ตอนที่ 689 เหตุเปลี่ยนแปลงใหญ่
ท่านหญิงโหรวนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งสังเกตดูเหมยเฉินซิ่วซึ่งนั่งที่ประธานของห้องประชุม
ท่านหญิงโหรวมาจากหน่วยข่าวกรองและเห็นได้ชัดว่าความสามารถของนางเองไม่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างใหญ่ในแง่ความเคลื่อนไหวของทหาร เหมยเฉินซิ่วเป็นคนผู้วางแผนโจมตีภูมิภาคใต้ และในฐานะตัวเลือกที่ดีที่สุด เขากลายเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการของปฏิบัติการทั้งหมด
นี่เป็นครั้งแรกของเหมยเฉินซิ่วที่รับตำแหน่งสำคัญขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่วางกลยุทธโจมตีภูมิภาคใต้ แต่สิ่งที่เขารับทำเป็นเพียงแผนการขั้นต้นเท่านั้นพัฒนการทั้งหมดจัดทำโดยผู้บริหารระดับสูง
ในที่สุดหลังจากปล่อยให้ทำตามลำพัง เหมยเฉินซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับผู้นำทัพสู้ ความสามารถควบคุมสงครามขนาดใหญ่ได้เป็นฝันที่กลายเป็นจริง!
เหมยเฉินซิ่วรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามยากจะตอแยการผนวกและกลืนทวีปต่างๆ ในภูมิภาคตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สู้รบที่ยิ่งใหญ่ หลังจากผ่านการสู้รบนับไม่ถ้วน ทวีปกวงหมิงที่ไม่เป็นที่รู้จักในเรื่องการทหารก็เติบโตแข็งแกร่งขึ้นและมีผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียงปรากฏมากขึ้นนอกจากแม่ทัพที่มีชื่อเสียงไม่กี่คนก็คือ ห้าพยัคฆ์กวงหมิง มู่จือเสีย, ม่อซินชิวซิ่วหัว โกวเฉิงเหวินเต้าและเจียหยา
แม่ทัพผู้ลือนามทั้งห้าคนนับว่ามีชื่อเสียง แต่สำหรับแม่ทัพคนอื่นของทวีปกวงหมิงก็หมายความว่าพวกเขามีโอกาสฉายประกายน้อยลง
ไม่มีใครเกิดมาก็เป็นแม่ทัพลือชื่อทันที แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงล้วนผ่านการขัดเกลาโดยผ่านการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้ในสนามรบ การสู้กับศัตรูของแม่ทัพเป็นเรื่องความฉลาดและความกล้าหาญประสบการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่ว่าจะได้มาด้วยการอ่านหนังสือการรบทุกศึกยากมากที่จะได้รับประสบการณ์สำหรับผู้บัญชาการทหาร การสู้รบที่มีขนาดที่ใหญ่กว่าสถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นมีความต้องการแม่ทัพสูง แต่ขณะเดียวกันมันคือประสบการณ์ที่ล้ำค่าสำหรับเขา
เหมยเฉินซิ่วหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้พรสวรรค์โดดเด่นของเขาเริ่มฉายแสงภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากมาก
สำหรับส่วนแรกของสงครามเขาเรียกว่า ภาพลมกระเรียนร้อง
“ขณะนี้แผนของเราเป็นไปอย่างราบรื่นมาก เราไม่ได้โจมตีเมืองสำคัญ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมพร้อมนอกจากเมืองหยวนซานส่งทหารออกไล่ล่า เมืองอื่นๆไม่มีการส่งใครมาไล่ล่า ดังนั้นเราจึงถอยได้อย่างราบรื่น”
เมื่อทหารผู้ช่วยอ่านประกาศรายงานจบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จากเท่าที่เห็นการดำเนินการค่อนข้างราบรื่น
เหมยเฉินซิ่วผงกศีรษะด้วยสีหน้าที่เฉยเมย “สถานการณ์ในการจับพวกเขาเป็นยังไง?”
“เมืองที่ถูกล้อมก็มีรางวัลเหมือนกัน แต่เนื่องจากเป็นเมืองไม่ใหญ่นักผลตอบแทนจึงไม่มาก สำหรับคำแนะนำของท่านเราไม่ได้โจมตีพลเมือง แต่คลังเสบียงถูกทำลายหมด”
“ทำได้ดี”เหมยเฉินซิ่วยิ้ม “ถ้าพวกเขาต้องการช่วยพลเมืองพวกเขาก็ต้องส่งอาหารและทรัพยากรและบั่นทอนกำลังใจของพวกเขา เราเป็นโจรสลัด เกิดมาเพื่อทำลายเราจำเป็นต้องทำให้นองเลือดอย่างต่อเนื่อง ทวีปอื่นๆ มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?”
“ทั้งหมดเพิ่มความระวังป้องกัน” ผู้ช่วยรายงาน “เราไม่มีกำลังคนเพียงพอ จากที่เห็นสถานการณ์ข้าคาดว่าการโจมตีเรือขนส่งของพวกเขา นี่จะทำให้พวกเขาเหนื่อยล้ามากขึ้นและสูญเสียเลือดมากขึ้น”
สำหรับโจรสลัดการโจมตีเรือขนส่งเป็นยุทธวิธีทั่วไปที่พบบ่อยที่สุด โจรสลัดไม่ค่อยโจมตีเมืองเนื่องจากมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง
สำหรับเรือรบโจมตีป้อมพวกเขาสูญเสียความได้เปรียบในการเคลื่อนย้ายและถูกป้อมทำลาย
ดังนั้นเมื่อเหมยเฉินซิ่วประกาศแผน หลายคนปฏิเสธแต่ด้วยการสนับสนุนของท่านหญิงโหรว แผนการนี้ได้รับการผลักดันจนสำเร็จ ไม่มีใครคิดว่าจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
แต่ที่สำคัญพวกเขาไม่คุ้นเคยกับภาคพื้น การใช้วิธีการที่ไม่คุ้นเคยรบโจรสลัดระดับต่ำกลัวและไม่มีความมั่นใจในการล้อมตีเมือง ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มการป้องกัน พวกเขากลับไปยังรูปแบบการต่อสู้เดิมที่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว
“ไม่,เรือขนส่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเหยื่อล่อ ทำตามแผน รวมตัวตามสถานที่ซึ่งจัดเอาไว้ เราต้องอดทนให้มาก”
แม้ว่าเสียงจะเป็นกันเองแต่เหมยเฉินซิ่วก็ให้ความรู้สึกมั่นใจ
ท่านหญิงโหรวมองดูเหมยเฉินซิ่วอย่างชื่นชมตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่เคยแทรกเขา เด็กหนุ่มคนนี้มั่นใจในตนเองอย่างไม่ธรรมดาและมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่ยังขาดเวทีแสดงฝีมือ
‘ไม่มีเวทีแสดงใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว’
‘บางทีข้าจะได้เห็นกับตาตัวเองของการเกิดขึ้นของแม่ทัพที่มีชื่อเสียง’
แต่แม้ว่าเหมยเฉินซิ่วจะก่อกวนได้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆเพราะท่านหญิงโหรวได้รับคำสั่งจากเบื้องบนว่าพวกเขาได้ตัดสินใจยกพลลงภูมิภาคใต้
ยกพลเข้าภูมิภาคใต้!
คำพูดที่น่าตื่นเต้นนี้มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา ท่านหญิงโหรวก็ตกใจ เพราะเป็นการล้มกลยุทธเก่าอย่างสิ้นเชิง จากทวีปธรรมดาทวีปหนึ่งทวีปกวงหมิงพัฒนาจนกลืนภูมิภาคตะวันตก อาศัยการสนับสนุนจากกลยุทธพวกเขา
ไม่ต้องคำนึงถึงการค้นคว้าวิชาจิตวิญญาณหรือระบบวิทยายุทธของสมาพันธ์ชาวยุทธหรือกลยุทธดึงดูดของพวกเขาไม่มีผลอะไรที่สามารถมองเห็นได้ในระยะเวลาสั้น ทวีปกวงหมิงสามารถพัฒนามาจนถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะความพากเพียรและแผนการของผู้บริหารระดับเบื้องบนของทวีปกวงหมิงเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว
ความอดทนที่ดูเหมือนจะเป็นใบ้นี้ทำให้ทวีปกวงหมิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และในหลายแผนกในทวีปกวงหมิงก็รู้สึกว่าพลังของพวกเขาเพียงพอจะรีบดำเนินการแล้ว
แต่ไม่มีใครเคยยกระดับขึ้นมาเพราะหลังจากเพียรพยายามาสามร้อยปีทวีปกวงหมิงก็สามารถเห็นแสงอุทัยแห่งความร่ำรวยและพลังอำนาจได้รับและผนวกรวมดินแดน พวกเขาเดินทางไปรอบดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์รอให้ประตูดวงดาวเปิดออกเพื่อเริ่มเดินทางเข้าสวรรค์วิถีเพื่อเสริมกำลังให้พวกเขาเอง เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นการผสานทวีปกวงหมิงในโลกทั้งสองก็จะทำให้ไร้เทียมทานและนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของงานที่แท้จริง
เบื้องสูงของทวีปกวงหมิงทุกคนดำเนินตามกลยุทธนี้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการสุมไฟในทั่วภูมิภาคใต้ แผนความวุ่นวายปั่นป่วนเป็นแค่กลยุทธเล็กน้อยการดำเนินการนี้ทำให้ทั่วสวรรค์วิถีไม่สามัคคีและเห็นทวีปกวงหมิงเป็นศัตรู
สำหรับทวีปกวงหมิงก่อนที่จะพิชิตสวรรค์วิถีพวกเขาจะยังไม่เริ่มปฏิบัติการใดๆ ซึ่งเป็นกลยุทธพื้นฐาน แต่ขณะนั้นกลยุทธนี้ถูกดันหลบไปด้านข้างทำให้ผู้คนสิ้นหวัง
คำสั่งจากเบื้องบนดังกล่าวพูดถึงทวีปซางโจวและขอให้นางกำหนดแผนการยึดควบคุมทวีปซางโจว
ท่านหญิงโหรวไม่คิดเลยว่าทวีปซางโจวจะเป็นภัยคุกคามต่อทวีปกวงหมิงได้ แม้ว่าสัมพันธมิตรในปัจจุบันจะรุ่งเรืองก็ตาม แต่เทียบกับทวีปกวงหมิงซึ่งครอบครองภูมิภาคตะวันตกและพัฒนาสู่ความเป็นยักษ์ใหญ่ สัมพันธมิตรใต้ยังคงเป็นเด็กทารกมีพลังชีวิตที่อ่อนแอ มีการทะเลาะกันภายในมากช่วงเวลาร่วมงานกันมีน้อย การกำกับดูแลไม่เป็นระเบียบ มีความเป็นไปได้ที่จะทำลายชีวิตใหม่นี้
‘อย่างนั้นทวีปซางโจวมีอะไร? มีเพียงคำตอบเดียวก็คือประตูดวงดาวเข้าสวรรค์วิถี!’
แต่ทวีปกวงหมิงก็ยังมีประตูดวงดาวอยู่หนึ่งแห่ง เพียงว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดทางของทวีปซางโจวยังมีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง เพราะไม่มีกองทัพสวรรค์วิถีเข้ามาในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งที่ทวีปซางโจวทำก็คืออาศัยกองทัพจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
‘ระดับสูงจะไม่อดทนมากไปกว่านี้แล้วหรือ?’
ท่านหญิงโหรวลอบส่ายศีรษะ คนที่ครองอำนาจของทวีปกวงหมิงปัจจุบันก็คือประธานผู้อาวุโสนามว่าออกุสติน และเขามีสายตาที่สามารถมองเห็นและเข้าใจทุกอย่างได้ เขามีความรู้สุดจะหยั่งและมีความอดทนมาก
‘ประธานผู้อาวุโสอยู่ในอำนาจมานานสี่สิบปีแล้ว และในช่วงสี่สิบปีมานี้ทวีปกวงหมิงก็เจริญรุ่งเรือง ประธานผู้อาวุโสเป็นคนที่ระมัดระวัง และจะไม่ทำข้อผิดพลาดได้อย่างง่ายๆ’
‘ต้องมีบางอย่างที่ทำให้ประธานผู้อาวุโสตัดสินใจทำเช่นนั้น’
‘หรือว่าเป็น...’
‘มีบางอย่างเกิดขึ้นในสวรรค์วิถี?’ ตาท่านหญิงโหรวเบิกกว้างหน้าของนางเต็มไปด้วยอาการตกใจ
‘มีคนจากสมาพันธ์ชาวยุทธและวิหารเซียนหักหลัง
เพราะเหตุผลบางอย่างความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวนาง นางกลัวความคิดของนางเอง แต่ในวินาทีต่อมา นางเชื่อการคาดเดานั้น นางเป็นคนจากหน่วยราชการลับพิเศษ และทำต่อทุกอย่างด้วยความสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความภักดี นอกจากนี้ความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองฝ่ายยังเบาบางมากและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ยังขาดความสามารถในการควบคุมสมาพันธ์ชาวยุทธและวิหารเซียน
ในขณะนั้นเองนางวางแผนการคร่าวๆ
‘ขณะที่เวลาเปิดประตูดวงดาวคืบคลานเข้ามา วิหารเซียนและสมาพันธ์ชาวยุทธคงจะกลัวและสับสนต่ออนาคตของพวกเขา พวกเขาควรจะอยู่ในจุดสุดท้ายเช่นกันและการสื่อสารและเชื่อใจระหว่างทั้งสองฝ่ายมีน้อยลง ช่วงเวลานี้วิหารเซียนและสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเหมือนหญ้าแห้งแค่มีประกายไฟเล็กน้อยคงติดไฟพรึ่บ’
‘ถ้าเป็นอย่างนั้นคำอธิบายนั่นบอกถึงเหตุผลที่ทำให้เบื้องบนไม่สามารถรอคอยได้’
‘พวกเขาจำเป็นต้องได้ทางน้ำของทวีปซางโจว’
หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ได้แล้ว ท่านหญิงก็ใจเย็น นางกุมขมับและเริ่มคิดอย่างระมัดระวัง ทำให้นางเหนื่อยเล็กน้อย
“ท่านหญิงท่านจะไม่พักเลยหรือ?”
เหมยเฉินซิ่วสังเกตว่าท่านหญิงโหรวล้าจึงถามด้วยความกังวล สำหรับสตรีที่สนับสนุนเขาทุกอย่างเขาปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพสูงสุด
ท่านหญิงโหรวยิ้มอย่างอ่อนโยนและเป็นกันเอง “ไม่จำเป็น, ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แล้ว ข้าขอมอบเรื่องตรงนี้ให้เจ้าทั้งหมด ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม?”
“ข้าจะรับดูแลทุกอย่าง”
เหมยเฉินซิ่วคำนับและตอบ
ท่านหญิงโหรวแจ้งข่าวลับสุดยอดให้เขาทราบ ยศของเหมยเฉินซิ่วยังไม่สูงพอ นางคิดเล็กน้อยและกล่าว “เจ้ามีเวลาสามเดือนและข้าหวังว่าภายในช่วงเวลานั้นเจ้าจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จอย่างงดงาม”
เหมยเฉินซิ่วประหลาดใจ แต่เขามีสีหน้าครุ่นคิดทันที และคำนับอีกครั้งพูดอย่างสงบ “แม้ว่าชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในสมรภูมิมิอาจทำนายได้ แต่ข้าเฉินซิ่วจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าอะไรที่ท่านหญิงสนับสนุนให้ข้าทำ ข้าจะจำไว้ในหัวใจอยู่เสมอขอรับ”
ท่านหญิงโหรวมีสีหน้าชื่นชมและหัวเราะ “ชัยชนะของเจ้าคือผลตอบแทนที่ดีที่สุด”
“ขอรับ”เหมยเฉินซิ่วตาเป็นประกายแวววาว
ท่านหญิงโหรวหัวเราะและเดินจากไป แม้ว่าระดับสูงจะพิจารณามุ่งมั่นเดินทางในครั้งนี้แล้ว แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องซับซ้อนและต้องใช้เวลา ห้าแม่ทัพพยัคฆ์ทวีปกวงหมิงได้เกณฑ์และรวมกองกำลังของพวกเขาเตรียมสนับสนุนและเลือกเส้นทาง ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องพูดคุยกัน
ไม่สามารถดำเนินการได้โดยไม่มีการเตรียมตัวสักสองสามเดือน
จากจุดนั้นเห็นได้ชัดว่าระดับสูงต้องจับได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในสวรรค์วิถี
‘ข้าหวังว่าก่อนที่การเดินทางลงใต้ เหมยเฉินซิ่วจะสามารถเอาชนะได้ มีเพียงจากเหตุเช่นนั้นเท่านั้นที่เขาจะไม่ถูกข่มสิ้นเชิง เมื่อการเคลื่อนขบวนลงใต้เริ่มขึ้นห้าพยัคฆ์กวงหมิงจะต้องเดินทางมาด้วยแน่นอน และนอกจากห้าพยัคฆ์กวงหมิงแล้ว ยังจะมีอีกสองสามคนที่ร่วมศึกครั้งนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับห้าพยัคฆ์กวงหมิงที่รุ่งเรือง่และทรงพลัง แม่ทัพอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องอำนาจ
แต่ถ้าเหมยเฉินซิ่วสามารถโค่นล้มทวีปซางโจวได้และได้รับทางน้ำไว้สร้างความสำเร็จที่น่าทึ่งได้ เขาจะมีความสามารถทัดเทียมห้าพยัคฆ์ได้ แต่ท่านหญิงโหรวรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ทวีปซางโจวชนะทุกศึกที่พวกเขาต่อสู้ และนั่นไม่ใช่มือใหม่แน่นอน
‘แต่ทั้งหมดที่เขาต้องการคือชัยชนะสักครั้ง เพื่อให้ห้าพยัคฆ์ได้เห็นประจักษ์ถึงพรสวรรค์ของเขา และจะทำเช่นนั้นได้ นั่นขึ้นอยู่กับตัวของเขา
‘ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าทำได้’
และก่อนที่การเคลื่อนทัพลงใต้จะเริ่ม นางตัดสินใจสำรวจทวีปซางโจว
นางเป็นคนในหน่วยข่าวกรอง และรู้ความสำคัญของข่าวกรองซึ่งเป็นภารกิจของนาง
‘ทวีปซางโจว ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าเหมือนอะไร?’
ใจของนางเต็มไปด้วยความคาดหวังและอยากรู้อยากเห็น