ตอนที่ 699 หน้ากากผีและธงหมี
ภายในคลังสินค้าตาของทุกคนเบิกกว้าง เงียบมาก
ฉินจื่อซานเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ เขาเริ่มหัวเราะทำลายความเงียบ “คนใช้ของเจ้ามีลักษณะไม่เหมือนใครเลย ข้าได้ยินมาว่าเขาคือคนที่มาจากคลื่นใหญ่ใช่ไหม? ข้าก็มีคนบางส่วนอยู่ในที่ของข้าด้วยเช่นกัน พวกเขาหยิ่งและไม่เชื่อง ข้าคิดว่าปกติสภาพแวดล้อมของพวกเขาหลังจากขัดเกลาไปสักระยะ พวกเขาจะกลายเป็นคนดีมาก”
หมิงจูก็รู้สึกตัวเช่นกัน นางทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและหัวเราะ “คุณชายมีประสบการณ์จริงๆ มิน่าเล่าข้ามักได้ยินว่าคุณชายมีความสามารถและมากไปด้วยประสบการณ์และไม่เอาข้อพิพาทมาปนกับเรื่องเข้าใจผิด เป็นเรื่องจริงด้วย หมิงจูยังขาดประสบการณ์เรื่องนี้ ข้าหวังว่าคุณชายคงไม่ถือสา”
ฉินจื่อซานลอบยินดี แต่เขายังคงมีสีหน้านอบน้อม “อย่างน้อยข้าก็ได้พบเห็นรอยยิ้มของแม่นางหมิงจูวันนี้”
เขารู้สึกว่าเป็นการคุ้มค่า ไม่เพียงแต่เขาไม่โกรธการกระทำของถังเทียนเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่าทุกอย่างสมบูรณ์
ทั้งสองคนหัวเราะและพูดคุยจากนั้นบรรยากาศเปลี่ยนเป็นดีขึ้น
ถังเทียนมีหน้าซีดเดินไปที่ลานด้านหลัง เมื่อเห็นสระน้ำ เขากระโดดลงสระทันที หลังจากแช่อยู่ในน้ำแล้ว ความรู้สึกเย็นสงบซึมซาบเข้ามาในตัวเขาทำให้ความโกรธในใจเขาจางหายไป ตาของถังเทียนค่อยกลับสงบลึกซึ้งเหมือนกับเหวลึกล้ำ
ฝันร้ายที่น่ากลัวนั้นทำให้เขาผวาตื่น
‘ฝันอะไรน่ากลัวชะมัด? กลัวว่าเจ้าจะทำร้ายคนอื่นน่ะหรือ? นั่นเป็นเพราะท่านไม่เข้าใจสถานการณ์และไม่สามารถลงมือ? กลัวต่ออนาคตหรือ?’
เด็กหนุ่มถามตนเอง
‘นั่นคือเหตุผลให้ข้าแพ้หรือเปล่า? นั่นคือเหตุผลให้ข้าลังเล? นั่นคือเหตุผลให้ข้ากังวลและสิ้นหวัง?นั่นคือเหตุผลให้ข้าบอกตนเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น?’
‘น่าขายหน้านัก!’
‘ตราบใดที่มีความกลัวอยู่ในใจเจ้า ใจของเจ้ามักจะกลบเกลื่อนความขี้ขลาดและชอบหาข้ออ้างที่ตลกให้กับตนเอง’
เขากำหมัดแน่นมากจนนิ้วซีดขาว
‘เจ้ามีภาระที่หนักหน่วงและไม่ควรเป็นเหตุผลให้เจ้าหนีและซ่อนตัว อนาคตคือสิ่งที่ไม่รู้และอันตรายหลายอย่าง แต่ก็ไม่ควรเป็นเหตุผลให้เจ้าหยุดได้ เจ้าจะจัดการเรื่องที่เข้ามาแทรกทั้งหมดยังไง?’
‘ทุกคนกำลังรอให้เจ้าไปช่วยพวกเขา พวกเขารักษาเจ้า ปกป้องเจ้า เชื่อใจเจ้าติดตามเจ้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เจ้ามีภารกิจรออยู่’
‘เจ้าไม่รู้จักการวางแผนและไม่รู้วิธีไปถึงเป้าหมาย ถ้าเจ้าสูญเสียความกล้าหาญ เจ้ายังจะมีอะไรอีก?’
‘เจ้ามันโง่ เจ้าห้าวหาญแต่ไม่ฉลาด, เจ้าไร้เหตุผล เจ้ามักจะวิ่งเข้าหาอันตรายอยู่เสมอ แต่แล้วไงเล่า?’
‘เจ้าคือถังเทียนนี่คือรูปแบบการต่อสู้ของจ้า นี่คือวิถีแห่งชัยชนะของเจ้า’
ในสระน้ำถังเทียนเบิกตากว้าง ระลอกคลื่นกระเพื่อมอยู่ภายนอก เขารู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงในใจของเขา ข้อจำกัดทั้งหมดถูกเปลวเพลิงนี้เผาผลาญ เขารู้สึกว่าตนเองเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาเรียกอารมณ์ที่คุ้นเคยกลับคืนมา และพบกับหัวใจที่ไร้ความหวาดกลัว
‘ฮึ่ม’ เขาแค่นโดยไม่มีเสียงออกมา ตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟ
‘หนุ่มชาวฟ้าไป ไป ไป!’
‘เมืองจื่อจวนมีคนเพียงไม่กี่ร้อย ข้าจะต้องหาพวกเขาให้พบก่อน และเราจะสามารถหาทางติดต่อกับพวกที่เหลือนั่นควรจะเป็นเช่นนั้น’ ถังเทียนจำได้ว่าคุณนายผู้เฒ่าบอกไว้ว่าหานปิงหนิงถูกแม่นางต้าหลินนำตัวไป
ถังเทียนโผล่ขึ้นมาจากน้ำปาดน้ำออกจากใบหน้าและจากนั้นกระโจนออกมาจากน้ำ สตรีตระกูลเซวียที่ผ่านมาพากันตกใจพูดไม่ออก ถังเทียนไม่สนใจพวกนางและกลับไปที่ห้องของเขา
เขาคือถังเทียนแม้ยังอายุน้อย เขาก็ยังเป็นผู้นำคนหนึ่ง หนุ่มชาวฟ้าทิ้งร่องรอยโครงกระดูกไว้ทุกที่ๆเขาไป หลังจากขจัดความมึนงงไปแล้ว หลังจากกำจัดความกลัวออกไปจากใจได้แล้ว จิตใจของเขากระจ่างชัดขึ้นมา ความไม่กลัวเกรงและความกล้าหาญเริ่มลุกโชนเหมือนคบเพลิงในราตรี เผาไหม้จนท้องฟ้าแดงฉาน
เมื่อกลับไปที่ห้องของเขาถังเทียนปรับลมหายใจของเขา นาทีต่อมาเขาก็มีสมาธิเต็มที่ ความคิดและจิตใจของเขาสงบลง
‘แดนบาป, แล้วยังไงเล่า?’
‘ต่อให้เป็นทวีปกวงหมิง ข้าก็จะเข้าไปให้ได้
เขาเหยียดแขนนิ้วของเขางอขณะที่ข้อของเขาลั่น เด็กหนุ่มในกระจกเงามีสีหน้าเย็นชา รังสีฆ่าฟันเปล่งออกจากร่างของเขา
‘หนุ่มชาวฟ้า,เจ้ามีแต่ต้องเดินหน้าต่อ เจ้าจะมัวสมเพชตัวเองได้ยังไง?’
ในใจของเขาภาพของสหายของเขาทั้งหมดผ่านเข้ามา ถังเทียนยิ้มให้กับคนในกระจก ฟันขาวราวหิมะเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เขาถอนสายตาและด้วยอารมณ์ที่สงบ เขาเดินออกมาจากห้อง ตาของเขาเหลือไปเห็นหน้ากากเด็กเล่นที่แขวนอยู่บนเสาไม้ไผ่ตอนที่อยู่ในดาวเฟยหลิน เขากับหลิงซิ่วได้ร่วมกันขัดขวางการลอบสังหารองค์หญิงน้อยและตอนนั้นเขาสวมหน้ากากอุรังอุตัง
ว่าไปก็เป็นเรื่องบังเอิญ เจ้าหญิงน้อยก็ชื่อหมิงจูเหมือนกัน เมื่อคิดถึงศิษย์ที่เขาไม่ได้พบหน้ามานาน เขาคิดว่านางจะเติบโตไปมากขนาดไหน และสายตาของเขาเป็นประกายนุ่มนวล
เขาเดินไปข้างหน้าและปลดหน้ากากออกมาใบหนึ่ง
เป็นหน้ากากที่ปากเต็มไปด้วยเลือดเขี้ยวแหลมคม ผมดำและตาเขียว
‘ใช้หน้ากากดูจะเหมาะสมมากกว่า’
จากนั้นถังเทียนพบชุดดำที่ผึ่งแดดอยู่ในลานและพบถังแห้งใบหนึ่งอยู่ที่มุม ตระกูลเซวียทำธุรกิจเสื้อผ้า และทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์จำเป็นที่พบเห็นบ่อย หลังจากมองหาอยู่ครึ่งวัน ถังเทียนหาปากกาไม่พบ หาได้แต่เพียงไม้กวาดแทนและเริ่มวาดด้วยสีย้อมแย้ง
หมีแดงที่มีลักษณะบิดเบี้ยวบนชุดดำ
มันน่าเกลียดมาก
ถังเทียนรีบพับอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถทนมองได้ ‘ข้ากำลังคิดว่าหมีใหญ่ต้องสง่างามและทรงพลัง แต่ทำไมมันถึงได้น่าเกลียดและดูงี่เง่าขนาดนี้?’ เขาพึมพำ หลังจากคิดเล็กน้อยเขารู้ว่าฝีมือวาดเขียนของเขาห่วยแตกและยอมยกเลิกความคิดที่จะวาดใหม่ออกไป เมื่อมองดูรอบๆ เขาคว้าเสาไม้ไผ่ซึ่งมีชุดดำตากแห้งอยู่ เขาพบเชือกและเอามาผูกกับชุดดำที่วาดรูปหมีไว้กับท่อนไผ่
‘ฝีมือวาดเขียนของข้า....น่าขายหน้าเป็นบ้า...’
ถังเทียนทำปากจิ๊กจั๊กเขาโบกธงไปมา ‘ข้าน่าจะมัดไว้แน่นหนาดีแล้ว ต้องชูให้สูงขึ้น’
เขาคว้าธงที่วาดรูปหมีใหม่ๆและชูขึ้นสองสามครั้ง จากนั้นถังเทียนหายไป
ไม่นานต่อมาหมิงจูพรวดพราดเข้ามาในห้องของถังเทียนอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่สีหน้าของนางเปลี่ยน
**********
ถังเทียนถือธงและเดินไปตามถนนของเมืองจื่อจวน ทำให้คนที่ผ่านไปมาหลีกทางให้เขา บุรุษที่สวมหน้ากากและถือธงเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันทำให้พวกเขากลัว
ธงสีดำคลี่โบกสะบัด และรูปหมีแดงปรากฏแก่สายตาของพวกเขาเป็นฝีมืองานวาดที่แสนจะย่ำแย่จริงๆ หมีแดงมองดูงี่เง่าและน่าเกลียด แต่ตาสีแดงทำให้ดูเหมือนเลือดที่เปรอะอยู่บนผ้าสีดำให้ความรู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันที่รุนแรง
หน้ากากผีและธงดำหมีโลหิต
ถังเทียนหยุด เขาตระหนักได้ทันทีว่า ‘แม่นางต้าหลินพักอยู่ที่ใด?’
เขาต้องการถามหาตำแหน่ง แต่รอบๆ ตัวเขาไม่มีใคร ไม่ว่าสายตาของเขากวาดมองไปที่ใดคนผ่านทางล้วนหลบหนีเขาหมด ถังเทียนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที แต่บังเอิญเขาเห็นคนผู้หนึ่งอยู่ที่ประตูร้าน ตาของเขาเป็นประกายและเดินเข้าไปหา
เมื่อเห็นหน้ากากผีถือธงเดินเข้ามาหา เขารู้ว่าบุรุษผู้ดุร้ายผู้นี้กำลังเดินเข้ามาหาเขา หน้าของบุรุษหนุ่มซีดขาวทันที และขาของเขาสั่น เขายืนพิงกับผนังและมองดูขณะที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้เขา และเขาสั่นไปทั้งตัว รูปร่างที่ดูชั่วร้ายเหมือนเมฆที่อยู่บนศีรษะเขา โลกของเขากลายเป็นสีดำเหมือนกับว่าเขาถูกความืดเข้าครอบงำ
ใจของเขาว่างเปล่า
“เจ้ารู้ไหมว่าจะไปถึงบ้านของแม่นางต้าหลินได้ยังไง?”
เสียงทุ้มลึกดังออกมาจากหน้ากากที่ดูชั่วร้ายนั้นเต็มไปด้วยอำนาจข่มขวัญ
“ตะวันตก เดินไปตามถนนตะวันตก ทะ ทะ ทางนั้น..”
บุรุษผู้ความคิดว่างเปล่านั้นพูดติดอ่าง
“ขอบคุณ”
ร่างนั้นหายไป และบรรยากาศข่มขวัญก็หายไปบุรุษหนุ่มไม่สามารถทนได้ต่อไป เขานั่งนิ่งกับพื้นขยับไม่ได้ต่อไป
ถังเทียนเดินออกมาอย่างนั้นและมุ่งหน้าไปทางบ้านแม่นางต้าหลิน
“แม่นางต้าหลิน? หรือว่าเขามีความแค้นกับนาง?”
“รังสีฆ่าฟันรุนแรงเหลือเกิน!”
“เร็วเข้า, ตามเขาไปดู!”
“เจ้าพยายามหาเรื่องตายหรือ? จะเป็นยังไงถ้า...”
“เราตามดูไกลๆ ได้ ก็จะไม่อันตรายเท่าใดนัก”
ตามถนนมีหลายร่างติดตามไปเป็นกลุ่มพวกเขากระโดดไปตามหลังคาและไล่ตามถังเทียน
ถังเทียนเดินไปตามถนนตะวันตก มีความกว้าง 60 เมตร มีกำแพงหินสูงทั้งสองด้านซึ่งมีดอกหวายช่อสีม่วงงอกยาวตลอดแนว
ไม่มีใครอยู่บนถนนตลอดทางจนไปสุดป้อมปราการที่งามสง่าแห่งหนึ่ง
พร้อมกับมีธงดำคอนอยู่บนไหล่ของเขา ถังเทียนเดินไปตามถนนโดยลำพัง ฝีเท้าของเขาชัดเจน ลักษณะของเขาเหมือนกับนักท่องเที่ยวหน้ากากขยับขึ้นลงตามจังหวะฝีเท้า ขณะที่ดอกหวายสีม่วงโอนเอนตามสายลม และธงดำโบกสะบัด หมีสีเลือดปรากฏวับๆอยู่ในทะเลม่วง
ผู้ชมทุกคนหยุดอยู่ที่ทางเข้าถนนตะวันตก
คนหน้ากากผีและธงหมีโลหิตไม่มีเจตนาจะพูด ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดสงสัยและกลั้นหายใจ ในถนนตะวันตกที่เงียบสงัดมีแต่เพียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างหนักแน่นเหมือนเสียงเต้นของหัวใจ ทุกๆ ย่างก้าวเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
ขณะที่ถังเทียนกำลังเดิน หัวหน้ายามสังเกตเห็นเขาแล้วเขารู้ว่าบุรุษที่กำลังเข้ามาถึงนี้ไม่ได้มีเจตนาที่ดี ทำให้ยามทุกคนตื่นตัว ระบบเตือนภัยดังก้องไปทั่วทั้งป้อม และตกอยู่ในความวุ่น กลุ่มองครักษ์คุ้มกันและทหารวิ่งเข้ามาประจำตำแหน่งเหมือนกับว่าทั้งป้อมปราการเผชิญหน้ากับคนผู้เดียว
มีร่างของคนสองสามคนขัดขวางทางถังเทียนไว้ หนึ่งในนั้นพูดขึ้น “สหายที่มาถึง, ที่นี่คือสถานที่ส่วนบุคคล”
“ที่นี่คือบ้านของแม่นางต้าหลินใช่ไหม?”
เสียงต่ำดังขึ้น
เพราะเหตุผลบางประการพวกเขาบางคนรู้สึกร่างกายตึงเครียด ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ขึ้นมาจากในใจ
“ใช่แล้ว” หัวหน้าองค์รักตื่นตัวและถาม “ขอถามได้ไหมว่า ท่านเป็นใคร? โปรดบอกชื่อด้วย และข้าจะได้รายงานการมาถึงของท่าน”
“นั่นดีแล้ว”
ถังเทียนพึมพำกับตนเอง
การกระทำของถังเทียนทำให้องครักษ์ทั้งหมดตึงเครียดขึ้น เขารู้สึกไม่มั่นคง ทำให้พวกองครักษ์ที่มีประสบการณ์สามารถรู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันได้แม้จะเงียบก็ตาม
ยอดฝีมือ!
องครักษ์กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ‘นี่คือความสงบก่อนเกิดพายุหรือนี่?’
ตาของถังเทียนไม่เคยมองพวกองครักษ์ เขามองไปที่ป้อมปราการที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ป้อมปราการที่งามสง่าเหมือนกับอสูรยักษ์ร้ายที่หยั่งไม่ถึงรอกลืนกินทุกคนที่เข้าไป
ถังเทียนที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากหัวเราะทันที เขาดึงธงที่คอนมากับไหล่และปักไว้ที่พื้นข้างตัวเขา หินที่แข็งมั่นคงถูกแทงทะลุราวกับเต้าหู้และพอลมพัดโบก ธงดำก็คลี่ตัวออกทำให้หมีโลหิตที่ดุร้ายดูน่ากลัวมากขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นหน้ากากผีแหงนขึ้นฟ้า สูดหายใจลึกและตะโกนสุดเสียง
“หานปิงหนิงแห่งหน่วยสุญญตาหมีใหญ่ ออกมารายงานตัว!”