ตอนที่ 701 ประตูเป็นประตูตาย
บนชั้นที่สิบหอทงเทียน ในทางขาดทำลาย ยังมีพื้นที่มิติที่ถูกผนึกเอาไว้เรียกว่าประตูเป็นตาย
เย่ว์หยางได้ยินจากผู้เฒ่าหนานกงมานานแล้ว และจากเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหมือนกัน มิติที่ถูกผนึกไว้พิเศษนี้กล่าวกันว่าเป็นจุดทดสอบที่สร้างขึ้นโดยยอดฝีมือที่ทรงอานุภาพจากโลกยุคโบราณ ตามกฎของยุคโบราณ มีแต่เพียงนักสู้จากหอทงเทียนผู้สามารถอยู่ในนั้นได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงได้จึงจะมีคุณสมบัติเข้าแดนสวรรค์ แน่นอนว่านี่เป็นระเบียบประเพณี เพราะสงครามใหญ่เมื่อหกพันปีที่แล้วทำให้ช่องมิติเข้าแดนสวรรค์ถล่มพังพลาย แดนสวรรค์และหอทงเทียนจึงสูญเสียการติดต่อกันโดยตรง และค่อยๆ ห่างเหินกันไป
การฝึกฝนในประตูเป็นตายมีผลเล็กน้อยต่อการยกระดับของนักสู้
จะมีผลดีต่อจิตและปณิธานเท่านั้น
กล่าวกันว่าคนที่แข็งแรงพอๆ กับจักรพรรดิอวี้ก็ยังไม่สามารถอยู่ในนั้นได้เต็มวัน
จักรพรรดิชื่อตี้ ราชาเฮยอวี้และคนอื่นอยู่ในนั้นได้ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง คนอื่นอย่างซุ่นเทียน, องค์ชายดำและประมุขนิกายพันปีศาจอยู่ได้เพียงห้านาที
“นี่เป็นภาพลวงตาและโลกจริง ถ้านักสู้ไม่สามารถรักษาสภาพใจของเขาได้ อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถอยู่ภายในนั้นได้แม้แต่วินาทีเดียว ประตูเป็นตายนั้นมีคำกล่าวว่ายิ่งก้าวไปได้หนึ่งก้าว ก็เท่ากับชนะตนเองได้” จักรพรรดินีราตรีขอให้เย่ว์หยางวางงานค้นคว้าอักษรรูนจากวิหารนำทางไว้ชั่วคราวและไม่ต้องลังเลในการกลั่นเลือดพญาคชสารและติดตามนางมาที่ประตูเป็นตายในชั้นที่สิบหอทงเทียนเพื่อรับประสบการณ์บางอย่าง “เด็กน้อย, เจ้ายกระดับได้ไม่เลว และความเร็วในการฝึกปรือของเจ้ารวดเร็วมาก เจ้ายังไม่ตระหนักว่าความแข็งแกร่งของสนามพลังของเจ้ายังไม่ได้รับผลของสนามพลังที่เข้มแข็งอย่างแท้จริงใช่ไหม? มาเถอะ, หลังจากมีประสบการณ์ในประตูเป็นตาย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะได้ครอบครองสนามพลังใหม่และแท้จริง”
“สนามพลังที่แท้?” เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาตื่นเต้นเล็กน้อย
เพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลก, วงจักรนิรันดร, ระเบิดดวงดาว, หลุมดำกลืนกิน
เย่ว์หยางมีพลังของสนามพลังเฉพาะแบบ พลังของสนามพลังเฉพาะบางอย่างนี้บ้างก็ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่สนามพลังอื่นยังไม่สำแดงพลังเต็มที่ บางส่วนก็ยังควบคุมไม่ได้ มีปรากฏมาเรื่อยๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด พลังของสนามพลังของคนอื่นแทบทั้งหมดกินพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีรูปร่างครึ่งวงกลมหรือเป็นลูกบอลทรงกลมสร้างผลบางอย่างภายในพื้นที่
พลังของสนามพลังของเขาแตกต่าง และมีรูปแบบต่างๆ
นอกจากนี้บางสนามพลังอาจเปลี่ยนวัตถุประสงค์ได้ อย่างเช่นเพลิงอมฤตเปลี่ยนไปตามปณิธานของเย่ว์หยาง
สนามพลังของคนอื่นไม่เปลี่ยนรูป หรืออาจเปลี่ยนภายในขอบเขตที่จำกัด เมื่อเจ้านายเคลื่อนออกไปจากสนามพลัง ผลของสนามพลังจะสลายไป
มีแต่สนามพลังของเย่ว์หยางที่มีความเฉพาะแบบ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะเขายังไม่เชี่ยวชาญเต็มที่ ตอนนี้พอเขาคิดมากขึ้นอีกเล็กน้อย เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของสนามพลังของเขาผิดปกติเล็กน้อย ถ้าเขาไม่เชี่ยวชาญเลย อย่างนั้นนั่นเป็นเพราะเหตุผลอย่างหนึ่ง ความเข้าใจที่แท้จริงหรืออย่างสมบูรณ์เชื่อได้ว่าเป็นเหตุผลหนึ่งนั่นเอง ถ้าเพลิงอมฤต วงจักรล้างโลกและวงจักรนิรันดรไม่ใช่สนามพลังที่แท้ของเย่ว์หยาง อย่างนั้นอะไรคืออำนาจสนามพลังที่แท้จริงของเขา
“สถานการณ์ของเจ้าพิเศษเล็กน้อยและเจ้าครอบครองสนามพลังหลายชนิด แต่ข้าขอแนะนำแนวทางเจ้า ตอนนี้สนามพลังต่างๆ ไม่ได้เป็นของเจ้า เป็นแค่ผลพลอยได้ที่เกิดจากร่างกายพิเศษของเจ้า คนอื่นๆ ไม่มีแบบนี้ และสนามพลังเหล่านี้เองทำให้เจ้าละเลยสนามพลังที่เป็นของตัวเจ้าเอง ถ้าเจ้าไม่สร้างสนามพลังหลักของตัวเองให้แล้วเสร็จก่อนเชี่ยวชาญหัวใจปราณราชันย์และกฎสวรรค์ ก็อาจจะส่งผลต่อความสำเร็จและการต่อสู้ในอนาคตของเจ้า ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ข้ารู้สึกว่าข้าควรจะเตือนเจ้าให้ใช้เวลาและสมาธิทำความเข้าใจสนามพลังหลักนี้ก่อน ด้วยสนามพลังนี้ และพลังกฎสวรรค์ เจ้าก็จะควบคุมอนาคตจะเป็นรากฐานที่ดีที่สุดในการเติบโตแก่กล้า” คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยางรู้สึกแจ่มแจ้ง ราวกับว่าหน้าต่างในใจของเขาเปิดออกฉับพลัน
“เมื่อคิดดูแล้ว ก็คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ...” เย่ว์หยางดีใจ
“อู๋เสียกับเชี่ยนเชี่ยน พวกนางมีผลเก็บเกี่ยวที่ดีในประตูเป็นตาย ตอนนี้อี้หนานและปิงเอ๋อกำลังฝึกปรือกันอย่างหนัก” จักรพรรดินีราตรีพาเย่ว์หยางไปที่ประตูเป็นตายในหอทงเทียนชั้นที่สิบ อธิบายลำดับการทดสอบและความยากลำบากของประตูเป็นตาย
ประตูเทเลพอร์ตเข้าประตูเป็นตายมีอยู่แล้ว
ประตูนี้มีขนาดใหญ่มหึมาไม่มีใดเทียบ
เสาของประตูบนด้านหนึ่งจะมืด มีปีศาจตนหนึ่งเกาะขอบประตูขนาดใหญ่
ประตูด้านหนึ่งมีทูตสวรรค์สองตนคิ้วหลุบ เหมือนกับว่าพวกเขากำลังเคลื่อนลงมา รูปเทวทูตทั้งสองคอยค้ำขอบประตูเพื่อไม่ให้ขอบหินกดทับไหล่ของเทพธิดาที่สวมมงกุฏ
ขอบด้านบนของประตูเป็นรูปมังกรขนาดใหญ่โผลหัวออกมาอ้าปากและพ่นไฟ
ภายใต้ปากของมันมีอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้ด้วยอักษรรูนสวรรค์ : ประตูเป็นตาย
หลังจากผ่านกระแสวังวนสีทองของพลังงาน เย่ว์หยางและสหายของเขามี ลี่เยี่ยน สาวขี้เมาและคนอื่นๆ ผ่านเข้าไปที่ด้านบนของแท่นปะรำบูชา
ประตูเทเลพอร์ตทองบนแท่นบูชาก็คือทางออก มีบันไดหกขั้นทอดลงมา ช่องว่างขนาดใหญ่นั่นคือประตูเป็นตายที่แท้จริง
“ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเทียบเท่ากับการเอาชนะตนเอง” เสียงไพเราะของจักรพรรดินีราตรีถามขึ้น “พวกเจ้าคนใดจะเข้าไปก่อน? จำเอาไว้ ทั้งหมดเป็นภาพลวงตา แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามันจริง อย่างนั้นมันก็จะจริง”
“ข้าขอไปก่อน!”
ลี่เยี่ยนค่อนข้างกังวล นางก้าวยาวแซงหน้าเย่ว์หยางและเข้าไปในประตูเป็นตายที่ไม่เห็นที่สุด
อย่าว่าแต่เป็นเรื่องไม่จริงเลย ต่อให้เป็นความจริงพลังปราณฟ้าระดับห้าของนางก็สามารถทนการทดสอบได้ นี่เป็นเพียงพื้นฐานมาตรฐานของนักสู้ของหอทงเทียนจะต้องรับเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ ไม่มีเหตุผลอื่นที่นางจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ลี่เยี่ยนก้าวเข้าโลกประหลาดอย่างระมัดระวัง มีแต่ความว่างเปล่าไม่มีอะไรสามารถแบกรับสิ่งต่างๆ ได้
เมื่อเท้าขวาของนางก้าวเข้าไปและเท้าซ้ายนางยังค้างอยู่บนบันได มีร่างหนึ่งในพื้นที่ข้างหน้านาง เงาร่างหนึ่งเริ่มส่องประกายอย่างเหลือเชื่อ มีนักสู้แดนสวรรค์ระดับหนึ่งวัยกลางคน ผมสีแดงร่างโชกเลือดวิ่งออกมา เมื่อเขาเห็นลี่เยี่ยนเขาเหยียดแขนออกและร้องลั่น “ลูกพ่อ! ช่วยพ่อด้วย...” ตาของลี่เยี่ยนเบิกกว้างทันที และสั่นไปทั้งตัว บิดาของนาง เป็นบิดาของนางจริงๆ!
มีสองร่างปรากฏอยู่ด้านหลังบิดานาง ทั้งที่อยู่ต่อหน้าลี่เยี่ยนพวกเขาควงกระบี่และขวานฟันใส่บิดานางจนตาย
“ไม่!”
ลี่เยี่ยนอยู่ในสภาวะสับสน ขณะที่นางระเบิดความโกรธ
นางไม่อาจทนดูบิดาที่นางเคารพถูกฆ่าได้ คำพูดทั้งหมดที่จักรพรรดินีราตรีพูดก่อนหน้านั้นสูญสลายหายไปทันทีไม่เหลือ ฉากภาพที่สมจริงขนาดนี้จะกลายเป็นของปลอมได้ยังไง? นี่คือบิดาของนางชัดๆ! เป็นเพราะนางตัดสินใจว่าบิดาของนางจะถูกศัตรูที่ทรงพลังฆ่า ความเสียใจและความโกรธของลี่เยี่ยนทำให้นางระเบิดพลังนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าที่น่ากลัวออกมา นางปล่อยหมัดใส่ศัตรูที่ฆ่าบิดาของนาง
ศัตรูที่ทรงพลังทั้งสองกระเด็นออกไปทันที
อย่างไรนก็ตามเสี่ยวโฉ่วมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังลี่เยี่ยน
หลังศีรษะของลี่เยี่ยนถูกขาของเสี่ยวโฉ่วเตะใส่อย่างรวดเร็วโดยไม่มีโอกาสหลบเลี่ยง ขณะที่ลี่เยี่ยนกำลังเอาชนะการลอบโจมตี นางเอื้อมมือคว้าเสี่ยวโฉ่วได้และเตรียมจะหักกระดูกของเขา หมัดของราชาใจสิงห์ซึ่งไวกว่าสายฟ้ากระแทกใส่หน้าของลี่เยี่ยนจนนางทรุดตัวลง
หัวหน้าลี่เยี่ยนร่วงลงกับพื้นครวญครางล้มอยู่ใกล้ร่างของบิดาของนาง
นางต้องการเอื้อมมือไปคว้าศีรษะของบิดานางออกมาจากกองเลือด แต่เสี่ยวโฉ่วกลับเหยียบย่ำที่ศีรษะ...
“ไม่!” ลี่เยี่ยนดิ้นรนลุกขึ้นยืนและสู้ด้วยพลังทั้งหมดและเตรียมพร้อมจะพังพินาศไปพร้อมกับอีกฝ่าย ต่อให้นางต้องตายที่นี่นางจะไม่ยอมให้เสี่ยวโฉ่วคนที่ทำลายศพบิดานางได้มีชีวิตอีกต่อไป ขณะที่นางกระโจนเข้าหาเสี่ยวโฉ่วนางรู้สึกเจ็บด้านหลังของนาง ศพไร้ศีรษะของบิดานางใช้พลังฟันใส่นางจริง นี่เป็นไปไม่ได้ บิดานางโจมตีนางได้ยังไง? นอกจากนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเขาตายไปแล้ว แม้แต่ศีรษะก็ถูกเสี่ยวโฉ่วตัดขาดและเสี่ยวโฉ่วกำลังเหยียบย่ำอยู่
“เจ้ากำลังมองหาสิ่งนี้อยู่?” ศพไร้ศีรษะยกศีรษะที่ตาโพลงแดงเป็นสายเลือด ปากของศพด้วยด้วยสำเนียงแปลกประหลาด
“เป็นไปไม่ได้!”
ใจของลี่เยี่ยนแทบจะพังทลาย ขณะที่นางรู้สึกถึงพลังดึงดูดกลับไปทันที
เมื่อนางถูกลากกลับมาที่แท่นปะรำด้วยแรงฉุดดึง นางถึงตระหนักได้ว่าเย่ว์หยางเอื้อมมือฉุดดึงนางกลับมา
เมื่อนางถอนขาขวาของนางกลับมา ภาพเสี่ยวโฉ่ว ราชาใจสิงห์ ศพของบิดานางและนักฆ่าทั้งสองคนหายไปไม่เหลือร่องรอย เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยปรากฏอยู่ตรงนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อลี่เยี่ยนแตะที่ปากของนาง นางตระหนักได้ว่านางถูกราชาใจสิงห์ทุบตีเล่นงานจนกระอักโลหิต ความจริงแม้แต่พลังฟาดฟันของร่างบิดานางก็สร้างรอยแผลไว้ที่หลังของนางด้วย
ร่างของนางได้รับบาดเจ็บจากภาพลวงตา!
ความแตกต่างที่เทียบกับภาพลวงตาในตอนนี้ก็คือ อาการบาดเจ็บเบากว่าเล็กน้อย
“เจ้าลืมทุกอย่างที่ข้าบอกไป และเชื่ออย่างผิดพลาดว่าจิตใจเจ้าอ่อนแอซึ่งนั่นก็คือเรื่องจริง ภาพลวงตาจึงกลายเป็นจริงได้ เจ้าต้องปฏิเสธความคิดทั้งหมดนี้ และปล่อยให้มันผ่านไป” จักรพรรดินีราตรีกล่าว
“เข้าใจแล้ว” เวลานี้ลี่เยี่ยนไม่กล้าดูแคลนการฝึกฝนของนักสู้ของหอทงเทียนอีกต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางดูการจับเวลาในมือของสาวขี้เมา นางยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้น
นางไม่สามารถทนอยู่ได้กว่าหนึ่งนาทีขณะที่มาตรฐานตั้งไว้ที่หนึ่งชั่วโมง แม้ว่านางจะมีพลังชั้นปราณฟ้าระดับห้า แต่พลังป้องกันทางจิตใจของนางอ่อนแอมาก เมื่อเผชิญกับพลังใจที่อ่อนแออย่างนั้น ใจของนางไม่อาจต้านรับการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว
เย่ว์หยางยิ้มให้นาง
ความจริงในชั้นที่หนึ่งของหอทงเทียน มีวิหารนักษัตรอยู่สองแห่งที่มีการทดสอบคล้ายกัน
วิหารคนคู่และวิหารเทพสตรี ทั้งสองวิหารนี้ไม่ใช่สถานที่ซึ่งคนธรรมดาจะดำรงอยู่ได้ วิหารคนคู่คือขีดจำกัดทางวิญญาณที่ท้าทายตนเอง วิหารเทพสตรียังน่ากลัวยิ่งกว่าแม้แต่ความอ่อนแอที่ลับที่สุดในหัวใจก็ยังถูกเปิดเผยเต็มที่และตรงใจมากที่สุด ถ้าเย่ว์หยางไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเสวี่ยอู๋เสียและคนอื่น ก็คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะผ่านวิหารเทพสตรีซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการทดสอบที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์
คนเดียวผู้ผ่านวิหารจักรราศีได้ทั้งหมดก็คือเย่ว์หยาง การเข้าไปในประตูเป็นตายนี้ ความรู้สึกที่มีในใจของเขาแตกต่างจากความรู้สึกของลี่เยี่ยน
เขาก้าวไปบนอากาศ
ศัตรูที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น ต่อมาก็ซุ่นเทียน องค์ชายดำ, ประมุขนิกายพันปีศาจ ราชาเฮยอวี้ เสี่ยวโฉ่ว ราชาใจสิงห์ จักรพรรดิชื่อตี้และแม้กระทั่งจ้าวปีศาจโบราณ... ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีแบบไหนอย่างไร เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นตาบอด เมื่อคนเหล่านี้ฉีกกระชากเย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นเป็นชิ้นและเคี้ยวกิน เย่ว์หยางก็ยังคงยิ้มเต็มหน้าไม่ลงมือแต่อย่างใด
เย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงวิ่งเข้ามาหาเย่ว์หยางโดยมีคนร้ายมากมายวิ่งไล่ตาม
พวกนางร่ำไห้ขอให้พี่ชายช่วยชีวิตพวกนาง เหมือนกับที่ลี่เยี่ยนเห็นบิดานางถูกศัตรูไล่ล่าล้มลง
ในที่สุดสีหน้าของเย่ว์หยางเปลี่ยนไปและเขายื่นมือออกไป
ลี่เยี่ยนสบถ นี่เป็นเพียงภาพลวงตา ตราบใดที่ใจของเขาตื่นเต้น เขาจะเป็นอย่างที่นางเพิ่งเจอ ติดอยู่ในภาพลวงตา
“น้องสาวข้าไม่อ่อนแอเหมือนเจ้า...” ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดคำนี้เสร็จ เย่ว์ปิงและเย่ว์หยางกลายเป็นยักษ์ทันที พวกเขาตัวใหญ่ขนาดเท่าเด็กสาวยักษ์ เตะเพียงสองสามครั้งก็ไล่เหยียบไล่ย่ำคนร้ายที่ไล่ตามพวกนางมา
“เขาสามารถควบคุมภาพลวงตาได้จริงหรือนี่?” ลี่เยี่ยนตะลึงอีกครั้ง จิตตานุภาพของเจ้าผู้นี้ช่างน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?
“ข้าเกลียดพี่!” เย่ว์ซวงที่กลายเป็นยักษ์ตัวสั่นในทันใด นางยกเท้าและย่ำใส่เย่ว์หยาง ถ้าการย่ำครั้งนี้ถูกตัวเย่ว์หยาง อย่างน้อยเขาคงต้องบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากว่าเขาไม่ตาย ลี่เยี่ยนกำหมัดแน่น นางไม่โง่ ผู้สังเกตการณ์สามารถสังเกตได้ว่าภาพลวงตากลับมาควบคุมยักษ์เย่ว์ซวงและยังคงโจมตีใส่เย่ว์หยางเมื่อเขาต้องการเปลี่ยนเป้าหมาย
“เจ้ากล้าก้าวเหยียบหรือเปล่า? เงาปีศาจ ไม่มีอยู่จริง” เย่ว์หยางหัวเราะ เมื่อเท้าใหญ่ย่ำลงมา ร่างของเขาไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย แต่ร่างลวงตากลับกลายเป็นความว่างเปล่า
ภาพลวงตาทั้งหมดหายไป และมีถนนปรากฏให้เห็นในระยะไกล
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่เดินขึ้นไป เขากลับเดินขึ้นไปบนท้องฟ้าตามปกติ จากนั้นเดินสุ่มด้วยลักษณะแปลก
บางครั้งเขาจะก้าวกลับออกมาสองก้าว เมื่อถนนหายไปและประตูดำอีกบานปรากฏขึ้น เย่ว์หยางไม่ได้มอง แต่เดินกลับมาที่ลี่เยี่ยนอีกครั้ง
เรื่องที่แปลกก็คือหลังจากก้าวไปได้สิบก้าว แท่นปะรำบูชาอีกแท่นก็ปรากฏขึ้น
ด้านบนของท่านปะรำมีเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโบกมือเรียกเขา
ลี่เยี่ยนแทบจะร้องเตือนพวกเขาดังๆ ว่าอย่าถูกหลอกให้ตกไปในกับดักอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางวิ่งเข้าไปหาและกอดพวกนาง
เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังขึ้นเตือนลี่เยี่ยนไม่ให้เข้าใจผิด “ในประตูเป็นตาย ระยะห่างจากประตูเป็นตายอาจจะไกลไม่สิ้นสุด หรืออาจจะไกลเพียงก้าวเดียว ถ้าเจ้าสามารถเข้าใจความลึกลับนี้เหมือนกับเย่ว์หยางและเดินไปที่แท่นบูชาตรงกันข้ามเขา ก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียวเท่ากับเอาชนะตนเองได้ เจ้าควรจะค่อยๆ เรียนรู้ ประตูเป็นตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยอดฝีมือ สามารถรักษาสมาธิในประตูเป็นตายได้ นั่นคือพลังที่แท้จริง...”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ลี่เยี่ยนเชื่อมั่นจริงใจ นักสู้แห่งหอทงเทียนไม่ใช่จะรับมือง่ายๆ เลย
มองอย่างผิวเผินนางสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดินีราตรีด้อยกว่านาง
อย่างไรก็ตาม ในการสู้กันจริงๆ ลี่เยี่ยนมีความรู้สึกว่านางไม่สามารถตอบโต้ และปล่อยให้จักรพรรดินีราตรีเอาชนะนางได้ง่าย
ลี่เยี่ยนมองดูสาวขี้เมาที่กำลังรออย่างกระตือรือร้น นางสูดหายใจลึก หลับตานางก้าวเท้าหนักๆ เข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่าด้านนอก เสี่ยวโฉ่วมาปรากฏตัวอีกครั้ง และลี่เยี่ยนต่อสู้กับความรู้สึกผิดพลาดในหัวใจนาง นางบอกกับตัวเองว่านี่เป็นภาพลวงตาไม่ใช่ของจริง
อย่างไรก็ตามเสี่ยวโฉ่วยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย
เขาก้าวขายาวและเตะใส่ลี่เยี่ยนและคำรามอย่างหยิ่งยโส “นังโง่, แล้วไงเล่า ถ้าข้าหักหลังเจ้าตอนนั้น? ตอนนั้นข้าฆ่าคนของเจ้าไปมากมาย เจ้าจะทำอะไรข้าได้! ดูท่าทางที่น่ารังเกียจของเจ้าสิ เจ้าไม่กล้าทำอะไรและปล่อยให้ทุบตีเจ้าตามสบาย เจ้าเรียกตัวเองว่าวายร้ายที่น่ากลัว แต่เจ้ามันคือสวะชิ้นใหญ่ของแดนสวรรค์ใต้! ไปลงนรกซะ สวะอย่างเจ้าไม่สมควรมีชีวิตต่อไป!”
เสี่ยวโฉ่วเตะต่อเนื่องหลายเท้า ทำให้ลี่เยี่ยนที่ยืนหนักแน่นถอยอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุด ลี่เยี่ยนก็ถอยมาถึงบันไดและเสี่ยวโฉ่วก็หายไป
ลี่เยี่ยนยกมือสัมผัสรอยเท้าที่เสี่ยวโฉ่วที่เตะใส่นาง นางถ่มเลือดเต็มปากออกพลางรำพึงกับตัวเอง “นับว่าเป็นการทดสอบที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แน่!”
สิ่งที่ทำให้ลี่เยี่ยนโกรธก็คือสาวแมวขี้เมาที่ดูอ่อนแอมากในสายตานางกลับทนได้ถึงสามนาที
นางไม่ได้กระอักโลหิตเมื่อกลับออกมา นางแค่หายใจหนักไม่กี่คราเพราะความเหนื่อย
เจ้าเด็กเย่ว์หยางผิดปกติคนมากเกินไป แต่สาวน้อยผู้นี้อ่อนแอกว่านางไม่รู้กี่เท่า แต่นางก็ยังทนได้ตั้งสามนาที? ลี่เยี่ยนรู้สึกอยากจะเป็นลม เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตนาง ที่นางต้องยอมปล่อยวางศักดิ์ศรีความเป็นนักสู้ปราณฟ้าและถามสาวขี้เมา “อ่า... เจ้าบอกเคล็ดข้าหน่อยได้ไหม เจ้าทำได้ยังไง?”