ตอนที่ 690 ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ
ดาวนับล้านดวงปรากฏอยู่ที่ก้นบึ้งทะเลสาบ
เหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า
ตอนเริ่มต้นมีระลอกขึ้นนุ่มนวลแผ่กระจายออก เหมือนกับว่าเกิดขึ้นเพราะลมพัดโชย อย่างไรก็ตามถ้าใครบางคนยืนอยู่ที่ริมฝั่ง พวกเขาจะพบว่าทั่วทั้งทะเลสาบเป็นพื้นที่สนามพลังที่น่าอัศจรรย์ โลกที่สันโดษก็เป็นเช่นนี้ แม้แต่อากาศภายนอกก็เข้าไปภายในไม่ได้ พลังงานเข้มข้นนับไม่ถ้วนมีอยู่ในทะเลสาบ ที่ก้นทะเลสาบรอบๆ ตัวเย่ว์หยางและเย่ว์หวี่พวกเขาสร้างประกายดาวฉายแสงนับพัน
ขณะที่สายน้ำที่นุ่มนวลผ่านเข้าไปที่ตัวเย่ว์หยางมากขึ้น พลังหยางเพิ่มขึ้นต่อต้านเป็นทวีคูณทันที
ภายใต้คำแนะนำของเย่ว์หวี่ พลังสองขั้วค่อยกลมกลืนกัน
ไม่มีร่องรอยของการระเบิด มีแต่การหลอมรวมได้สมบูรณ์แบบ กลายเป็นพลังหยินบริสุทธิ์และหยางบริสุทธิ์โคจรอยู่ในร่างของพวกเขาทั้งคู่
เมื่อพลังธาตุน้ำที่อ่อนโยนถูกเก็บไว้มากพอ เย่ว์หยางตัดสินใจบรรลุเข้าสู่ระดับใหม่
พลังหยางที่กร้าวแกร่งรั่วออกมาจากมือซ้ายของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพลังธาตุน้ำที่นุ่มนวลของเย่ว์หวี่ก่อนนั้น ถ้าไม่ได้อยู่ที่ก้นทะเลสาบ ทั่วทั้งโลกอาจระเบิดได้ เย่ว์หวี่เรียกอสูรออกมาซึมซับพลังงานจากทะเลสาบ ควบคุมทะเลสาบที่มีพลังหยางรุนแรงให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง.... ถ้าเสวี่ยอู๋เสียอยู่ที่นี่นางคงใช้พลังเยือกแข็งทำเป็นผนึกน้ำแข็ง แต่วิธีการของเย่ว์หวี่แตกต่างออกไป นางไม่หยุดพลังหยาง แต่ถ่ายเทไปที่ทะเลสาบโดยตรง
ขณะนั้นเองกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏไปทั่วทะเลสาบ
ที่ศูนย์กลางน้ำวนด้านบนศีรษะของเย่ว์หยางกระแสไอร้อนของไฟซึ่งสร้างจากบัวเพลิงฟ้า เพลิงน้ำเงินและเพลิงสนธยาพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามในเท้าของเย่ว์หยาง เย่ว์หวี่ใช้อสูรคลื่นน้ำนำพลังน้ำทั้งหมดเข้าไปในร่างของเขา
ขณะเดียวกันนางจับมือของเขาไว้แน่นช่วยโคจรพลังงานธาตุน้ำที่อ่อนโยนที่สุดไปทั่วร่างของเขา ทำให้เขามีสติรักษาเหตุผลได้แม้กระทั่งช่วงเวลาวิกฤติที่เขาจะบรรลุระดับใหม่
เย่ว์หยางชูมือข้างหนึ่ง สายฟ้าสีม่วงเป็นประกายในท้องฟ้าและโคจรอยู่รอบลำเพลิง
เสียงสับที่สามารถฉีกแยกฟ้าและดินสามารถได้ยินชัดเจน
ราวกับว่ามันจะทำลายทุกอย่างให้พลังทลาย... อย่างไรก็ตาม เมื่อสายฟ้าสีม่วงพุ่งลงที่มือของเย่ว์หยาง กลับกลายเป็นเหมือนแมวเชื่อง กลายเป็นบอลไฟฟ้ามีเสียงดังซี่ระยิบระยับกลั่นตัวเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมันแปลงพลังไฟฟ้าและเข้าไปในมือซ้ายของเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว
เพลิงที่กร้าวแกร่ง สายน้ำที่อ่อนโยนและสายฟ้าผสานกันเป็นหนึ่ง เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเข้าใจขอบเขตปราณราชันย์ในระดับใหม่ เหมือนกับว่าเขาสามารถเห็นได้ไกลด้วยตาของเขาและสามารถเห็นได้ชัดเจนขึ้น ในโลกนี้สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่ปรากฏต่อสายตาของเขา เขารู้สึกว่าเขาขยายใหญ่ขึ้น โตขึ้น เหมือนกับว่าแค่เพียงเขาเอื้อมมือออกไปก็สามารถสัมผัสดวงดาวในท้องฟ้าได้ เขารู้สึกว่าด้วยการใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย เขาสามารถพังทลายยอดเขาที่อยู่ในที่ไกลๆ ได้ ต่างจากเมื่อก่อน นี่คือสภาวะตื่นรู้เต็มที่ซึ่งสามารถควบคุมกฎสวรรค์ (รหัสโบราณ) เขารู้สึกได้ชัดเจน
พลังกฎสวรรค์อยู่ในเงื้อมมือของเขาจริงๆ
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงเล็กน้อย และนี่เป็นการเริ่มต้นของพลังควบคุมของเขา
เย่ว์หยางค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปหาอสูรคลื่นน้ำขู่ให้มันกลัวได้ ในขอบเขตปราณราชันย์ ภายใต้พลังกฎสวรรค์ เขารู้สึกว่าอสูรรบนี้เล็กนิดเดียว
แค่เพียงยกมือเขาคงจะทำลายมันได้ แค่เพียงยกมือ แน่นอนยกมือเท่านั้นเอง เป็นไปได้ไหมว่านี่คือพลังของเทพ? ความคิดแปลกประหลาดเช่นนั้นผุดผ่านเข้ามาในใจของเย่ว์หยาง
จากความรู้ตกทอดของมารดาสหายผู้น่าสงสาร ในการทำความเข้าใจวงเวทอักษรรูน เย่ว์หยางเข้าใจประโยชน์ที่เขาไม่เคยพยายามใช้มาก่อน เขาใช้มือซ้ายซึ่งควบคุมพลังกฎสวรรค์ เขียนวงเวทอักษรรูนที่หน้าผากของเย่ว์หวี่ จากนั้นจับอสูรคลื่นน้ำตรึงมันไว้จนเป็นรูปบอลน้ำ และหยดใส่หน้าผากของนาง
“อะไรน่ะ?” เย่ว์หวี่สับสนกับการกระทำของเขาเล็กน้อย แต่นางเชื่อใจเขาอย่างแน่นอน แม้ว่านางจะเห็นเขาตรึงและฆ่าอสูรคลื่นน้ำ นางก็ไม่ห้ามเขา
“สัญญาอักษรรูน!” เย่ว์หยางวางบอลน้ำไว้ที่หน้าผากเย่ว์หวี่และเขียนอักษรรูนโบราณบนหน้าผากนาง
แสงสว่างฉายออกจากหน้าผากของเย่ว์หวี่ สว่างเจิดจ้าจนยากจะมองได้ตรงๆ
แม้แต่นางฟ้าแสงอรุณก็ร่ายรำสยายปีกอย่างมีความสุข
วิญญาณของนางร้องเพลง!
หลังจากทำทุกอย่างเหล่านี้เสร็จ เย่ว์หยางดึงหน้ากากทองเจมินี่ที่จักรพรรดิชื่อตี้ทำเสียหาย เขาซ่อมแซมรอยเสียหายหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ฟื้นฟูดีเต็มที่ หน้ากากทองเจมินี่เดิมทีเป็นสมบัติระดับทอง แต่มันมีผนึกถึงเจ็ดชั้น เย่ว์หยางใช้พลังปราณก่อกำเนิดของเขาปลดผนึกชั้นแรกซึ่งง่ายที่สุด จากนั้นเขาใช้พลังเพลิงอมฤตปลดผนึกชั้นที่สอง
ตอนนี้เขาต้องการใช้พลังกฎสวรรค์ใหม่ของเขา
เพื่อปลดผนึกชั้นที่สาม
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถปลดผนึกหน้ากากเจมินี่ก่อนหน้านั้น เป็นแต่เพียงเขาไม่รู้วิธีทำ
ก่อนที่เขาจะมีพลังกฎสวรรค์อยู่ในการควบคุมของเขา เหมือนกับว่าเขารู้ว่ามีเงินอยู่ในตู้เซฟ แต่เขาไม่มีกุญแจสำหรับเปิด
มือซ้ายของเย่ว์หยางลากผ่านปีกของนางฟ้าแสงอรุณทำให้เลือดหยดลง เขาเขียนอักษรรูนนับไม่ถ้วนลงบนหน้ากากเจมินี่และก่อนที่เขาจะเขียนได้หมด หน้ากากเจมินี่ต้องฟื้นฟูให้อยู่ในสภาพเดิมก่อน
แสงสีทองฉายออกมาจากหน้ากากเจมินี่ทำให้รอยร้าวที่เกิดจากพลังทำลายของจักรพรรดิชื่อตี้ได้รับการซ่อมแซมด้วยอักษรรูนที่เขียนด้วยโลหิตของเย่ว์หยาง
มันจางหายไปอย่างรวดเร็ว
และกลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็น
ผนึกที่สามเปิดได้ง่ายพอๆ กับเปิดฝาด้วยกุญแจภายใต้พลังกฎสวรรค์ที่อยู่ในมือของเย่ว์หยาง ขณะเดียวกัน เพราะเลือดของเย่ว์หยางและวงเวทอักษรรูน หน้ากากเจมินี่จึงฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเหมือนเดิม คุณภาพของมันพุ่งทะยานจากระดับทองเป็นระดับแพลตตินัม และยังคงยกระดับเพิ่มต่อ...
นี่มันสมบัติแบบไหนกัน?
ตอนนี้ที่เย่ว์หยางใช้ตาของเขามอง เขาตระหนักได้ว่าอย่างน้อยมันเทียบได้กับสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ พลังการมองของเขายังไม่ถึงระดับสุดท้าย
นี่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าผนึกของหน้ากากเจมินี่ยังไม่ถูกปลดทั้งหมด และเพราะทักษะแฝงเร้นจักษุญาณทิพย์ของเขายังไม่ยกระดับถึงระดับสูงสุด เขาเพียงแต่เห็นข้อจำกัดของความเป็นจริง แน่นอน เนื่องจากเขายังไม่สามารถใช้จักษุทิพย์เห็นความจริงสุดท้ายหน้ากากเจมินี่ก็ยังต้องทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจมากอยู่ดี
“มาทำต่อ...” เย่ว์หยางเตรียมใช้พลังกฎสวรรค์เพื่อปลดผนึกชั้นที่สี่
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจิตใจของเขาตื่นเต้น จึงทำให้การควบคุมของเขาอ่อนลงอย่างรวดเร็ว
เพราะเขาบรรลุระดับใหม่ได้สำเร็จ เย่ว์หยางที่อยู่ในสภาวะฝึกปรือไม่นานจึงรู้สึกตกใจ ลำแสงฉายออกมาจากบนศีรษะของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
คัมภีร์อัญเชิญของเขาปรากฏออกมาเอง
พลังจักษุญาณทิพย์ที่เขาใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ก้าวหน้า แต่ทักษะแฝงเร้นอำพรางที่เขาใช้มากดูเหมือนจะเพิ่มระดับอย่างน่าทึ่ง เย่ว์หยางเข้าสู่สภาวะฝึกปรือสุดยอด เขาคิดอะไรไม่ออกชั่วขณะ และทำได้แต่เพียงดื่มด่ำกับสภาวะการรู้แจ้งด้วยตนเองที่ยอดเยี่ยม หน้ากากเจมินี่หลุดจากมือของเขา ขณะนั้นเย่ว์หวี่ยื่นมือไปรับเอาไว้ ดูเหมือนมันจะมีวิญญาณเป็นของตนเอง มันหลบได้อย่างนุ่มนวลและวนเวียนอยู่รอบตัวเย่ว์หยาง
เย่ว์หวี่สังเกตว่าภายใต้อิทธิพลของอสูรโลกคัมภีร์อัญเชิญ หน้ากากเจมินี่นี้สามารถดูดซับพลังงานของเย่ว์หยางได้เล็กน้อย
หรือว่ามันวิวัฒนาการด้วยตนเอง?
มันมีวิญญาณหรือ?
สมบัติที่มีวิญญาณอย่างน้อยก็เป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่หน้ากากเจมินี่ในตอนนี้เป็นเพียงระดับแพลตตินัม!
“แปลก!” เย่ว์หวี่ลอบประหลาดใจ แต่นี่เป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ นี่คือสมบัติโปรดของน้องชายนาง และยิ่งมันมีปัญญามาก ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีต่อการกลายเป็นอาวุธระดับเทพ!
“เอ๊ะ... ข้าทำสำเร็จแล้วหรือ?” เมื่อเย่ว์หยางกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาพบตนเองว่าติดอยู่ศูนย์กลางน้ำวนของทะเลสาบ พร้อมกับเย่ว์หวี่ เขาพบว่ายากจะเชื่อได้ เขาบรรลุระดับใหม่ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ? ปราณก่อกำเนิดระดับสิบที่เขาไม่สามารถทำสำเร็จได้ จนกระทั่งตอนนี้กลับสำเร็จได้จริงๆหรือ?
ไม่เพียงแต่พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกระดับ เขายังสามารถควบพลังสร้างกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียน
ตอนนี้ถ้าเขาสู้กับปีศาจเฒ่าเว่ย เขาอาจต้องร้องไห้เพราะความกลัวก็ได้ไม่ใช่หรือ?
เย่ว์หยางอุ้มเย่ว์หวี่ออกไปอย่างร่าเริง และทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า เขาบินลงมาด้วยความเร็วสูงที่ผิวทะเลสาบจนเย่ว์หวี่ร้องอย่างตื่นตระหนก เพียงแค่นั้นเขาชะลอความเร็วช้าลงมาแตะที่ผิวทะเลสาบ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ เขาพลิกตัวตีลังกาอยู่บนผิวทะเลสาบ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นเขาทำตัวเหมือนเด็ก เย่ว์หวี่อดปิดปากหัวเราะไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหนเขาก็ยังเป็นน้องชายของนาง
เขายังต้องให้นางดูแล!
“หน้ากากเจมินี่กลายเป็นแบบนี้เสียได้ โอว..พระเจ้า ข้าเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าทำได้” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาเป็นคนทำ แต่การคงสภาวะปราณราชันย์ไว้ให้ได้เมื่อเขาควบคุมพลังกฎสวรรค์แตกต่างจากเมื่อก่อนสิ้นเชิง เขายังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นบ้างเมื่ออยู่ในสภาวะเช่นนั้น ภายใต้สภาวะนั้น ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา นั่นคือความรู้สึกที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
“ไม่เพียงแค่นั้น เจ้ายังเปลี่ยนอสูรคลื่นทะเลของข้าไปด้วย!” เย่ว์หวี่เรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมา ตอนนั้นนางจึงได้ตระหนักว่าอสูรรบของนางดูใหม่อย่างสิ้นเชิง
อสูรคลื่นทะเลระดับทองหายไปแล้ว
กลับแทนด้วยคลื่นทะเลคลั่งระดับแพลตตินัม!
ทักษะที่เป็นของเดิมไม่มีการเปลี่ยน และมีทักษะเพิ่มขึ้นอีกสาม “คลื่นกงล้อ” “น้ำนิ่ง” และ “ผสานวิญญาณ”
เย่ว์หวี่แปะมือลงบนคัมภีร์อัญเชิญและเรียกอสูรคลื่นทะเลคลั่งออกมา มันไม่ใช่มังกรน้ำเหมือนกับแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันคล้ายกับนางฟ้าแสงซึ่งเป็นร่างเดิมของภูตแสง แต่ประกอบด้วยของเหลวที่ดูบริสุทธิ์ สำนึกของนางฟ้าแสงอรุณควบคุมความสามารถเกี่ยวกับน้ำได้พร้อมกับมัน นี่เป็นผลมาจากวงแหวนอักษรรูนที่เย่ว์หยางเขียนไว้ที่หน้าผากของเย่ว์หวี่ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่มันคือการทำสัญญาปกติและยังทำสัญญาพลังจิตแบบพิเศษ แม้ว่าสัญญาพลังจิตจะไม่เทียบเท่ากับสัญญาวิญญาณ ก็ยังดีกว่าการทำสัญญาวิญญาณมาก
ด้วยการทำสัญญาพลังจิต เย่ว์หวี่สามารถควบคุมคลื่นทะเลคลั่งได้ง่ายมากขึ้น
ตอนนี้นางเป็นหนึ่งเดียวกับคลื่นน้ำ
แน่นอน เพราะนางฟ้าแสงอรุณและเย่ว์หวี่ผูกวิญญาณกันและมีความคิดเหมือนกัน เมื่อเย่ว์หวี่ไม่ออกคำสั่ง นางฟ้าแสงอรูณจะเป็นตัวแทนเจ้านายนางและควบคุมอสูรคลื่นน้ำให้ทำอะไรก็ได้
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะสามารถทำอะไรได้หลายอย่างหลังจากบรรลุปราณก่อกำเนิดระดับสิบ! จะเป็นยังไงอีกถ้าบรรลุไปอีกระดับหนึ่งกลายเป็นระดับปราณราชันย์?” เย่ว์หยางเริ่มฝันกลางวันทันที อย่างน้อยที่สุดเขาสามารถปลดผนึกบนหน้ากากเจมินี่ทำให้มันกลับคืนสภาพเดิม บางทีหน้ากากเจมินี่อาจเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นสมบัติเทพก็ได้
“ราตรีกำลังจะผ่านไปแล้ว เดี๋ยวสาวใช้เอลฟ์น้อยจะกังวลห่วงใยอีก” เมื่อเย่ว์หวี่มองเห็นท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มขาวโพลน ดูเหมือนว่าเป็นเวลาเช้าตรู่ นางรีบเตือนเย่ว์หยาง นางไม่กลัวสาวใช้น้อยห่วง แต่นางอาย
นอกจากนั้นนางไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่านางเป็นคนช่วยเย่ว์หยาง
เมื่อนางกลับมา เย่ว์หวี่ไม่ยอมให้เย่ว์หยางอุ้มนางอีกไม่ว่ายังไงก็ตาม แม้ว่าจะเร็วกว่าถึงสิบเท่าก็ตาม
นางคลี่ปีกนางฟ้าแสงอรุณและบินตามเขาไป เมื่อบินในท้องฟ้ามองเห็นเงาร่างที่ห้าวหาญของเขา เย่ว์หวี่รู้สึกมีความสุขใจทันที
ถ้านางได้อยู่ข้างเขาตลอดชีวิตแบบนี้.. ไม่.. เขาเป็นน้องชาย แต่ตอนนี้นางก็ยังยินดีติดตามเขา การได้บินกับเขาในท้องฟ้า ไม่เอาล่ะ ไม่คิดต่อไปแล้ว
เย่ว์หวี่เผยรอยยิ้ม
เงียบสงัดมาก
รอยยิ้มที่เหมือนอรุณไขแสงในท้องฟ้าทิศบูรพา สว่างนุ่มนวล