ตอนที่ 699 เติบโตก้าวหน้า
รอบนอกแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
วิหารนำทางก็คือทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพจริงๆ คล้ายกับสวนน้อยที่อยู่หน้าบันไดสวรรค์
มีอักษรรูนประเภทต่างๆ ใช้บันทึกเรื่องราวประวัติของหลายๆ คน บ้างก็เป็นเรื่องราวเก่าแก่ที่ไม่สมบูรณ์ บ้างก็เพิ่มเติมขึ้นมาโดยคนรุ่นต่อมา แต่เรื่องราวนี้บันทึกไว้เมื่อหมื่นปีมาแล้ว หรือแม้แต่หลายแสนปีที่แล้ว สำหรับบันทึกหมื่นปีที่แล้วจะมีอยู่น้อยมากบนกำแพงยักษ์ด้านหลังของรูปปั้นเทพเจ้าที่พังทลาย มีบันทึกหนึ่งเมื่อหกพันปีที่แล้วเกี่ยวกับเรื่องราวที่จักพรรดิอวี้ได้เรียนรู้หลังจากเขามาที่นี่เพื่อสำรวจ สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตกใจที่สุดไม่ใช่บันทึกของจักรพรรดิอวี้ข้างหน้า นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้พิชิตแดนสวรรค์และรับตกทอดแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ แต่คำด้านหลังอักษรรูนที่เขียนไว้เบื้องหลังความทรงจำของจักรพรรดิอวี้
อักษรรูนเหล่านี้เย่ว์หยางคุ้นมาก ทำให้เขานึกถึงบุคคลหนึ่งลางๆ
มารดาของสหายผู้น่าสงสาร
นางกล่าวว่าเพื่อให้ได้รับข้อแนะนำจากวิหารนำทางและหาทางเข้าแดนล่มสลายแห่งเทพเจ้า ผู้นั้นจะต้องมีกายบริสุทธิ์เพื่อรองรับสำนึกของทูตของเทพปัญญา
เทพปัญญาในช่วงเวลาพิเศษจะเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ ใครที่ต้องการได้รับตกทอดพลังเทพจะต้องบริสุทธิ์
แม้แต่ทูตของเทพปัญญาก็เป็นผู้รับสืบทอดสำนึกเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ได้รับการคัดเลือกจะต้องบริสุทธิ์
ทุกครั้งที่ทุกคนเข้าวิหารและผ่านการทดสอบ มักจะมีคนที่ได้รับคุณสมบัติได้รับคำแนะนำของสำนึกเทพจากทูตของเทพปัญญา
ไม่มีคำแนะนำจากสำนึกศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปสำรวจส่วนลึกของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
นั่นก็หมายความว่าไม่มีกุญแจพิเศษสำหรับเข้าไป ดังนั้นเขาได้แต่มองอย่างว่างเปล่า
นอกจากได้รับคำแนะนำแล้ว มารดาของสหายผู้น่าสงสารใช้อักษรรูนต่างๆ บันทึกข้อมูลภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไว้มากมาย
สำหรับสิ่งที่นางคิดว่าคนรุ่นหลังจำเป็นต้องให้ความสนใจระมัดระวัง นางจะบันทึกลงไปและเตือนคนรุ่นหลังให้สนใจขีดจำกัดกฎสวรรค์และเงื่อนไขในการเข้าด้วยอักษรรูนสวรรค์ ถ้ายังมีคนผู้สามารถรู้จักอักษรรูนสวรรค์ จากนั้นบันทึกอักษรรูนโบราณทำให้ดูเหมือนลึกลับ แม้แต่เย่ว์หยางเองก็ยังรู้สึกว่ายากจะอ่านได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้ที่นางตกทอดให้มา และในทะเลสาบเทียมเมฆ เหวสิ้นหวังเขาได้รับอักษรรูนโบราณ เขาคงไม่สามารถเรียนรู้จากบันทึกที่มารดาสหายผู้น่าสงสารทิ้งเอาไว้ให้แล้ว
มารดาของสหายผู้น่าสงสารบันทึกข้อมูลในวิหารนำทางไว้มากมาย
อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านไม่เข้าใจอักษรรูนสวรรค์ อย่างนั้นก็ไม่มีอะไร แม้ว่าจะมีผู้รู้อักษรรูนสวรรค์ ถ้าเขาไม่รู้อักษรรูนโบราณ เขาจะรู้ความจริงได้บางส่วนเท่านั้น ไม่สามารถรู้ความจริงได้ทั้งหมด
“ข้าจะเก็บเอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยศึกษาร่วมกับอู๋เหินและอู๋เสีย!” เย่ว์หยางถอนหายใจ ดูเหมือนว่าความลับของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่เรื่องที่จะสำรวจได้ในตอนนี้ เพราะแม้แต่จักรพรรดิอวี้ก็ยังกลัว แม้แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่มีพลังปราณราชันย์ก็ยังไม่สามารถค้นหาความจริงได้
น่าเสียดาย มารดาของสหายผู้น่าสงสารสามารถเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพได้
นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ!
สิ่งที่เย่ว์หยางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อมากที่สุดก็คือ ถ้ามีแต่เพียงผู้บริสุทธิ์สามารถได้รับมรดกของทูตแห่งเทพปัญญา อย่างนั้นจะเป็นเงื่อนไขให้มารดาของสหายผู้น่าสงสารเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพตามลำพังหรือไม่? แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจก็คือ ถ้านางเป็นพรหมจรรย์ อย่างนั้นสหายผู้น่าสงสารมาจากไหน?
เย่ว์หยางต้องการปฏิเสธความคิดเช่นนี้ แต่เป็นไปไม่ได้
เย่ว์หยางมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า เขาไม่กล้าสงสัยว่าแม่สี่ผู้ให้กำเนิดปิงเอ๋อและซวงเอ๋อจะเป็นพรหมจรรย์.. สำนึกเหตุผลของเย่ว์หยางบอกเขาว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ปัญหาก็คือการรับรู้บางครั้งก็แม่นยำมากกว่าความรู้สึกถึงเหตุผล ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อย่างนั้นปิงเอ๋อกับซวงเอ๋อมาจากไหน? ภายในร่างของพวกนางมีผนึกลึกลับซึ่งได้มาจากมารดาของสหายผู้น่าสงสารหรือไม่ แม้แต่จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็ไม่สามารถเห็นทะลุได้ ดังนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่... สหายผู้น่าสงสารจะคล้ายกับปิงเอ๋อและซวงเอ๋อหรือเปล่า?
ดูเหมือนว่าความลับแบบไหนที่แม่สี่เก็บไว้กับตัวกันแน่?
นางทำอะไรกับคนของบันไดสวรรค์และหุบเขาภมรร้อยบุปผากันแน่?
หลายข้อสงสัยทำให้เย่ว์หยางสับสน
ตอนที่จ้าวปีศาจโบราณปรากฏตัว เขาจับแกนเรื่องที่สำคัญมากและทำให้หลายเรื่องเกิดขึ้นตามมา ในอนาคตการเปิดเผยความจริงจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ แต่แม่สี่ดูเหมือนไม่สนใจแม้แต่น้อย ทัศนคติของนางทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจ ดังนั้นเขาจะไม่สนใจได้จริงๆ น่ะหรือ?
แม่สี่ไม่สนใจเลย และทั้งจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนไม่สนใจด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าพวกนางรู้ความจริงแล้ว แต่คนนอกไม่รู้
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” เมื่อสาวยักษ์ลี่เยี่ยนเห็นเย่ว์หยางกำลังอ่านอักษรรูน สีหน้าของเขาดูเหมือนกังวล นางถามด้วยความสงสัย “มันเขียนว่าอะไร?”
“ไม่เป็นไรหรอก มีเงื่อนไขในการเข้าไปข้างใน เราไม่มีความสามารถเข้าไปสำรวจในขณะนี้ กลับกันก่อน!” เย่ว์หยางคิดได้และปัดความคิดฟุ้งซ่านในใจออกไป ถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ อย่างนั้นเขาต้องคิดให้ดีก่อน ความจริงจะค่อยๆ ปรากฏออกมาขณะที่ความสามารถของเขาก้าวหน้าในอนาคต นอกจากนี้ ต่อให้เขารู้ความจริงตอนนี้ บางทีเขาคงไม่เชื่อ เพราะเขายังไม่รู้ถึงระดับ ตัวอย่างเช่น วิธีที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารเข้าแดนล่มสลาย ต่อให้นางบอกวิธีเข้า ก็คงไม่มีใครเข้าไปได้... ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือราชาเฮยอวี้ก็พบคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพมานานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถผ่านเข้าม่านพลังสีทองไปได้
“จะเอายังไงกับแมงป่อง?” ลี่เยี่ยนเห็นแมงป่องดาวตามพวกเขามา แต่ยังรักษาระยะห่าง
“ให้มันตามมาเถอะ” เย่ว์หยางยิ้ม และด้วยความช่วยเหลือของอาหง อาหมัน เขาคัดลอกบันทึกอักษรรูนด้านนอกวิหารนำทาง ตำหนักภายในเป็นที่สำหรับทดสอบความสามารถของผู้คน ถ้าเขาไม่พบว่ามีคุณสมบัติ อย่างนั้นจะไม่มีใครมีคุณสมบัติผ่านเข้าไปได้
เย่ว์หยางไม่รีบร้อน เขาหวังว่าพลังของเขาจะเพิ่มในระดับที่สูงขึ้นก่อนเขาจะสำรวจอีกครั้ง
อย่างน้อยที่สุด เขาต้องเข้าใจบันทึกของคนรุ่นเก่าให้ชัดเจนก่อน
ด้วยบันทึกเหล่านี้ พวกเขาจะต้องทุ่มเทความสามารถศึกษา แน่นอนว่าคงจะเป็นสาวงามอู๋เหินและเสวี่ยอู๋เสีย และยังมีจักรพรรดินีราตรี เย่ว์หยางสามารถใช้อ้างอิงได้ เพราะจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพแล้ว แต่พวกนางไม่สามารถเข้าไปในชั้นในได้เหมือนอย่างที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารทำได้
หลังจากหนึ่งวันเต็ม เย่ว์หยางและลี่เยี่ยนกลับมายังปราสาทสายรุ้งในสวนน้อย
อู๋เหินมีความสุขที่สุดเมื่อกลับมาเห็นสำเนาอักษรรูนที่เย่ว์หยางคัดกลับมาด้วย การศึกษาประวัติศาสตร์โบราณและอักษรรูนลึกลับเป็นงานอดิเรกที่นางชอบที่สุด
เย่ว์หวี่ไม่สามารถช่วยอะไรได้กับอักษรรูนที่ลึกซึ้งเหล่านี้ แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวและเสวี่ยอู๋เสียได้ค้นคว้าศึกษามามาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกนางไม่อยู่ใกล้ๆ อู๋เหินจึงได้แต่จัดการศึกษาด้วยตัวเอง
แมงป่องดาวยังคงตามเขากลับมาด้วย นอกจากระมัดระวังแล้ว มันไม่ได้เริ่มขอทำสัญญากับเขา
เย่ว์หยางไม่รีบ เขาต้องการปล่อยมันสักระยะหนึ่งก่อน
โวกัวได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ต้องยุ่งยากกับการถูกทรมาน มีเย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีร่วมมือกัน เขาใช้พลังกฎสวรรค์ที่เขาเพิ่งเข้าใจเล็กน้อย ขณะที่เสี่ยวเหวินหลีใช้พลังปณิธานของอสูรเทพปลดปล่อยอสูรรบในร่างของโวกัวซึ่งถึงขีดจำกัดความอดทนนานแล้ว ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น กระบวนการคงจะยากลำบาก อย่างไรก็ตามโวกัวผู้เป็นเจ้านายได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในสภาพใกล้ตาย ภายใต้แรงกดดันของพลังกฎสวรรค์ของเย่ว์หยางและพลังปณิธานของอสูรเทพควบคู่กัน อสูรรบที่อ่อนแอเหล่านี้ได้รับอิสระและแทบจะไม่มีการต่อต้านใดๆ เลย แม้แต่อสูรปีศาจหกกรที่แข็งแกร่งที่สุด ในช่วงเวลาทำลายพันธสัญญา มันยอมหักหลังทันที
โวกัวยังไม่ฟื้นตอนนี้ เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาเขาจะพบว่าอสูรรบทั้งหมดหายไปแล้ว เขาจะเหลือแต่ตัวตามลำพัง และคงจะร่ำไห้ตรอมใจจนตาย
ขณะนั้นจะเป็นเวลาดีที่สุดในการเปิดปากของโวกัวและรับข้อมูลของจ้าวปีศาจโบราณและทหารรับจ้างแดนสวรรค์
ศพของพญาคชสารก็เป็นสินสงครามมีประโยชน์หลายอย่าง แต่เขาไม่มีเวลาจะจัดการ
เย่ว์หยางไม่ได้ไปแดนสวรรค์ใต้สองสามวันแล้ว เกรงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป
เขารีบใช้เข็มทิศสามดินแดนกลับไปที่เมืองลมดำ
พื้นที่บริวารของเมืองลมดำถล่มราบกลายเป็นโคลน นอกจากเมืองบริวารนับร้อย เมืองหลายสิบเมืองอยู่ในสภาพถูกทำลาย อย่างไรก็ตามพื้นที่เมืองส่วนใหญ่ของเมืองลมดำยังอยู่ในสภาพที่ดีอย่างน่าประหลาด นั่นเป็นเพราะมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นๆ ไม่คิดเรื่องเอาชนะเมืองลมดำ พวกเขากลับใช้เวทีต่อสู้สู้กับนักสู้จากแดนสวรรค์ใต้
ในกรณีไม่มีเย่ว์หยาง การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นหลายศึก ทั้งสองฝ่ายมีทั้งชนะและพ่ายแพ้
แน่นอนว่าการสู้รบเหล่านี้เป็นการปะทะกันเล็กน้อยทั้งนั้น ยังคงมีการเห็นด้วยกับเส้นตายระยะเวลาครึ่งเดือนก่อนการสู้รบจริงๆ ขณะนั้นไม่เพียงแต่เจ้าแคว้นมรกตที่ปรากฏตัว แต่ราชาใจสิงห์อาจจะมองดูอยู่แต่ไกล ถ้าฝ่ายเย่ว์หยางไม่แข็งแกร่งมากพอ มีโอกาสสูงที่เขาจะมีการเคลื่อนไหว ช่วงระหว่างวันก่อนสงครามข้ามพรมแดน ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเข้าใจร่วมกันเล็กน้อย ไม่มีฝ่ายไหนตั้งใจจะฆ่ากันและกัน เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์เกินกว่าจะควบคุม
มารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนของเขาโจมตีอยู่หลายครั้งฆ่านักสู้ปราณฟ้าไปหนึ่งคน นี่ไม่ได้กระตุ้นความสงสัยจากเจ้ามืองลมดำ ปีศาจเฒ่าเว่ยและไป๋ซ่ง
พวกเขาเชื่อว่าเป็นการกระทำของทหารกบฏ พวกเขาตำหนิยอดฝีมือปราณฟ้าของแดนสวรรค์ตะวันตก
นี่เป็นเพราะยอดฝีมือระดับปราณฟ้าของกองทัพกบฏและกลุ่มตระกูลต่างไม่ประนีประนอมกับเจ้าเมืองลมดำและลอบหากำลังเสริมระดับปราณฟ้าที่เจ้าเมืองอื่นส่งมาร่วม เจ้าเมืองลมดำโกรธการกระทำของทหารกบฏเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกได้แต่รับสมัครพวกเขา นอกจากเรื่องลับ พวกทหารกบฏมีพลังความเข้มแข็งดี สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าเมืองลมดำกำลังปวดหัวกับสงครามข้ามดินแดน ดังนั้นเขาไม่มีเวลามาสู้กับกองทัพกบฏ
“เจ้ามีความก้าวหน้ายังไงบ้าง?” เย่ว์หยางเห็นว่าไม่มีอะไรทำ ดังนั้นเขาตัดสินใจกลับไปศึกษาอักษรรูนด้วยตัวเอง และจะยกระดับเด็กสาวยักษ์จากปราณฟ้าระดับสามเป็นระดับสี่
เด็กสาวยักษ์ตัวมีขนาดใหญ่และจะเป็นกำลังหลักในการสู้รบอย่างเป็นทางการในภายหลัง
ยิ่งนางแข็งแกร่งขึ้น อีกฝ่ายก็จะยิ่งปวดหัวมากยิ่งขึ้น
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่บาดเจ็บหนักทั้งคู่ แต่มีผู้เฒ่าหนานกงคอยดูแลฝึกฝนให้พวกเขา จึงไม่มีอันตรายชนิดเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่อาการบาดเจ็บเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
เทียบกับหอทงเทียนแล้ว แดนสวรรค์ใต้ไม่แตกต่างจากหอทงเทียน ถ้าพวกเขาสุ่มเลือกอสูรปีศาจสู้ เป็นไปได้ว่าชีวิตของพวกเขาจะอยู่ในอันตราย เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มีประสบการณ์ต่อสู้เสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน และตอนนี้พวกเขามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คิ้วของพวกเขาขมวดแสดงถึงรังสีอำมหิตที่มาจากประสบการณ์ต่อสู้นับร้อย
สำหรับเย่ว์หยางรังสีอำมหิตไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย แต่ถ้าเป็นยอดฝีมือจากหอทงเทียน ต่อให้พวกเขาเป็นนักสู้เตรียมปราณฟ้า พวกเขาก็ยังรู้สึกตกใจเมื่อเห็นพวกเขา
“ไม่เลวเลย, สองสามวันมานี้ทุกคนมีความก้าวหน้าในระดับแตกต่างกันไป” เย่คงหัวเราะ “อย่างไรก็ตามคนที่ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นหลี่ชิวกับหลี่เกอสองพี่น้อง เมื่อวันซืนเรารุมล้อมจ้าวกริฟฟินอสูรปราณดินระดับเก้า ใครจะคิดกันว่าระหว่างที่การต่อสู้เข้มข้น นางพญากริฟฟินจะบินกลับมาและเกือบจะฆ่าเราทั้งหมด ทุกคนต้องทุ่มเทกำลังสู้ และในที่สุดอัศวินพิทักษ์ของพวกเขาพุ่งเข้าไปกอดจ้าวกริฟฟินและนางพญากริฟฟินและทำลายตัวเอง เป็นผลให้เกิดการกลายพันธุ์ที่เราคาดคิดไม่ถึงอัศวินพิทักษ์ตนหนึ่งหลอมรวมกับจ้าวกริฟฟิน และอัศวินพิทักษ์อีกตนหนึ่งหลอมรวมกับนางพญากริฟฟิน และอสูรพิทักษ์ทั้งสองเลื่อนระดับจากชั้นบรอนซ์กลายเป็นชั้นเงิน”
“อืม.. นั่นถือเป็นเรื่องดี!” เย่ว์หยางปรบมือชื่นชม เขาใช้จักษุญาณทิพย์มองดูอัศวินกริฟฟินทั้งคู่ที่สองพี่น้องตระกูลหลี่เรียกออกมาและตระหนักว่าศักยภาพของเขายังคงก้าวหน้า
“กลายเป็นอัศวินกริฟฟินไม่มีอะไรพิเศษ ลักษณะของข้ายังคงน่าเกลียด หลังจากแรดน้อยและฮิปโปน้อยของข้าโตขึ้น จะต้องงดงามสง่าแน่นอน” เจ้าอ้วนไห่เริ่มโอ้อวดตัวเอง นกนางนวลสายลมยังคงใช้ดาบสายลมโจมตีหน้าผากของเขา เป็นการลงโทษ
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ พวกเขาทุกคนรู้สึกว่านกนางนวลสายลมมีโอกาสเป็นมนุษย์และสติปัญญามากกว่าแต่ก่อน
เป็นการยากจะบอกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นแรดระดับเพชร ฮิปโปน้อยและแมมมอธทองของเจ้าอ้วนไห่จะกลายเป็นร่างมนุษย์ในอนาคตหรือไม่ แต่นกนางนวลสายลมนี้จะก้าวหน้าพัฒนากลายเป็นร่างมนุษย์ได้ ที่สำคัญมันฉลาดมากสามารถวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ในอนาคต
เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่มันจะได้รับการฝึกปรือให้ก้าวหน้า