ตอนที่ 702 การต่อสู้บนถนนตะวันตก
ตอนแรกเบนสันต้องการจะคุยสักสองสามคำต่อหน้าทุกคนที่มาจากตระกูลใหญ่ของแดนบาป และคนที่ไม่คล้อยตามเริ่มโจมตีจะถูกมองว่าเป็นคนหยิ่ง
‘หยิ่งยโสอย่างแท้จริง’
ถังเทียนว่องไวมากระหว่างที่ภาพเงาตามหลังพร่าเลือน หน้ากากผีของเขากลายเป็นน่ากลัวอย่างมาก ตอนนี้ดวงตาที่มีแววกระตือรือร้นและสงบในตอนแรกเหมือนมีเปลวไฟ ความตั้งใจต่อสู้ของเขาถูกปล่อยออกมา! คลื่นพลังที่ถูกสร้างขึ้นจากการเตะดูเหมือนจะกลายเป็นความร้อน
เบนสันยิ้มแต่ไม่ขยับ อีกฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแสดงออกว่าเขารู้แจ้งกฎธรรมชาติบนเส้นทาง เขาคือคู่ต่อสู้ที่เต็มไปด้วยจิตตานุภาพที่ไม่น่าสงสัยเลย
‘แต่..เจ้าคิดหรือว่าเจ้าสามารถเอาชนะได้โดยอาศัยแค่จิตตานุภาพ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว’
เบนสันก้าวถอยหลัง มือของเขาแบออกและกระแสอากาศเริ่มไหลเข้ามาหาฝ่ามือของเขา ปัง, เขารวบนิ้วทั้งห้าของเขาทันที อากาศบิดเบี้ยวและภาพวัตถุลวงตาปรากฏขึ้น ดาบเล่มหนึ่งปรากฏในมือของเขา
รัศมีของเบนสันเปลี่ยนไปทันที ร่างที่ตอนแรกนิ่งเงียบและอดทนกลายเป็นกระตือรือร้นทันที
เช้ง มันดังเหมือนกับดาบถูกชักออกจากฝัก ภาพลวงตาลงจากด้านบนและฟันใส่ถังเทียน
ตาของถังเทียนหรี่แคบ และภาพลวงตาเป็นประกายวับเหมือนกับสายฟ้า แต่ความตั้งใจต่อสู้ของถังเทียนอยู่ที่จุดสูงสุดของมัน ร่างของเขาทั้งหมดเป็นเหมือนกับภูเขาไฟพร้อมกับลาวาที่ไหลออกมาไม่มีที่สิ้นสุด สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
‘มาเลย!’
เขาคำรามในใจ
‘มาเลย! มาเลย!’
เสียงคำรามดังลั่นดูเหมือนสะท้อนไปไม่สิ้นสุด
เขาไม่มีเจตนาจะหลบดาบลวงตา เขาต้านรับไว้แทน และในกลางอากาศเขาพลิกกายทันทีและยกขาขวาเหมือนขวานยักษ์และตวัดฟันลงไป
ปัง!
พลังที่รุนแรงสองสายปะทะกัน พลังคลื่นที่มองเห็นได้ระเบิดออกและกวาดไปทั่วถนนตะวันตก!
คลื่นระเบิดสั่นสะเทือนกำแพง เสียงหวีดหวิวทะลุทะลวงทำให้ทุกคนตกอยู่ในอาการตกใจ ทุกคนกระตุ้นพลังป้องกันตนเอง ยอดฝีมือผู้มีพลังเพียงแต่สั่น ขณะที่นักสู้ที่อ่อนแอกว่าถูกผลักถอยไปเจ็ดแปดก้าว
ผิงเสี่ยวซานมองดูคลื่นระเบิดและร่างของเขากระพริบ เขาโดดสูงขึ้นไปยี่สิบเอ็ดเมตรและหลบคลื่นระเบิดได้
แต่เมื่อเขาก้มศีรษะลงดู หน้าของเขาซีดขาว ที่ซึ่งคลื่นระเบิดกวาดผ่าน จะมีรอยแผลนับไม่ถ้วนตลอดถนนตะวันตก รอยฟันเลื่อยคมกวาดผ่านไปทั่วสถานที่
น่ากลัวเกินไป!
ผิงเสี่ยวซานที่กลัวถอยกลับไปยี่สิบเมตรก่อนจะหยุดไว้ได้
สายตาของเขามองดูคนทั้งสองในระยะไกล เขาไม่อยากเชื่อสายตาของเขา ถังเทียนไม่ได้เสียเปรียบเลยจริง แม้ว่าเขาจะแพ้ถังเทียนเมื่อคืนก่อน แต่เขารู้ว่าพลังของถังเทียนไม่ธรรมดา แต่แม้ว่าเขาจะคาดว่าถังเทียนทรงพลัง แต่เขาพบว่าคงไม่แตกต่างกันนัก
‘อยู่ในระดับเดียวกับเบนสันเชียวหรือ? นั่นคือความใฝ่ฝันแล้ว...’
แต่เมื่อดูภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้เขาหัวเราะไม่ออก พลังฝีมือที่ถังเทียนแสดงออกมาพิสูจน์ได้ถึงทุกสิ่ง ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวเขาคิดเพิ่มทันทีและค่อนข้างกังวล
ถ้าถังเทียนเป็นวีรบุรุษไร้ชื่อ เขาก็ยังจะรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าบ้าง แต่ในสายตาคนอย่างเบนสัน เขาเป็นแค่คนไร้ค่า
การต่อสู้ที่ถนนตะวันตกทวีความรุนแรงขึ้น
กระแสความกราดเกรี้ยวของอากาศรุนแรงแหลมคม และส่งเสียงหวีดหวิวผ่านไปตามถนนตะวันตก ดอกหวายสีม่วงปลิวขึ้นไปในอากาศ เมื่อปะทะกับกระแสอากาศก็ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงลงเหมือนสายฝนปกคลุมไปทั้งถนน
ในฉากภาพที่เหมือนฝนตกนี้ ร่างสองร่างกระพริบไปรอบๆเหมือนกับประกายไฟต่างไล่กวดกันและบางคราวก็ปะทะกัน
เสียงระเบิดจากการปะทะของพวกเขาดังกึกก้องไปทั้งเมืองจื่อจวน
ถังเทียนหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้อย่างสมบูรณ์
สาเหตุอย่างหนึ่งเป็นเพราะความตั้งใจต่อสู้ก่อตัวในใจของเขามานานแล้วไม่มีที่ระบายออก นอกจากนี้การสะกดข่มจากสภาวะรู้แจ้งทำให้ความตั้งใจนั้นเพิ่มขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน แค่ประกายไฟเล็กน้อยก็จุดชนวนให้เขาได้
อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเบนสันแข็งแกร่งทรงพลัง
เบนสันฝึกกฎธรรมชาติพิเศษมาเฉพาะไม่เหมือนใครดาบลับสายลม กฎธรรมชาติแห่งดาบ หลังจากฝึกฝนตัวเองมาเป็นทศวรรษ วิชาดาบของเขาอิ่มเต็ม เต็มไปด้วยกฎธรรมชาติลม เดี๋ยวเบาและนุ่มนวล เดี๋ยวหนักหน่วงและรุนแรงเดี๋ยวแข็งและทำลายล้าง เดี๋ยวบางและคม สามารถเปลี่ยนไปได้ทุกนาที
ดาบสายลมในมือของเบนสันเป็นสิ่งที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้เหมือนแส้ เขาสามารถสลายหรือเปิดได้ทุกวินาที ถังเทียนได้รับความลำบากสองสามครามีบาดแผลหลายแห่งบนร่างกายเขา
บุคลิกของถังเทียนเข้มแข็งและหนักแน่น เขาพบการโจมตีความแข็งแกร่งด้วยความแข็งแกร่งยิ่งศัตรูแข็งแกร่งขึ้น ความตั้งใจสู้ของเขาก็ยิ่งมากขึ้นและไม่มีการหวั่นเกรง
ในแง่ความแข็งแกร่ง ถังเทียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเบนสัน การควบคุมดาบสายลมของเบนสันลึกซึ้งต่างจากถังเทียนที่เพิ่งเป็นมือใหม่เข้าใจกฎธรรมชาติ แต่ความอยากรู้อยากเห็นและสภาพจิตใจที่ทรงพลังของเขา และยังมีจิตตานุภาพที่ดุร้ายระเบิดพลังสุดยอดออกมาทำให้เขาสู้ได้เสมอ เขาฝึกสภาพร่างพลังกายเป็นศูนย์มานาน และอยู่ในแดนบาปได้อย่างสบาย ทำให้เขามีอิสระมาก นอกจากการรู้แจ้งแล้ว เขาเหมือนปลาที่ปราดเปรียว
เพิ่มทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ถังเทียนจึงน่ากลัวพอกัน
ชิ้ว ธนูสายลมแทงที่ชายโครงของถังเทียนเปลี่ยนเป็นละอองเลือดก่อนจะสูญสลายไปและถูกพัดหายไปในความยุ่งเหยิง
ถังเทียนไม่สนใจ ตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่เบนสัน เสียงหวีดแหลมดังเข้ามาใกล้ในขณะที่เขาปล่อยหมัดออกไป เปลวเพลิงแดงคลุมรอบหมัดของถังเทียนพุ่งออกมาเหมือนกับมังกรเชิดศีรษะสูง
ตาของเบนสันหดลีบ นี่คือหมัดที่สร้างขึ้นจากหอกเพลิงแดง!
เขาแค่นเสียงดาบสายลมในมือกลายสภาพเป็นล่องหน ขณะที่ดาบแตกสลายในอากาศ
วินาทีต่อมาร่างลวงตาสายหนึ่งปะทะกับหมัดเพลิงแดง
ปัง!
เพลิงแตกสลายมีใยสีดำหม่นไม่ทราบออกมาจากที่ใดรัดใส่ข้อมือของเบนสัน
ใยแมงมุมลับ!
กฎธรรมชาติเหล่านี้ไม่มีทางมัดเบนสันได้อยู่แน่ เขาแค่นเสียงดาบสายลมในมือของเขาหายไปอีกครั้งและเปลี่ยนเป็นชิ้นดาบเรียวบางสิบเล่มเหมือนกับผลึกน้ำแข็ง ดาบเหล่านั้นพันใส่ข้อมือเขาและทำลายใยแมงมุมออกไป
เบนสันหรี่ตา ไอน้ำที่ระเหยอยู่รอบๆข้อมือของเขายิงออกไปทันที
ติงติง ติง!
เกิดการปะทะกันทำให้ดาบล่องหนในอากาศสั่นสะท้าน กลายเป็นประกายไฟที่เกิดจากการปะทะกันอย่างชัดเจน
นั่นคือดาบล่องหนของหัวหน้าฮั่วที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด!
เป็นครั้งแรกของเบนสันที่พบกับคู่ต่อสู้ที่ประหลาดอย่างนั้น กระบวนท่าทั้งสามเป็นไม้ตายสุดยอดของกลุ่มของหัวหน้าฮั่ว แต่ในการปะทะฝีมือกันเพียงครั้งเดียว เขาก็เรียนรู้ได้ทั้งหมดแล้ว! แม้ว่าระดับการควบคุมจะยังตื้นอยู่ แต่ก็นับว่าเรียนรู้ไปแล้ว และเขาสามารถเปลี่ยนกฎธรรมชาติที่เขาใช้ได้อย่างรวดเร็วทำให้ยากจะป้องกันคู่ต่อสู้ของเขาได้
ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือดเกินกว่าร้อยกระบวนท่า วิทยายุทธของพวกเขาไม่เคยซ้ำแบบแสดงให้เห็นว่าการรู้แจ้งกฎไม่ตื้นเขินและอ่อนแอเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะเบนสันมีประสบการณ์ต่อสู้มามากมาย เขาคงต้องมือไม้ปั่นป่วนขณะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ประหลาดอย่างนั้น
ถ้าเป็นเพียงแค่นั้น เขาสามารถทำให้เขาสับสนได้มากที่สุด นอกจากกาล,อวกาศ, ความเป็นตายทั้งสามนี้คือกฎพื้นฐานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผลดีผลเสียของกฎอื่นไม่ต่างกันมากนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เรียนรู้แล้ว แต่เป็นความเข้าใจในกฎธรรมชาติได้ลึกซึ้งขนาดไหน ตราบใดที่ความเข้าใจรู้แจ้งมีลึกซึ้งเพียงพอ กฎหนึ่งๆ ก็สามารถแตกย่อยได้เป็นล้านๆ กฎและนั่นคือเหตุผลที่ซ่อนอยู่ ในประวัติศาสตร์เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับคนที่เข้าใจกฎและกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง
ดาบสายลมของเบนสันไม่ได้สร้างจากกฎระดับสูง แต่ในมือของเขา มันกลับกลายเป็นทรงพลังได้
อีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะเพิ่งเข้าถึงกฎธรรมชาติเพียงไม่กี่กฎ แต่เพราะมีความแตกต่างกันมากจึงไม่ค่อยมีคนทำเช่นนั้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เป็นแค่เพียงลูกเล่นเล็กน้อยที่ทำให้เบนสันหลงทาง
เมื่อเป็นอย่างนั้นเขาจึงไม่กลัว
แต่สามารถก่อกวนเบนสันได้ยาวนาน ไม่เพียงแต่เขาอาศัยความรู้แจ้งกฎตื้นๆเท่านั้น แต่ยังแสดงสภาพร่างกายที่ทรงพลังอีกด้วย
เบนสันได้รับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่อายุเยาว์วัย สภาพร่างกายของเขาเหนือกว่าใครๆ หลายคน แต่การต่อสู้โดยส่วนตัวของเขาเบนสันรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
กฎธรรมชาติต่างๆเหล่านั้นใช้งานโดยร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจึงสามารถปลดปล่อยพลังขนาดนั้นออกมาได้
ดาบสายลมของเขาแตกสลายอย่างง่ายดายภายใต้หมัดเพลิงแดง แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งยังไงก็ยังทำให้เขาสั่นสะท้านได้ นั่นคือการโจมตีโดยใช้กายหยาบล้วนๆ
ความถี่ในการโจมตีก็สูงมากความเปลี่ยนแปลงในเคล็ดวิชาก็เร็วมาก เกินกว่าใครจะเข้าใจได้ ในเวลานั้นการแข่งกันโจมตีมีหลากหลายรูปแบบ
ผู้ชมทั้งหมดกำลังมึนงงกับการต่อสู้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักสู้ที่ทรงพลังอย่างเบนสันจะลงมือสู้ ใครก็ตามที่ต้องการท้าทายเบนสันก็หมายความว่าพวกเขาต้องการทำลายความสัมพันธ์กับตระกูลมัวร์
เนื่องจากเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ทุกคนลืมตาโพลงเกรงว่าพวกเขาจะพลาดรายละเอียดบางอย่างไป
ถนนตะวันตกกลายเป็นเวทีประลองยุทธสำหรับคนสองคน พื้นกระจุยกระจายเป็นหลุมขนาดใหญ่ หินก้อนใหญ่ก้อนน้อยและหวายม่วงถูกถอนรกลากออกมาได้รับความเสียหายหนักไม่มีเหลือให้เห็น
เมื่อการต่อสู้ขยายวงออกมาอย่างนี้ใครจะสนใจเรื่องถนนกันเล่า?
ทั้งสองเป็นเหมือนสายฟ้าสองสายไล่ล่ากันอย่างไม่หยุดยั้ง
“บุรุษผู้นี้ตั้งใจสู้เพื่อยกระดับอย่างแท้จริง” มือกระบี่คนหนึ่งพึมพำ เขาลอยตัวอยู่ในอากาศสังเกตการสู้รบอย่างเงียบๆ
เมื่อมาถึงตอนนี้บุรุษหน้ากากผียังคงสู้ได้อย่างสง่างามด้วยความหลงใหลการต่อสู้เหมือนกับดวงไฟที่ไม่เคยมอดดับ อาการบาดเจ็บทั้งหมดที่ต้องเอาใจใส่ดูเหมือนไม่ส่งผลต่อเขา ราวกับว่าร่างกายของเขาไม่มีวันล้มลง
ความแข็งแกร่งไม่สามารถคงอยู่ได้ นั่นคือสิ่งที่ทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ทุกคนมีประสบการณ์ดีและรู้กันทั้งนั้น
การโจมตีเต็มกำลังไม่สามารถยั่งยืนอยู่นาน เมื่อพลังของคนผู้หนึ่งสลาย ก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียสัญชาตญาณที่เกี่ยวข้องไป
เบนสันที่กำลังต่อสู้เริ่มเก็บพลังของเขาโดยไม่รู้ตัว การปะทะของพวกเขาส่วนใหญ่ที่ปะทะกันโดยตรงหมายความว่ากินเรี่ยวพลังงานไปมหาศาล แต่บุรุษหน้ากากผีดูเหมือนไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลย
การใช้พลังโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ใช่การเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด ต่อให้มีพลังร่างกายที่น่าทึ่งเขาก็จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน
ในอากาศมีคนสองสามคนมองดูการต่อสู้อย่างตั้งใจ
ในสนามต่อสู้ถังเทียนเริ่มได้เปรียบเบนสัน เบนสันยังคงถอยต่อเนื่องภายใต้การโจมตีต่อเนื่องของถังเทียน แต่ยอดฝีมือผู้มีประสบการณ์จะสังเกตได้ว่าแม้ว่าเบนสันจะถอย แต่ฝีเท้าและจังหวะก้าวไม่สับสน
เบนสันเหมือนนักล่าเจ้าเล่ห์ อดทนรอโอกาสซุ่มโจมตี
เบนสันสงบเยือกเย็นมาก เขาสามารถรู้สึกได้ว่าการโจมตีของคู่ต่อสู้จะกลายเป็นน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แต่เขารู้เช่นกันว่านั่นเป็นแสงสุดท้ายก่อนอาทิตย์อัสดงค์และสัญญาณที่เป็นจุดแข็งของอีกฝ่ายก็จะจบลง ความกลัวว่าเรี่ยวแรงจะหมดทำให้อีกฝ่ายเร่ง อีกฝ่ายต้องการจะจบการต่อสูให้รวดเร็ว
แต่น้อยคนจะคิดได้ว่ามันกินแรงเร็วขนาดไหน
เบนสันยังคงสงบ เขาลอบออมแรงของเขาไว้รอคอยโอกาสเมื่ออีกฝ่ายหมดแรงและเปิดเผยจุดอ่อน
แค่จุดอ่อนเดียวก็พอ
หลังจากต่อสู้นาน เขาค่อนข้างเข้าใจชัดถึงพลังของบุรุษหน้ากากผี ตราบใดที่มีจุดอ่อนช่องว่าง เขามั่นใจว่าสามารถฆ่าเขาได้
ทันใดนั้น เขาสังเกตว่าขาอีกฝ่ายหนึ่งเตะด้วยความเคลื่อนไหวช้า
‘ตอนนี้แหละ!’
เบนสันระเบิดพลังงานออกมาทันที ดาบสายลมในมือของเขาเงื้อสูงและลมรอบตัวพวกเขาหยุดนิ่ง
“ดาบสายลม”
เสียงของเขาหนักแน่นสะท้านหัวใจทุกคน
ดาบสายลมในมือของเขาละลายเหมือนน้ำแข็งและเปลี่ยนลมพายุที่มองไม่เห็น
ลมพายุจับเป้าหมายไว้แล้วความรู้สึกถึงอันตรายหนาแน่นทะลักผ่านตัวถังเทียนทั้งหมด
บุรุษหน้ากากผียังคงเยือกเย็นเป็นปกติ ตาของเด็กหนุ่มเฉยเมย เหมือนกับว่าพลังทั้งหมดของเขายังเหลือเฟือ
เบื้องหลังหน้ากาก เขาหัวเราะเบาๆ
หึหึ