ตอนที่ 19-45 เตรียมจัดการ
ประมุขตระกูลออกุสตาขมวดคิ้ว เขายืนนิ่งอยู่บนระเบียงหันไปมองทะเลก็อดโกล เขายังคงเงียบ
“ท่านประมุข” มอนเตโลรีบกล่าว แต่ออกุสตาไม่เห็นด้วย มอนเตโลรู้..ว่าประมุขตระกูลพิจารณาหลายอย่างด้วยความระมัดระวัง ดังนั้นเขาไม่เร่งรัดอีกต่อไป ในความคิดของเขา เขารู้สึกตื่นกลัว “ด้วยอารมณ์ของท่านประมุขตระกูล เป็นไปได้ว่าท่านประมุขตระกูลจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าจะขอให้ใครฆ่าหนูกินเทพและอีกคนหนึ่งเล่า?”
“ไม่, ข้าต้องฆ่าเจ้าสองคนนั่นให้ได้” มอนเตโลไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาจะทำ
แม้ว่ามอนเตโลเป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูลออกุสตา แต่เขาไม่มีความสัมพันธ์ที่สำคัญกับเทพชั้นสูงพารากอน
เป็นเรื่องยากมากที่จะล้างแค้นหลังจากถูกฆ่าในสมรภูมิมหาพิภพ ที่สำคัญผู้บัญชาการที่สามารถฆ่าผู้บัญชาการอื่นในสมรภูมิมหาพิภพล้วนทรงพลังทั้งนั้น มีเพียงพารากอนเท่านั้นที่จะฆ่าพวกเขาได้อย่างแน่นอน
มีเทพพารากอนอยู่น้อยคนมากและพวกเขาแยกย้ายกระจายอยู่ในพิภพต่างๆ เทพชั้นสูงพารากอนบางคนก็ซ่อนตัวอยู่ในโลกธาตุธรรมดา ขณะที่เทพพารากอนอื่นปลีกสันโดษในที่อื่น จะเชิญเทพพารากอนได้นั้นเป็นงานที่ยากเย็นแสนเข็น
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นแบบเอลฟ์อ็อคคลัวที่มีพารากอนติดค้างหนี้เขา
อย่าว่าแต่มอนเตโลเลย แม้แต่ประมุขตระกูลออกุสตาตระกูลอันดับหนึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเชื้อเชิญเทพพารากอนได้
“อธิบายรายละเอียดพลังของหน่วยรีสเจมซิ” ประมุขตระกูลออกุสตายังคงทอดสายตามองทะเลก็อดโกลขณะที่พูดอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ”
มอนเตโลดีใจ เขารีบกล่าว “หน่วยของพวกเขามีกันสี่คน รีสเจม ยอดฝีมือคนสนิทชื่อเรย์โฮมเด็กหนุ่มเผ่ามังกรฟ้า และหนูกินเทพตัวนั้น! ในบรรดาคนทั้งสี่รีสเจมแข็งแกร่งที่สุด แต่แน่นอนว่าหนูกินเทพก็น่ากลัวเช่นกัน ทักษะเทพธรรมชาตินั้นน่ากลัวเกินไป”
“เหรอ...” ประมุขตระกูลออกุสตินหันควั่บทันทีจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่น่ากลัว “ยอดฝีมือนั่นพลังใกล้โอมานไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขาหรือ?”
“โอมานก็เพียงพอจะจัดการเขาได้” มอนเตโลพูดด้วยความมั่นใจ
ถ้าโอมานสู้กับเรย์โฮม แน่นอนว่าโอมานมีอาวุธมหาเทพ เขาย่อมตอบโต้เรย์โฮมได้...แม้ว่าการต่อสู้จะยากเย็นก็ตาม แต่โอมานก็คงฆ่าเรย์โฮมได้
“แต่การฆ่าเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้าและหนูกินเทพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ประมุขตระกูลออกุสตาส่ายศีรษะเล็กน้อย ความจริงเขาค่อนข้างลังเลว่าจะส่งกองกำลังไปหรือไม่ ลูอี้และโชวีย์ก็ไม่ใช่คนของตระกูลออกุสตาโดยตรง แม้ว่าพวกเขาจะตายไป พลังอำนาจของตระกูลก็ไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก
ถ้าทูตมหาเทพแพ้ มหาเทพสามารถรับอีกคนหนึ่งได้
มอนเตโลลนลาน เขารีบกล่าว “ถ้าพวกเขาแค่ฆ่าข้านั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ครั้งนี้พวกเขาฆ่าเราไปสี่คน และท่านประมุขตระกูลท่านก็รู้ว่ารีสเจมเป็นยังไง เขาเป็นพวกที่ชอบสร้างปัญหาก่อเรื่อง เขามีปัญหากับตระกูลของเรามานานแล้ว ตอนนี้พอเขาได้รับชัยชนะ เขาจะต้องไปโอ้อวดกับทุกคนแน่นอน ถ้าตระกูลของเราไม่สนองตอบแม้แต่น้อย อย่างนั้น....”
ประมุขตระกูลออกุสตาขมวดคิ้ว จุดสีแดงเพลิงที่หน้าผากของเขาดูเหมือนกับเปล่งแสง
ประมุขตระกูลออกุสตาออกคำสั่งทันที “มอนเตโล, ไปเรียกโอมานมา พร้อมกันนั้นส่งคนไปเชิญเชกวินมาด้วย”
แม้ว่าร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดของโอมานจะอยู่ในสมรภูมิมหาพิภพ แต่เขายังคงทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งไว้ที่ตระกูล สำหรับเชกวิน เขาอาศัยอยู่ในทะเลก็อดโกล เขายังเป็นทูตของประมุขมหาเทพแห่งแสงและสนิทกับตระกูลออกุสตามาก
“ขอรับ” มอนเตโลอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้
“ดูเหมือนจะมีความหวังบ้าง” มอนเตโลตื่นเต้นเหลือเชื่อ แม้ว่าเขาจะไม่รู้สิ่งที่ประมุขตระกูลกำลังเตรียมการ เนื่องจากเขาสอบถามเกี่ยวกับกำลังของหน่วยรีสเจม มอนเตโลเชื่อว่าประมุขตระกูลจะส่งหน่วยทีมงานที่ประสบความสำเร็จไปแน่นอน
ไม่โจมตีก็แล้วไป แต่ถ้าพวกเขาโจมตี พวกเขาจะต้องประสบผลสำเร็จ
สมรภูมิมหาพิภพยังคงรกร้างเหมือนเคย
“ควั่บบ” สายลมหนาวหวีดหวิวและทรายปลิวฟุ้งไปทั่วบริเวณ มีสองร่างเดินเคียงไหล่คู่กันเมื่อระยะใกล้เข้ามา จะเห็นได้ว่าคนหนึ่งไว้ผมสั้นสีขาว สวมชุดทองใบหน้าแข็งกระด้าง นี่คือผู้รอดตายคนเดียวในการต่อสู้ก่อนนั้น โอมาน
ข้างโอมานเป็นบุรุษร่างสูงโปร่งชุดเขียว ดวงตาที่สามอยู่ที่หน้าผากยังคงปิดอยู่ คนผู้นี้คือเชกวิน
“ประมุขตระกูลรักและตามใจมอนเตโลจริงๆ ความจริงเขาตั้งใจจะแก้แค้นเรื่องนี้”โอมานแค่นเสียง “และเขายังเชิญให้เราทั้งสองมาทำงานด้วยกัน”
เชกวินหัวเราะอย่างเยือกเย็นซึ่งดูเหมือนน่ากลัวมาก “โอมานประมุขตระกูลก็เป็นลูกรักที่สุดของประมุขมหาเทพ ประมุขตระกูลขอให้ข้ามาเป็นการส่วนตัวเอง แล้วข้าจะไม่เห็นแก่หน้าของเขาได้ยังไง? แต่โอมาน...สำหรับกลุ่มรีสเจมทั้งสี่คนที่ฆ่าพวกเจ้าทั้งสี่คนไปได้ ก็หมายความว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน”
“ข้าบอกเจ้าก็ได้ คนเดียวที่ยากจะจัดการได้ก็คือหนูกินเทพนั่น” โอมานพูดอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง
ถ้าผลของการต่อสู้กระจายออกไป จะส่งผลต่อเชื่อเสียงของโอมานด้วยเช่นกัน
“แต่ครั้งนี้ เขามั่นใจในชัยชนะจริงๆ” โอมานยิ้ม
“ไม่จำเป็น เว้นแต่คนผู้นั้นเห็นด้วย” เชกวินส่ายศีรษะ “เขาไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย”
“ถ้าเขาไม่เห็นด้วย อย่างนั้นสองเราเพียงลำพังคงจะหาทางค่อนข้างยาก” โอมานมองดูข้างหน้า
ขณะที่พูดคุยกันทั้งสองคนมาถึงที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ทหารของค่ายมองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง โดยทั่วไปมีแต่เพียงสุดยอดฝีมือจึงจะกล้าเที่ยวไปในสมรภูมิมหาพิภพอย่างนี้ โอมานพูดทันที “ไปรายงานผู้บัญชาการของเจ้า บอกว่าข้า, โอมานมาเยี่ยมคำนับเขา”
“ใต้เท้า! โปรดรอสักครู่” หนึ่งในทหารคำนับเล็กน้อย จากนั้นถอยเข้าไปรายงานข้างใน
ครู่ต่อมา...
“ท่านทั้งสอง, ท่านผู้บัญชาการของเราขอเชิญท่านเข้ามา” ทหารรายงาน
โอมานและเชกวินยิ้มขณะที่พวกเขาเดินเคียงไหล่เข้าไป พวกเขามาถึงลานโล่งว่างไม่ได้ตกแต่งที่ดูเก่าแก่ ตอนนี้ที่ประตูลานมีบุรุษหนุ่มรูปงามผมทองคนหนึ่งยืนอยู่ บุรุษหนุ่มผมทองมองดูโอมานและเชกวิน จากนั้นเริ่มหัวเราะทันที “โอมาน, อ่า..ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าท่านเชกวินก็มาด้วยเช่นกัน ยากนักที่ท่านทั้งสองจะมาเยี่ยมเยือนข้าได้ เชิญเข้ามา เชิญ!”
โอมานเดินเข้ามาและพูดเสียงเบา “แรมสัน!ท่านแมกนัสอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
“เขาน่ะหรือ” บุรุษหนุ่มผมทองตะลึง “ท่านมาเพื่อพบเขาหรือ?”
“ใช่แล้ว” โอมานพยักหน้าเบาๆ
ขณะนั้นเอง เสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากภายใน “โอมาน เชกวินในเมื่อเจ้าทั้งสองมาพบข้าก็เข้ามาเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้พบเจ้าทั้งสองมานานแล้วเหมือนกัน”
โอมานและเชกวินไม่ลังเลอีกต่อไปเดินตามบุรุษหนุ่มผมทองเข้าไปทันที
ภายในลานว่างมีโต๊ะหินและเก้าอี้หินสีดำมีบุรุษคนหนึ่งกำลังพลิกดูหนังสือเล่มหนา บุรุษผู้นี้มีผมสีเงินยาวตรงจนถึงเอว เขามีผิวขาวใสเหมือนแก้วผลึกและใบหน้าของเขาสะอาดสะอ้านไม่มีริ้วรอย
ที่ด้านหน้าคิ้วสีเงินยาวจรดหู
“ท่านแม็กนัส” โอมานและเชกวินคำนับเล็กน้อย
แม็กนัสวางหนังสือลงบนโต๊ะ จากนั้นหัวเราะพลางปรายตาให้พวกเขา “เชิญนั่ง”
โอมานและเชกวินนั่งลงทั้งคู่ พวกเขามองหน้ากันเองโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองมีความรู้สึกถึงแรงกดดัน แม็กนัสผู้นี้ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาเป็นสุดยอดฝีมือของแดนสวรรค์อย่างแท้จริง โลกภายนอกเล่าลือกันว่าแม็กนัสน่าจะเป็นพารากอน แต่โอมานและเชกวินรู้จริงๆว่าแท้ที่จริงแล้ว...
แม็กนัสเป็นเทพพารากอน
ในฐานะเทพพารากอนผู้ฝึกฝนในวิถีชะตาอาจกล่าวได้ว่าความเชี่ยวชาญในเรื่องวิญญาณของแม็กนัสสูงที่สุดในหมู่เทพชั้นสูง
“ดูเหมือนว่าเจ้าทั้งสองคนมีเรื่องที่ต้องการพูดคุยปรึกษา แต่ยากตกลงใจได้” แม็กนัสหัวเราะอย่างใจเย็น
เชกวินสูดหายใจลึก “ท่านแม็กนัส ให้ข้าอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านฟังก่อน ไม่นานมานี้รีสเจมพาหน่วยเล็กๆของเขาซึ่งอยู่ในสมรภูมิมหาพิภพประหารฆ่าหน่วยที่มีมอนเตโลเป็นผู้นำ สมาชิกสี่คนตาย เหลือแต่เพียงโอมานที่รอดมาได้”
“น่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?” แม็กนัสค่อนข้างประหลาดใจ เขาอดมองโอมานอย่างช่วยไม่ได้
โอมานพูดอย่างอึดอัด “หน่วยของพวกเขามีหนูกินเทพ”
ตอนนี้แม็กนัสเข้าใจแล้ว และบุรุษหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะทันที “ข้าได้ยินเรื่องหนูกินเทพนี้มานานแล้ว งั้นเขาก็เป็นคนของหน่วยรีสเจม หน่วยของมอนเตโลเสียคนไปสี่คน มีเพียงโอมานที่หลบออกมาได้หรือ? อย่างนั้นมอนเตโลเองก็ตายด้วยใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” โอมานพยักหน้า
“เป็นท่านประมุขโกลด์แมนที่เชิญเจ้ามาใช่ไหม?” แม็กนัสหัวเราะอย่างใจเย็น
โอมานหัวเราะอย่างจนใจ “ท่านแม็กนัส ท่านคาดเดาทุกอย่างได้หมด เราจะขอพูดอย่างตรงไปตรงมา ความจริงท่านประมุขขอให้เรามาเชิญท่านให้ช่วยเรา ที่สำคัญ... มีคนอยู่ไม่มากนักในสมรภูมิมหาพิภพที่จะยอมฟังตระกูลออกุสตาและมีน้อยคนยิ่งกว่าที่กล้าจัดการกับรีสเจม”
“โกลด์แมนมีปัญหาทางจิตหรือยังไง? เขาต้องการลงมือกับรีสเจมหรือ?” แม็กนัสอดหงุดหงิดมิได้
มีคนไม่มากนักหรอกที่จะกล้าพูดว่าโกลด์แมนมีปัญหาทางจิต แม็กนัสเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้แม็กนัสและโกลด์แมนมีสัมพันธ์ค่อนข้างสนิทระหว่างกัน ในอดีตเมื่อทั้งสองคนยังอ่อนแอ พวกเขาท่องเที่ยวอยู่ในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน การเชิญพารากอนให้มาช่วยต่อให้มีมหาเทพช่วยหนุนหลังก็ไร้ประโยชน์ สิ่งเดียวที่พึ่งพาอาศัยได้ก็คือมิตรภาพเก่าและหนี้บุญคุณ
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น” โอมานหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ท่านประมุขตระกูลไม่ได้ตั้งใจจะลงมือกับรีสเจม ท่านประมุขตระกูลต้องการจัดการอีกสามคน
“ข้าไม่สามารถฆ่าหนูกินเทพได้” แม็กนัสส่ายศีรษะ
“อะไรนะ, ท่านแม็กนัส ท่านก็กังวลเรื่องเบรุตด้วยหรือ?” โอมานกล่าว
แรมสันบุรุษหนุ่มผมทองที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะ “ท่านแม็กนัสไม่ได้กังวลเรื่องนั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนั้นไม่นานท่านไบเออร์มาฆ่าหนูกินเทพนั้นด้วยตัวเอง? เขายังไม่สามารถทำได้ ท่านไบเออร์ได้มาพักและพูดคุยเรื่องนี้ถึงสองสามเดือน”
“ไบเออร์?” โอมานและเชกวินมองหน้ากันเอง
“พลังของหนูกินเทพแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ และเขามีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ มีวิธีเดียวก็คือต้อนเขาเข้าไปในมิติปั่นป่วน มิฉะนั้นก็ไม่มีทางฆ่าเขา” แม็กนัสส่ายศีรษะ “แม้แต่ในมิติปั่นป่วนด้วยพลังป้องกันวัตถุหยาบของเขา เขาก็อาจจะเอาตัวรอดได้ อย่างมากที่สุดเขาจะหลงอยู่ในนั้น ถ้าเบรุตขอให้มหาเทพของเขาช่วยหาเขาในมิติปั่นป่วนก็เป็นไปได้ว่ามหาเทพจะเข้ามาช่วย”
โอมานและเชกวินตอนนี้เข้าใจแล้วว่าหนูกินเทพรับมือได้ยากเพียงไหน
“ถ้าเจ้าต้องการโจมตี เจ้าสามารถฆ่าได้เพียงเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้าและอีกคนหนึ่งเท่านั้น” แม็กนัสหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ท่านแม็กนัส ถ้าท่านลงมือด้วยตนเอง อีกสามคนจะไม่มีปัญหาใดแน่” โอมานรีบกล่าว เชกวินมองดูแม็กนัสอย่างคาดหวังเช่นกัน
แม็กนัสหัวเราะเบาๆ “เจ้าเด็กโกลด์แมนบอกอะไรเจ้า?” แม็กนัสมองดูโอมาน
“เขาบอกว่าถ้าท่านช่วยเขาครั้งนี้ ท่านแม็กนัสเขาจะให้ศิลาเมฆาแปรเปลี่ยนขอรับ” โอมานพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับความหมายของคำพูดประมุขตระกูล แม้ว่าศิลาเมฆาแปรเปลี่ยนจะเป็นของหายากในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่มีค่าต่างอะไรกับสมบัติเทพชั้นสูง
ศิลาเมฆาแปรเปลี่ยนเพียงพอจะขอให้แม็กนัสเข้าแทรกแซงหรือ? ข้อตกลงราคาถูกนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไง?
“เจ้าเด็กโกลด์แมนนั่น...วิเศษมาก” แม็กนัสหัวเราะและลุกขึ้นยืน “อย่างนั้นข้าจะรับทำงานนี้ให้สำเร็จ”
โอมานและเชกวินอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ พวกเขาไม่คาดเลยว่าข้อเสนอนี้จะทำให้แม็กนัสยอมช่วยให้สำเร็จ
“อย่างไรก็ตาม ข้าจะรับผิดชอบเพียงรั้งรีสเจมไว้เจ้าสามารถไปฆ่าอีกสองคน ขณะที่หนูกินเทพ...เจ้าไม่ต้องไปสนใจเขา” แม็กนัสหัวเราะอย่างใจเย็น เชกวินผู้ที่ประมุขตระกูลออกุสตาขอให้มาช่วยเป็นยอดฝีมือที่ไม่กลัวทักษะกินเทพ
ถ้าทั้งสามคนอยู่ด้วยกันก็สามารถจัดการกับกลุ่มของรีสเจมได้ง่าย ความจริงแม็กนัสเองคนเดียวก็เกินพอ
“แรมสัน! ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้” แม็กนัสพูดพลางหัวเราะ
“ข้าจะรอการกลับมาพร้อมชัยชนะของท่าน” บุรุษหนุ่มผมทองหัวเราะ
แม็กนัสพาโอมานและเชกวินออกไปจากค่ายทหารทันที เมื่อเห็นสามคนแยกจากไปบุรุษหนุ่มผมทางถอนหายใจ “คาดไม่ถึงเลยว่าประมุขตระกูลออกุสตาจะสามารถเชิญท่านแม็กนัสได้จริงๆ ดูเหมือนไม่ต้องสงสัยเลยว่าการสู้รบครั้งนี้จะจบลงอย่างไร”