ตอนที่ 694 ตัวใหญ่ใช่ว่ามีปัญญา
ประกายแสงสีฟ้าสว่างวาบ
ในทันใดนั้นทั่วทั้งห้องสุสานกลายเป็นทะเลสีน้ำเงินทำให้ผิวของคนในนั้นกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มไปด้วย
เมฆสีไพลินน้ำเงินลอยอยู่ในอากาศและควบแน่นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นมีเสียงร้องแปร๋นดังเป็นพิเศษเหมือนกับเสียงโกญจนาทของช้างแมมมอธหรือเสียงคำรามของมังกรยักษ์ มีความสง่างามแตกต่างออกไป ข้างหน้านั้นปรากฏร่างพญาคชสาร กลิ่นอายของมันรุนแรงแผ่คลุมไปทั่วสุสานทั้งหมด สาวยักษ์ลี่เยี่ยนเกรงว่าเย่ว์หยางจะถูกโจมตีจึงรีบมาอยู่ข้างตัวเขา ตั้งท่าเตรียมพร้อมในกรณีที่พญาช้างสารลอบโจมตี
ขณะนั้นหน้าของกู่เติ้งเต็มไปด้วยความยินดี
แม้ว่าศัตรูจะมียอดฝีมือปราณฟ้าระดับห้าและมีอสูรทรงพลังอีกตนหนึ่ง แต่เขายังมีอสูรปีศาจหกกรและพญาคชสารคอยสนับสนุนเขา สามต่อสองน่าจะทำให้เขาชนะได้
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือบุรุษหน้ากากว่องไว และมีทักษะพรางตัว
ต่อให้เขาชนะ เขาคงไม่อาจรั้งบุรุษหน้ากากไว้ได้
ในใจกลางสุสาน ยังมีช้างสีน้ำเงินไพลินขนาดมหึมาที่ใหญ่โตพอๆ กับปราสาท มันปรากฏอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง
งาทั้งสองคืออาวุธที่น่ากลัวที่สุดในโลก ขณะที่ขาทั้งสี่หนาจนอธิบายไม่ถูก ทำให้ผู้คนเข้าใจอย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าจะเป็นอสูรรบชนิดใด ถ้าถูกมันเหยียบก็คงต้องตายอย่างทรมาน เทียบได้กับเสาค้ำสุสาน ขาของช้างหนากว่าสามเท่า ดังนั้นมันหนาจนไม่มีอะไรเปรียบเทียบ
พญาคชสารไพลิน – อสูรแพลตตินัมระดับสิบ (เทียบกับปราณฟ้าระดับห้า) อสูรยุคโบราณเก่าก่อนมีพลังพิเศษที่แข็งแกร่ง สติปัญญาปานกลาง หลังจากที่โกรธมันเปล่งพลังรบครั้งที่สองจากความสามารถพิเศษคือจับ หวด บีบเค้น บุกใส่ และลงมือซ้ำ
หลังจากเห็นพญาคชสารด้วยจักษุทิพย์แล้ว ในเวลานี้เย่ว์หยางก็ยังขมวดคิ้ว
อะไรอย่างอื่นก็ดีอยู่หรอก
แต่ช้างนี้มีสติปัญญาปานกลางเท่านั้น
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับอสูรรบไม่ใช่ระดับที่สูง ไม่ใช่ขนาดที่ใหญ่โต แต่เป็นสติปัญญาของมัน
โชคดีที่พญาคชสารนี้ไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นคงจะรับมือได้ลำบาก ความสูงของมันแปดสิบเมตรใหญ่กว่าปราสาทธรรมดาเสียอีก มันยากเล็กน้อยที่จะโยกคลอนเจ้าผู้นี่ อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยาง ยิ่งมีความท้าทายที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น ผลตอบแทนก็มากไปด้วย เพียงแต่ในเวลานั้นยังขาดคนฝึกอสูร เย่ว์หยางมองดูลี่เยี่ยนผู้กระตือรือร้นข้างเขาและส่ายหน้า “ไม่, ไม่ใช่เจ้า”
“นี่เจ้ามาสู้หรือเปล่า?” สาวยักษ์ลี่เยี่ยนถึงกับเหงื่อตก นางจับตัวเย่ว์หยาง จากนั้นมองดูพญาคชสารตัวเท่าปราสาท นางได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวคอ “ฮึ”
อาหมันเป็นคนแรกที่ทำหน้าที่หน่วยหน้าเบิกทาง
ต่างจากเมื่อเวลาสู้กับโวกัว นางกระโจนเหมือนกับสายฟ้า ใช้ฝ่ามือนางต่างดาบและฟันลงด้วยทักษะต่อสู้ที่สูงล้ำ
กระบวนท่าที่หนึ่ง ดาบผ่าภูผา
อสูรรบธรรมดาคงไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีของนางได้ ด้วยระดับสติปัญญาของอาหมัน ถ้านางใช้ทักษะต่อสู้ ไม่ใช่เรื่องที่อสูรธรรมดาจะทนทานได้ แม้แต่อสูรรบระดับปราณฟ้าก็ได้แต่สู้ตรงๆ หรือไม่ก็ใช้ความเร็วหลบหลีก อาหมันไม่ค่อยใช้ทักษะวิทยายุทธและนางมักจะใช้วิธีซุ่มโจมตี มีน้อยคนนักที่คิดว่านางจะใช้วิทยายุทธที่ลึกล้ำได้
ควั่บ!
งวงยาวของพญาคชสารตวัดด้วยความเร็วไม่มีใดเปรียบ
ฟาดใส่ร่างอาหมันกลางอากาศ ขณะนั้นสันมือนางฟันใส่งวงยาวของมัน
มันใช้งวงเหวี่ยงนางออกไปไกล ในสายตาของลี่เยี่ยนไม่ถีงหนึ่งวินาที นางก็ปลิวออกไปเหมือนลูกธนูและกระแทกใส่ผนังสุสาน
ครืนนน!
ผนังสุสานพังทลาย อิฐและก้อนหินขนาดใหญ่และสุสานสั่นสะเทือนและเพดานเป็นรอยแตกร้าว พื้นเป็นรอยแยกเป็นรอยใยแมงมุม
ตาของลี่เยี่ยนเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ
นางรู้สึกว่าไม่สามารถตอบโต้พญาคชสารได้โดยตรง เป็นไปได้หรือที่นางด้อยกว่ามัน? ขณะที่ลี่เยี่ยนเห็นแววตาของพญาคชสาร นางรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยนาง นางยิ่งโกรธมากขึ้น เจ้าเด็กเย่ว์หยางล้อเยาะเย้ยนางยังพอทำเนา แต่เจ้าช้างตัวนี้บังอาจดูถูกนางได้อย่างไร? นางไม่สนใจที่เย่ว์หยางพยายามห้ามนาง พลังมังกรทั้งตัวนางปะทุออก และเพลิงพิโรธของนางลุกโหมในอากาศ เหมือนกับว่านางถูกเพลิงนรกครอบคลุม นางปล่อยหมัดใส่พญาคชสาร
เผียะ!
ขณะที่ลี่เยี่ยนคำรามอยู่ในอากาศ นางเผชิญกับงวงยาวของพญาคชสาร
พลังมหาศาลหวดใส่นาง และลี่เยี่ยนปลิวถอยกลับไปผ่านตัวเย่ว์หยางซ้ำรอยอาหมัน นางกระแทกเสาสุสานหักไปหลายต้นและกระแทกใส่ผนังและจมเข้าไปในผนัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โวกัวหัวเราะหนักจนน้ำตาเล็ด
เขาตะโกนบอกเย่ว์หยาง “เจ้าโง่, พญาคชสารเป็นอสูรรบภาคพื้นดินที่ไร้เทียมทาน เจ้าคิดหรือว่าจะมีอสูรรบอื่นที่สามารถสู้กับมันได้? เจ้ารู้ไหมว่ามันฉลาดแค่ไหน? นอกจากพูดไม่ได้แล้ว มันฉลาดยิ่งกว่ามนุษย์! เจ้ารู้ไหมว่างวงของมันยืดหยุ่นเพียงไหน? เจ้าสามารถใช้มือได้ มันก็สามารถใช้งวงของมันได้ดียิ่งกว่า!”
ขณะนั้นเองรอยยิ้มกลับมาปรากฏบนใบหน้าของกู่เติ้ง
อย่างไรก็ตามเขาแตกต่างจากโวกัว
เขาจะไม่วางใจจนกว่าจะได้ชัยชนะสุดท้าย
หลังจากพญาคชสารส่งอาหมันและลี่เยี่ยนปลิวไปแล้ว กู่เติ้งยังคงเฝ้าระวังอยู่ เขาจะไม่หยุดเฉยอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามเขาต้องการชิงความได้เปรียบโดยกำจัดศัตรูผู้นี้
กู่เติ้งลอบเรียกอสูรรบต่างๆ ออกมาอีก นี่คือหญ้าระบำอสูรสายพฤกษาที่สามารถโจมตีจิตใจของศัตรู มันอ่อนแอแต่แรกแต่เมื่อถึงระดับปราณฟ้ามันกลายเป็นฝันร้ายของศัตรู พลังจิตโจมตีของมันก็คือเครื่องจักรสังหารที่ไม่มีอะไรหยุดได้ ทันทีที่มันเริ่มร่ายรำ ศัตรูจะปวดศีรษะแทบแตกจนสุดท้ายไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและศีรษะระเบิดจนตาย
นอกจากหญ้าเริงระบำอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่งแล้ว กู่เติ้งยังเรียกอสูรรบตัวที่สองปีศาจดำ อสูรระดับปราณฟ้า
นอกจากจะมีพลังสู้รบที่ทรงพลังแล้ว ปีศาจดำนี้ยังมีสนามพลังจิตที่ทรงพลังมาก มันสามารถค้นหาศัตรูและทรมานพวกเขาในพลังจิต
กู่เติ้งกลัวว่าบุรุษหน้ากากจะหนีไปได้ ดังนั้นเขาเรียกอสูรตัวที่สามอสูรระดับเตรียมปราณฟ้า เหยี่ยวราตรี
เหยี่ยวราตรีระดับเตรียมปราณฟ้ามีความสามารถในการติดตามแข็งแกร่งที่สุด...
แน่นอนว่ากู่เติ้งไม่คาดหวังเต็มที่ว่าจะใช้ได้ดั่งใจ ที่สำคัญเขารู้สึกว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากบุรุษหน้ากากยังมากกว่าสาวยักษ์ลี่เยี่ยน
สำหรับอสูรรบตัวที่สี่กู่เติ้งเลือกมังกรแผ่นดินไหวอสูรปราณฟ้าระดับสาม แม้ว่ามันจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์มังกร แต่มังกรแผ่นดินไหวก็ยังเป็นอสูรรบขนาดมหึมาคล้ายกับอสูรปีศาจหกกรและพญาคชสารไพลิน แม้ว่าร่างจะใหญ่ใกล้เคียงกับขนาดของพญาคชสาร แต่พลังรบของมันยังด้อยกว่าอสูรปีศาจหกกรมาก ยังดีที่ส่วนดีของมันก็คือมีพลังพิเศษในการกลืนกินศัตรู ถ้ามันสามารถใช้ความสามารถพิเศษและกลืนกินสาวยักษ์ลี่เยี่ยนเข้าไปในปากได้ อย่างนั้นพวกเขาจะต้องได้ชัยชนะในการต่อสู้แน่นอน
ยังมีอีกจุดหนึ่ง ร่างของมังกรแผ่นดินไหวและพญาคชสารทั้งสองมีขนาดใหญ่มาก
ในสุสานเล็กนี้ มันได้เปรียบมาก
ไม่ว่าศัตรูจะไปทางไหน พวกเขาจะถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย สำหรับตัวเขาเองและโวกัว ตราบเท่าที่บุกผ่านผนึกออกไป ก็จะไม่เป็นอะไร
“เข้ามาเลย, เจ้าหน้ากาก ใช้ลูกเล่นสกปรกของเจ้าออกมาให้หมด ฮ่าฮ่า ไม่ว่าเจ้าจะดิ้นรนกระเสือกกระสนมากแค่ไหน ล้วนเปล่าประโยชน์ เจ้าจะต้องตายที่นี่!” พอมีพญาคชสารไพลิน กู่เติ้งเรียกปีศาจดำและมังกรแผ่นดินไหว นอกจากนี้ด้วยพลังของเขาที่ผสานกับอสูรปีศาจหกกร ไม่ว่าศัตรูจะสู้ยังไงก็ไม่มีโอกาสชนะ
“มีแค่เพียงสองสามท่านี้เองเหรอ?” เย่ว์หยางยิ้มมุมปากลึกลับ “มองผิวเผินเหมือนกับว่าทรงพลัง แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่าทักษะที่ไม่สำคัญ!”
“เหลวไหล!” โวกัวบินเข้าหาเย่ว์หยางพร้อมจะต่อยตีเขาให้จมดิน
สิ่งที่กำลังรอเขาอยู่ก็คือปากกระบอกปืนสีดำ
ปากกระบอกปืนสีดำเริ่มสะสมพลังงาน
พอสังเกตว่าสถานการณ์แย่ เขาแข็งขืนตัวเอง ฝืนร่างซึ่งมีผิวและกระดูกเหมือนเหล็ก เหวี่ยงหมัดใส่เย่ว์หยางและอิคคาโดยไม่คิดถอย
อย่างไรก็ตามกู่เติ้งไม่ต้องการให้สหายของเขาต้องเจ็บตัวและพ่ายแพ้นี้ ร่างของเขาเหมือนกับสายฟ้า ขณะที่เขาชนใส่เอวของโวกัว
แรงชนที่รุนแรงทำให้โวกัวพ้นไปจากวิถีปืน.
ลำแสงพลังงานที่น่ากลัวกวาดผ่านอากาศ ทุกที่ที่แสงกวาดผ่านทำให้ทุกอย่างหายวับทันที
หนังศีรษะของเขาเฉียดลำแสงอย่างเบาบาง เดิมศีรษะของเขาดกดำไปด้วยผม ตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนศีรษะล้านเลี่ยนไปในทันที ผมที่ยังเหลืออยู่มีควันคุกรุ่นดูน่าสมเพช โวกัวปากอ้าค้างจนแทบถึงพื้น ดวงตาของเขาเหมือนกับว่าถูกผีหลอก หนังของเขาเสริมพลังด้วยอสูรหลายชั้น แต่เขาไม่สามารถต้านขอบพลังยิงของศัตรูได้หรือนี่? เขาเอามือสัมผัสด้านข้างศีรษะของเขาซึ่งเป็นหลุมแผลเลือด และจ้องมองมือเปื้อนเลือดของตนเองอย่างว่างเปล่า หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาพึมพำ “เป็นไปไม่ได้ ข้าเสริมพลังอสูรปีศาจหกกรไปแล้ว ข้าบาดเจ็บได้ยังไง?”
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจสุดก็คือบาดแผลของเขาไม่ฟื้นฟูทันที
ปกติบาดแผลจะหายไปภายในเวลาไม่ถึงนาที แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยว่าบาดแผลจะสมานตัว
บึ้ม.. บึ้ม!
พญาคชสารไพลินและมังกรแผ่นดินไหววิ่งบุกเขามาหา
ถ้าเจ้านายของมันตกอยู่ในความยุ่งยาก พวกมันย่อมนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้เป็นธรรมดา
หลังจากสู้กับแมงปอแดง ความเคลื่อนไหวของอิคคาตอนนี้ไวกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่า ไวยิ่งกว่าสายฟ้าเสียอีก แม้แต่งวงของพญาคชสารก็ไม่สามารถแตะต้องร่างนางได้ ความจริงนางสามารถเล่นกับคู่ต่อสู้และบินไปมารอบๆ พญาคชสารได้
นี่เป็นเพราะแนวทางการเคลื่อนไหวที่นางได้รู้แจ้งระหว่างสู้รบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่อิคคาจะทำอย่างเมื่อก่อนที่จะได้พบกับแมลงปอแดงที่มีความเร็วน่ากลัว
แม้ว่าพญาคชสารไพลินจะมีความสามารถพิเศษในการจับ แต่เมื่อเทียบกับแมลงปอแดงแล้ว?
ห่างไกลลิบลับ!
ตอนนี้ด้วยการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง และอิคคาใช้สุดยอดความเร็วและสามท่าร่างลึกลับที่เรียนรู้จากเย่ว์หยาง นางสามารถสู้กับแมลงปอแดงได้อีกครั้ง ยังคงยากลำบากกับการสู้ระหว่างนักสู้ปราณฟ้าระดับปราณฟ้า และกับอสูรปราณฟ้าระดับห้าอย่างพญาคชสาร แต่นางสามารถใช้ท่าร่างที่เขาสอนให้หยอกล้อกับศัตรู ก่อนนี้แมงปอแดงไม่ค่อยทรงพลังนัก แต่มันทำให้นางเคลื่อนไหวลำบาก เพราะมันได้เปรียบที่ความเร็ว
“ไม่ต้องสนใจเด็กผู้หญิงนั่น แค่ฆ่าเจ้าหนุ่มหน้ากากก็พอ!” โวกัวพบว่าไม่เป็นการฉลาดที่พญาคชสารไพลินจะแข่งขันกับอสูรรบที่บินได้ ไม่ว่ายังไงวิธีที่ดีที่สุดในการรบก็คือโจมตีเจ้าของอสูรรบ
“ฮะฮะ, อย่านึกว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มียักษ์เป็นของตนเองนะ ของข้าก็มี และฉลาดกว่า!” เย่ว์หยางเรียกเด็กสาวยักษ์ออกมาจากโลกคัมภีร์
ตึง ตึง... เมื่อเห็นว่าเป็นไตตันโบราณ กู่เติ้งถึงกับพ่นน้ำที่กินทันที นี่..เจ้าเด็กนี่หยิ่งผยองเกินไปหรือเปล่า? เขามีไตตันโบราณเอาไว้ช่วยเหลือด้วยหรือนี่?