ตอนที่ 696 ตะลึง! พลังของเทพองครักษ์
พลังเพลิงรุนแรงเป็นสายธนู พลังน้ำแข็งยะเยือกเป็นลูกศร และพลังสายฟ้าม่วงเป็นพลังหน่วง
เมื่อเย่ว์หยางยิงธนูนี้ออกไปโดยมีสาวองครักษ์มังกรผู้น้องเป็นคันธนู อย่าว่าแต่กู่เติ้งและโวกัวที่เป็นศัตรูเลย แม้แต่ลี่เยี่ยนที่อยู่กับพื้นก็ตกใจด้วยเช่นกัน
ธนูร่างมนุษย์?
นี่เป็นแผนต่อสู้แบบไหน? แม้ว่าลี่เยี่ยนจะเคยเห็นวิธีต่อสู้แปลกประหลาดหลายอย่างในแดนสวรรค์มาแล้ว แต่นางไม่เคยเห็นผู้ใดสู้ด้วยธนูเหมือนอย่างที่เย่ว์หยางใช้! ตาของโวกัวและกู่เติ้งกระตุกเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถนึกภาพออกว่าธนูนี้จะสร้างความเสียหายให้กับร่างพวกเขาได้ขนาดไหน แต่ที่เย่ว์หยางจะยิงธนูนี้ออกไป โวกัวก็วิ่งหนีไม่รู้สึกห่วงใยและทอดทิ้งกู่เติ้ง
เฟี้ยว!
ลูกธนูแหวกอากาศแทบทำลายโลก
แม้กระทั่งมิติก็ยังเปิดแยกออกเพราะลูกศรที่น่ากลัวนี้ เร็วกว่าแสง และไม่สามารถหยุดได้เมื่อยิงออกไปแล้ว
มันทะลุผ่านโวกัวผู้เสริมพลังด้วยอสูรรบหลายตัวรวมทั้งปีศาจอสูรหกกร
ธนูเจาะเข้าหลังทะลุออกทางหน้าอก
ร่างของโวกัวสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่เขายังไม่เชื่อว่าเขาถูกธนูยิง เขาไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด เขาเพียงแต่รู้สึกว่าร่างของเขาพลันเบาขึ้น ราวกับว่าเขาสูญเสียบางอย่างไป เขาก้มมองดูหน้าอกตนเองและพบว่ามีรูใสขนาดใหญ่ในหัวใจของเขา หัวใจที่เคยเต้นและอวัยวะภายในอื่นๆ หายไปหลังจากธนูผ่านไป
“เป็นไปไม่ได้!” ริมฝีปากหนาของโวกัวสั่นสะท้าน เขาส่งเสียงครางอย่างมึนงง “ข้ามีอสูรปีศาจหกกรคอยป้องกันไว้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ธนูจะพุ่งทะลุร่างของข้า!”
“อ๊า......”
กู่เติ้งคำรามอย่างบ้าคลั่ง
เขาระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของเขา จนเกินขีดจำกัดและศักยภาพชีวิตของตนเอง ซึ่งเขาเองไม่เคยใช้มาก่อน พลังถูกแผดเผาออกมาเต็มที่
ในทันใดนั้นเขาเร่งพลังจนอยู่ในชั้นปราณฟ้าระดับสี่ขั้นสูงสุด ความเร็วสูงสุด พลังกายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาถูกอัดเข้าไปในดาบโค้งของเขา เขาฟันใส่เย่ว์หยางราวกับสายฟ้าฟาด
เขารู้ดีว่าถ้าเขายังรักษาระยะห่างจากเย่ว์หยางไว้ เขากับโวกัวคงไม่ถูกธนูร่างมนุษย์ยิงใส่เป็นแน่ ความหวังในการเอาตัวรอดประการเดียวก็คือ สู้ระยะประชิด เขาต้องสู้ระยะประชิดจนคู่ต่อสู้ไม่สามารถเหนี่ยวธนูร่างมนุษย์ได้ กู่เติ้งใช้พลังทั้งหมดของเขาหวังว่าจะสร้างอาการบาดเจ็บเสียหายให้คู่ต่อสู้ของเขา ตัดสินจากการโจมตีไม่มีที่สิ้นสุดของคู่ต่อสู้ของเขา ครั้งนี้เขากับโวกัวพบกับคู่ต่อสู้ที่ยากลำบาก อย่าว่าแต่ชัยชนะเลย แค่จะหนีให้รอดก็ยังยากลำบาก
“ดาบแห่งปีก!”
เมื่อเย่ว์หยางยกมือขวา เทพองครักษ์สาวคนพี่นามว่าอาเหยามีสีหน้าเคร่งขรึม
ตลอดทั้งตัวนางแนบติดกับแขนขวาของเย่ว์หยาง แขนของนางโอบรอบเขา ขาของนางเหยียดตรง และทั้งตัวเปลี่ยนเป็นแนวตรง ในพริบตาแม้แต่นางก็เปลี่ยนกลายเป็นดาบร่างมนุษย์ได้สำเร็จ
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เย่ว์หยางโคจรเข้าไปในร่างนางช่วยเพิ่มพลังขึ้นเป็นร้อยเท่า
แม้ว่าเย่ว์หยางยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของนางได้เต็มที่ แต่ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ยิงออกมาจากขานางอย่างน้อยก็ยาวร้อยเมตร
กู่เติ้งกำลังฟันดาบลงสุดกำลัง เมื่อเห็นฉากภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ถึงกับกลัวจนคิดอะไรไม่ออก เย่ว์หยางร่ายรำดาบของเขาอย่างมั่นใจและฟันดาบไปข้างหน้า ไม่ต้องใช้ทักษะการสู้รบ ท้องฟ้าทั้งหมดขาดครึ่งเพราะแรงฟันของดาบเขา มิติแตกแยก เกิดเป็นรอยแยกยาวร้อยเมตรดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้อง
ดาบโค้งระดับแพลตตินัมที่หลอมรวมพลังกายและพลังวิญญาณเต็มที่ของกู่เติ้ง
ส่องประกาย
ภายใต้พลังโจมตีของเทพองครักษ์ด้วยดาบทำให้มันดูบอบบางเหมือนเปลือกไม้และหักเป็นสองท่อนง่ายดาย
“อ๊า.....!” เมื่อเห็นดาบฟันลงมาที่ศีรษะของเขา กู่เติ้งหลบด้วยปฏิกิริยาเต็มที่เมื่อเขาถูกโจมตี เพราะร่างของเขาเปลี่ยนตำแหน่งรวดเร็วเกินไป เอวของเขาแทบจะหักเมื่อเขาบิดเอว เขากำลังโจมตีสุดกำลัง ประกับพลังสะท้อนขนาดหนัก อวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บสาหัส โลหิตทะลักออกจากปาก อย่างไรก็ตามกู่เติ้งไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เขากลัวก็คือศัตรูของเขาแทบจะฆ่าเขาได้ในดาบเดียว
เขาพยายามยกมือขวาและพบว่ามันหลุดจากแขนของเขาไปแล้ว
มือร่วงกับพื้นดังตุบ
ปรากฏว่าในขณะเดียวกับที่ดาบโค้งถูกตัด แขนของเขาก็ถูกตัด!
ตาของกู่เติ้งเบิกโพลงขณะที่เขาจ้องมองแขนที่ขาดซึ่งค่อยๆ มีโลหิตฉีดพุ่งออกมา สีหน้าของเขาหวาดกลัวราวกับว่าเห็นภูตผี... เขาไม่รู้สึกเจ็บเลย เขาไม่รู้ตัวว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
พลังโจมตีเพียงดาบเดียวยังน่ากลัวขนาดนี้
เมื่อมองเห็นเย่ว์หยางในท้องฟ้า กู่เติ้งรู้สึกว่าตนเองไร้พลังสิ้นเชิง
เขาจะสู้กับศัตรูแบบนี้ได้ยังไง? ไม่ว่าอสูรจะทรงพลังขนาดไหนที่เขามี จะไปเทียบได้กับพี่น้องฝาแฝดสาวที่แปลงร่างเป็นอาวุธร่างมนุษย์ได้ยังไง?
แม้แต่เย่ว์หยางเองก็ยังรู้สึกว่ายากจะทำใจเชื่อ ไม่ต้องพูดถึงกู่เติ้งและโวกัวและคนอื่นๆ เลย ตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังของพวกนางเต็มร้อย ยังสร้างพลังได้ถึงระดับนี้ ถ้าใช้พลังของพวกนางได้เต็มร้อยหรือด้วยร่างกายของพวกนางกลั่นสร้างกระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัวและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน อย่างนั้นพลังจะไปถึงระดับใด? นี่ยังแค่เริ่มต้นเขาแค่ปลดปล่อยพลังอย่างไม่เป็นทางการ เขาก็เอาชนะโวกัวและกู่เติ้งผู้เป็นนักสู้ปราณฟ้าฝีมือดี ถ้าเขาทุ่มเทพลัง ใครจะสามารถหลบหนีความตายได้ต่อให้เป็นปราณฟ้าระดับห้าหรือหกก็ตาม!
มีเทพองครักษ์ศึกสาว และความเข้าใจกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน เย่ว์หยางมีแรงกระตุ้นจะท้าทายราชาใจสิงห์ได้ทันที
หรือบางที เขาอาจท้าทายยอดฝีมือระดับราชาใจสิงห์ก็ได้
มีพลังของอาวุธเทพเช่นนั้นอยู่ในมือ จะสามารถสู้กับราชาใจสิงห์ได้หรือไม่?
เย่ว์หยางไม่แน่ใจ แต่เขาตื่นเต้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าอย่างน้อยเขาน่าจะลองดูก็ได้ ก่อนนี้เขายังไม่มีความมั่นใจของขนาดนั้น!
เทพองครักษ์ศึกทั้งสองบินและใช้แขนพวกนางพันรอบเอวเย่ว์หยาง ร่างของพวกนางเหยียดออกไปด้านหลังและปีกทั้งสี่ของพวกนางสยายออก เหมือนกับว่าเย่ว์หยางมีปีกมังกรสี่ข้าง ขณะนั้นเอง ความเร็วในการบินของเขาเร็วกว่าความเร็วสูงของเย่ว์หยางสิบเท่า ไม่ใช่เป็นการเทเลพอร์ตแต่เป็นการทอดระยะห่างระหว่างพวกเขา เพียงความคิดจะไล่ตามเกิดขึ้นในใจของเย่ว์หยางเขาประหลาดใจที่รู้สึกว่าตนเองบินอยู่ด้านหลังของโวกัวแล้ว
สิ่งที่เขาทำคือเหยียดขาออก
เทพองครักษ์ ‘อาเหยา’ สาวมังกรผู้พี่เลื่อนแขนมาพันที่ขาขวาของเขาทันทีและเปลี่ยนร่างนางเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา พลังของนางเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าจากพลังของร่างกายนาง และด้วยพลังเตะของเย่ว์หยาง ขาของนางเตะใส่หลังศีรษะของโวกัว
บึ้ม....
โวกัวปลิวกระเด็นไปพันเมตรและทะลวงลึกลงไปในทรายสองสามเมตร เหมือนกับดาวตก กระแทกจนเกิดเป็นหลุมใหญ่รัศมีกว้างร้อยเมตร
โวกัวที่บาดเจ็บสาหัสเพราะอกถูกแทงทะลุอยู่แล้ว อาการหนักทันที
โวกัวดิ้นรนอยู่สองสามครั้ง แต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้ทันที
“....” เมื่อเย่ว์หยางเห็นเช่นนี้ เขารู้สึกอายเล็กน้อย ความจริงพลังที่เตะไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งอะไร แต่ด้วยการช่วยเหลือของสาวมังกรผู้พี่ ที่ตอนนี้เป็นอาวุธเทพร่างมนุษย์
ทำให้โวกัวบาดเจ็บสาหัส มีรอยเท้าลึกสองรอยปรากฏอยู่บนศีรษะใหญ่ของเขา และกะโหลกของเขาแตก ถ้าเย่ว์หยางกระแทกเต็มแรง โวกัวนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ชั้นสูงก็คงระเบิดทั้งตัวแน่
กู่เติ้งกองอยู่กับพื้น
เขาไม่มีกำลังใจจะค้ำร่างอีกต่อไป เมื่อเผชิญกับศัตรูเช่นนั้น เขาไม่สามารถเอาชนะได้ ทั้งไม่สามารถหลบหนีได้ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ!
ลี่เยี่ยนปากอ้าค้าง แต่ไม่นานนางก็ต้องรีบหุบปาก นางรู้ว่าอสูรรบของเย่ว์หยางเป็นสัตว์ประหลาดทั้งนั้น แต่นางไม่เคยคิดว่าแม้แต่สาวมังกรที่ปกติจะหาพบยากจะมีพลังน่ากลัวขนาดนี้
เย่ว์หยางโค่นโวกัวและไม่ได้ใช้เทพองครักษ์โจมตีกู่เติ้งอีก
เขากลับเรียกนางพญากระหายเลือด, ภูตเพลิงฟ้าและตั๊กแตนมัจจุราชออกมาร่วมรบ
เขาข่มความตื่นเต้นในใจขณะที่เขายังคงลองใช้อาวุธเทพร่างมนุษย์ทั้งสองคนนี้กับไม้ตายทั้งสามคือ กระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัวและกระบี่แดงชี่เสี่ยวหลาน
เขารู้สึกว่าได้รับแรงบันดาลใจมากในการต่อสู้นี้
เขาหวังจะเข้าใจและเรียนรู้มากขึ้น
ลี่เยี่ยนวิ่งไปอยู่ด้านข้างกู่เติ้ง เมื่อเห็นท่าทีหมดหวังของเขา นางลังเลเล็กน้อย แต่ไม่ได้โจมตี นางกลับมองเขาอย่างระมัดระวังแทน และลอบมองเย่ว์หยางผู้ดื่มด่ำกับขอบเขตระดับใหม่เป็นครั้งคราว
ความพ่ายแพ้ของเจ้านายส่งผลต่อกำลังใจของอสูรศึก ปีศาจดำ หญ้าระบำ เหยี่ยวราตรีและอสูรอื่นกำลังใจตกต่ำ ค้างคาวกินวัวและแมงมุมทรายเขี้ยวเหล็กรีบหนีไป ขณะที่แมงป่องดาว มันหักหลังไปแล้ว ด้วยระดับของปัญญาที่ต่ำ มันคงไม่ติดตามผู้อ่อนแอที่กำลังจะตาย นอกจากนี้ โวกัวทำสัญญากับมันโดยใช้วิธีบังคับ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการ ความจริงขณะที่แมงป่องดาวถูกเขาเรียกออกมามันต้องการจะโจมตีเจ้าของของมัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การต่อสู้ มันจึงไม่ลงมือ
ตัวหมัดที่อ่อนแอที่สุดกระโดดออกมาจากหลุมทราย
หลุมทรายไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ภูตเพลิงฟ้าไล่กวดมันจนมันเกือบตาย
ในวังแคปริคอร์น นางพญากระหายเลือดได้รับทักษะพิเศษที่เรียกว่า แปลงเป็นแกะซึ่งได้รับมาจากวิหารแคปริคอร์น
น่าเสียดายที่วิชาปีศาจนี้มีขีดจำกัดมาก ในตอนแรกมันได้แต่เปลี่ยนอสูรทองระดับหกให้เป็นแกะ แต่ผลของมันไม่อาจเทียบได้กับคลื่นเสียงหวีดของนางพญากระหายเลือดและ เนื่องจากนางพญากระหายเลือดอาหงกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์และใกล้จะกลายเป็นอสูรเทพ ความสามารถพิเศษยังคงก้าวหน้า แต่ช้ามาก
ตอนนี้ตราบเท่าที่อสูรรบมีระดับต่ำกว่าอสูรทองระดับแปด ไม่ใช่อสูรปราณฟ้า นางพญากระหายเลือดสามารถใช้ทักษะเปลี่ยนเป็นแกะได้
นางยากจะใช้สติปัญญาระดับสูง
ตราบเท่าที่นางใช้คลื่นเสียง นางสามารถทำให้ศัตรูหมดสติ เมื่อมีความเชี่ยวชาญนางสามารถใช้ร่วมกับการโจมตีของเย่ว์หยาง
ตนนี้เย่ว์หยางไม่ได้เข้าร่วมสู้ อีกด้านหนึ่งมีตัวหมัดระเบิดกระโดดอยู่ซึ่งทำให้คนไม่สบายใจ นางพญากระหายเลือดโกรธและใช้พลังจิตกระตุ้นใช้งานทักษะพิเศษของนาง
ตัวหมัดกระโดดในอากาศกลายเป็นแพะดำทันที
ตั๊กแตนมัจจุราชที่ไล่ตามอยู่นานโฉบลงด้วยความเร็วสูง ก่อนที่แกะดำจะทันรู้ตัว มันใช้แขนเคียวจับหมัดเอาไว้ได้
และเริ่มอ้าปากกินทันที
แพะดำร้องออกมาไม่หยุด แต่มันไม่สามารถหลีกหนีชะตามรณะได้... แม้ว่ามันจะเป็นเพียงตัวหมัด แต่มันก็สามารถตายได้ ถ้าตั๊กแตนมัจจุราชก็จับมันได้อยู่ดี อย่าว่าแต่กลายเป็นแพะเลย อสูรที่โชคร้ายตัวที่สองก็คือเหยี่ยวราตรี อสูรระดับเตรียมปราณฟ้า บนศีรษะของมัน นางพญากระหายเลือดปล่อยพลังคลื่นเสียงหวีดใส่มัน เหยี่ยวราตรีหมดสติและร่วงลงมาจากฟ้าทันที
นางพญากระหายเลือดใช้มีดทองฆ่ามังกรแทงสุดกำลังนางทันที
มีดทองฆ่ามังกรแทงลึกลงไปในตาของเหยี่ยวราตรีทะลุกะโหลกของมัน แม้แต่ผลึกเวทที่แข็งก็ยังถูกแทงในวินาทีเดียว.. ความตายของมันทำให้กู่เติ้งสับสนและสั่นสะท้าน เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายเขารู้สึกว่าไม่มีความหวังจะรอดชีวิต เขาตะโกนสุดเสียงและกระโจนใส่เย่ว์หยางที่กำลังศึกษาวิธีกลั่นกระบี่กุยจ้างและกระบี่ซวงหัวผ่านร่างเทพองครักษ์ศึกสองพี่น้อง
ระเบิดตัวเอง
เขายอมตายดีกว่าปล่อยให้ศัตรูทรงพลังนี้อยู่ในโลกนี้
ด้วยบุรุษหนุ่มที่ทรงพลังนี้อยู่ในหอทงเทียน เป็นไปไม่ได้ที่เจ้านายของเขาจะได้รับสมบัติจากแดนล่มสลายจากทวยเทพ
“เขาแค่หาเรื่องตาย!” ลี่เยี่ยนระวังการโจมตีของกู่เติ้งอยู่นานแล้ว หลังจากระดมปล่อยหมัดอยู่หลายครา นางทุ่มเขาลงกับพื้นและจับขาของเขาเหวี่ยงออกไปเหมือนจอมพลังโยนไก่ออกไป
“อย่าเพิ่งฆ่าเขาตอนนี้...” เย่ว์หยางฝืนใจหยุดฝึกวิชา หลังจากคิดชั่วขณะเขาตัดสินใจกลับไปที่ห้องสุสานและดูว่าเด็กสาวยักษ์จะเป็นเช่นไร พญาคชสารไพลินและมังกรแผ่นดินไหวจะหยิ่งในศักดิ์ศรีมากพอหรือไม่? ตอนนี้ไปทดสอบเทพองครักษ์ศึก อาวุธเทพร่างมนุษย์กันก่อน ถ้าเย่ว์หยางเห็นว่าพวกมันสามารถเก็บไว้ได้ เย่ว์หยางจะดึงเอามาไว้ใช้ เย่ว์หยางเตะโวกัวที่ดิ้นรนลุกขึ้นยืนกระเด็นออกไปร้อยเมตร ทำให้เขาร่วงลงกับพื้น
สองสาวแฝดองครักษ์ศึก คนหนึ่งอยู่ซ้าย คนหนึ่งอยู่ขวา
กลับไปที่สุสานพร้อมกับเย่ว์หยาง