ตอนที่ 691 ศัตรู? ก็แค่หินลับมีด!
เมื่อเปากู่ตื่นขึ้นเขาพบว่าเขาไม่ได้ถูกหินทับกระแทกจนตาย แต่อยู่ในสถานที่ก่อสร้างพิเศษแห่งหนึ่ง
แม้แต่ในแดนสวรรค์ก็ยากจะพบเจอโครงการก่อสร้างใหญ่โตขนาดนี้
เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังทำอะไร แต่เขาแน่ใจว่าคนเกือบล้านคนเหล่านี้กำลังทำบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาเป็นคนที่สังเกตสีหน้าคนได้เป็นอย่างอย่างดี แค่เพียงชำเลืองมองกรรมกรรอบตัวเขา เขาสามารถบอกได้ว่าโครงงานขนาดยักษ์นี้สำคัญมากขนาดไหนเพราะพวกเขามีความภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้า แม้ว่าจะกลายเป็นหนึ่งในล้านที่มีส่วนร่วมด้วยกับความรุ่งเรืองนี้
มีเผ่าพันธุ์ต่างๆอยู่ที่นี่
แต่แทบทุกคนกระทำงานเหมือนกัน
นักรบมีพลังต่างระดับไม่แบ่งแยกชั้นกัน หัวกลมเปากู่สามารถเห็นสตรีมังกรปราณดินระดับหกแบกก้อนหินขนาดมหึมา
ว่ากันในแง่พลังนางควรจะยืนอยู่ชั้นบนและคอยควบคุมคนอ่อนแอให้ทำงาน เพราะเทียบกับนางแล้ว คนงานหลายคนอ่อนแอเหมือนมด
เป็นสิ่งหนึ่งสำหรับสตรีมังกร ในแดนสวรรค์ สถานะของพวกนางจะไม่สูงนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าบุรุษ พวกนางเป็นเหมือนทาส
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นพะยูนนรกปราณฟ้าระดับสองสองตัวและมนุษย์ปลากลายพันธุ์ขุดบ่อน้ำ ปากของเขาอ้าค้างจนแทบจะยัดกบเข้าไปได้ทั้งตัว นี่มันตลกอะไรกัน พะยูนนรกอสูรปราณฟ้าก็เป็นกรรมกรกับเขาด้วยหรือ?ใครที่มีอำนาจสั่งการพวกเขา?
“เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ? เมื่อข้าเห็นเจ้าตอนแรกลักษณะของเจ้าแทบจะคล้ายปลาเค็มตากแห้ง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลับมามีชีวิตได้!” หัวกลมเปากู่พบว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์คนหนึ่งใกล้ๆเขาซึ่งมีลักษณะแปลกประหลาดมาก แน่นอนว่าถ้ามองในด้านสุนทรียศาสตร์ตามมุมมองของหัวกลมเปากู่ในเมืองลมดำมนุษย์กลายพันธุ์ประหลาดนี้ก็ยังถือว่ามีลักษณะเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปากของเขาไม่พูดแต่เรื่องไร้สาระ ก็เหมือนกับมนุษย์ปลาดาบอีกคนซึ่งสีหน้าของเขาจริงจังเหมือนกับจะคิดว่าคงจะได้คะแนนพิเศษมากมาย
“ขอถาม..ท่านเป็นใคร?” เขาพบว่ามนุษย์ปลากลายพันธุ์ไม่ใช่อ่อนแอเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ปลาดาบผู้เยือกเย็นเป็นนักสู้ปราณดินระดับแปด
“จี๋ฟง!”มนุษย์ปลาดาบผู้เยือกเย็นเพียงแต่มองเปากู่ก่อนหันหน้าและเดินออกมา
มนุษย์ปลากลายพันธุ์ช่างพูดอีกคนหนึ่งแนะนำตัวเองไม่หยุด “ข้าคือมนุษย์ปลาชื่อว่าสุ่ยจุ้ย ข้าจะอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าถามข้าได้ ถ้าไม่มีอะไรที่เจ้าไม่รู้ เจ้าถามข้าได้ ข้ารู้ทุกอย่าง อา..ความสามารถแกล้งตายของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อพวกเขาพูดดังนั้นข้าลองใช้หินยักษ์ที่กดทับเจ้าสามวัน ลำไส้ของเจ้าแทบทะลักออกมา ข้าไม่คาดเลยว่าเมื่อเจ้าเลื่อนหินยักษ์ออกไป เจ้าจะฟื้นเต็มที่ได้ภายในวันเดียว....เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน? ปิงทะเล หรือพวกไฮดรา? หรือว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ฮืม...ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน, ถ้าเป็นพอสซัม ข้าเคยได้ยินมาบ้าง! แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แดนสวรรค์ใต้ เจ้ารู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมและแรงโน้มถ่วงต่างออกไปไม่ใช่หรือ? นี่คือพื้นที่ระดับต่ำที่สุดของหอทงเทียนทวีปมังกรทะยาน ปราสาทที่เห็นไกลๆนั่นคือปราสาทตระกูลเย่ว์... ถ้าเจ้าไม่เข้าใจก็ลืมไปซะ เรื่องนี้ซับซ้อนมาก ข้าจะค่อยๆ อธิบายให้เจ้าฟังในอนาคต!”
หัวกลมเปากู่สับสนจริงๆเมื่อเขาได้ยินคำอธิบายจากคนที่เรียกตัวเองว่าสุ่ยจุ้ยทันทีนั้นเขาเห็นว่าเขาควรหนีออกมา
เขาวิ่งออกไปและแสดงความเคารพสตรีชาวมังกรระดับปราณฟ้าอีกคนหนึ่ง
นางราชินีซิก
ขณะที่สตรีอีกนางหนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องแบบเป็นสหายที่ราชินีซิกให้ความเคารพโดยเรียกนางว่าฝ่าบาทเซี่ยอี
ฝ่าบาท?
เมื่อได้ยินคำนำหน้าเช่นนี้หัวกลมเปากู่ถึงกับตกใจ
เมื่อราชินีซิกดำเนินมาพร้อมกับฝ่าบาทเซี่ยอี เขาคำนับทักทายนางด้วยความเคารพ ในแดนสวรรค์ถ้าระดับต่ำกว่าเมื่อเห็นผู้มีระดับสูงกว่าพวกเขาจะแสดงความเคารพ ถ้าไม่อย่างนั้นก็เท่ากับดูหมิ่นผู้มีอำนาจระดับสูง
“เขาบอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดีมากและเก่งในด้านรวบรวมข่าวกรองดังนั้นข้าจะให้เจ้าทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลของแดนสวรรค์ในอนาคต แน่นอนว่าตั้งแต่สงครามยังดำเนินต่อไป สถานการณ์ทั้งหมดไม่แน่นอนเจ้าควรจะอยู่ที่นี่ไปสักระยะหนึ่งก่อน!” คำพูดของฝ่าบาทเซี่ยอีทำให้เปากู่สับสน เขาไม่รู้จักใครที่นี่หรือว่าคนเหล่านี้เข้าใจผิด?
“อ่า, จวินอู๋เย่ สหายของข้าอยู่ที่ไหน?” เขาต้องการพบเขาถ้าพวกเขาสองคนได้รับการช่วยเหลือ บางทีมีเพียงเขาที่มีพลังทักษะแกล้งตาย
“เขาไม่เป็นไร เพียงแต่เขากำลังยุ่งมาก เขาจะมาที่นี่เมื่อมีเวลาว่าง”ฝ่าบาทเซี่ยอีไม่พูดอะไรต่อไป นางออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่กล้ามองหน้านาง ไม่อย่างนั้นเขาคงเห็นนางพยายามกลั้นหัวเราะ
เมื่อเซี่ยอีและคนอื่นเดินห่างออกไปแล้วสุ่ยจุ้ยตบไหล่เปากู่ “ที่นี่เป็นสถานที่ดีมาก เดิมทีข้าอยู่ที่ชั้นหก แต่ข้าพบว่าไม่มีที่ไหนดีกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจย้ายมาที่นี่”
คำพูดของเขาทำให้เปากู่เหงื่อตก
เจ้าอยากอยู่ที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับข้า!
อย่างไรก็ตามเขาไม่พูดคำเหล่านี้ออกมาดังๆนอกจากนี้ เนื่องจากจวินอู๋เย่ไม่ตายเขาก็เบาใจในที่สุด จวินอู๋เย่ยังมีชีวิตและทำงานอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาว่าง ไม่มีผลรับอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะหาเหตุไม่เจอว่าทั้งที่ก้อนหินใหญ่กดทับลงมาเขาอยู่รอดปลอดภัยมาได้ยังไง เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้เขามีทักษะหลอกแกล้งตายเขาก็ยังไม่สามารถหลบพ้นจากหินมหึมาขนาดนั้น...แต่ว่ากลับอยู่รอดปลอดภัยทั้งสองคน ช่างโชคดีจริงๆ!
“เจ้าต้องทำงานด้วยหรือ?” หัวกลมเปากู่รู้สึกว่าเขาถูกนำมาที่นี่เขาจะไถ่ตัวเองได้ก็โดยใช้แรงงานแลก
“แน่นอน มันคงน่าเบื่อถ้าเจ้าไม่ทำงานอะไร ข้าเองยังเบื่อจะนั่งเฉยๆที่นี่และดูพวกเขาทำงานกัน แต่หลายวันมานี้มันช่างเหลือทน นอกจากนี้เจ้าอาจจะพบว่าเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหนเมื่อเจ้ายกก้อนหินใหญ่ต่อหน้าพลเมืองผู้ให้กำลังใจเจ้าและมองดูเจ้าด้วยสายตาเทิดทูนบูชา อา..ท่านรองประธานอยู่ที่นี่แล้วข้าต้องคุยกับเขาหน่อย!” พอเสียงดังขวับดังขึ้นซุ่ยจุ่ยก็บินออกไปอีกครั้งและทำความเคารพชายชราคนหนึ่งจากนั้นก็คุยกับเขาอย่างมีความสุข ไม่ต้องพูดถึงซุ่ยจุ่ยผู้นี้ แม้แต่พะยูนนรกทั้งสองเมื่อเห็นชายชราผู้ผู้นี้ซึ่งเป็นระดับนักสู้ปราณดินเท่านั้นก็ยังเคารพทำให้หัวกลมเปากู่เหม่อมอง ไม่รู้จะทำยังไง
“...อา ที่นี่มันยังไงกันแน่?” หัวกลมเปากู่ตอนนี้สับสนมาก
สวนน้อยปราสาทสายรุ้ง
เป็นเวลาสองวันที่เย่ว์หยางพยายามควบพลังสร้างกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน
กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนต่างจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวทรงพลังมากกว่าและมีพลังหยางรุนแรง ขนาดบัวเพลิงสวรรค์และเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ของเย่ว์หยางในปัจจุบันนี้ยังไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อยหากเทียบกับบัวเพลิงสวรรค์เป็นเหมือนคบเพลิงอย่างนั้นกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนภูเขาไฟ
แน่นอนว่านี้ยังเป็นพลังที่เย่ว์หยางควบคุมได้
ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าใช้พลังนี้เองอย่างนั้นพลังกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์
กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนไม่มีเปลว เป็นพลังงานแบบใหม่ในตนเองที่รวบรวมขึ้นจากสุดยอดพลังหยาง ต่างจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว แต่ในตอนนี้แม้ว่าเย่ว์หยางจะใช้พลังทั้งหมดของเขา เขาควบพลังกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนออกมาได้แค่เพียงเท่าไม้ตะเกียบ
“โอว โอ้ว..” เมื่อพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางเกือบหมดในที่สุดเขาต้องหยุดควบแน่นพลังกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน ร่างของเขาโชคไปด้วยเหงื่ออาบชุดจนชุ่มไปหมด
“พักสักหน่อยเถอะ!” เย่ว์หวี่เรียกบอลพลังน้ำบำบัดเพื่อช่วยให้เย่ว์หยางฟื้นฟูจากความอ่อนล้า จากนั้นนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาความเคลื่อนไหวของนางนุ่มนวลเหมือนสายลม
“นี่มันวิทยายุทธแบบไหนกัน? ดูแปลกจริงๆ...” “แปลกมาก...” ลี่เยี่ยนโยนชิ้นแอปเปิลเข้าปากนางเองและเคี้ยวกินแอปเปิลอย่างที่สตรีปกติไม่ทำกัน ข้างๆ นางเป็นสาวขี้เมาที่ยังตกตะลึงอยู่และหนูแพนด้าหนิวหนิวที่กำลังใช้มีดปอกแอปเปิลให้มารดาของเธอขณะกระพริบตากลมโตสงสัยประมาณว่า “กินด้วยท่าทางแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
“รบกวนขอให้เปลี่ยนจากคำว่าแปลก ไปเป็นน่าทึ่งดีกว่าไหม?” เย่ว์หยางยื่นมือมาทางหนิวหนิว หนูน้อยแพนด้ามองมารดานางและเห็นว่ามารดาไม่คัดค้านอะไร เธอจึงยื่นแอปเปิลที่ปอกแล้วให้เขาจากนั้นหยิบลูกใหม่มาปอกเปลือกให้มารดา
“เจ้าอายุกี่ขวบแล้ว?ยังจะแย่งอาหารจากเด็ก” สาวขี้เมาอดหาเรื่องทะเลาะกับเย่ว์หยางไม่ได้
“หนิวหนิวไปล้างจานองุ่นให้เราอีกจานหนึ่งนะ โอวจริงสิ เราต้องให้องุ่นเย็นก่อนแล้วค่อยกิน!” เย่ว์หยางชอบใช้หนิวหนิวให้ทำงานบ่อย แต่หนูน้อยแพนด้ามีความสุขมาก
“ฮะฮะ”เย่ว์หวี่เห็นภาพน่าขันแล้วนางรู้สึกอบอุ่นใจ
ช่วงระหว่างที่พักนี้เองจักรพรรดินีราตรีมาถึงที่นี่
นางพรางตัวล่องหนมาตามปกติแต่เนื่องจากเย่ว์หยางยกระดับพลังขึ้นมากจึงรู้สึกถึงนางได้ตั้งแต่ไกล
เมื่อจักรพรรดินีราตรีเห็นเย่ว์หยางลุกขึ้นยืนและรอนาง นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “งั้นเจ้าก็ยกระดับพลังแล้วใช่ไหม? ข้ากำลังจะมารับเจ้าไปดูอยู่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าปล่อยให้เจ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ตามลำพังดีกว่า!”
เย่ว์หยางประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดินีราตรีแม้แต่เย่ว์หวี่และสาวขี้เมาก็กระวนกระวาย
เสียงของจักรพรรดินีราตรีไพเราะและเยือกเย็นขณะที่นางอธิบายให้เย่ว์หยาง “กลุ่มทหารรับจ้างที่จ้าวปีศาจโบราณพามาจากแดนสวรรค์พวกเขาอาจจะมาถึงหอทงเทียนก่อนแล้ว พวกเขายังได้รับข่าวกรองดูเหมือนว่าจะมีการลอบเข้าไปที่รอบนอกแดนล่มสลายแห่งทวยเทพโดยจ้าวปีศาจโบราณไม่รู้ พวกนี้คิดไม่ซื่อหลังจากผ่านไปสองสามวัน พวกเขาไปวนสำรวจรอบแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไร แต่พฤติกรรมยโสเกินไปนี้น่าหงุดหงิด ดังนั้นข้าตัดสินใจสั่งสอนพวกเขา”
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางก็โกรธเช่นกัน สำหรับเขาแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นเหมือนสมบัติตระกูลของเขาคนพวกนี้บังอาจคิดเลาะเล็มแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
“สองวันที่แล้วจื้อจุนและข้าขังตัวเองฝึกฝน ข้าไม่คาดเลยว่าคนพวกนี้จะเหิมเกริมเกินไป” เสียงไพเราะของจักรพรรดินีราตรีเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ดังนั้นข้าต้องไปกับเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าบรรลุระดับใหม่แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ทำการลับฝีมือ และปล่อยคนพวกนั้นให้เจ้าจัดการ เป็นไปได้ว่าพวกที่อยู่ด้านนอกจะหลบหนี แต่สองคนที่อยู่ข้างใน อย่าปล่อยพวกเขาออกไปแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่ที่ให้หมาแมวมาแสดงความโลภได้ เราต้องสั่งสอนพวกเขา”
“เข้าใจแล้ว!” เย่ว์หยางคันไม้คันมืออยากลองพลังของกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนคนพวกนี้วิ่งเข้ามาเองแท้ๆ นับว่าเป็นวันดี
“ข้าจะไปด้วย...” เมื่อสาวยักษ์ลี่เยี่ยนได้ยินว่าจะมีการสู้นางรีบโดดเข้ามาอาสาต่อสู้ทันที