว
เย่ว์หยางกรีดนิ้วและหยดเลือดลงบนมุก
พลังงานชนิดหนึ่งที่ลึกลับและกว้างไกลยิ่งกว่าดาบเทพจักรพรรดิอวี้หรือผนึกเทพจักรพรรดิอวี้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ด้วยปณิธานของเย่ว์หยาง มันคลุมรอบประตูเป็นตายไว้หมด
พลังกฎของประตูเป็นตายดูเหมือนจะถอยรั้งออกไปสามก้าว แม้แต่ลี่เยี่ยนและสาวขี้เมาก็ยังวิ่งเข้ามาดูด้วย พวกนางไม่ได้รับผลกระทบอะไร
บางทีนี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“นี่คือรูปแบบที่สมบัติเทพเกิดขึ้นสินะ” การล่องหนของจักรพรรดินีราตรีในสนามพลังดาราราย ทำให้ร่างนางไม่ชัด แต่ภายใต้การค้นพบของเย่ว์หยางทำให้สนามพลังของนางแทบสูญเสียประสิทธิภาพในการพรางตัว จักรพรรดินีราตรีลืมเรื่องนี้ไปหมด และพึมพำด้วยความตื่นเต้น “มุกต้นกำเนิด แหล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ผสานกับพลังเทพและสำนึกเทพพร้อมกับเลือดเป็นจุดเริ่มต้น เกิดเป็นอัญมณีใหม่ ใช่แล้วนี่คืออัญมณีสร้างโลกซึ่งสร้างขึ้นจากปณิธานราชันย์ และพลังเทพทั้งสองสร้างจากเนื้อธาตุเดียวกัน!”
“เฮ้อ...” เย่ว์หยางไม่ได้ยินเสียงของจักรพรรดินีราตรี ทั้งไม่เห็นร่างของนาง เมื่อใจของเขารอดออกมาจากสภาวะเครื่องมือเทพที่แปลกประหลาด ขาของเขาก้าวมาถึงบันไดแท่นปะรำโดยไม่รู้ตัวว่าออกมาจากประตูตายแล้ว เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าไปกอดประคองเขาไว้ทั้งคู่
ความดีใจที่ไม่อาจบรรยายแสดงออกผ่านการกอดครั้งนี้
ยากจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้
สมบัติเทพนี้ ในที่สุดเย่ว์หยางก็มีสมบัติเทพเป็นของตัวเองชิ้นแรก และเป็นของเขาทั้งหมด
นี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างด้วยตนเอง และเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่จะอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต
อัญมณีสร้างโลก!