ตอนที่ 698 โอกาสอยู่ตรงหน้า
ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการฆ่าพญาคชสารอสูรปราณฟ้าระดับห้าซึ่งมีพลังร่างกายพิเศษที่ไม่กลัวน้ำแข็งและไฟ ทั้งมีพลังมหาศาลยากจะหยั่งและมีสติปัญญาปานกลาง
แม้จะมีเทพองครักษ์สาวอยู่ด้วย แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่สามารถล้มมันได้ง่ายๆ
เสี่ยวเหวินหลีที่ไม่ได้ออกมาก่อนนั้นพลันออกมาสมทบ
ก่อนอื่นเธอใช้พลังของอสูรเทพกดดันคู่ต่อสู้ของเธอ ขณะที่พญาคชสารกลัวเธอ จากนั้นเธอเรียกเมดูซาศิลา นางเงือกวายุ นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งเปิดโอกาสให้พวกนางร่วมกำลังต่อสู้สั่งสมประสบการณ์ นางเงือกวายุเป่าสังข์เรียกพายุ ทำให้พื้นที่ปรักหักพังเต็มไปด้วยน้ำ และพญาคชสารจมอยู่ในน้ำสูญเสียความสามารถในการตอบโต้ ระหว่างต่อสู้ในน้ำ เมดูซาศิลาปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่เป็นการท้าทายพญาคชสารที่ตอนนี้กลายเป็นอสูรติดกับดัก
ต่อให้เป็นอสูรปราณฟ้าระดับห้า แล้วยังไงเล่า?
เมื่อตกลงไปในน้ำ เจ้าตัวใหญ่นี้ก็แค่รอเวลาถูกฆ่าเท่านั้น
พญาคชสารสามารถว่ายน้ำได้ และมันว่ายน้ำได้ดี แต่เทียบกับเมดูซ่าศิลาและนางเงือกวายุซึ่งเชี่ยวชาญในการสู้ทางน้ำ ไม่อาจเทียบกันได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ฉลามเสือทอง และพญางูโลหิตที่เมดูซาศิลาเรียกออกมาก็ยังว่ายน้ำได้ดีกว่ามัน
เย่ว์หยางฟันใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยปราณกระบี่ผ่านเทพองครักษ์ศึก
ท่าแรกเป็นดาบผ่าภูผา ท่าที่สอง..ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย และท่าที่สามผ่านทีและภูผา ท่าที่สี่..ผ่าจักรวาล ท่าที่ห้า... ถล่มเทพและมารพลิกโลกา
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาไม่ได้ปกปิดอะไรเหมือนอย่างที่ใช้ในการสู้รบตามปกติ เขากลับทุ่มพลังเต็มที่ในพลังโจมตีของเขา จากนั้นเย่ว์หยางตวัดดาบฟัน ใจของแฝดสาวมังกรผู้พี่เชื่อมโยงกับเขา ยิ่งพลังเพิ่มขึ้นความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้น เพียงแต่เมื่อเย่ว์หยางรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างจะลำเอียงเล็กน้อยจึงหยุดใช้ดาบร่างมนุษย์ของแฝดมังกรผู้พี่ และเปลี่ยนมาใช้ธนูร่างมนุษย์ที่งดงามของแฝดผู้น้องบ้าง ตอนนี้งวงยาวของพญาคชสารอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมันถูกปราณกระบี่ตัดขาด
หลังจากเย่ว์หยางใช้พลังปราณก่อกำเนิดไปจนเกือบหมดและยิงศีรษะของพญาคชสารจนตายด้วยธนูน้ำแข็งสายฟ้า
เทพองครักษ์สาวทั้งสองบรรลุระดับพลังใหม่แทบจะพร้อมกัน
ร่างของพวกนางเปล่งประกายแสงสีทอง
เทียบกับพลังเทพนกเป็ดน้ำคู่เข้ากันได้สมบูรณ์แบบ
เทพองครักษ์ศึกสองสาวบรรลุพลังปราณก่อกำเนิดจาะระดับแปดเป็นระดับเก้า กลายเป็นแสงรังสีหลากหลายสีสันและลอยเข้าไปในโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยาง เมื่อพวกนางตื่นขึ้น พวกนางเชื่อว่าการร่วมมือกับเย่ว์หยางจะแข็งแกร่งขึ้น เย่ว์หยางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะเขายังไม่สามารถกลั่นควบสุดยอดกระบี่ทั้งสามจากร่างพวกนางได้
นอกจากนี้ เย่ว์หยางยังได้รับการรู้แจ้งมากมายจากการต่อสู้ครั้งแรก
ถ้าเขาลองอีกครั้ง เขาคงทำได้ดีขึ้น เขาคงใช้พลังปราณก่อกำเนิดแสดงพลังยิ่งใหญ่ออกมาได้
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง การร่วมมือของเขากับสองสาวเทพองครักษ์ยังไม่เข้าใจในระดับสูงสุด ถ้าพวกเขารวมพลังเป็นหนึ่งได้ในการสู้รบ อย่างนั้นเย่ว์หยางคงฆ่าพญาคชสารได้เร็วไปแล้ว
การฆ่าพญาคชสารอสูรปราณฟ้าระดับห้า เสี่ยวเหวินหลีไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
เธอทำได้ดีทุกอย่าง เพียงแต่การยกระดับของเธอยังช้ามาก การสู้ชนะฆ่าสัตว์ประหลาดได้ไม่ได้นำสู่การยกระดับของเธอเลย เธอเพียงแต่ก้าวหน้าหลังจากสู้กับหัวหน้าใหญ่ โชคดีที่เย่ว์หยางคุ้นเคยกับความเร็วในการยกระดับของเธอแล้ว อย่างไรก็ตาม เมดูซาศิลา นางเงือกวายุ นาคาสายฟ้า และปีศาจอสรพิษน้ำแข็งได้รับการยกระดับ ไม่เพียงแต่พวกนางเท่านั้น แม้แต่ฉลามเสือทอง และครอบครัวของพญางูโลหิตก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้นด้วย
สำหรับเนื้อของพญาคชสาร พวกมันไม่กล้าคาดหวัง
อย่างไรก็ตามเลือดสีน้ำเงินที่ไหลออกมาจากมัน ฉลามเสือทองกินอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับว่าเป็นสมบัติประมาณค่ามิได้
“ไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงมากมายในระหว่างสู้รบ พวกเจ้ายังกล้ากินอีกหรือ?” เขาไม่มีเวลากลั่นปรับเลือดของอสูรเทพในร่างของช้าง เขาตัดสินใจกลับไปก่อนเพื่อไปดูสถานการณ์ เพื่อที่ว่าลี่เยี่ยนจะได้ไม่ต้องกังวล นางเป็นคนมีความคิดง่ายๆ คงไม่ปล่อยให้กู่เติ้งและคนอื่นหลอกนางได้
ขณะที่เขาออกไป ฉลามเสือทองและครอบครัวพญางูโลหิตต่างกินเลือดของพญาคชสารที่ยากจะละลายในน้ำ
หลังจากดื่มเลือดน้ำเงินของพญาช้างแล้ว ฉลามเสือทองที่เพิ่งจะยกระดับ
ร่างของมันมีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ
มันมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และลายเส้นสีน้ำเงินเกิดขึ้นบนหลังของมัน อีกด้านหนึ่งพญางูโลหิตก็มีลักษณะทำนองเดียวกันที่หัวและคอของมัน แม้ว่าจะไม่มีทางที่พวกมันจะมีร่างกายพิเศษอย่างพญาคชสาร แต่เลือดช้างน้ำเงินก็มีเลือดอสูรเทพติดอยู่เบาบาง ก็ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของฉลามเสือทองและพญางูโลหิต
เด็กสาวยักษ์กำลังรอเย่ว์หยางกลับมาที่ห้องสุสานที่พังถล่ม
“พี่ใหญ่, นี่คืออะไร?” นางใช้สองนิ้วหยิบเนื้อกลมสีเลือดแปลกประหลาดขึ้นมา
“เป็นไข่ที่เกิดจากพลังชีวิตของมังกรแผ่นดินไหว มันทุ่มเทพลังชีวิตทั้งหมดถ่ายเทลงไปในไข่ใบนี้ นี่ไม่ใช่เนื้อ มีไข่ใบเดียวที่มีเนื้ออยู่ภายใน” เขามองดูร่างของมังกรแผ่นดินไหว แต่ไม่มีเนื้อที่จะเป็นประโยชน์ต่ออสูร เขาจุดเพลิงอมฤตและเผาร่างทุกส่วนของมังกรแผ่นดินไหว หลังจากชำระให้บริสุทธิ์ พลังงานบริสุทธิ์เพียงเล็กน้อยถูกถ่ายเทลงในชิ้นเนื้อกลมสีเลือด
ทันใดนั้น เนื้อกลมสีเลือดดูเหมือนจะมีเสียงเต้นของหัวใจขณะที่มีแรงสั่นสะเทือนเบาๆ
หลังจากนั้นชั่วขณะ ดูเหมือนมันค่อยๆ สงบลง
เย่ว์หยางมองดูเด็กสาวยักษ์และใจเขาตื่นเต้น “เมื่อเรากลับไป ข้าจะช่วยให้เจ้ายกระดับเป็นปราณฟ้าระดับสี่ เจ้ามีแนวโน้มว่าจะยกระดับใหม่ได้ แต่ถ้าเจ้าให้เราผู้พี่ช่วย อาจจะต้องเจ็บปวดมาก!”
“ไม่, ข้าไม่กลัวเจ็บแม้แต่น้อย ข้าจะไม่ร้องไห้แน่นอน!” เมื่อเด็กสาวยักษ์ได้ยินเช่นนี้ นางดีใจ นางไม่ปกปิดความดีใจเอาไว้ และหัวเราะร่า
ภายในโลกที่เต็มไปด้วยทราย
เมื่อเห็นเย่ว์หยางกลับมา ลี่เยี่ยนเกาหัวด้วยความกระดากใจ “หลายอย่างไม่เป็นไปด้วยดี เขาฆ่าตัวตาย”
เพราะกลัวเขาจะโกรธ นางรีบรายงานเพิ่มเติม “ข้าเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่เขาปฏิเสธที่จะฟัง” เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นหน้าบึ้งไม่พอใจทำให้สาวยักษ์ลี่เยี่ยนกลัวมากขึ้น ความจริงเขาแอบขำในใจ เมื่อเห็นว่าสาวยักษ์ผู้ป่าเถื่อนและเกเรนี้มีสีหน้าอึดอัดเพราะทำงานไม่สำเร็จ ความเปลี่ยนแปลงนี้นับเป็นความก้าวหน้า แต่เขายังต้องการความสำเร็จ เขายังต้องทำงานกันอย่างหนักต่อไป!
ผลึกเวทของค้างคาวกินวัว, ผลึกเวทของเหยี่ยวราตรี, หัวใจของหญ้าระบำ และหัวใจหมอกของปีศาจดำถูกส่งมอบทั้งหมด
เพื่อเป็นรางวัลให้กับทุกคน เย่ว์หยางแจกจ่ายสินสงครามทันที
ผลึกเวทของค้างคาวกินวัวมอบให้ภูตเพลิงฟ้า และผลึกเวทเหยี่ยวราตรีมอบให้ตั๊กแตนมัจจุราช... หัวใจหญ้าระบำและหัวใจปีศาจหมอก เย่ว์หยางไม่ได้แจกจ่าย อาหง, อาหมันและอิคคามีสติปัญญาสูงส่งพอปฏิเสธของขวัญหลอกเด็กของเย่ว์หยางด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน พวกนางรู้ว่าถ้าเป็นสิ่งที่พวกนางต้องการที่สุด เขาจะให้พวกนาง นางไม่สนใจสินสงครามที่อยู่ต่อหน้าเขา
ลี่เยี่ยนลากโวกัวที่กำลังจะตายมาด้วย เย่ว์หยางตัดสินใจแช่แข็งเขาไว้และค่อยหาเวลาช่วยชีวิตของเขา
หนึ่งนั้นเกี่ยวกับข้อมูล เขาต้องการดึงข้อมูลที่มีค่ามาจากโวกัวและค้นหาความเคลื่อนไหวและเป้าหมายของศัตรู ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็คืออสูรรบที่ทรงพลังบนตัวโวกัว ไม่ต้องพูดถึงอสูรปีศาจหกกรอสูรปราณฟ้าระดับสาม แม้แต่หมีปีศาจอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่ง, ยักษ์ศิลาและมันติคอร์ระดับเตรียมปราณฟ้าก็นับว่าไม่เลว คางคกสายฟ้าอาจน่าเกลียด แต่ก็ยังมีประโยชน์บางอย่าง ไม่เร็วก็ช้าโวกัวจะกลายเป็นปุ๋ยหรืออาหารเสริม ถ้าเขาไม่ยอมคายข้อมูลที่มีค่าที่เหลือออกมาทั้งหมด นั่นคงจะน่าเสียดาย
ถ้าเขาไม่มีความคิดเช่นนั้น เย่ว์หยางคงตัดศีรษะเขาในดาบเดียวไปแล้ว
“นี่อะไร?” เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นแมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กกลายเป็นซากที่ทำด้วยทอง
“อา..มีแมงป่องอยู่ในพื้นที่ และมันต่อยขาของกู่เติ้ง” ลี่เยี่ยนอธิบายสถานการณ์ให้เย่ว์หยางฟัง นางไม่เข้าใจว่าทำไมแมงป่องดาวถึงบังคับให้แมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กหนีออกมาและลอบทำร้ายกู่เติ้ง อย่างไรก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้
“ทั้งความสามารถและพิษของมันนับว่าไม่เลว” เย่ว์หยางมองดูขาขวาของกู่เติงซึ่งกลายเป็นทอง และเก็บทั้งซากแมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กและขาขวาของกู่เติ้งที่กลายเป็นทองไว้ในแหวน ลี่เยี่ยนรู้สึกอาย เจ้าผู้นี้เก็บแม้กระทั่งเลือดทุกหยดที่ดูเหมือนทอง มิน่าเล่าเขาถึงได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย นางไม่เคยเห็นใครที่บ้าเก็บสมบัติทุกอย่างแม้แต่ของที่มีประโยชน์เล็กน้อยก็ไม่เว้น มันมากเกินไปแล้ว
“ว่าไง?” ภูตเพลิงฟ้ากำลังถามความต้องการของเย่ว์หยาง
นางควรจะบังคับให้แมงป่องดาวออกมาจากพื้นที่ไหม?
นางไม่รู้สึกว่าถูกหรือผิด ตราบใดที่มันเป็นอสูรฝ่ายปรปักษ์ นางสามารถฆ่าได้โดยไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
ในโลกของภูตเพลิงฟ้า นอกจากเย่ว์หยางผู้เป็นเจ้านายนาง มีเพียงสองสิ่งในโลกนี้ หนึ่งคือพลังงานที่นางกินได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือที่นางกินไม่ได้...
เย่ว์หยางโบกมือ
การปราบอสูรที่มีสติปัญญาโดยวิธีการบังคับเป็นวิธีที่ย่ำแย่ที่สุด ต่อให้พิชิตมันลงได้ ผลก็จะเหมือนกับที่โวกัวพิชิตเจ้าแมงป่องดาวนี้ ในที่สุดก็ถูกเจ้าแมงป่องแว้งกัด สิ่งที่เย่ว์หยางต้องทำก็คือดีกว่านั้น แน่นอนว่าการพิชิตโดยตรงนั้นมีประสิทธิภาพ แต่เย่ว์หยางไม่สนใจจะทำ ปัญหาก็คือสถานะปัจจุบันของแมงป่องดาวพิเศษเล็กน้อย มันถูกโวกัวบังคับให้มันต้องทำงานโดยใช้กำลังรุนแรง ถ้าใช้กำลังรุนแรงอีกครั้ง มันจะไม่ทำงานแน่นอน
ถ้ามันฉลาด เย่ว์หยางสามารถเจรจากับอีกฝ่ายหนึ่งได้
พยายามโน้มน้าวอย่างมีเหตุมีผล
ถ้าเขาหลอกล่ออีกฝ่ายไม่สำเร็จ เขาไม่ถือว่าตนเองมีความสามารถ!
ถ้ามันคืออสูรรบที่มีปัญญาปานกลางค่อนข้างต่ำ อย่างนั้นการเคลื่อนไหวนี้จะไม่ค่อยมีผลมาก เพราะอีกฝ่ายไม่รู้วิธีพูด พวกมันไม่มีสติปัญญาพอจะคิดเรื่องให้ซับซ้อนเกินไป เย่ว์หยางสามารถใช้วิธีการแบบหลอกล่อเด็กก่อน จึงค่อยฉวยโอกาสเอาเปรียบ และจากนั้นค่อยเคลื่อนไหวอย่างอื่นเพื่อให้อีกฝ่ายพิสูจน์อนาคตที่ยิ่งใหญ่
แมงป่องดาว มันชอบอะไรมากที่สุด?
ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หยาง ทุกคนสามารถตอบคำถามนี้ได้โดยไม่ลังเล
อสูรชอบวิวัฒนาการเป็นที่สุด และนี่คือสิ่งที่อสูรศึกชอบที่สุด ไม่มีอสูรรบใดที่ไม่ชอบความก้าวหน้า และไม่มีอสูรใดที่เกลียดการเพิ่มพูนพลัง
เย่ว์หยางเขียนวงเวทอักษรรูนสวรรค์บนพื้นทราย หลังจากคิดบางอย่าง เขาวางถุงมือแมงป่องฟ้าได้ได้รับเป็นรางวัลจากวิหารราศีแมงป่องเอาไว้ใจกลางวงเวทอักษรรูน จากนั้นรอคอยให้แมงป่องดาวปรากฏตัวอย่างเงียบงัน
จะใช้ได้หรือ?
ลี่เยี่ยนมีความสงสัยในใจ แต่นางไม่กล้าคัดค้านวิธีการของเย่ว์หยาง
หนึ่งนาทีผ่านไปแมงป่องดาวโผล่ออกมาจากขอบวงเวทอักษรรูนเงียบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจับมันค่อยๆ ลอยตัวช้าๆ มันมองดูถุงมือแมงป่องฟ้าภายในวงเวทอักษรรูนสวรรค์และหลงใหลอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม มันไม่คลานเข้ามาทันที มันกลับหันศีรษะมามองเย่ว์หยางอย่างระมัดระวัง
เย่ว์หยางยังคงยืนนิ่งไม่ได้เคลื่อนไหว
เย่ว์หยางย่างเท้า มันฝังตัวเข้าไปในทรายทันที เมื่อเย่ว์หยางหยุดเดินมันลอยตัวช้าๆ อีกครั้ง
หลังจากลองดูเพื่อยืนยันหลายคราว่าเย่ว์หยางไม่มีความตั้งใจโจมตี มันจึงยอมให้เย่ว์หยางเข้ามาใกล้ อย่างไรก็ตามมันรักษาระยะห่างร้อยเมตรไว้ไม่ยอมให้เย่ว์หยางเข้ามาใกล้มันเกินไป
“ข้าจะไม่พูดอะไรมาก ถ้าเจ้าสามารถเข้าใจความหมายของข้าได้ อย่างนั้นก็จงมากับข้า ข้ามีวิธีทำให้เจ้ากลายเป็นแมงป่องดาวที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เจ้าเห็นเทพองครักษ์ของข้าไหม? นั่นคืออาวุธเทพร่างมนุษย์ไงเล่า ข้าสามารถทำให้เจ้าเป็นอาวุธเทพร่างอสูร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นอาวุธเทพอย่างหนึ่ง” เย่ว์หยางล่อลวงมันมากยิ่งกว่าพ่อค้าขายของในงานเทศกาลเสียอีก เมื่อลี่เยี่ยนได้ยินคำนี้ นางเริ่มสงสัยว่านางเข้าใจผิด โชคดีที่เย่ว์หยางไม่ใช้คำพูดล่อลวงเกินไป เขายังดูดีมีบุคลิก เขาจะตรงไปตรงมาและพูดกับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่แข็งขืนให้อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไร
เย่ว์หยางหยิบถุงมือแมงป่องฟ้าขึ้นมาและออกไปพร้อมกันอาหมันและอสูรที่เหลือ
แมงป่องดาวลังเลใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นเย่ว์หยางไปไกลแล้ว มันรีบไล่ตามเขาไป
เย่ว์หยางหันไปมองและหยุดทันที หลังจากที่เขาหันหน้าจากไปมันรีบไล่ตามเขา .... บางทีในใจของมันยังอยู่ในช่วงตัดสินใจ อย่างไรก็ตามอย่างน้อยที่สุดมันรู้แล้วว่าโอกาสดีอย่างนี้ไม่อาจพลาดได้โดยง่าย