ตอนที่ 19-55 เหล่ายอดฝีมือที่ริมฝั่งแม่น้ำดวงดาว
เสียงกระดูกแตกหักได้ยินชัดเจน และแฮมเมอร์ถูกอัดกระเด็นกลับหลัง
“นี่..นี่มันอะไรกัน?” แฮมเมอร์ตะลึงไปหมด “เจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้า เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ครั้งแรกที่ข้าพบเขา เขาไม่สามารถตอบโต้ข้าได้แม้แต่น้อย เขาต้องอาศัยพลังมหาเทพ สนามพลังโน้มถ่วงและทักษะเทพธรรมชาติเพื่อหนีเอาตัวรอด ครั้งที่สองที่ข้าพบเขา เจ้าเด็กนี่สามารถสู้กับข้าโดยตรงได้ นี่เป็นครั้งที่สาม... ข้าไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้เลย?”
น่าตกใจ!
น่าตกใจจริงๆ!
“ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่นี่มันเหลวใหลเกินไป” แฮมเมอร์ร่วงลงพื้นมองดูลินลี่ย์ที่อยู่ห่างออกไป ใจของเขาสับสน
เลือดหยดลงจากใบหน้าของเขา แฮมเมอร์ส่ายศีรษะ จากนั้นพึมพำกับตนเอง “เป็นไปไม่ได้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติ” แฮมเมอร์ยังคงไม่มีปฏิกิริยา แต่เขารีบรักษาบาดแผล “หมัดของเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้าทำเอาจนข้ากรามหักและฟันแตก”
แฮมเมอร์มีพลังโจมตีวัตถุที่แข็งแกร่งน่ากลัว เมื่อลินลี่ย์เจอเขาครั้งแรก กระบี่ที่ฟันเต็มกำลังของเขาแค่สร้างรอยขีดข่วนให้ผิวเขาเท่านั้น
ผิวของแฮมเมอร์มีพลังป้องกันอ่อนแอ กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาแข็งแกร่งมากกว่า!
ลินลี่ย์ต่อยตามปกติก็สามารถทำให้เขากรามหักได้?
“เฮ้, แฮมเมอร์ ทำไมเจ้าเอาแต่ยืนนิ่งเป็นคนบ้าใบ้อยู่ได้? เจ้าไม่ต้องการฆ่าเราเอาป้ายผู้บัญชาการแล้วหรือ?” บีบีเริ่มหัวเราะเยาะเขาอย่างกวนโมโห
“เป็นไปไม่ได้ ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ!!!” แฮมเมอร์คำรามด้วยความโกรธ
“บึ้ม!” ทันใดนั้นตลอดทั้งร่างของแฮมเมอร์เริ่มมีแสงสีเหลืองธาตุดินเปล่งออกมา และแสงสีเหลืองเจิดจ้าแผ่คลุมหมัดและขาของเขาจนสว่างเจิดจ้า แฮมเมอร์เหมือนกับหมีบ้าคลั่ง เขากลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าหาลินลี่ย์ทันทีราวกับสายฟ้า
เห็นได้ชัดว่าแฮมเมอร์บ้าไปแล้ว
“เขาเป็นตัวโง่งมใหญ่จริงๆ” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
แฮมเมอร์คำรามด้วยความโกรธ หมัดที่ต่อยเต็มกำลังของเขากระแทกฝ่าอากาศ และเขาเคลื่อนร่างกายเหมือนกับมังกรเข้าโจมตีลินลี่ย์ “ครืน....” ที่ซึ่งหมัดของเขาพุ่งผ่านทำให้มิติของสมรภูมิมหาพิภพฉีกขาดฉับพลันราวกับแก้วเปราะบาง รอยฉีกมิติมากมายขยายยาวเป็นสิบๆ เมตร
“แม้ว่าเขาจะโง่ไปบ้าง แต่เขาก็แข็งแกร่งจริงๆ” ลินลี่ย์ยังคงยิ้ม
และตอบสนองอย่างเดียวกัน!
หมัดที่พุ่งออกไปมีพลังรูปมังกรดำเกินกว่าร้อยกวาดเข้าหาแฮมเมอร์ ครั้งนี้ลินลี่ย์ใช้พลังมหาเทพวิถีทำลายล้าง “แฮมเมอร์ผู้นี้ใช้พลังมหาเทพ การจะปราบเขาข้าจะต้องใช้พลังมหาเทพจริงๆ” แม้ว่าเขาสามารถเอาชนะแฮมเมอร์ได้ง่าย แต่ลินลี่ย์ก็ยอมรับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้
“แครก....” มังกรร้อยกว่าตัวก่อตัวเป็นกรงกักแฮมเมอร์ไว้ภายในพลังย่อโลก
พลังบีบอัดที่ทรงพลังมากกว่าแต่ก่อนก่อตัวอีกครั้งทำให้แฮมเมอร์รู้สึกอึดอัดไม่สบายไปทั้งร่าง ในสถานการณ์เช่นนี้ ความเร็วของเขาลดลงอย่างมาก และเขาได้แต่มองดูหมัดลินลี่ย์กระแทกใส่ร่างของเขา
“ปัง!”
หมัดอัดกระแทกใส่อกของแฮมเมอร์ และเสียงกระดูกแตกหักได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ขณะที่แฮมเมอร์กระเด็นถอยหลัง ขาของเขายันลึกลงไปในพื้นดิน
“เกิดอะไรขึ้น?!” แฮมเมอร์จ้องมองอกของเขาเอง มีรูขนาดใหญ่และเลือดปรากฏให้เห็น เลือดฉีดพุ่งไม่หยุด อาการบาดเจ็บครั้งนี้สาหัสกว่าครั้งก่อน ซี่โครงของเขาแหลกหักสะบั้น โชคดีที่ร่างกายของแฮมเมอร์แข็งพอ หมัดจึงไม่ได้ทะลวงผ่านอกของเขา
แต่หมัดที่ทรงพลังขนาดนั้น... ถ้าต่อยใส่ศีรษะ เขาคงจะตายแน่นอน!
แฮมเมอร์รู้สึกตกใจ
“แฮมเมอร์! เจ้าจะเอาอีกหรือเปล่า?” ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ
“เฮ้, แฮมเมอร์ เจ้าแข็งแกร่งทนทานจริงๆ ไม่ใช่หรือ? อะไรกัน เดี๋ยวนี้ทำเป็นตะลึงเชียว?” รีสเจมหัวเราะหยอกเย้า และขณะที่เขาพูดรีสเจมเผลอปล่อยรัศมีออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้า..คือรีสเจมหรือ?” ถึงตอนนี้แฮมเมอร์ค่อยจำเขาได้
“ความสามารถในการซ่อนรัศมีพลังของข้าสูงส่ง เว้นแต่ข้าต้องการ คนอย่างแฮมเมอร์เจ้าไม่มีทางจำข้าได้แน่” รีสเจมเยาะเย้ย ความสามารถในการข่มรัศมีของเขาน่ากลัวจริงๆ แต่เมื่อพบกับคนอย่างลินลี่ย์หรือแม็กนัส เขาก็ยังตรวจสอบได้ง่าย
แฮมเมอร์มองดูลินลี่ย์อย่างระมัดระวัง
“ที่ผ่านมา..เจ้า..ตั้งใจหลอกล้อข้าเล่นงั้นหรือ?” แฮมเมอร์พูดเสียงเบา
“ไม่” ลินลี่ย์หัวเราะและส่ายศีรษะ
แฮมเมอร์จ้องมองลินลี่ย์ เขาอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้า พลังของเจ้ายิ่งใหญ่ ทำไมเจ้าต้องล้อข้าเล่นอย่างนั้นด้วย? ต่อให้ข้า แฮมเมอร์รู้ตัวช้าไปหน่อย ข้าก็ไม่โง่ขนาดจะเชื่อว่าเด็กที่ไม่สามารถสู้ตอบโต้ข้าได้เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน พอผ่านมาไม่กี่ร้อยปีกลับย่ำยีข้าได้อย่างง่ายดาย!”
แฮมเมอร์ไม่หนี เพราะเขารู้...
ด้วยความเร็วที่น่าสมเพชของเขา ไม่มีทางที่เขาหนีได้
“ทำไมข้าต้องหลอกเจ้าด้วยเล่า?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “เจ้าไปเถอะ ข้าไม่ต้องการฆ่าเจ้า”
“ไม่ฆ่าข้าหรือ?” แฮมเมอร์ตะลึง
ในสมรภูมิมหาพิภพ ถ้าท่านไม่สามารถเอาชนะบางคน โดยทั่วไปท่านจะเป็นฝ่ายถูกฆ่า แต่วันนี้...
“ก็ได้ ข้าเชื่อเจ้า เมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นก่อนหน้านั้น” แฮมเมอร์มองลินลี่ย์อยู่นาน “บอกข้าหน่อยได้ไหม เจ้าฝึกมานานแค่ไหนแล้ว?”
“ยังไม่ถึงสามพันปี” ลินลี่ย์ไม่ปิดบังอะไร
แฮมเมอร์ตะลึงได้แต่กระพริบตาปริบๆ “มะ..ไม่ถึง...สะ..สาม..พะ..พัน..ปะ..ปี?” แฮมเมอร์จ้องมองลินลี่ย์อย่างเหลือเชื่อ “ข้าขอถามอีกครั้งจริงๆ เจ้าล้อข้าเล่น หรือว่าข้าหูเพี้ยน? บางทีเจ้าอาจพูดถึงสามพันล้านปี”
แฮมเมอร์ยังพอจะเชื่อว่าสามล้านปี หรือสามสิบล้านปี แต่สามพันปี? นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว
“เจ้าได้ยินไม่ผิด” ลินลี่ย์หัวเราะพลางส่ายศีรษะ “บีบี! ไปกันเถอะ”
ลินลี่ย์ รีสเจม เรย์โฮมและบีบีหัวเราะขณะเดินห่างออกไป บีบีหันไปมองแฮมเมอร์ “ฮ่าฮ่า, คนตัวใหญ่หน้าโง่ อย่าเอาแต่ยืนบื้ออยู่อย่างนั้น ต่อให้เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นสามพันปี เจ้าก็เทียบกับพี่ใหญ่ข้าไม่ได้แน่”
“ไม่ถึงสามพันปีน่ะหรือ? สงครามมหาพิภพเพิ่งเริ่มไปได้ไม่กี่ร้อยปี และเขาก็สู้กับข้าสามครั้ง แต่ละครั้ง....”
แฮมเมอร์ที่ตะลึงก่อนนั้นในที่สุดก็รู้สึกตัว เขาจ้องมองด้วยความกังวลใจขณะที่ลินลี่ย์จากไป “เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ถึงสามพันปีเขาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เขาเป็นสมาชิกของเผ่ามังกรฟ้า สำหรับพลังโจมตีวัตถุแข็งแกร่งขนาดนี้.. เขาน่าจะเป็นระดับเทพพารากอน”
“สามพันปี เป็นเทพพารากอน?”
ทันใดนั้นแฮมเมอร์นั่งลงกับพื้นจากนั้นนอนลงตามปกติ ในหัวของเขายังคงสับสน
“อา” ทันใดนั้นแฮมเมอร์ตบศีรษะตนเอง “ลืมถามไป เขาชื่ออะไร! ลืมไปเลย, ข้าเอาแต่เรียกเขาว่าเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้า” แฮมเมอร์ในใจของเขาจดจำเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้าผู้มีพลังเทพพารากอนที่น่ากลัวนี้ไว้เป็นอย่างดี
“ดูเหมือนว่าศึกสุดท้ายนี้คงจะน่าตื่นเต้นมาก” แฮมเมอร์พึมพำ “ยอดฝีมือมากมายหลายคน อืม.. ข้าต้องไปดู” แฮมเมอร์ลุกขึ้นยืนขณะพูด และตรงไปที่แม่น้ำดวงดาว
เพียงแต่เขายังค่อนข้างกลัวลินลี่ย์ ดังนั้นแฮมเมอร์เลือกเส้นทางต่างจากลินลี่ย์เล็กน้อย
แม่น้ำดวงดาวกว้างพันกิโลเมตร และยาวมากกว่าล้านกิโลเมตร แบ่งสมรภูมิมหาพิภพออกเป็นสองส่วน
แม่น้ำดวงดาวที่กว้างใหญ่ไพศาลมีพื้นที่สีรุ้งและมิติปั่นป่วนลอยให้เห็น แต่ยอดฝีมือของสมรภูมิมหาพิภพต่างเข้าใจทุกคนว่าแม้มิติปั่นป่วนจะสวยงามก็ตาม แต่ก็แฝงไปด้วยพลังงานที่น่ากลัว ถ้าใครเข้าไปติดอยู่ข้างในนั้น พวกเขาจะหลงและสาบสูญไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่พารากอนก็ยังไม่กล้าเข้าไปในรอยแยกมิติ
ทุกคนย่อมสามารถคิดได้ว่ามันน่ากลัวเพียงไหน
ขณะนั้นกลุ่มของลินลี่ย์สี่คนกำลังยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดวงดาว
“งั้นเวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ข้ามักจะอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำดวงดาวด้านนี้เสมอ ศูนย์บัญชาการทหารของเราตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม” รีสเจมพูดหัวเราะ “ไปกันเถอะ..ได้เวลาไปเยี่ยมค่ายใหญ่ของเรากันแล้ว ที่ฝั่งนี้ไม่มีทางที่เราจะเตรียมการสู้ศึกสุดท้ายได้ ข้าต้องการป้ายประจำตัวผู้บัญชาการพิเศษสักสองสามป้าย”
ขณะที่เขาพูด รีสเจมเป็นคนแรกที่เข้าไปในแม่น้ำดวงดาว
เหมือนกับเมื่อตอนที่ลินลี่ย์มาตอนแรก พวกเขาต้องบินผ่านเส้นทางเล็กคดเคี้ยว!
เรย์โฮม บีบีและลินลี่ย์ตามไปทันทีทุกคน
เดิมทีเมื่อพวกเขาผ่านแม่น้ำดวงดาวไปตามทางจนถึงอีกฝั่งหนึ่ง ลินลี่ย์และบีบีค่อนข้างกังวลทั้งคู่ กลัวว่าพวกเขาอาจพลั้งพลาดลื่นตกเข้าไปในรอยแยก อย่างไรก็ตามครั้งนี้ตอนขากลับ ลินลี่ย์รู้สึกผ่อนคลาย
“แม่น้ำดวงดาวสวยงามจริงๆ” ลินลี่ย์เพลิดเพลินมองดูรอยแยกมิติรอบๆ ขณะที่มีหินก้อนใหญ่และภูเขาน้อยที่ลอยอยู่ในกลางแม่น้ำดวงดาว
ขณะที่พวกเขาผ่านแม่น้ำดวงดาว เนื่องจากลินลี่ย์ควบคุมพื้นที่ เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเส้นใดปลอดภัย เส้นใดอันตราย แม้ว่าเขาสัมผัสกับรอยแยกมิติ เนื่องจากพลังปัจจุบันของลินสลี่ย์ ไม่มีทางที่เขาจะถูกดูดเข้าไป
กลุ่มของลินลี่ย์ทั้งสี่คนผ่านเส้นทางระยะพันกิโลเมตรไปได้อย่างรวดเร็ว
สงครามมหาพิภพแต่ละครั้งดำเนินไปพันปี สำหรับช่วงเวลาที่ยาวนานนี้ ทหารธรรมดาจะไม่ได้รับมอบหมายภารกิจ พวกเขาอยู่อย่างปลอดภัยอยู่ข้างในศูนย์บัญชาการใหญ่ฝ่ายพวกเขา แต่เมื่อพันปีผ่านไป ทหารจะเริ่มมีงานยุ่ง ขณะนั้นในสมรภูมิมหาพิภพในศูนย์บัญชาการใหญ่แต่ละฝ่าย ทุกคนเริ่มเดินทางมาที่ริมฝั่งแม่น้ำดวงดาว
พวกเขามารวมกันในแนวริมฝั่งแต่ละฝั่งของแม่น้ำดวงดาว ทั้งสองฝ่ายจัดกำลังอยู่ริมฝั่งของตน
ค่ายพักแรมใกล้แม่น้ำดวงดาวค่อนข้างยาว ขณะเดียวกันมีหน่วยทหารลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ ภารกิจปัจจุบันของพวกเขาก็คือต้อนรับยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการ!
ที่สำคัญระหว่างศึกสุดท้าย ผู้บัญชาการที่กระจัดกระจายบางไปบางคนจะกลับมารวมกลุ่มกับพวกเขา พวกทหารจะมาคอยต้อนรับผู้บัญชาการด้วยความยินดี ที่สำคัญพลังของผู้บัญชาการยิ่งใหญ่กว่าทหารธรรมดา และพวกเขายิ่งใหญ่ในช่วงสงครามสุดท้าย
ทหารราวๆ ร้อยคนนั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้เนินเขาตามปกติ คนอื่นๆ กำลังพักอยู่ที่เนินเขาอย่างเกียจคร้าน หรือยืนมองดูพื้นที่โดยรอบ นี่คือคนหนึ่งของหน่วยลาดตระเวนของค่ายทหารฝ่ายโลกธาตุมืด
“หัวหน้า มีบางคนเพิ่งมายังฝั่งของเราจากแม่น้ำดวงดาว มีทั้งหมดสี่คน” ทหารผมขาว ตาม่วงรีบบอก
“โอว? บางทีอาจเป็นระดับผู้บัญชาการ ไปดูใกล้ๆ กันเถอะ” หัวหน้ากองผู้คุมกำลังร้อยคนนี่ศีรษะล้าน จมูกงองุ้ม เขาพาหน่วยของเขาเขาไปใกล้ๆ พวกเขากังวลมาก เพราะด้านหลังของเขาอยู่ไม่ไกลจากค่ายทหาร นอกจากนี้พวกเขาไม่เข้าไปใกล้คนทั้งสี่เกินไป
เมื่อพวกเขามาถึงระยะสองสามร้อยเมตร
“พวกเขาเป็นคนฝ่ายเรา” นายกองถอนหายใจโล่งอก พวกเขารู้สึกได้ถึงป้ายประจำตัวของสี่คน
ทันใดนั้น นายกองเคลื่อนเข้ามาใกล้
“เฮ้, เจ้าเป็นใคร?” เด็กหนุ่มที่สวมหมวกฟางร้องขึ้น
นายกองหัวโล้นจมูกเหยี่ยวคำนับด้วยความเคารพทันที “ใต้เท้า! เรามาที่นี่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการให้มารับพวกท่าน”
“ไปกันเถอะลินลี่ย์” รีสเจมหัวเราะ “ก็เหมือนอย่างที่เป็นมาในอดีต จนถึงที่สุดแล้วค่ายทหารจะเป็นที่เชื้อเชิญเรามาร่วมกับพวกเขา ไม่ว่าจะดูหรือว่าเข้าร่วมจริงๆ ก็ตาม ภายในค่ายทหาร..มีกลุ่มผู้บัญชาการที่คุ้นเคยกันอยู่ ช่วยให้การประสานงานทำได้ง่าย”
ลินลี่ย์พยักหน้า “อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
“เชิญตามข้ามา ใต้เท้า” นายกองรีบกล่าว
กลุ่มของลินลี่ย์ทั้งสี่คนติดตามนายกองไปข้างหน้า โดยมีกองทหารร้อยคนติดตาม พวกเขามาถึงใกล้ค่ายทหาร ค่ายทหารนี้มีบ้านศิลาสร้างไว้หลายหลัง และมีทหารให้เห็นทั่วไป
“ที่นี่คือศูนย์บัญชาการของเรา และนี่คือบ้านพักที่สร้างให้เฉพาะผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการเลือกหลังที่ว่างได้เลย” นายกองชี้ข้างหน้า “มีบ้านยี่สิบหลัง สามหลังมีคนเข้าอยู่แล้ว สิบเจ็ดหลังยังว่างอยู่ แค่มองผ่านประตูใหญ่เข้าไป พวกท่านจะรู้ว่ามีคนอยู่ บ้านว่างจะปิดประตูไว้”
บ้านศิลาธรรมดาไม่มีเครื่องตกแต่งหลังแล้วหลังเล่าสร้างอยู่ในพื้นที่ว่างข้างหน้า มีทั้งหมดยี่สิบหลัง
“ยังมีคนอื่นมาอีกหรือ?” มีร่างสองคนคนโผล่ออกมาจากลานว่าง คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมชะลูดราวกับไม้ไผ่ นัยน์ตาเยือกเย็นน่ากลัว ข้างๆ เขาเป็นบุรุษสูงอายุผมขาว เคราขาวใบหน้ามีรอยยิ้ม
“โอว, รีสเจม” บุรุษหนุ่มร่างผอมพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“วูดริจ! ไม่รู้เลยว่าเจ้าก็มาเหมือนกัน” รีสเจมแค่นเสียง จากนั้นพูดกับลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! อย่าไปสนใจเจ้าผู้นี้มากนัก เข้าไปกันเถอะ” รีสเจมดูเหมือนจะเหยียดหยามบุรุษหนุ่มร่างผอมผู้นี้
“ก็ได้” ลินลี่ย์ไม่ให้ความสนใจคนอื่นอยู่แล้ว
“ลินลี่ย์? ข้าได้ยินว่าลินลี่ย์โผล่เข้ามาในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในแดนนรก เป็นเขาเองหรือ?” วูดริจมองดูลินลี่ย์และหัวเราะ “ข้าเคยเห็นผลึกบันทึกแล้ว พลังของเจ้าค่อนข้างธรรมดา คนที่เจ้าฆ่าก็เป็นอสูรเจ็ดดาวธรรมดา แต่ยังกล้ามาสมรภูมิมหาพิภพนี่ ฆ่าตัวตายชัดๆ”
ลินลี่ย์หันมาชำเลืองทางด้านเขา วูดริจตกใจ แต่จากนั้นลินลี่ย์ตามรีสเจมเข้าไปในลานบ้าน
“วูดริจ ยอดฝีมืออัจฉริยะของเผ่าค้างคาวตาทอง? ดูสีหน้าเจ้าสิ เหมือนอะไร?” บีบีชำเลืองมองเขา และยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นเดินตามลินลี่ย์เข้าไปในลานบ้าน