ตอนที่ 693 พญาคชสารไพลินกับอสูรปีศาจหกกร
“เสแสร้งกันชัดๆ เจ้าคิดว่าสวมไอ้หน้ากากโง่ๆ แล้วจะขู่ขวัญให้ผู้คนกลัวได้หรือ?” โวกัวพบว่าบุรุษสวมหน้ากากไม่แข็งแกร่งนัก แค่เพียงท่าร่างของเขาแปลกอยู่บ้างเล็กน้อยทำให้ไม่มีแรงกดดันในระดับพลังฝึกปรือของเขา จากจุดนี้อาจมองได้ว่าระดับของคู่ต่อสู้ยังต่ำกว่าเขา มีแนวโน้มว่าจะเป็นปราณฟ้าระดับสองหรือสาม คนที่มีระดับต่ำกว่าเขาหรือแม้จะมีอสูรปราณฟ้าชนิดพิเศษก็ไม่ทำให้เขากลัวแต่อย่างใด
ในบรรดาสมาชิกกลุ่มนักสู้ที่ก่อตั้งโดยเย่เซียว ผู้ที่มีอสูรรบที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่ชื่อหย่งฮุยผู้ที่ใครๆ ก็รู้ว่าไม่มีวันตาย
ไม่ใช่เยี่ยซู่ยอดฝีมือรบทางอากาศ
ไม่ใช่จื่อกวงและหัวหน้าเย่เซียวผู้มากไหวพริบ แต่เป็นเขานั่นเอง
ในการเปรียบเทียบอสูรที่ทรงพลัง แม้ว่ากู่เติ้งจะมีอสูรพิเศษ แต่พลังของมันยังด้อยกว่าอสูรของเขา ถ้าไม่มีอสูรที่มีพลังมาก ทำไมเย่เซียวและจื่อกวงถึงได้ยอมให้เขาเข้าร่วม?
ตราบใดที่มีพื้นที่เพียงพอไม่จำเป็นต้องพูดถึงบุรุษหน้ากากที่มีระดับปราณฟ้าต่ำกว่าระดับสาม
แม้แต่สาวยักษ์ปราณฟ้าระดับห้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่เขาจะมาหอทงเทียน เพื่อให้ประสบความสำเร็จแน่นอนอาจารย์ของเขาได้มอบพญาคชสารไพลิน อสูรปราณฟ้าระดับห้าเอาไว้ปกป้องเขา ด้วยพญาช้างนี้ อย่าว่าแต่หอทงเทียนเลย เขายังสามารถครองแดนสวรรค์ตะวันตกได้ช่วงเวลาหนึ่ง! แม้ว่าจะมีอสูรในแดนสวรรค์มากมาย แต่จะมีสักเท่าใดที่มีระดับเหนือกว่าปราณฟ้าระดับห้า?
“ระวังให้ดี” กู่เติ้งไม่กล้าประมาทเย่ว์หยาง เขารีบเตือนโวกัว “ชักช้าจะเสียการ รีบจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็ว!”
สิ่งที่เขาต้องการก็คือให้โวกัวเรียกพญาคชสารออกมาแล้วจากนั้นให้ทุ่มสู้จนสุดกำลัง
บุรุษหน้ากากและสาวยักษ์ไม่ใช่ยอดฝีมือตามที่รายงานไว้ในข่าวกรอง
แต่ถึงกระนั้นพลังของเขาก็ไม่ธรรมดา
ถ้าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีตามมาทัน ผลที่จะตามมายากจะคาดคิดได้... กู่เติ้งไม่รู้ว่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีรู้ความลับเรื่องปฏิบัติการครั้งนี้แล้ว เขารู้แต่ว่าเย่เซียวและสหายคงไม่ปะทะกับจื้อจุนโดยตรงแน่นอน
เขาเรียกอสูรรบที่แข็งแกร่งที่สุดทันที ต่อให้เขาไม่สามารถฆ่าบุรุษหน้ากากได้ เขาก็ต้องกำจัดเขาให้ได้โดยเร็ว
ในสุสานใต้ดินของวิหารนำทาง เขาไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศและเสียเปรียบเมื่อเทียบกับศัตรูของเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฝ่ายเขาหมดความน่าสนใจไปแล้ว
นี่อันตรายมาก เขาต้องออกไปจากสถานการณ์นี้ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้...
“ไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นใคร ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเทพอารักษ์หรือคนจากหอทงเทียน ในที่สุดแล้วเจ้าก็จะตาย!” โวกัวยังไม่เรียกพญาคชสารออกมา เขากลับเรียกอสูรปีศาจหกกร อสูรปราณฟ้าระดับสาม นี่เป็นอสูรรบจากอดีตที่แข็งแกร่งที่สุด ในการต่อสู้แถวหน้า มันแทบจะไร้เทียมทาน เพียงแต่เมื่อพญาคชสารปราณฟ้าระดับห้าปรากฏ อสูรปีศาจหกกรจึงต้องตกไปเป็นอันดับสองอย่างช่วยไม่ได้
อสูรปีศาจหกกร : อสูรทองระดับสิบ (เทียบเท่าอสูรปราณฟ้าระดับสาม) อสูรยักษ์ที่พัฒนามาแล้ว สูงห้าสิบเมตรมีสองภาครบแตกต่างกัน มีสามหัวหกกร หนังทองแดงกระดูกเหล็ก ศีรษะเป็นทองแดง แขนเป็นเหล็ก ไม้ตายพิเศษก็คือค้อนจังงังสามารถระเบิดคลื่นแผ่นดินไหวได้ต่อเนื่อง
เมื่ออสูรปีศาจยักษ์หกกรสูงห้าสิบเมตรถูกเรียกออกมา แม้แต่สาวยักษ์ลี่เยี่ยน ก็ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง
นางเคยเผชิญกับอสูรประเภทนี้มาก่อน และต่อสู้ได้ยากมาก
มีผิวทองแดงและกระดูกเหล็กยังไม่ส่งผลรุนแรงน่ากลัวเท่าใดนัก นอกจากนี้อัตราการฟื้นตัวของมันสูงมาก ต่อให้บาดเจ็บสาหัส มันสามารถฟื้นฟูได้ในระยะเวลาสั้นๆ ตามข้อมูลของเจ้าเด็กเย่ว์หยาง อสูรปีศาจยักษ์หกกรคือหนึ่งในอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ที่ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ ชื่อเสียงของมันยังด้อยกว่าอสูรเพชฌฆาตโบราณ โดยหลักก็คืออสูรเพชฌฆาตโบราณมีจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณอสูรปราณฟ้าระดับห้า นอกจากนี้เผ่าพันธุ์เพชฌฆาตโบราณส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นนักสู้ของพวกตำหนักกลาง
ค่อนข้างจะอื้อฉาว
การพบกับอสูรปีศาจยักษ์หกกรทำให้ลี่เยี่ยนต้องระมัดระวังตัว
ดูเหมือนว่าทหารรับจ้างแดนสวรรค์ผู้กล้าเข้ามาในวิหารไม่ใช่ตัวดีอะไร
“ให้ข้าลองดู!” ลี่เยี่ยนกลัวว่าเย่ว์หยางจะไม่รู้ว่าอสูรปีศาจยักษ์หกกรทรงพลังขนาดไหน ดังนั้นนางก้าวไปข้างหน้าและตัดสินใจเปลี่ยนแผนเดิมของนางและให้นางสู้เอง
“ข้าไม่กลัวเจ้า...” โวกัวรู้สึกมีความกล้าขึ้นมาในใจ ที่สำคัญคือสาวยักษ์ลี่เยี่ยนเป็นยอดฝีมือปราณฟ้าระดับห้า นางอยู่เหนือยอดฝีมือปราณฟ้าระดับสี่ชั้นสูง ถ้าเขาสู้กับเย่ว์หยาง โวกัวรู้สึกว่าเขาคงไม่มีภาระกดถ่วงทางจิตใจอย่างนั้นแน่ และเขาคงกวาดล้างเย่ว์หยางได้อย่างง่ายดาย
มองอย่างผิวเผินโวกัวดูเหมือนโง่ แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่ละเอียดมาก
มิฉะนั้นเจ้านายของเขาคงไม่ส่งคนโง่อย่างนั้นมาหอทงเทียนเพื่อค้นหาสมบัติ
ขณะที่ลี่เยี่ยนก้าวเข้ามาทีละก้าว เขาเสร็จสิ้นการเรียกอสูรรบ เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการเงิน เขาเรียกปีศาจอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่ง สายเสริมพลังออกมาเสริมพลังให้เขา จากนั้นเขาเรียกยักษ์ศิลาซึ่งมีระดับเดียวกันแต่มีพลังป้องกันร่างกายของเขาได้สองเท่า เพราะการบินเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำได้ดีและเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูฉวยความได้เปรียบจากจุดอ่อนนี้ โวกัวเรียกมันติคอร์ (สิงโตหางแมงป่อง) ปราณฟ้าออกมาเสริมความคล่องแคล่วว่องไวในการบินให้เขา ก่อนที่ลี่เยี่ยนจะเดินไปถึง เขายังเรียกปีศาจศิลาเหินอสูรปราณฟ้าและคางคกสายฟ้าปราณดินระดับแปดมาเสริมพลังให้กับตัวเอง
ตอนนี้ร่างของโวกัวมีลักษณะแปลกประหลาดมาก
มีผิวหนังเหมือนหมีวิเศษ และแขนเหมือนกับยักษ์ศิลา มีปีกของมันติคอร์ มีร่างของปีศาจศิลา และหน้าเหมือนคางคก
“ฮ่า...”
ไม่ว่าเจ้าจะมีอสูรรบมากมายกี่ตัวก็ตาม วิธีการสู้ของลี่เยี่ยนก็เหมือนเดิม ใช้พลังหมัดเป็นหลัก
หมัดที่แฝงไปด้วยพลังมังกรโบราณปะทะเข้ากับท้องนูนของโวกัวอย่างรุนแรง แรงระเบิดทำให้ทั้งสุสานสั่นสะเทือน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ลี่เยี่ยนไม่อยากเชื่อก็คือพลังหมัดของนางไม่สามารถทำให้โวกัวถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ต่อให้แมมมอธแดนสวรรค์ซึ่งมีขนาดใหญ่มากก็ยังทรุดลงกับพื้นเมื่อถูกหมัดๆ เดียว
แม้แต่ภูเขาน้อยก็ยังพังถล่มภายใต้พลังหมัดหนักขนาดนั้น
โวกัวได้รับพลังจนร่างแข็งแกร่งหรือนี่?
ลี่เยี่ยนตะลึง หน้าของนางเต็มไปด้วยอาการเหลือเชื่อ หมัดของนางไม่มีประโยชน์จริงหรือ?
“หึหึ, ดูเหมือนปราณฟ้าระดับห้าก็งั้นๆ!” อสูรปีศาจยักษ์หกกร เสริมพลังครั้งที่สอง” โวกัวไม่สามารถพูดต่อ หมัดเมื่อก่อนนี้แทบจะทำให้เขาอาเจียนอวัยวะภายในออกมา เขาพยายามอย่างดีที่สุดกลืนเลือดลงคอ ยังดีที่อีกฝ่ายไม่มีอสูรเสริมพลังด้วย มิฉะนั้นเขาคงทนไม่ได้แน่นอน เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเสริมพลังเพียงพอ โวกัวรีบสั่งให้อสูรปีศาจหกกรผสานร่างเสริมพลังให้กับเขา
อสูรปีศาจยักษ์หกกรสูงห้าสิบเมตรเปลี่ยนเป็นแสงสีดำเข้มและผสานเข้ากับโวกัว
ร่างยักษ์ของโวกัวเพิ่มขยายขนาดทันที
เพียงแต่เมื่อเขาสูงถึงสิบเมตรก็หยุดในที่สุด ภายใต้แขนของเขามีแขนเพิ่มขึ้นเป็นหกแขน อย่างไรก็ตามไม่มีศีรษะงอกเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด หลังจากอสูรปีศาจหกกรอสูรปราณฟ้าระดับสามเสริมพลังสูงสุดเพิ่มส่วนสูงให้โวกัวถึงสิบเมตร ไม่ว่าจะเป็นเรี่ยวแรงหรือพลังป้องกัน เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
ตอนนี้ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หมัดที่รุนแรงแหวกอากาศเหมือนฟ้าคำรามโจมตีใส่หน้าของลี่เยี่ยน
ลี่เยี่ยนไม่กลัวขณะที่ปล่อยหมัดออกอย่างสุดกำลัง
พลังหมัดที่น่ากลัวปะทะกันและระเบิดออกทันที พลังนั้นกระจายออกจากศูนย์กลางของหมัดคนทั้งสอง ห่างออกไปสิบเมตรศิลาและฝุ่นหายไปไม่เหลือร่องรอย แม้แต่เสาสุสานด้านหลังแตกหักพังทลายเสียงดัง โลงศิลาซึ่งบรรจุกระดูกปลิวกระเด็นไปในอากาศเป็นร้อยเมตร
หลังจากครั้งแรกที่ลี่เยี่ยนปะทะกับศัตรู จนต้องใช้พลังล้วนๆ เต็มที่
นางกระเด็นออกไปยี่สิบเมตร และพยายามจะทรงตัว แต่นางยังต้องถอยไปสองสามก้าวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะหยุดตั้งหลักได้
ฝ่ายตรงข้ามคือโวกัวที่สูงสิบเมตรไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว
เพียงแต่เท้าใหญ่ของเขาจมลงไปในพื้น
เมื่อเทียบทั้งสองแล้ว ผู้ชนะได้รับการตัดสินแล้ว
แม้ว่าลี่เยี่ยนจะไม่อยากจะเชื่อ แต่ความจริงนั้นก็บอกนางผู้เคยเป็นใหญ่ในแดนสวรรค์ใต้ ด้วยพลังเถื่อนของนาง นี่คือการพ่ายแพ้ครั้งแรกของนาง
“อีกครั้ง!” ลี่เยี่ยนโกรธ นางไม่ยอมให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งเหนือนางแน่นอน
“เฮ้, เจ้าบอกว่าจะยอมฟังข้าไม่ใช่หรือ? ถอยมา!” เย่ว์หยางจะปล่อยให้นางแสดงบทบาทอยู่คนเดียวได้ยังไง? เขาตะโกนห้ามไม่ให้นางบุ่มบ่ามทันที ลี่เยี่ยนจ้องมองเย่ว์หยางอย่างโกรธเคือง นางไม่พอใจอย่างมาก ตอนนี้นางเป็นคนเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ดังนั้นจะให้นางหยุดได้ยังไง? อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นดวงตาเยือกเย็นของเย่ว์หยาง นางตื่นตัวทันที ภายใต้สายตาของเขา นางถอยมาอย่างไม่ยินยอมเล็กน้อย “ก็ได้, ข้าจะฟังเจ้าพูดอีกครั้งเดียว ข้าสามารถลุยตามลำพังได้ เจ้าผู้นี้แค่อาศัยพลังของอสูรรบเท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษเลย!”
เย่ว์หยางมองนางขณะที่นางถอยไป และเรียกโคเงาอาหมันออกมาจากโลกคัมภีร์
ทันทีที่อาหมันปรากฏตัว นางก้าวเข้าหาโวกัวที่สูงสิบเมตรทันที
โวกัวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่เขาหัวเราะและใช้มือตบอาหมันควงหมัดและป้องกันการโจมตีได้อย่างง่ายดาย เกิดแรงระเบิดขณะปะทะ อาหมันถูกดันถอยไปหลายสิบเมตรเหมือนลูกธนู ไกลยิ่งกว่าหัวหน้าลี่เยี่ยนเสียอีก
แต่อาหมันนั้นมีฝีมือมากกว่าลี่เยี่ยน นางพลิกตัวกลางอากาศสามตลบสลายพลังและลงมายืนอยู่ข้างตัวเย่ว์หยางอย่างสง่างาม
เย่ว์หยางเสริมเงายักษ์สามร่างให้นางอย่างต่อเนื่อง
กู่เติ้งตากระตุก
นี่.. อสูรรบของเจ้าผู้นี้ผิดธรรมดาเกินไปหรือเปล่า? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จะน่ากลัวขึ้นหรือเปล่า?
อาหมันวิ่งเข้าหาโวกัวอีกครั้งและปล่อยหมัดอีกครั้ง ผลยังดีกว่าครั้งก่อน... คราวนี้อาหมันถอยออกมาสิบห้าเมตรและกลับมาหาเย่ว์หยาง เย่ว์หยางเสริมเงายักษ์อีกสองร่าง
“ฮ่าห์!”
ไม่มีกระบวนท่าพิเศษอะไร แค่ใช้พลังหมัดล้วนๆ
โวกัวรีบรับพลังหมัดของนาง
เทียบกับหมัดเต็มกำลังของลี่เยี่ยนก่อนนี้ พลังแฝงแหลมคมขึ้น ทั้งสุสานสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง เสาหลายต้นล้ม พื้นดูเหมือนจะแตก
ขณะที่แรงปะทะกันดังสนั่นแสบแก้วหู ทำให้กู่เติ้งหลังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเมื่อเห็นความจริงว่าทั้งสองนั้นถอยกันคนละก้าว
ความจริงคือเสมอกัน พลังของทั้งสองคนอยู่ในลักษณะยันกัน
ไม่
กู่เติ้งพบว่าโวกัวแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ขณะนี้เองสีหน้าของโวกัวม่วงคล้ำน่าเกลียด... โอ้ก.... โวกัวอดอ้าปากกว้างไม่ได้
ของเหลวและเศษอาหารในกระเพาะพุ่งออกมาจากปากของเขา
จริงๆ แล้วเขาถูกคู่ต่อสู้ต่อยใส่หนึ่งหมัด
แม้ว่าจะพลาดหน้าอกไป แต่รังสีหมัดผ่านพลังป้องกันซึมเข้าไปที่ท้องของเขา ด้วยพลังป้องกันของคางคกสายฟ้า หมีปีศาจธาตุดินและอสูรอื่นๆ แม้แต่โวกัวก็ไม่สามารถทนได้ต่อไปเป็นเหตุให้อาเจียนต่อหน้าอาหมัน หลังจากอาเจียนน้ำย่อยจนหมดท้องแล้ว เขายืดหลังขึ้นอย่างยากลำบาก เช็ดปากและคำราม “ข้ากินมากเกินไปหน่อย เอาออกมาเสียบ้างค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ตายจนกว่าจะเสร็จสิ้น เขาเรียกพญาคชสารปราณฟ้าระดับห้าออกมาทันที
เขาใช้ไม้ตายก้นหีบของเขาแล้ว