ตอนที่ 698 ส่งมอบไหมทอง
หมิงจูหน้าเขียวคล้ำ คุณนายผู้เฒ่าชราภาพมากแล้ว และเรื่องส่วนใหญ่จะปล่อยให้นางจัดการเป็นเรื่องปกติที่ปล่อยให้นางจัดการให้รางวัลและลงโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกอู้งาน เมื่อได้เห็นคลังสินค้ารกยุ่งเหยิงและถังเทียนนอนกรนสนั่นความโกรธเกิดขึ้นในใจนางพร้อมกับความเกลียดชังที่มีต่อเขา
‘ครั้งนี้คุณนายผู้เฒ่าดูผิดไปแน่’ นางแอบคิด
พี่น้องหญิงคนอื่นตกใจ ตระกูลเซวียเคยเป็นตระกูลใหญ่และตกทอดกฎอย่างเคร่งครัด สตรีทั้งหลายได้รับอิทธิพลจากกฎนี้มานานแล้ว กฎเหล่านี้ประทับอยู่ในใจของพวกนางอย่างลึกซึ้ง พวกนางจะเคยเห็นภาพเช่นนั้นได้อย่างไร? แม้แต่หน่วยคุ้มกันรับจ้างทั้งหมดก็ไม่เคยประพฤติอยางนั้น
ถังเทียนนอนเหยียดยาวอยู่กับพื้นหงายหน้าและมีน้ำลายไหลออกจากมุมปาก เสียงกรนสนั่นดังออกมาจากจมูกของเขาเป็นจังหวะ
“เสี่ยวเหยาเก็บกวาดคลังสินค้า” หมิงจูกล่าวอย่างเย็นชา
เด็กสาวผู้งดงามคล่องแคล่วว่องไวนางหนึ่งเดินออกมาและเริ่มเก็บกวาดไหมทองรอบๆคลังสินค้า หลังจากตอนแรกตกใจคนที่เหลือก็ได้สติอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของพวกนางเต็มไปด้วยอาการเหยียดหยามขณะมองถังเทียน
แดนบาปเต็มไปด้วยราชตระกูลและตระกูลใหญ่ที่ถูกเนรเทศ ทั้งหมดเป็นตระกูลที่มีกฎเคร่งครัดแม้แต่ตระกูลที่สร้างความสำเร็จจากทางการทหารก็ยังอบรมดูแลผ่านมาหลายรุ่นและย่อมรู้มารยาทเป็นธรรมดา ในแดนบาปแม้แต่การงานที่สกปรกต่ำทรามที่สุดก็ยังถือสามารยาทเป็นอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะล่มสลายทั้งหมดพวกเขาก็ยังเคยมีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ในอดีต
เป็นครั้งแรกที่พวกนางพบกับคนที่น่ารังเกียจแบบนั้น
ถังเทียนหลับสนิทมาก เขาได้ฝึกฝนกฎหลายอย่าง แม้ว่าการสู้ระหว่างเขากับผิงเสี่ยวซานจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่ก็สิ้นเปลืองพลังของเขาอย่างสิ้นเชิง การฝึกหลังจากนั้นใช้เวลาอีกสองสามชั่วโมงและด้วยความเกรงว่าจะลืมไปในวันรุ่งขึ้น เขาฝึกฝนอย่างหลงใหลตลอดทั้งคืน เขาฝืนตนเองให้อดทน และหลังจากรู้แจ้งทั้งหมดจนติดแน่นอยู่ในใจของเขา เขาจึงหยุดฝึก
ความรู้สึกตึงเครียดที่เขามีอยู่ในใจหยุดทันที ถังเทียนผู้ฝืนทนมาตลอดคืนถูกความอ่อนล้าเข้าครอบงำเขาทั้งหมด
ช่วงที่เขาปล่อยความรู้สึก เขาหลับอย่างสบาย เขาไม่รู้สึกถึงหมิงจูและพวกที่เข้ามา
“ไม่มีอะไรขาดหาย” หลังจากรวบรวมและทำความสะอาดทั้งหมดแล้วเสี่ยวเหยาประหลาดใจ นางหันไปมองถังเทียน
“ไม่มีอะไรหายจริงๆหรือ?” ใครบางคนถาม “มีไหมทองมากมาย ต้องเป็นเขาที่ทำเช่นนี้! ถ้าไม่มีอะไรหายไปทำไมเขาถึงทำกระจุยกระจายออกมาอย่างนั้น?”
เสี่ยวเหยาไม่ได้คัดค้านแต่กล่าว “ข้าได้นับไว้ก่อนแล้วใครก็ตามที่ไม่เชื่อข้าก็เข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเอง”
สตรีที่เหลือมองหน้ากันเอง แต่ไม่มีใครพูดสักคำ เสี่ยวเหยาเป็นคนรอบคอบ นางไม่เคยทำผิดพลาดเมื่อรับสินค้า
สีหน้าของหมิงจูดูดีขึ้นมาก ขโมยที่นางเกลียดที่สุดไม่ปรากฏและทำให้นางมีความคิดต่อถังเทียนในแง่ดีขึ้น แม้ว่าเขาจะน่าดูถูก แต่เขาก็ไม่ใช่ขโมย แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าทำไมไหมทองมากมายถึงมากองอยู่กับพื้น แต่เมื่อไม่มีไหมทองหายไป นั่นก็หมายความว่าไม่มีขโมยเข้ามา
หมิงจูแค่นเสียง “ไปกันเถอะ”
“เราจะไม่ปลุกเขาหรือ?” เสี่ยวเหยาถาม
“ถ้าเขาอยากหลับ ก็ปล่อยให้เขาหลับต่อไป” หมิงจูพูดอย่างเย็นชา
ทุกคนเก็บงำความคิดของตนเองไว้ พวกนางคุ้นเคยกับอารมณ์ของหมิงจู และรู้ว่านางโกรธจริงๆ ถ้าหมิงจูไม่พอใจ แม้แต่คุณนายผู้เฒ่าก็บังคับนางไม่ได้ ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วหมิงจูถูกคุณนายผู้เฒ่าเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในฐานะผู้สืบทอด ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อนาคตของตระกูลเซวียคงจะตกอยู่ในมือของหมิงจู
เมื่อคิดถึงว่าแม้แต่พวกนางก็จะไม่มีทางแต่งงานกับบุรุษที่น่ารังเกียจแบบนั้น ทุกคนอ่อนอกอ่อนใจพร้อมกัน คุณนายผู้เฒ่าหวังว่าจะหาเขยขวัญผู้แข็งแกร่งแต่งงานเข้าตระกูลเซวียให้กำเนิดเด็กมากๆ สร้างหลักฐานให้กับตระกูลเซวีย
สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ในแดนบาปน่ากลัวมากและบรรทัดฐานในการอยู่รอดที่สำคัญที่สุดคือร่างกาย ถ้าร่างกายของพวกเขาไม่ดีพอ เด็กๆ ที่เกิดมาจะมีโอกาสรอดได้ยาก นอกจากนี้แดนบาปไม่มีพลังงานและพวกเขาอาศัยแต่พลังจากเลือดเนื้อไม่ต้องคำนึงถึงเคล็ดวิชาลับอะไรทั้งนั้น แต่เริ่มโดยปรับสภาพร่างกาย ร่างกายคือพื้นฐานของทุกสิ่ง
ในช่วงไม่กี่ปีเร็วๆ นี้ตระกูลเซวียขาดแคลนงานแผนกนี้มาก และขณะที่เวลาผ่านไปพวกเขายิ่งตกต่ำมากขึ้นจนอยู่ในระดับที่อันตราย ถ้ายังไม่มีนักสู้ที่ทรงพลังปรากฏตัวในรุ่นต่อไปของพวกเขา พวกเขาจะมีปัญหาในการปกป้องทรัพย์สินและสมบัติ ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับปกป้องจากตระกูลของเมืองจื่อจวนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ตระกูลเซวียอาจถูกกวาดล้างไปนานแล้ว
หมิงจูขบริมฝีปาก นางควบคุมตระกูลเซวียมานานมากแล้ว และนางรู้ชะตากรรมที่ตระกูลเซวียประสบอยู่ในเวลานี้ ตระกูลเซวียไม่สามารถหาพันธมิตรที่แท้จริงได้ และการที่มีสตรีทั้งหมดไม่สามารถปกป้องตนเองได้สำหรับกลุ่มอิทธิพลถือว่าเป็นแรงดึงดูดใจที่มิอาจต้านทานได้ ถ้าพวกนางแต่งงานเข้าไปในตระกูลใหญ่นี้ได้ วิชาลับของตระกูลเซวียในการเลี้ยงหนอนไหมทองอาจต้องเปลี่ยนมือ และในพริบตาตระกูลเซวียจะถูกกลืนจนไม่เหลืออะไร
แต่เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่านางจะต้องแต่งงานกับคนที่เกียจคร้านแบบนี้หมิงจูหวั่นเกรงมาก ต่อให้เขามีตำแหน่งชื่อเสียง หมิงจูพบว่าเป็นเรื่องยากจะยอมรับ
เมื่อเห็นว่าหมิงจูมีท่าทีดูไม่ดี เสี่ยวเหยาพูดอย่างนุ่มนวล “พี่หมิงจู วันนี้คือวันที่เราจะส่งมอบไหมนะ”
หมิงจูรู้สึกตัวและอุทานทันที “โอว” นางทำหน้าเหยเกทันทีเสี่ยวเหยารู้ทันทีว่านางพูดผิด
“คุณหนูหมิงจูอยู่ที่นี่หรือเปล่า” เสียงใสดังขึ้น
ประกายตาที่ว้าวุ่นวูบผ่านนัยน์ตาของหมิงจู นางพยายามสงบจิตใจและแสดงท่าทางสงบและตรงไปที่ลานบ้าน บุรุษหนุ่มรูปงามยืนเอามือไพล่หลังเดินอย่างสบายในลานบ้านชมดูไม้ดอกและไม้ต้นอย่างเพลิดเพลิน
“คุณชายฉิน!” หมิงจูเรียกอย่างสุภาพและคำนับ
“คุณหนูหมิงจู!” คุณชายฉินคำนับตอบ หน้าของเขามีรอยยิ้มสดใสเหมือนดวงตะวันทำให้หมิงจูงง
นางปัดไรผมของนางเพื่อปิดบังความผิดพลาดของนาง “คุณชายสามารถเรียกให้คนมารับไหมไปก็ได้ ทำไมต้องมาด้วยตนเองเล่า?”
“ทุกคนกำลังยุ่งมากและข้าก็ว่างอยู่พอดี นอกจากนี้ข้าต้องการพบกับคุณหนูหมิงจู ดังนั้นนี่เป็นงานที่ข้าเต็มใจทำ” ตาของฉินจื่อซานมีประกายหลงใหล เสียงของเขาไม่เพียงแต่ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาไม่ให้ความสำคัญแต่กลับซื่อสัตย์และเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง
เสี่ยวเหยาได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ด้านข้าง ทุกคนรู้ว่าคุณชายฉินชื่นชอบหมิงจู แม้แต่คุณนายผู้เฒ่าก็ยังเงียบกับเรื่องนี้แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตระกูลฉินคือตระกูลเมืองจื่อจวนและเป็นเจ้าเมืองปกครอง ตระกูลจื่อจวนดูแลตระกูลเซวียและถ้าฉินจื่อซานขอนางแต่งงานก็คงเป็นเรื่องยากที่คุณนายผู้เฒ่าจะปฏิเสธเขา แต่การตัดสินใจหลักยังขึ้นอยู่กับหมิงจู
แต่นางไม่ได้ตอบสนองต่อการรุกเร้าของคุณชายฉิน
นางถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นผู้สืบทอดตั้งแต่อายุน้อย และเคยคิดถึงประโยชน์ที่ดีที่สุดของตระกูลเซวีย ถ้านางยอมตกลงกับเขาจริง อย่างนั้นนอกจากต้องรวมเข้ากับตระกูลฉินแล้วก็จะไม่มีทางอื่นเหลือสำหรับตระกูลเซวีย
หมิงจูหลบสายตาที่ร้อนแรงของฉินจื่อซานและกล่าว “ทุกอย่างพร้อมแล้ว คุณชาย, เชิญ”
ไหมทองของตระกูลเซวียไม่ใช่ว่าจะขายให้ใครก็ได้และลูกค้าของพวกนางก็คือตระกูลจื่อจวน ไม่เพียงแต่ไหมทองจะถักเป็นชุดและเกราะเบาได้เท่านั้น แต่ยังใช้ทำเป็นสายธนูได้ดีอีกด้วย ตระกูลจื่อจวนซื้อไหมทองไปสร้างธนูที่แข็งแรง
หน้าของเสี่ยวเหยาเปลี่ยน นางไม่สามารถห้ามพวกเขาได้ และหมิงจูก็พาคุณชายฉินเข้ามาในคลังสินค้าแล้ว
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลของเจ้าซื้อบุตรเขยมาหรือ?” ฉินจื่อซานหัวเราะ “ข้าสงสัยว่าข้าจะพบเขาเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”
หน้าของหมิงจูเปลี่ยนทันใดนั้นนางตระหนักได้ทันทีว่าถังเทียนยังคงหลับอยู่ในคลังสินค้า! ‘โอวตายแล้ว,ข้าโกรธถังเทียน จนข้ากลายเป็นคนว้าวุ่นทำเรื่องราวผิดพลาดข้าก็แค่เรียกใครบางคนมาขนไหมออกจากคลังสินค้าก็จบแล้ว’ หมิงจูไม่อาจคิดได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าถังเทียนและคุณชายฉินพบกัน
หมิงจูฝืนยิ้ม “ข้าไม่คิดเลยว่าข่าวจะแพร่กระจายไปข้างนอกทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ เขาเป็นแค่บ่าวคุณนายผู้เฒ่าเห็นเขาเป็นเด็กน่าสงสารและรู้สึกว่าตระกูลของเรามีงานมากมายต้องทำ แต่ว่ามีแต่สตรีทั้งนั้น ดังนั้นเราต้องการให้ใครสักคนมาช่วยเป็นแรงงาน”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง สิ่งที่ข้าได้ยินก็แค่ข่าวลือ เป็นข้าที่แย่จริงๆ” ฉินจื่อซานขอโทษหมิงจู
หมิงจูฝืนยิ้มและพูดต่อ “คุณชาย ท่านสุภาพเหลือเกินท่านกีดกันจนข้าดูเป็นคนนอกห่างไกลไปแล้ว”
ทั้งกลุ่มเดินมาถึงหน้าคลังสินค้า หมิงจูหยุดทันที
‘จะทำยังไงดี… ข้าจะทำยังไง...’
ฉินจื่อซานรออยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าหมิงจูไม่เปิดประตูเสียที เขาสับสน “แม่นางหมิงจู?”
หมิงจูที่กำลังสับสนสะดุ้งตกใจ นางผลักเปิดประตูโดยไม่รู้ตัวทำให้เกิดเสียงดังปัง
ภาพของถังเทียนกำลังหลับพร้อมกับกรนสนั่นปรากฏออกมาอีกครั้ง เสี่ยวเหยาวอดเอามือปิดหน้าไม่ได้ นางไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป ช่างน่าอายเหลือเกิน
คุณชายฉินอึ้ง พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง “คนใช้ของพวกเจ้าหลับได้หลับดีจริงๆ”
หมิงจูรู้สึกตัวรีบสงบใจและตอบ “เขาเฝ้าคลังสินค้าติดต่อกันสองสามคืนแล้วและเหนื่อยเกินไป เราคงต้องเงียบ จะได้ไม่ปลุกเขาให้ตื่น”
คุณชายฉินพยักหน้าชื่นชม “แม่นางหมิงจูเห็นแก่ผู้อื่นและใจดียิ่งนักจื่อซานนับถือท่านจริงๆ” เขาไปคุยกับบริวารของเขา “พวกเจ้าทุกคนค่อยๆ ขนย้ายเบาๆ”
ก่อนนี้ เขาได้ยินว่าแม่เฒ่าเซวียซื้อบุตรเขยและต้องการจะดูเขา เมื่อเห็นสภาพถังเทียนในปัจจุบันความหนักใจของเขาหายไปหมด เขาเชื่อว่าหมิงจูคงไม่ตาบอดชอบคนที่น่ารังเกียจแบบนั้น เมื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีท่าทีคุกคามเขาแม้แต่น้อย เขาสงบใจได้และไม่รู้สึกหึงหวงแต่อย่างใด เขาไม่อยากกวนใจอีกฝ่ายและทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี
ถังเทียนกำลังฝัน
เขาฝันว่าสมาพันธ์ชาวยุทธกำลังรุกรานกลุ่มดาวหมีใหญ่ ทวีปซางโจวเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสงครามและการสู้รบรุนแรงบ้าคลั่ง เขาฝันว่าเชียนฮุ่ยตกอยู่ในอันตราย ว่าปิงกำลังร่วมกับทุกคนต่อสู้จนตาย ฝันว่าถังโฉ่วเตรียมตัวตายเพื่อเมืองของเขา หลิงซิ่วไม่ตื่นขึ้นอีกต่อไป อาเฮ่อบาดเจ็บสาหัส เขาฝันว่าจิ่งหาวถูกกระบี่ทิ่มแทงนับครั้งไม่ถ้วน ชาวหมาป่าล้มลงทีละคนๆศัตรูระลอกแล้วระลอกเล่าหนุนเนื่องเข้ามา ฝันว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่ถูกฉีกขาดกระจุย ไฟเผาผลาญจนท่วมท้องฟ้า
ความเจ็บปวดและความแค้นยากจะหยั่งท่วมไปทั้งตัวของเขาทำให้เขาสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าและตะโกนก้องฟ้า
ทันใดนั้นถังเทียนตื่นขึ้นและตระหนักว่าเขาลุกขึ้นนั่ง
แฮก..แฮก...แฮก...
เขากำลังหลั่งเหงื่อท่วมตัวขณะที่เขาตั้งใจมองดูกำแพงและหอบหายใจ ‘งั้นก็เป็นแค่ความฝัน... น่ากลัวจริงๆ!’
ความเคลื่อนไหวกะทันหันของถังเทียนทำให้ทุกคนตกใจกลัวหมิงจูขมวดคิ้วและถามด้วยความไม่พอใจ “เสี่ยวถัง เป็นอะไรไป?”
ถังเทียนไม่ได้ยินนาง เขาจ้องมองดูผนัง ‘โชคดี..โชคดีที่เป็นแค่ความฝัน.. ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น!’
“คุณหนูถามคำถามเจ้า!” คนใช้ที่อยู่ข้างหมิงจูทนดูไม่ได้อีกต่อไป นางตะคอกเสียงดังใส่ถังเทียน เนื่องจากนางไม่เคยเห็นคนไร้วินัยเช่นนี้
ถังเทียนไม่พูดถึงอารมณ์ของเขา เขายืนขึ้น โดยไม่มองพวกนาง ไม่พูดอะไรสักคำเขาเดินออกไปจากคลังด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด
ทุกคนมองหน้ากันและกัน มันแปลกมาก