ตอนที่ 697 การยอมแพ้ที่รับไม่ได้
เมื่อเย่ว์หยางกลับไปที่ห้องสุสาน เขาพบว่าสถานที่นั้นพังราบกระจุยกระจายเป็นชิ้น
จะเรียกว่าสุสานก็คงไม่เหมาะ คำว่าซากพังทลายดูจะเหมาะสมยิ่งกว่า
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจมากขึ้นก็คือพญาคชสารไพลิน อสูรปราณฟ้าระดับห้าหนีการต่อสู้ ภายในซากถล่มของสุสาน มีเพียงเด็กสาวยักษ์และมังกรแผ่นดินไหวที่กำลังสู้กันอยู่ แม้ว่าสหายของมันจะหลบหนีไปแล้ว แต่มังกรแผ่นดินไหวที่แทบจะไม่มีสติปัญญาแต่ซื่อสัตย์ภักดียังปักหลักสู้กับเด็กสาวยักษ์ แล้วตอนนี้พญาคชสารหนีไปที่ใด? มังกรแผ่นดินไหวเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
แต่มันยังใช้หางของมันรัดรอบน่องของนางไว้ไม่ยอมให้นางไล่ตามพญาคชสารไป
“ข้าจะทุบตีมัน ข้าจะทุบมัน!”
เด็กสาวยักษ์สู้อย่างมีความสุขและประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเย่ว์หยางกลับมา เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อยเป็นการบ่งบอกว่าให้นางลุยต่อไป เขาพาเทพองครักษ์สองสาวเดินไปตามทางลับที่พังถล่มไล่ตามพญคชสาร
ถ้าพญาคชสารอสูรปราณฟ้าระดับห้าไม่หนี เย่ว์หยางอาจพิจารณาว่าจะรับช้างที่มีภูมิปัญญาระดับกลางหรือไม่ก็ได้
แม้ว่าเขาไม่ต้องการมัน แต่เขาสามารถให้มันกับสาวๆ หรือเย่คงและคนอื่นๆ ได้
อย่างไรก็ตาม พญาคชสารทอดทิ้งและหนีโวกัวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันทอดทิ้งมังกรแผ่นดินไหว เย่ว์หยางรู้สึกเสียวสันหลังทันที บางครั้งถ้าอสูรรบฉลาดเกินไปแต่ไม่ภักดีก็คงไม่สามารถควบคุมได้ดี มันอาจสร้างความเสียหายใหญ่ในสนามรบ ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจแล้วทำไมเขาถึงสามารถเตะโวกัวจนปลิวได้ในการลงมือครั้งเดียว เหตุผลเป็นเพราะพญาคชสารละทิ้งการต่อสู้ ทำให้โวกัวที่บาดเจ็บอยู่แต่เดิมกลับบาดเจ็บหนักยิ่งขึ้น ทำให้มันอ่อนแอลง และเพิ่มอาการบาดเจ็บให้มันไปด้วย มันมีสติปัญญาปานกลาง เป็นอสูรปราณฟ้าระดับห้า นับว่าไม่เลว แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอสูรที่แข็งแกร่งเพียงไหน พวกเขาต้องการเงื่อนไขเดียวจากมันก็คือความภักดี
ไม่มีความภักดี หนีออกจากสมรภูมิ อสูรรบแบบนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ!
ถ้าเย่ว์หยางเลือกได้หนึ่ง เขาจะเลือกมังกรแผ่นดินไหวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่มันปักหลักต่อสู้กับเด็กสาวยักษ์ไม่มีถอย
พลังของมันด้อยกว่าพญาคชสารห่างไกล แต่มังกรแผ่นดินไหวเป็นอสูรรบที่คู่ควรกับการเชื่อถือมากกว่า เมื่อเจ้านายของมันตกอยู่ในอันตราย ไม่ต้องกังวลเลยว่ามันจะหนีจากไป
อสูรพิทักษ์อาจจะไม่ค่อยฉลาดเสมอไป แต่ยังมีบุคลิกที่ทำให้เจ้านายของมันมั่นใจเสมอมานั่นก็คือความภักดี พวกมันยอมตายดีกว่ายอมหักหลัง ถ้าอสูรรบไม่มีสติปัญญา มันยังสามารถค่อยๆ ฝึกกันได้ ถ้าอสูรรบแข็งแกร่งไม่พอ มันสามารถค่อยๆ ฝึกปรือได้ แต่ถ้าอสูรรบไม่ภักดี มันจะกลายเป็นเรื่องอันตรายมาก
อสูรรบบางจำพวกมีนิสัยไม่ซื่อสัตย์
ยิ่งแข็งแกร่ง พวกมันก็ยิ่งมีความภักดีน้อยลง
อสูรรบบางจำพวกดูเหมือนจะภักดีอย่างผิวเผิน แต่เมื่อพวกมันเผชิญกับอันตราย พวกมันจะมองหาหนทางโดยรอบและหนีทันที พญาคชสารเป็นประเภทสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เทียกับอสูรรบที่ไม่ภักดีเหล่านั้นแล้ว ยังน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่า!
เย่ว์หยางกำจัดความคิดที่ต้องการจะปราบพญาคชสารและตัดสินใจฆ่าอสูรรบปราณฟ้าระดับห้าตัวนี้
จากนั้นค่อยเอาเลือดอสูรเทพจากร่างของมัน
เหตุผลที่พญาคชสารทรงพลังมากเป็นเพราะมันมีเลือดของอสูรเทพไหลเวียนอยู่ภายในด้วยโครงสร้างร่างกายที่พิเศษทำให้มันสามารถยกระดับได้จนถึงปราณฟ้าระดับห้า
ภายในโลกที่เต็มไปด้วยทรายเหลือง แม้ว่าเย่ว์หยางจะออกมาแล้วสถานการณ์การต่อสู้ก็ยังไม่เปลี่ยน
ความพ่ายแพ้ของกู่เติ้งและโวกัวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ลี่เยี่ยนปล่อยหมัด กู่เติ้งที่สูญเสียแขนขวาและอาวุธไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลี่เยี่ยน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาใช้พลังงานไปมากและอยู่ในสภาพอ่อนแอ ด้วยความได้เปรียบของวิชาพิเศษ กู่เติ้งแทบไม่อาจต้านทานพลังนางได้ แต่เขาได้แต่ยืนหยัดรับพลังหมัดที่ลี่เยี่ยนระดมโจมตี
“ฮ่า...!”
อาหมันใช้โซ่ล่ามเทพพันคอปีศาจดำเอาไว้และรัดแน่นขึ้นด้วยพลังทั้งหมด
ปีศาจดำพยามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ทุกครั้งที่มันดิ้นรน อาหมัดจะทุบมันด้วยหมัดของนาง เลือดสีดำไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด และคอของมันบิดและมีเสียงครางเบาๆ มันไม่มีพลังอีกต่อไปในเมื่อมันใช้สนามพลังจิตโจมตีอาหมัน พลังวิญญาณของมันอ่อนล้า พลังจิตตกต่ำและกำลังของมันค่อยๆ หมดสลายไป ถ้าไม่ใช่เพราะความกลัวตายคอยกระตุ้นมัน ทำให้มันดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มันคงพังทลายภายใต้หมัดของอาหมันที่ระดมใส่ไม่ยั้ง
อาหมันมีพลังหัวใจธรณีสารและพลังของยักษ์ไตตัน บวกกับเสริมพลังด้วยเงายักษ์ห้าร่างยืนสู้อยู่กับพื้น นางเป็นเหมือนเทพธิดาศึกที่ไม่รู้จักเหนื่อย
ในที่สุดของการดิ้นรนของศัตรู
อาหมันยื่นมือ
นางบิดศีรษะของปีศาจดำเสียงดับ ‘กร๊อบ’ กระดูกคอของมันถูกบิด
ปีศาจดำที่สูงอย่างน้อยยี่สิบเมตรและเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสองยังคงดิ้นอยู่ เหมือนกับว่ามันยังต้องการสู้ต่อ... อาหมันไม่มองมันอีกครั้ง แต่แหงนหน้าขึ้นฟ้ากู่คำรามด้วยความตื่นเต้น ภายใต้โซ่ล่ามเทพปีศาจดำไม่สามารถแปลงร่างเป็นควันได้ หลังจากอาหมันหักกระดูกคอของมันก็ลงมาอยู่ที่พื้นรอให้มันตายเงียบๆ
“บึ้ม!”
หลังจากปีศาจดำแล้ว หญ้าระบำก็ร่วงลงมาเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับนางฟ้าสงครามอิคคา ถ้าไม่ใช่ว่านางตั้งใจฝึกสามท่าลี้ลับระหว่างสู้รบ หญ้าระบำคงจะตายไปนานแล้ว
อิคคาเหยียดมือตั้งท่าควบแน่นพลังน้ำแข็ง และในขณะที่แช่แข็งหญ้าระบำ มืออีกข้างหนึ่งของนางสร้างพลังสายฟ้าระดับสุดยอด นี่คือทักษะรบที่เสวี่ยอู๋เสียสอนนาง จากนั้นอิคคาควงดาบนางฟ้าฟันผ่าครึ่งอสูรต้นไม้อย่างไม่มีใดหยุดได้ นี่เป็นท่าที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสอนนาง
ในที่สุดอิคคาก็ควักหัวใจออกมาจากรากหญ้าระบำ
ไม่มีใครสอนนางเรื่องนี้
นี่เป็นผลมาจากความละเอียดอ่อนของนาง
คนที่ส่งผลกระทบต่อนางมากที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเย่ว์หยางที่ฆ่าคนเพื่อสมบัติ....
ค้างคาวกินวัวหนีไปไกลมากกว่าสิบกิโลเมตร แต่มันไม่สามารถหลบหลีกการไล่ล่าของนางพญากระหายเลือดหงได้ ด้วยแส้ลงทัณฑ์ ค้าวคาวกินวัวร่วงลงกับพื้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
มันค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง มันต้องการแกล้งทำเป็นตายเพื่อลอบโจมตีนางพญากระหายเลือด มันจงใจปล่อยเลือดออกจากปากและจมูกแสร้งทำเป็นว่าใกล้ตายเต็มที
นางพญากระหายเลือดที่เชี่ยวชาญการสู้รบจะถูกมันลอบทำร้ายได้ยังไง? นางแกล้งทำเป็นหลงกล ขณะที่นางบินเข้าไปใกล้ นางปามีดทองฆ่ามังกรซึ่งปักเข้าที่ศีรษะของค้างคาวกินวัว ค้างคาววัวเหมือนกับว่าจับไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวสุกกำมือหนึ่งกระพือปีกใหญ่ของมันด้วยความเจ็บปวดและบินกลับขึ้นไปในท้องฟ้าหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ต้องรอให้นางพญากระหายเลือดโจมตี ภูตเพลิงฟ้าล้อมค้างคาวกินวัวไว้ในพายุแล้ว
ผึ้งเพลิงนับพันบินเข้าไปในพายุโจมตีใส่ค้างคาวกินวัว
พวกมันระเบิดทำลายตัวเองทีละตัว
ค้างคาวกินวัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากแรงระเบิด
ในที่สุดภูตเพลิงฟ้าใช้พายุสายฟ้าและสายฟ้าฉีกและเผามันกระจายเป็นชิ้น นอกจากผลึกเวทสีน้ำเงิน ก็แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่
สิ่งที่ทำให้อาหมันและอิคคาประหลาดใจทั้งคู่ก็คือแมงป่องดาวอสูรปราณฟ้าลอบโจมตีแมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กบังคับให้มันออกมาจากพื้น
พลังของแมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กเทียบเท่ากับแมงป่องดาว แต่ต้องถือว่ามันโชคร้ายไปสิบแปดชาติ เพราะในทะเลทรายแมงป่องดาวแทบจะเป็นสิ่งมีชีวิตไร้เทียมทาน และแมงป่องดาวก็เป็นดาวข่มของมัน หลังจากถูกโจมตีด้วยก้ามแมงป่อง แมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กต้องคลานออกมาจากพื้น มันต้องการหาน้ำกิน และจะต้องได้น้ำปริมาณมากมันจึงจะบรรเทาอาการพิษแมงป่องได้
ผลลัพธ์ที่ได้น่าสังเวชมาก มันคลานออกมาจากทรายและพบว่า นี่เป็นโลกที่มีแต่ทราย
ไม่มีน้ำในปริมาณมาก อาหมันไม่จำเป็นต้องโจมตีแมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กแต่อย่างใด
มันคลานช้าๆ อยู่ชั่วขณะก็กลายเป็นอัมพาต
ร่างของมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทอง
ในที่สุดตลอดทั้งร่างดูเหมือนจะโดนพิษลามและกลายเป็นสีทอง ไม่ใช่แค่มันเท่านั้น แม้แต่กู่เติ้งที่ปล่อยให้เปลวไฟกระทบพื้นก็ยังถูกแมงป่องดาวที่ซ่อนตัวอยู่ในทรายลอบเข้ามาต่อยเขาด้วยเหล็กใน
“บ้าจริง!” กู่เติ้งใช้มีดตัดขาขวาที่ถูกแมงป่องต่อยอย่างไม่ลังเล
ไม่นานนักหลังจากที่ขาขวาร่วงตกในทราย เลือดที่หยดออกมากลายเป็นสีทอง
ไม่ถึงสิบวินาที ขาขวาก็ที่กู่เติ้งตัดออกมาด้วยตนเองกลายเป็นขาทอง และเลือดที่หยดออกมาก็ดูเหมือนหยดน้ำสีทอง
ลี่เยี่ยนหยุดครู่หนึ่งและจากนั้นพูดกับกู่เติ้ง “สถานการณ์ผ่านไป เจ้าไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้อย่างนี้ต่อไป ยอมแพ้เสียเถอะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” กู่เติ้งส่ายศีรษะและฝืนยิ้มโบกมือ “แม้ว่าข้าจะกลัวตาย แต่การยอมแพ้เป็นไปไม่ได้ ข้ารู้ความลับมากเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะมีชีวิตได้อีกต่อไป ข้าทำใจยอมรับแล้ว เพื่อเจ้านายข้า สิ่งที่ข้าต้องทำไม่ใช่ยอมแพ้อย่างน่าสังเวช แต่ต้องรักษาความลับ!”
ลี่เยี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง
นางเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง “ต่อให้เจ้าตาย เขาก็คงหาวิธีขุดเอาความลับของเจ้าได้ คนตัวใหญ่ตรงนั้นยังไม่ได้ตาย เจ้ากำลังทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์”
กู่เติ้งชำเลืองมองโวกัวที่หมดสติอยู่บนพื้นและส่ายหัว “ข้าไม่รู้เรื่องคนอื่น แต่ข้าต้องทำส่วนของตัวเองให้ดี”
เขาเก็บดาบหักจากพื้นขึ้นมา และแทงอกตัวเองด้วยดาบครึ่งหนึ่ง และเสียบลึกจนถึงขั้วหัวใจ
ดาบอีกครึ่งหนึ่งแทงใส่หน้าผาก
เขาแทงศีรษะของเขา
จากนั้นล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นกู่เติ้งนอนตาย ลี่เยี่ยนคารวะเล็กน้อย “แม้ว่าเจ้าจะเป็นศัตรูของเรา แต่เจ้าก็คู่ควรกับการรับคำชม... สู่สุคติเถิด!”
ปีศาจดำที่ยังคงดิ้นรน ในพริบตาที่จะตายมันไม่เลือกหักหลังเจ้านาย มันตายพร้อมกับเจ้านาย ศีรษะและร่างของมันระเบิด และเลือดเนื้อของมันกระเด็นไปทั่วทุกที่ อาหมันเก็บผลึกเวทที่มีควันปกคลุมไว้ด้วยมือนางเอง
ภายในสุสาน มังกรแผ่นดินไหวถูกเด็กสาวยักษ์จับบิดและหักกระดูกทั่วทั้งตัว มันไม่ยอมทรยศเจ้านายของมันเช่นกัน
มันส่งเสียงครวญครางนานและกระอักโลหิตออกมาจากปากขนาดใหญ่ของมัน
หลังจากนั้นร่างของมันระเบิดและตาย
เทียบกับอสูรรบทั้งสองที่ตายโดยไม่ทรยศ พญาคชสารวิ่งหนีไปข้างหน้าภายใต้การโจมตีของเย่ว์หยาง ทางลับที่พังทลายกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการให้มันหลบหนี เมื่อมันสูญเสียที่หยั่งเท้าก็ตกลงไปในหลุมกับดัก ไม่สามารถหลบหนีได้ เย่ว์หยางที่อยู่ในท้องฟ้าชูดาบร่างมนุษย์ที่สร้างขึ้นโดยเทพองครักษ์ศึกอาเหยา และเตรียมจะฟันใส่มัน
พญาคชสารไพลินยอมรับและยอมแพ้เย่ว์หยาง
“เสียใจด้วย แม้ว่าเงื่อนไขของเจ้าจะดีในทุกด้าน ข้าไม่มีทางยอมรับได้ ข้าจะไม่ยอมรับอสูรรบที่หนีการต่อสู้และยอมแพ้เมื่อเผชิญหน้ากับความตายอย่างง่ายดาย การหักหลังและทอดทิ้งสหายของเจ้าเป็นเรื่องเกินจะยอมรับได้ ถ้าเจ้าสู้ตาย ข้าอาจยกโทษให้เจ้าได้ เจ้าไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ! เย่ว์หยางถอนหายใจ ภายใต้สายตาที่หวาดกลัวของพญาคชสาร เขาฟันดาบลงทันที คราวนี้เป็นการใช้พลังรบเต็มที่
กระบวนท่าที่หนึ่ง – ดาบผ่าภูผา