SN-ตอนที่ 41 แฟลร์กาน
อัลดิช ไม่สามารถได้ยินหรือมองเห็นจนกว่าแก้วหูของเขาจะหายดี เพราะ ดวงตาของเขาก็โดนผลกระทบจากแสงสว่างอันเจิดจ้าจนไม่สามารถมองเห็นได้ แม้ว่า อันเดด จะมีการมองเห็นที่ดีในตอนกลางคืน แต่เอฟเฟกต์ที่ทำให้มองไม่เห็น ก็ยังส่งผลต่อพวกมันอยู่ตราบเท่าที่พวกมันยังมีตา
เพราะงั้น ไม่มีสิ่งใดบอกว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้นเป็นอย่างไร ยกเว้น ข้อความจากหน้าจอสถานะของเขา
[บอส แฟลร์กาน พ่ายแพ้]
[+800 ค่าประสบการณ์]
[แถบค่าประสบการณ์ : 770/1,200 > 1,570/1,200]
[เลเวลอัพ]
[เลเวล 10 > 11]
[แถบค่าประสบการณ์ : 370/1,400]
[ได้รับ 5 แต้มค่าสถานะที่สามารถกระจายได้]
อัลดิช ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่า แฟลร์กานตายแล้วกว่า 99% แต่หลังจากเห็นข้อความเหล่านี้ มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีอย่างยิ่ง หลังจากรอประมาณ 20 วินาที รอจนกระทั่งอาการตาพร่ามัวของเขาจางลง และ หูของเขาก็ดีขึ้นด้วย [กลิ่นอายแห่งความตาย]
เขาพบ วาเลร่า และ ไดนาไมต์เกิร์ล ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา และ กำลังทะเลาะกัน ในขณะที่ กีสต์ กำลังมองอย่างงุ่มง่ามไปที่พวกเธอทั้งสองคน
“เจ้าจะทำให้พวกเราตาบอดกันทั้งหมด!” วาเลร่ากล่าวขณะที่เธอชี้นิ้วไปที่ ไดนาไมต์เกิร์ล
“อะไร?หรือเธออยากจะให้ฉันหยุดยิงไอปลาหมึกนั่น!? เธอคิดว่านี่เป็นสิ่งนี้หัวหน้าต้องการงั้นเหรอ!?” ไดนาไมต์เกิร์ล ได้ตอบกลับ
“พอได้แล้ว” อัลดิช ได้ตัดบทพวกเธอ “พวกเธอทั้งคู่ทำได้ดีมาก ทุกคนก็ด้วย”
อัลดิช มองไปรอบ ๆ และ ชื่นชมอันเดดของเขา
แต่ วาเลร่า นั้นยังมีอาการสั่นเทาเพราะได้รับความเสียหายจำนวนมาก แขนของ ไดนาไมต์เกิร์ล ทั้งสองก็แหละเหลวและเผยกระดูกที่ร้าวออกมา มุมปากก็ปรากฏเลือดไหล และ หัวใจก็พลันแตกสลายจากการขับเคลื่อนพลังมหาศาล แน่นอนว่า อันเดดส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดเมื่อครู่นี้ แต่พวกมันจะค่อย ๆ หายเป็นปลิดทิ้งภายใต้พลังของ อัลดิช
มีเพียง ปูทั้ง 2 ตัวเท่านั้นที่ผละออกจากการต่อสู้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และ นั่นเป็นเพราะพวกมันได้รับการปกป้อง
โดยรวมแล้ว อัลดิช ยังรู้สึกว่าการปราบ แฟลร์กาน นั้นเป็นอะไรที่ยากพอสมควร ตอนแรกเขาคิดว่าการต่อสู้จะเป็นเรื่องง่าย ๆ เพราะเขารู้วิถีคำนวณของ AI ภายในเกม แต่ทว่า ไม่คิดเลยว่า แฟลร์กาน จะมีความรู้สึกนึกคิด และ ตัดสินใจนอกเหนือไปจากการคำนวณของ อัลดิช
“แล้ว ซากของบอสอยู่ไหน?” อัลดิช กล่าวถาม
“น่าจะไม่เหลือแล้วล่ะมั้ง!” ไดนาไมต์เกิร์ล กล่าวอย่างภาคภูมิใจขณะที่เธอชี้ไปที่ปล่องภูเขาไฟสีดำขนาดใหญ่ ที่เป็นหลุมคล้ายกับว่ามีอุกกาบาตขนาดเท่าบ้านตกลงมา
อัลดิช ถอนหายใจออกมาพร้อมกับตอบกลับ “ฉันหวังว่าส่วนนึงของเขาจะเหลืออยู่เพราะฉันต้องการชุบชีวิตของเขาขึ้นมาเป็นส่วนนึงภายใต้ฉัน และ ฉันยังอยากรู้ด้วยว่าจะสามารถชุบเขาขึ้นมาได้มั้ย”
โดยปกติแล้ว ใน เอลเดนเวิลด์ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ มอนสเตอร์ หรือ สิ่งมีชีวิตประเภทบอสฟื้นคืนชีพได้ แต่ตอนนี้มันได้แตกต่างออกไป
“ต้องขอโทษด้วย หัวหน้า!” ไดนาไมต์เกิร์ล ได้กล่าวออกมา
“ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดของเธออยู่แล้ว บางทีหากเธอไม่ทำอย่างนั้น พวกเราอาจตกอยู่ในอันตรายภายใต้การโจมตีของเขาได้ ดังนั้น เธอทำได้ดีแล้ว” อัลดิช เดินไปที่ ปล่องภูเขาไฟและมองดูรางวัลที่ได้รับจากการต่อสู้ในครั้งนี้
โคมไฟของ แฟลร์กาน ได้ลอยขึ้นมาในอากาศที่ใจกลางของปล่องภูเขาไฟที่ลึกที่สุด ซึ่ง อัลดิช ได้แตะมันด้วยคทาของเขา
[ได้รับตะเกียงผู้พิทักษ์ x1]
นอกจากนี้ ยังมี ลูกแก้วไอเท็มที่บรรจุแหวนเงินที่ออกแบบเป็นรูปงูขดสองตัว [แหวนแห่งความโลภ]
อัลดิช ได้ดูดซับสิ่งนี้เช่นเดียวกัน
[ได้รับ แหวนแห่งความโลภ x1]
ด้วย [แหวนแห่งความโลภ] อัลดิช จะได้รับเหรียญจำนวนนึงทุก ๆ 3 วัน ซึ่งจำนวนเหรียญที่เขาได้รับจะขึ้นอยู่กับ เลเวลของเขา จากเลเวล 1-10 เขาจะได้รับ 100 เหรียญ
จากนั้นก็เพิ่มขึ้นทีละ 10 เลเวล โดยรางวัลเหรียญจะเพิ่มขึ้นตามนี้ : 150 เหรียญ (เลเวล 20) - 225 เหรียญ (เลเวล 30) - 300 เหรียญ (เลเวล 40) - 500 เหรียญ (เลเวล 50) - 700 เหรียญ (เลเวล 60) - 1,000 เหรียญ (เลเวล 70) - 2,000 เหรียญ (เลเวล 80) - 2,500 เหรียญ (เลเวล 90) - 4,000 เหรียญ (เลเวล 100)
หวังว่าจำนวนเหรียญที่เขาได้รับนี้จะมากพอสำหรับเขา เพราะเนื่องจากเขาจะไม่สามารถรับเหรียญเพิ่มเติมได้จนกว่าจะถึง เควสบททดสอบอันที่ 2
แต่นอกเหนือจากนี้ อัลดิช สังเกตุเห็นบางอย่าง เพราะ แฟลร์กาน ไม่ได้ทิ้ง ดวงวิญญาณ ของเขาเอาไว้ ซึ่งโดยปกติแล้ว บอสมักจะดรอปดวงวิญญาณของพวกเขาเสมอ
มีอะไรที่เปลี่ยนไป?
สิ่งที่ แฟลร์กาน ดรอปนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยดรอปเลยในเกม ซึ่ง มันคือลูกแก้วสีแดงที่อีกฝ่ายถืออยู่ในมือ
อัลดิช ได้คุกเข่าลงและหยิบลูกแก้วขึ้นมา โดย ลูกแก้วนี้มีขนาดเท่ากับลูกเบสบอล ไม่ได้ใหญ่เป็นพิเศษ แต่มันหนักอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่ง บนนั้นมีสัญลักษณ์หลายบรรทัดที่จารึกเป็นอักขระสีเขียวที่ดูน่าขนลุก และ ภายในนั้นก็มีการเคลื่อนไหวจาง ๆ ที่คุ้นเคย เพราะนั่นคือการสั่นไหวของ ดวงวิญญาณ
มันเป็น ดวงวิญญาณของ แฟลร์กาน
และนี่คือตอนที่ อัลดิช สังเกตุเห็น แสงสีเขียวสดใส ของ ป้ายหลุมฝังศพ ภายในลูกแก้วเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่า แฟลร์กาน จะสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยใช้ลูกแก้วนี้
จากนั้น อัลดิช ก็เริ่มนึกถึงตำนานของเกม
ไมน์อีสเตอร์ อย่าง แฟลร์กาน ชอบหมกมุ่นกับความรู้ และ เนื่องจากการแสวงหาความรู้นั้นเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงต้องการความเป็นอมตะเพื่อสั่งสมความรู้ใน เอลเดนเวิลด์ต่อไป
แน่นอนว่า ความเป็นอมตะของ ไมต์อีสเตอร์ นั้น ค่อนข้างเรียบง่าย พวกมันจะมีรูปร่างคล้ายกับสมองขนาดใหญ่ที่มีกิ่งก้านมหาศาลปกคลุม โดยกิ่งก้านเหล่านั้นก็สามารถแผ่ขยายออกไปเพื่อดูดซับองค์ความรู้ได้ หลังจากที่ กิ่งก้านเหล่านั้นเริ่มอ่อนแอลง พวกมันก็จะกลับไปที่สมองหลักของพวกมัน
โดยองค์ความรู้ที่ ไมน์อีสเตอร์ ได้รับ จะถูกนำไปแปรสภาพให้กลายเป็นชีวิตใหม่และให้กำเนิดไมน์อีสเตอร์อีกคน
โดยปกติแล้ว ไมน์อีสเตอร์ จะ จงรักภักดีต่อ เอลเดอร์ไมน์ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดผ่านการควบคุมทางจิตใจ แต่ก็มีหลายคนที่ทำลายการควบคุมนี้
ผู้ที่หลุดพ้นจากความเป็นอิสระจะยังคงกระหายในความรู้ ดังนั้นพวกมันจึงต้องการอายุขัยที่ยืนยาวสำหรับการแสวงหาเหล่านี้ ดังนั้นพวกมันจึงได้เริ่มแสวงหาวิธีการอื่นในการเป็นอมตะที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียสละตัวเอง
เส้นทางสู่การเป็น ลิช เป็นหนึ่งในเส้นทางที่พบได้บ่อยในหมู่ ไมน์อีสเตอร์ เหล่านี้
แฟลร์กาน เป็น 1 ใน ไมน์อีสเตอร์ ที่พยายามจะกลายเป็น ลิช ดังนั้น เขาจึงได้ขังตัวเองเอาไว้ในห้องทดลองใต้ดินนี้มานานหลายทศวรรษ และ เขาเริ่มจะกลายเป็นบิดเบี้ยวมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้กลายเป็นลิช เท่านั้น แต่เขายังมีภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่ต่อพลังงานธาตุไฟที่เป็นธาตุที่อันตรายต่อพวกอันเดด
ในเวลานี้ อัลดิช ได้จ้องมองไปที่ ลูกแก้ว ในมือ นี่คือ ลูกแก้วแก่นแท้
โดยปกติแล้ว มันคือวัสดุที่ใช้ร่วมกับวิญญาณและฝังเข้าไปในร่างกายเพื่อกลายร่างเป็นลิช
ซึ่งร่างเนื้อของพวกมันจะเริ่มผุพังจนเหลือแต่โครงกระดูกเพื่อทำการหล่อเลี้ยงวิญญาณ แต่ ในทางกลับกัน ร่างเหล่านี้จะปรับตัวเข้ากับเวทย์มนตร์ แห่งความตาย คำสาป และ ที่สำคัญที่สุดก็คือ สามารถสร้างร่างกายใหม่ได้เรื่อย ๆ ตราบเท่าที่ ลูกแก้วแก่นแท้นี้ไม่พังทลายไป
ในเอลเดนเวิลด์ ตัวละครของผู้เล่น เนโครแมนเซอร์ นั้น คือกลุ่มมนุษย์ที่ถูกสาปแช่งจนกลายเป็นลิช และ พวกเขาได้ออกตามล่าผู้ที่สาปแช่งพวกเขาอย่างแข็งขัน การเป็นลิช ก็หมายถึงการละทิ้งความเป็นมนุษย์ และ ผูกมัดตัวเองเข้ากับ ลิช ที่รู้จักกันในนามของ ‘ราชาแห่งความตาย’ 1 ในเทพเจ้าชั่วร้ายของเอลเดนเวิลด์ที่เป็นพันธมิตรกับ ฮาวลิ่งดาร์ก ที่ทำลายทุกชีวิต
เป้าหมายสุดท้ายของ ราชาแห่งความตาย ก็คือการทำลายชีวิต เพื่อให้ ดวงวิญญาณทั้งหมดหวนคืนสู่อาณาจักรแห่งความตายของเขา และ เขาก็จะเป็นผู้ปกครองเหนือทุกสิ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผลที่ตามมาก็คือ ตัวละคร ผู้เล่น เนโครแมนเซอร์ จะต้องต่อสู้กับ ราชาแห่งความตาย เนื่องจาก ราชาแห่งความตาย คิดว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสมควรตาย ส่วน เนโครแมนเซอร์ มีความเชื่อที่ว่าขอบเขตระหว่างชีวิตและความตาย ควรได้รับการรักษาเอาไว้
ว่ากันว่า ส่วนนึงของพิธีกรรมในการเป็นลิช ไม่ได้เกี่ยวกับการสร้างลูกแก้วแก่นแท้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสื่อสารกับราชาแห่งความตายเพื่อรับมอบพลังมา จากนั้นพลังนี้ จะเข้าไปเติมเต็มเชื้อไฟและทำให้พิธีกรรมการสร้างลูกแก้วแก่นแท้นั้นเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นก็จะกลายเป็นลิช
ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอเกินไป ยามเผชิญหน้ากับ ราชาแห่งความตาย ก็จะสูญเสียความนึกคิดและกลายเป็นทาสลิชของเขา อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แข็งแกร่งพอ ก็จะได้รับเศษเสี้ยวพลังของ ราชาแห่งความตาย มาเป็นของตัวเองและกลายเป็นลิชที่ทรงพลังและเป็นอิสระ
นี่คือทั้งหมดที่ อัลดิช รู้เกี่ยวกับขั้นตอนการกลายเป็นลิช และ วิธีการสร้างลูกแก้วแก่นแท้ ส่วน ขั้นตอนการสื่อสารกับ ราชาแห่งความตาย นั้นไม่ได้อธิบายภายในเกม เนื่องจากตัวละครของผู้เล่น ไม่สามารถกลายเป็นอันเดด ได้
แต่…จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า อัลดิช สามารถมองหาคนที่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้? คนที่จะให้คำแนะนำแก่เขาตลอดกระบวนการทั้งหมด
และคนผู้นั้นจะมาอยู่ภายใต้เขา
หลังจาก อัลดิช วางลูกแก้วลง เขาก็ตะโกน ‘จงตื่น’
เขารู้สึกตึงเครียดอย่างมาก ในขณะที่รัศมีพลังสีเขียวรอบตัวของเขาเริ่มกลายเป็นพลุ่งพล่าน ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าพลังชีวิตของเขาได้ถูกดึงออกไปอย่างมหาศาลและหลั่งไหลเข้าสู่ลูกแก้วสีแดงเบื้องหน้านี้
“นายท่าน ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส หากท่านทำเช่นนั้น…” วาเลร่า ได้กล่าวพูดขึ้น
“ฉันไม่เป็นไร” อัลดิช กล่าวขณะที่ มานา และ พลังชีวิตของเขายังคงไหลออกจากร่างกายมากกว่า 10% ที่เขาเสียสละเพื่อเลี้ยง มอนสเตอร์เลเวลสูงกว่าเขา
นี่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงมอนสเตอร์ประเภทบอส และ ดูเหมือนว่า เขาจะสูญเสียมานาและค่าพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับประเภทของสิ่งมีชีวิตที่ อัลดิช ไม่สามารถเลี้ยงได้ภายในเกม เขาต้องขอบคุณ ค่าพลังมานาและพลังชีวิตของเขา ที่สามารถชุบชีวิตมันขึ้นมาได้ เพียงแต่ในตอนนี้ เขากำลังคิดอยู่ว่า มานาและพลังชีวิตของเขาจะเพียงพอต่อการชุบชีวิตนี้หรือไม่
จนในที่สุด หลังจากไปได้ระยะนึง การดูดซับมานาและพลังชีวิตก็หยุดลง สิ่งนี้ทำให้ เหงื่อเย็นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของ อัลดิช
จากนั้นเขาก็มองไปที่ลูกแก้ว
ลูกแก้วสีแดงในปัจจุบันมีรัศมีพลังสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นพลังงานจำนวนมากก็ปะทุออกมาจนทำให้ อัลดิช กระเด็นถอยหลัง โชคดีที่ วาเลร่า เข้ามาช่วยจับเขาไว้และพยุงให้เขาลุกขึ้น
อนุภาคสีเขียวและสีแดงได้หมุนวนอยู่ที่ด้านหน้าและเริ่มก่อรูปร่างกลายเป็นร่างของแฟลร์กาน
อัลดิช จ้องมองอย่างตึงเครียด และ สงสัยว่า แฟลร์กานจะผันตัวเป็นศัตรูหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดถึง ความวิกลจริตทางจิตของเขา ที่พร้อมจะละทิ้งเหตุผลทุกอย่างเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เพียงแต่ว่า แฟลร์กาน ไม่ได้คิดที่จะต่อสู้ เขาได้คุกเข่าลงพร้อมกับปิดตาสีแดงทั้ง 3 ของเขาด้วยความเคารพ “ความปราถนาของท่านก็คือคำสั่งของข้า ข้าขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส ที่มอบชีวิตนิรันดร์ที่ข้าใฝ่ฝันมาโดยตลอดให้เช่นนี้”