ตอนที่ 689 เย่ว์หวี่ สายน้ำผู้นุ่มนวล
เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้นเขาพบว่าเย่ว์หวี่หลับอยู่หน้าเตียงของเขา
ผมสลวยของนางกระจายปรกหน้าผาก
แม้ว่านางกำลังหลับสนิทแต่นางก็ยังมีลักษณะที่อ่อนโยนและราศีที่อ่อนโยน นอกจากแม่สี่แล้ว เย่ว์หยางไม่เคยเห็นใครเหมือนกับเย่ว์หวี่ นางดูละเอียดอ่อน แต่นางสามารถดูแลเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่จิตวิญญาณนางเป็นพี่สาวที่ดูแลเขาได้ทุกที่ เหมือนกับว่าเขาเป็นน้องชายผู้อ่อนแอแค่ลมพัดแรงก็อาจเป่าเขาจนปลิวหาย ตรงกันข้ามกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ดุร้ายไม่มีศักยภาพด้านนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคือคนที่ต้องมีใครบางคนดูแลอย่างแน่นอน
เย่ว์หยางยิ้มและอุ้มเย่ว์หวี่ให้นอนบนเตียง
เขาคลุมผ้าห่มอย่างระมัดระวังและดึงผ้าห่มให้คลุมปิดถึงมุม
เขาปิดประตูอย่างแผ่วเบาขณะออกมานอกประตู หนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวกำลังไล่จับผีเสื้ออย่างมีความสุข เย่ว์หยางรีบจุ๊ปากส่งสัญญาให้เธอเงียบ
“หวานจัง, หวานจัง!” หนิวหนิวยิ้มแป้นเหมือนกับตอนที่ซวงเอ๋อได้รับขนมอร่อยเป็นพิเศษเธอกระตุกมุมชุดของเขาและรอให้เขาล้างตัวจนเสร็จอย่างว่าง่าย หลังจากมองซ้ายมองขวาเธอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เธอดึงให้เย่ว์หยางโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบความลับที่หูของเขา “พี่ชาย,หนิวหนิวจะบอกกับพี่ชายคนเดียวเท่านั้น”
“ได้เลย”เย่ว์หยางเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปะเหลาะเด็กอยู่แล้ว และเขาเกี่ยวนิ้วสัญญากับเธอ
“แม่ร้องไห้, เมื่อข้าเห็นแล้วแม่บอกข้าว่าอย่าไปบอกใคร” หนิวหนิวจะไม่บอกความลับของเธอกับใคร แต่เย่ว์หยางเป็นข้อยกเว้น
“อย่างนั้นข้าจะไปปลอบโยนนางเอง เมื่อข้ามีเวลา นางจะได้ไม่ร้องไห้!” เย่ว์หยางยื่นมือออกไปลูบศีรษะหนิวหนิวและหอมแก้มเธอ “แม่ฝึกหนักเลยปล่อยให้หนิวหนิวเล่นคนเดียวใช่ไหม?”
“ไม่เลย ข้าอยู่นิ่งกับที่ตอนที่แม่กำลังฝึก!” หนูน้อยแพนด้ามักจะทำตัวอย่างดีที่สุดเพื่อแม่ของเธอและเธอจะพูดว่าเธอไม่เคยโกรธแม่เธอเลย
“นั่นก็ดีแล้ว, งั้นไปเล่นก่อนแม่จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ไม่ต้องห่วง!” เย่ว์หยางยิ้มให้เธอ
“อา!”หนิวหนิวพยักหน้าพอใจ
เธอยิ้มสดใสยิ่งกว่าพระอาทิตย์ในท้องฟ้า
เย่ว์หยางเอื้อมมือลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยนและตีก้นเธอเบาๆ สั่งว่าเธอควรจะไปเล่นสนุกบ้าง
เขารู้ดีว่าพี่สาวขี้เมานั้นฝึกหนักอย่างยากลำบากเพียงไหน แต่สถานการณ์ของนางพิเศษมาก นางเป็นคนประเภทที่ต้องสั่งสมประสบการณ์ให้มากก่อนที่จะสะท้อนถึงระดับของนางออกมาได้ นี่เกี่ยวข้องกับเคล็ดและวิธีฝึกปรือเช่นเดียวกับความคิดของนาง เพราะเขายุ่งกับงานหลายเรื่องมาเป็นเวลานานเย่ว์หยางตระหนักว่าเขาละเลยต่อนางไปบ้าง
และพี่สาวขี้เมานี้เป็นคนที่เข้มแข็งมากนางจะไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากเขา ได้แต่กัดฟันฝึกหนักต่อไป
ถ้าเขาไม่ได้ยินหนิวหนิวพูดว่านางแอบร้องไห้นางคงจะเป็นแบบนี้ต่อไป
เย่ว์หยางทนเห็นคนร้องไห้ไม่ได้เหมือนกัน
การปรากฏตัวของเขาสร้างความตื่นตกใจให้กับนักสู้ของหอทงเทียน กระบวนการฝึกฝนที่ก้าวหน้าช้าถูกเปลี่ยนแปลง ยอดฝีมืออย่างสาวขี้เมาที่มักจะเป็นผู้นำเสมอต้องปล่อยให้คนอื่นแซงและทิ้งให้นางล้าหลัง ความรู้สึกนั้นทำให้นางไม่พอใจ
เย่ว์หยางคิดอยู่ชั่วขณะ
เขากำหมัดและตัดสินใจ
เมื่อเขาเคาะประตูห้องสาวขี้เมาเบาๆนางเปิดประตูและแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อและประหลาดใจ
ตาของนางเหมือนกับมีคำถามทำไมเขาถึงมาที่นี่?
“เกี่ยวกับเรื่องวัตถุดิบของเผ่าพันธุ์อื่นหรือเปล่า? เมื่อวานนี้ก็ไปที่วังเทียนหลัวแล้ว ข้าลืมส่งให้เย่ว์หวี่ รอเดี๋ยวนะ ข้าจะกลับไปเอามา” สาวขี้เมาได้แต่คิดหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมา คงเป็นเพราะเย่ว์หยางมีส่วนผสมปรุงยาไม่พอดังนั้นจึงมาขอนาง ปกติเขาจะไม่เคยมาเคาะประตูห้องนางอย่างมากก็วิพากษ์วิจารณ์นางขณะนางฝึกปรือ
“อา..ไม่หรอกวันนี้ข้ามานี่เพื่อดื่มกับท่านสักจอกหนึ่ง” คำพูดของเย่ว์หยางแทบทำให้พี่สาวขี้เมาคิดว่าเขากำลังเป็นไข้
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ยอมให้ข้าดื่มไม่ใช่หรือ?” นางร้องเตือน
“...ก็แค่แหกกฎนิดเดียวเอง”เย่ว์หยางเอาขวดเหล้าฉีหลานออกมาและส่งให้นาง พี่สาวขี้เมาประหลาดใจกับการกระทำของเย่ว์หยาง ทำไมคนผู้นี้จู่ๆ ก็ใจดีขึ้นมาเล่า? หรือว่าเขาพบความลับของนาง? ฝ่าบาทได้แนะนำแม่สี่มาก่อน แต่นางปฏิเสธ นอกจากนี้เขารู้ได้ยังไง?
“ข้าไม่ดื่ม!” สาวขี้เมาลอบตื่นตัว ถ้านางเมา ก็จะอันตรายมาก
เจ้าผู้นี้เป็นตัวลามกใหญ่ ข้าระวังไว้ก่อนดีกว่า
สาวขี้เมาโบกมือปฏิเสธจะรับคำเชิญชวน
การกระทำของนางทำให้เย่ว์หยางแอบหลั่งเหงื่อในใจ
เขายัดขวดเหล้าฉีหลานในมือนางและพูดอย่างไม่พอใจ “เหล้าฉีหลานขวดนี้ไม่ใช่ยาพิษ ต่อให้เป็นยาพิษท่านก็ต้องดื่ม!”
เย่ว์หยางพูดแค่นี้สาวขี้เมาถอนหายใจโล่งอก ด้วยความประหลาดใจปนสุขใจนางถาม “ให้ข้าจริงๆ หรือ? เนื่องในโอกาสอะไร?”
“นี่คือรางวัลในการคร่ำเคร่งฝึกฝนหนักของท่าน...ก็เหมือนเด็กในโรงเรียนอนุบาลนั่นแหละ ถ้าพวกเขาประพฤติตัวได้ดี พวกเขาก็จะได้รางวัลเป็นดอกไม้เล็กๆ สีแดงจากคุณครู” เย่ว์หยางยกตัวอย่าง สาวขี้เมาถลึงตาใส่เขา นางปิดขวดเหล้า แต่นางไม่ต้องการดื่ม นางเก็บไว้ก่อนและจากนั้นมองดูเขา “เหล้าฉีหลาน ข้ารับไว้แล้วเจ้าต้องการอะไรอื่นอีก?”
“ข้ามาไม่ได้ใช่ไหม ถ้าข้าไม่มีอะไรทำ?” เย่ว์หยางรู้สึกอึดอัดมากกับการคุยกับสาวคนนี้ในวันนี้ ดังนั้นเขาตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อไป เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกมา
“.....” สาวขี้เมาเห็นหมุนตัวกลับและเมื่อเขาไปถึงที่ประตู เขาแสร้งทำเป็นนึกอะไรบางอย่างได้และถามดู นางไม่คาดว่าเขาจะก้าวพรวดพราดออกไปโดยไม่พูดอะไร นั่นมันไม่ถูก เขาไม่ทำตามกฎเกณฑ์ทำไมเขาต้องให้เหล้านางโดยไม่มีเหตุผลด้วย?
สาวขี้เมามีแรงกระตุ้นให้ติดตามไปถามเขา
ในที่สุดนางเก็บงำความคิดนี้ไว้
บางทีเขาอาจจะทำอย่างมีจุดมุ่งหมายก็ได้
ไม่เป็นไรไม่ว่ายังไงถ้าเขามีเรื่องสำคัญจะพูด เขาคงพูดออกมาเอง
แม้ว่านางไม่เข้าใจความตั้งใจของเย่ว์หยาง แต่หลังจากเย่ว์หยางให้เหล้านางขวดหนึ่งอารมณ์ของสาวขี้เมากลับดีขึ้น นางทนฝืนฝึกฝนและรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แต่ตอนนี้นางพบว่านางฝึกด้วยความเชี่ยวชาญอย่างสูง
นี่มีบางอย่างเกี่ยวกับเขาด้วยหรือ? แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยยกเว้นแต่ให้เหล้านางขวดหนึ่ง
ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเห็นได้ชัดว่ามีหลายอย่างที่ผิดปกติในเช้านี้
แต่ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างจู่ๆ ก็ชัดเจนขึ้น
แต่นางยังค้นไม่เจอ นี่เป็นเหตุผลแบบไหนกัน?
เย่ว์หยางยังคงเพ่งสมาธิกับการฝึกฝนหวังว่าจะบรรลุผ่านถึงปราณก่อกำเนิดระดับสิบได้ แม้ว่าเขาจะมีความรู้เข้าใจเคล็ดหัวใจปราณราชันย์ก่อนและมีความก้าวหน้าได้ถึงระดับปราณราชันย์ แต่พลังที่แท้จริงของเขายังไม่ใช่ระดับปราณราชันย์ยังคงเป็นชั้นปราณก่อกำเนิดระดับเก้า ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่กระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนเขาก็ยังไม่สามารถกลั่นขึ้นมาให้สำเร็จ แม้แต่กฎสวรรค์ที่เขาเข้าใจก็ยังไม่สามารถควบคุมได้
การก้าวไปสู่ปราณก่อกำเนิดระดับสิบกลายเป็นความปรารถนาเร่งด่วนของเย่ว์หยางในตอนนี้
เขามีความคิดอย่างหนึ่ง
ถ้าเขาใช้ปราณจักรพรรดิได้จริงๆ เป็นไปได้ไหมที่เขาจะสามารถเรียกคัมภีร์เทพฤทธิ์ออกมาได้?
ทักษะแฝงเร้นในคัมภีร์เทพฤทธิ์คืออะไร? อสูรพิทักษ์คืออะไร? หลังจากถึงขอบเขตปราณราชันย์แล้วเขาสามารถใช้ทักษะแฝงเร้นและเรียกอสูรพิทักษ์ที่ไม่รู้จักได้ไหม? หรือว่าอสูรพิทักษ์จะเป็นสองพี่น้องหงส์เพลิง?
นอกจากนี้คัมภีร์อัญเชิญที่เขาอัญเชิญได้ในตอนนี้เป็นคัมภีร์ชั้นแพลตตินัมระดับสูงแล้วและใกล้จะกลายเป็นคัมภีร์เพชรเต็มทีแล้ว
เมื่อเขาเพิ่มระดับอยู่ในชั้นปราณราชันย์ได้ คัมภีร์อัญเชิญจะยกระดับเป็นชั้นเพชรหรือคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม?
“ว้าว ว้าว....!” เย่ว์หยางหยุดการฝึกปรือ เขาพบว่าเขาเพิ่งจะห่างจากการบรรลุระดับใหม่เพียงก้าวเดียว แต่แค่เพียงเล็กน้อยแล้วอะไรคือความแตกต่างกันแน่? โอกาสเพื่อบรรลุหรือสภาวะจิตใจกันแน่? ในใจเย่ว์หยางมีลางสังหรณ์ แต่เป็นแรงบันดาลใจแบบไหนเขายังไม่เข้าใจ เขาหยุดฝึกปรือและคิดขณะพัก ข้ายังขาดอะไรอยู่กันแน่?
“ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ!” ถึงเวลานี้เย่ว์หวี่ตื่นแล้วและส่งแก้วน้ำให้เย่ว์หยาง
“หือ?” เย่ว์หยางมองดูแก้วน้ำในมือเขาและตะลึงอยู่นาน ในใจเขามีแรงบันดาลใจผุดขึ้นมาคล้ายกับสองสามวันก่อนแต่เขายังไม่เข้าใจ
“นี่เตรียมจะบรรลุระดับพลังใหม่ใช่ไหม?” เย่ว์หวี่เห็นประกายผ่องใสบนใบหน้าของเย่ว์หยางเหมือนกับว่าเขามีโอกาสจะบรรลุระดับใหม่ แต่ไม่สามารถบรรลุได้ นางเห็นเขาจ้องเหม่อมองแก้วในมองของเขาลืมแม้กระทั่งการกินน้ำ ในใจนางรู้สึกว่านางสามารถช่วยเขาได้ด้วยสัญชาตญาณสตรีทันที นางปลุกปลอบวิญญาณและดึงมือเย่ว์หยาง “เจ้าจำได้ไหมเมื่อเจ้าช่วยข้ายกระดับน้ำตกวารีเหินและเมื่อมันยกระดับขึ้นก็กลายเป็นคลื่นพิโรธ? ข้ารู้สึกว่าอาจช่วยในด้านพลังหยินธาตุน้ำจากคลื่นพิโรธระดับทองได้ยกระดับเป็นสึนามิระดับแพลตตินัม”
นางไม่พูดว่านางจะช่วยเย่ว์หยางด้วยการบรรลุระดับใหม่ของนาง แต่นางขอให้เย่ว์หยางช่วยยกระดับอสูรพิทักษ์ของนาง
กล่าวอีกนัยหนึ่งนางไม่ต้องการทำเช่นนั้น
แต่ตราบเท่าที่นางสามารถให้ความช่วยเหลือเขาอย่างเงียบๆนั่นเป็นความปรารถนายิ่งใหญ่ของนางแล้ว
หลังจากเย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้ตาของเขาเป็นประกาย พลังหยินในธาตุน้ำ ใช่แล้วถ้าเขาสามารถใช้พลังหยินในธาตุน้ำฝึกพลังเสริมต่างๆได้เขาจะสามารถบรรลุระดับใหม่ได้แน่นอน พลังหยางของเขาเองแข็งแกร่งมากจนแม้แต่เพลิงสนธยาก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้ ถ้าเพลิงสนธยาเป็นเหมือนกับบัวเพลิงสวรรค์และเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ อย่างนั้นเขาก็สามารถบรรลุปราณก่อกำเนิดระดับสิบได้อย่างแน่นอน
เย่ว์หวี่ยิ้มให้กับอาการประหลาดใจของเย่ว์หยาง “กลับไปฝึกที่ทะเลสาบกันเถอะ ในส่วนลึกของทะเลสาบเราสามารถยืมพลังของทะเลสาบและพลังหยินในธาตุน้ำอสูรคลื่นพิโรธชั้นทองให้เป็นสึนามิได้”
เย่ว์หยางกระโดดขึ้นและกอดนางอย่างตื่นเต้น “ท่านคือดาวนำโชคของข้าจริงๆ เรื่องนี้ข้าเพิ่งคิดได้ พักก่อน ต้องเป็นพลังหยินในธาตุน้ำแน่นอน!
“วางข้าลง!”เย่ว์หยางอายและรีบตะโกนห้ามเขา แต่เย่ว์หยางดีใจจนลืมทุกอย่าง
เขาอุ้มนาง
และพุ่งข้ามขอบฟ้าไปเหมือนดาวตก
เขากลับไปที่ทะเลสาบที่เขากับเย่ว์หวี่ฝึกปรืออสูรคลื่นพิโรธด้วยกัน
ตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว ดวงจันทร์แขวนตัวในนภาเหมือนเกี่ยวห้อยดวงดาวไว้ด้วย เย่ว์หยางเหมือนกับอุกกาบาตพุ่งลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่ที่ผิวทะเลสาบอย่างเงียบสงบไม่มีคลื่นบนผิวทะเลสาบเย่ว์หวี่มองดูเขาและรู้สึกอายน้อยก่อนที่นางจะกางปีกของนางฟ้าแสงอรุณนางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดเขาอย่างสุภาพ หน้าของนางอ่อนโยน ขณะที่นางก้าวอยู่บนผิวทะเลสาบเหมือนกับนางฟ้ารับสายลม
ผิวทะเลสาบบุ๋มลงเล็กน้อยแต่ไม่ก่อนให้เกิดระลอกคลื่น
เย่ว์หวี่ลอบถ่ายพลังธาตุลงในน้ำหัวใจนางเต้นแรง ขณะกุมมือเขานางหลับตาและเริ่มทำสมาธิ เมื่อกระแสพลังไหลออกมาจากนิ้วของนาง นางเข้าสู่อาณาจักรใจที่บริสุทธิ์ร่างของนางค่อยๆ เลื่อนลงน้ำ พร้อมกับเขา เขาหลอมรวมพลังเข้ากับทะเลสาบที่งดงาม
นางเชื่อว่าเมื่อนางออกมาที่ทะเลสาบพร้อมกับเขาอีกครั้งเขาจะได้บรรลุพลังระดับใหม่
นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางอาจช่วยเขาได้!
ทั้งหมดมีความหมายต่อชีวิตนาง
สามารถช่วยเหลือเขาได้แม้แต่เพียงส่วนน้อยบางทีพลังธาตุน้ำอาจช่วยให้เขาได้บรรลุระดับใหม่ได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว